“เมื่อก่อนพวกเราเฝ้ารอโอกาส แต่โอกาสของพวกเราห่างไกลมากขึ้นทุกทีชิงหาน พวกเราจะต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้ว”
สีหน้าจริงจัง หลงเทียนอวี้มิได้ล้อเล่นแต่อย่างใด
เมื่อมองสีหน้าของพี่สามหลงชิงหานรู้สึกเสมือนมวลกระดูกในร่างกายถูกโจมตี
เขามิอาจพูดโน้มน้าวได้อีกต่อไป
เขาหัวเราะให้กับตนเอง สุดท้ายตนก็สู้พี่สามไม่ได้
“ข้าเข้าใจแล้ว พี่สามพูดถูก”
ไท่จื่อมัวเมาในกามตัณหา ฮองเฮาแทรกแซงกิจการบ้านเมือง
หากยังปล่อยให้พวกเขาทำเช่นนี้ต่อไป เขากับพี่สามคงทำได้แค่เพียงนอนรอความตายเท่านั้น
“ดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
หลงชิงหานมองดูพี่สามของตนเอง ก่อนจะส่งยิ้มจนใจออกมา
“ท่านไม่มานอนที่กระโจมของข้าดูหรือเกรงว่าตอนนี้ท่านน่าจะยังกลับไปไม่ได้”
เพียงประโยคนี้ ทำให้หลงเทียนอวี้ทำอะไรไม่ถูก
แน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่ใช่่เวลาที่ดีที่เขาจะกลับไป
“ไปกัน ที่นั่นยังมีเหล้าเหลือหรือไม่?”
ทั้งสองควบม้าออกไป เหลือไว้เพียงองครักษ์เฝ้ากระโจมเท่านั้น
หลินเมิ้งหยาอุ้มลูกเสือหิมะตัวน้อยกลับเข้าไปในกระโจมเพียงแหวกผ้าม่านออก นางได้เห็นสาวใช้ของตนเองกำลังล้อมรอบหญิงสาวบนเตียง
“์โปรด นายหญิงของข้ากลับมาแล้ว”
ทันทีที่ปรากฏตัว ป๋ายซ่าวรีบวิ่งมาต้อนรับ ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
“เป็อะไรไป? พี่เยว่ถิงเป็อะไร?”
หลินเมิ้งหยาส่งลูกเสือตัวน้อยให้กับป๋ายซ่าว และรีบวิ่งไปที่เตียง
แต่กลับได้เห็นพี่เยว่ถิงแหงนหน้ามองดูเพดานนิ่งราวกับคนไร้ชีวิตจิตใจ
แขนขาถูกมัดเอาไว้ด้วยผ้าไหมดังนั้นผิวสีขาวดุจหิมะจึงเริ่มกลายเป็สีแดง
“ใครเป็คนทำ? ใคร?”
“ข้าเอง”
เสียงของชิงหูดังขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อได้ฟังกลับรู้สึกว่าเขามิได้มีท่าทางยียวนดังเดิม
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกถึงสิ่งนั้น กลับกัน ทันทีที่เห็นร่างสีขาวซีดของชิงหูเงื้อมือขึ้นก่อนจะตบลงไป
“เพียะ” เสียงดังขึ้น ทุกคนในกระโจมตกตะลึง
ชิงหูกลับไม่หลบ เขาน้อมรับแรงฟาดจากฝ่ามือของนาง
“ข้าบอกเ้าว่าให้จับตาดูหูลู่หนานเอาไว้ ผลสุดท้ายเป็อย่างไรเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นจนได้หรือเ้าจะบอกข้าว่าต่อให้เห็นคนตายต่อหน้าก็ไม่คิดช่วยเหลือ?”
ความโกรธ พวยพุ่งออกจากสมองของหลินเมิ้งหยา
นางไม่เห็นเลยว่าที่หน้าอกของชิงหูมีคราบเืสีแดงสดปรากฏให้เห็น
“ช้าก่อน นายหญิง ตอนที่เกิดเื่ชิงหูกับข้าช่วยกันต่อกรกับองครักษ์มากมายนับไม่ถ้วนหากมิใช่เพราะชิงหูต่อสู้กับคนเ่าั้ด้วยชีวิตเกรงว่าคนในกระโจมนี้คงไม่มีชีวิตรอดแล้ว”
ป๋ายซูพุ่งตัวเข้ามา ยืนขวางหน้าหลินเมิ้งหยาเอาไว้
เพียงประโยคเดียว ทุกคนจ้องมองชิงหูด้วยสายตาตกตะลึง
“เ้าเด็กน้อย หากยังรู้สึกโกรธแล้วล่ะก็ตบหน้าข้าเพื่อระบายอีกก็ได้ อย่าทำให้ตัวเองต้องเ็ป มันจะไม่ดีต่อร่างกาย”
หากมิใช่เพราะได้รับาเ็ ริมฝีปากของเขาคงไม่ขาวซีดเช่นนี้
หากมิใช่เพราะเขาได้รับาเ็ ตอนที่นางอยู่ในกระโจมของหูลู่หนานชิงหูจะต้องปรากฏตัวออกมาแบกรับความเ็ปของนางอย่างแน่นอน
ทำไม...ทำไมนางมักจะมองข้ามคนที่อยู่ข้างกายของตัวเองเสมอ
หลินเมิ้งหยางอ้อมตัวป๋ายซู โผเข้าหาอ้อมกอดของชิงหู
นางได้ยินเสียงร้องเพราะความเ็ปจากการที่าแถูกกระแทก
“ขอโทษ ทุกคน ข้าขอโทษ”
ภายในอ้อมกอดของชิงหู หลินเมิ้งหยาปล่อยให้น้ำตาของตนเองรินไหล
นางคิดไม่ถึงเลยว่าเื่ราวจะเป็เช่นนี้
“ไอหยา ไอหยา อย่าร้องไห้เ้าไปดูเ้าเด็กที่นอนอยู่บนเตียงนั่นเถอะ ั้แ่ตอนที่เข้ามานางพยายามกัดลิ้นตัวเองตาย อีกทั้งยังพยายามทำร้ายตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว”
ไม่ว่าหลินเมิ้งหยาจะทำกับเขาอย่างไรแต่ชิงหูยังคงปฏิบัติกับนางอย่างอ่อนโยนเสมอ
ลูบไล้เส้นผมสีดำขลับของหลินเมิ้งหยาตบบ่าของนางเพื่อให้นางไปดูอาการเยว่ถิง
เยว่ฉีถูกรับมาอยู่ด้วยกัน นางกำลังกุมมือพี่สาวพร้อมทั้งปาดน้ำตา
“พี่เยว่ถิง ข้ามาแล้ว”
เสียงอ่อนโยนแ่เบา กลัวว่าคนตรงหน้าจะขัดขืน
หลินเมิ้งหยาปาดน้ำตา เผยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ข้ารู้ว่าท่านกำลังร้องไห้ในใจ ข้าเองก็เช่นกัน พี่เยว่ถิงพี่จะทำร้ายตัวเองเพื่อทำให้ศัตรูดีใจกระนั้นหรือ?”
ก่อนหลินเมิ้งหยากลับมา ทุกคนพูดโน้มน้าวนางนับครั้งไม่ถ้วน
ทว่าเยว่ถิงกลับไม่ตอบโต้และเอาแต่ร้องไห้
คนที่นิ่งเงียบตลอดเวลาอย่างเยว่ถิงหลังจากได้เห็นหน้าหลินเมิ้งหยาแล้ว หยาดน้ำตาพลันไหลออกมาไม่ขาดสาย
“พวกเราออกไปกันก่อนเถอะปล่อยให้นายหญิงพูดคุยกับคุณหนูตามลำพังจะดีกว่า”
เหตุเพราะเสียงเอะอะโวยวายทางด้านนอก ดังนั้นทุกคนจึงรู้เื่ทั้งหมดแล้ว
พวกนางล้วนเป็หญิงป๋ายจีซึ่งเป็ผู้ใหญ่ที่สุดในบรรดาสาวใช้รู้ดีว่าพรหมจรรย์หมายถึงอะไร
ป๋ายจีถอนหายใจ และปิดผ้าม่านลงเป็คนสุดท้าย ทุกคนรวมถึงเยว่ฉีคุ้มกันอยู่หน้าประตู
ภายในห้องจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและเยว่ถิงที่ถูกมัดอยู่บนเตียง
“ข้าคิดว่าข้าจะสามารถอยู่กับพี่หนานเซิงไปได้ตลอดชีวิตไม่คิดหวังยกถาดเสมอคิ้ว1 หวังก็แต่เพียงขอให้มีชีวิตยืนยาวสักนิดได้ดูแลกันและกันไปจนแก่เฒ่า ทว่าตอนนี้มันมิอาจเป็เช่นนั้นได้อีกแล้ว”
หยาดน้ำตารินไหลไม่ขาดสาย
ภาพแห่งฝันร้ายยังคงหลอกหลอน
หญิงสาวทุกคนล้วนอยากเติมเต็มความ้าของสามีให้สมบูรณ์ทว่าตอนนี้มันกลับถูกทำร้ายไปจนหมดสิ้นแล้ว
“ไม่ พี่ชายของข้าไม่มีทางรังเกียจท่าน พี่เยว่ถิงใสซื่อบริสุทธิ์จิตใจโอบอ้อมอารี พี่คือผู้หญิงที่เหมาะสมกับพี่ชายที่สุด”
หลินหนานเซิงชอบเยว่ถิงมาก แม้เขาจะไม่พูดออกมา แต่หลินเมิ้งหยาก็ััได้
มิเช่นนั้น พี่ชายคงไม่รบกวนให้พี่เยว่ถิงดูแลนาง
“ข้ารู้ ข้ารู้ดี ข้ารู้ว่าพี่หนานเซิงไม่มีทางรังเกียจข้าเขาเป็คนดี อบอุ่นอ่อนโยน แต่ข้าจะทำให้เขาอับอายไม่ได้ เ้าเข้าใจหรือไม่?”
ใบหน้าขาวซีดเสมือนคนป่วยทางจิต
ความรู้สึกตลอดระยะเวลาสิบปี ั้แ่เด็กจนโต ยังคงหวานซึ้งเสมอมา
ยิ่งความทรงจำหวานซึ้งน่าจดจำมากเท่าไรมันยิ่งทรมานมากขึ้นเท่านั้น
“วางใจเถิด ข้าจะขอให้ท่านอ๋องช่วยปิดเื่นี้เอาไว้”
ถึงอย่างไรตอนนี้สกุลหลินก็จับมือกับท่านอ๋องอวี้แล้วไม่ว่าเื่ข้างในจะเป็อย่างไร แต่จะปล่อยให้คนภายนอกรู้ไม่ได้
ขอเพียงไม่มีใครพูดเช่นนั้นพวกเขาจะทำเหมือนเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น
“เสี่ยวหยา เ้ายังคงน่ารักใสซื่อเหมือนเมื่อก่อน”
เยว่ถิงหัวเราะขมขื่นพลางส่ายหน้าเื่นี้ไม่มีทางง่ายดายเช่นนั้น
“แม้คนอื่นจะไม่พูด แต่ใช่ว่าข้าจะลืมมัน เสี่ยวหยาคนพวกนั้นเคยต่อสู้กับพี่หนานเซิงมาก่อน ตอนที่พวกเขาย่ำยีข้า มันไม่ต่างอะไรจากการเหยียบย่ำพี่หนานเซิงเลยข้า...ไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาเหยียบย่ำพี่หนานเซิง”
สำหรับเยว่ถิง พี่ชายเปรียบเสมือนวีรบุรุษ เขาคือทั้งหมดของนาง
ดังนั้น นางจึงยึดมั่นเช่นนี้
“ได้ ได้ ได้ ถือว่าไม่แต่งกับพี่ชายข้าแล้ว แต่พี่เยว่ถิงท่านจะตายไปเช่นนี้ไม่ได้ ท่านจะต้องรอดูวันที่ข้าแก้แค้นให้กับท่านท่านต้องดูวันที่คนเ่าั้ต้องชดใช้ เข้าใจหรือไม่?”
หากความรักคือตายจากไปเช่นนั้นจงใช้ความแค้นเป็เครื่องช่วยหายใจทำให้ยังอยากมีชีวิตอยู่เถิด
หลินเมิ้งหยากำมือของเยว่ถิงแน่น เสียงสั่นเครือ
เพราะอะไรกันเหตุใดเื่เลวร้ายเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นกับคนบริสุทธิ์อย่างเยว่ถิง?
“แก้แค้น? เสี่ยวหยา รับปากกับข้าอย่าแก้แค้นแทนข้า ได้หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาทุกข์ทรมานมานานมากแล้วนางจะปล่อยให้หลินเมิ้งหยาต้องแบกความทุกข์อีกได้อย่างไร
“พี่เยว่ถิง ข้า...”
“ข้ารู้ เ้ามิใช่หลินเมิ้งหยาคนก่อนแล้ว ใช่หรือไม่?”
คำพูดของเยว่ถิง ทำให้หลินเมิ้งหยาตกตะลึง
ยอมรับ? แต่มิอาจอธิบายได้ ไม่ยอมรับเกรงว่าจะไม่ได้รับความเชื่อใจ
“อันที่จริง เ้ามิได้เปลี่ยนไป สมัยยังเด็ก เ้าเป็คนฉลาดแม้ต่อมาเ้าจะกลายเป็สติฟั่นเฟือนโดยไร้สาเหตุ แต่ข้าเชื่อเสมอว่าเ้ายังเป็หลินเมิ้งหยาในความทรงจำของข้า”
หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรนางยังไม่อาจหาวิธีรับมือกับเื่นี้ได้
“พี่เยว่ถิง ท่านอย่าไปจากข้าได้หรือ?”
พอมาถึงตอนนี้ หลินเมิ้งหยาเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกลัวการจากลามากขนาดไหน
นางกลัวสูญเสียความสวยงามในชีวิตตอนนี้ไปกลัวว่าจะต้องสูญเสียคนที่ตนเองให้ความสำคัญ
กุมมือเย็นเฉียบของเยว่ถิงไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่นางจะรู้สึกกระวนกระวายเหมือนอย่างตอนนี้
เยว่ถิงไม่พูดอะไรอีก ดวงตาเงยขึ้นจ้องมองเพดาน นอนบนเตียงนิ่งไม่ส่งเสียงใดๆ
หลินเมิ้งหยานั่งลงข้างเตียง เฝ้าเยว่ถิงตลอดทั้งคืน
ความเ็ปที่กำลังแล่นพล่านทำให้หลินเมิ้งหยาไม่อาจข่มตานอนได้
หลินเมิ้งหยารู้สึกชาที่ขา ััได้ถึงอะไรบางอย่าง ก้มหน้าลงแต่นางได้เห็นอาเสวี่ยกำลังหนุนขาของนาง
บนร่างถูกคลุมด้วยผ้าขนแกะ พี่เยว่ถิงยังคงหลับสนิทใครกันนะที่เอาใจใส่นางถึงเพียงนี้?
อุ้มอาเสวี่ยออกมานอกกระโจม ตอนนี้ยังเช้า นอกจากองครักษ์แล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นอีก
หลินเมิ้งหยาอุ้มอาเสวี่ยไปทางห้องของสาวใช้ทั้งสี่
ทุกคนกำลังนอนหลับ ค่อยๆ ย่อง อุ้มอาเสวี่ยออกมายังทุ่งหญ้าข้างที่พัก
เช้าตรู่ในฤดูใบไม้ร่วงมีความเย็นบ้างเล็กน้อย
แม้อาเสวี่ยจะยังเด็ก แต่ร่างกายของมันอบอุ่น
หลินเมิ้งหยากอดอาเสวี่ยแน่น นั่งลงบนพื้นหญ้า สายตาทอดยาวจ้องมองพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า
“ใส่เพียงเสื้อตัวเดียว ไม่กลัวจะเป็หวัดหรืออย่างไร?”
เมื่อเสียงดังขึ้น เสื้อคลุมสีขาวตัวยาวตกลงบนร่างของนาง
“าแของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
เสื้อคลุมตัวยาวยังคงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของชิงหูติดอยู่ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่ใส่ใจ
“วางใจเถิด เ้ารู้ดีว่าข้าเป็ใคร แค่าแเล็กน้อยอีกไม่นานก็หาย”
ใบหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจสมดุลดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับาเ็ร้ายแรง
หลินเมิ้งหยากอดอาเสวี่ยเป็ครั้งแรกที่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรกับชิงหู
หมายเหตุ
ยกถาดเสมอคิ้ว1 หมายถึงความรักของสามีภรรยาที่มีให้กัน
