ในที่สุด”
เฟนริลพยักหน้าเข้าใจ
‘ไม่ธรรมดาเลยสำหรับผู้หญิงคนเดียวในฝันร้าย’ เขาประทับใจนาเดียมาก เธอรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรเสี่ยง ควรบุก
เธอลองมาหลายครั้ง และอาจผิดพลาดหลายอย่างแต่ก็ดีที่ได้ทำ หากเป็เขา เขาคงได้ทำแย่กว่านี้
เว้นแต่ตนจะมีหนังสือสีดำไม่งั้นก็บอกลาโลกได้เลยหากไม่เจอเบาะแสดี ๆ
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์ และคุยกับเธอมากขึ้นจนกระทั่งใกล้ถึงสัญลักษณ์ที่สอง มันมีลักษณะเป็รากไม้รวมกัน สูงเสียดฟ้าสีดำ
ชายหนุ่มดึงดาบกรีดข้อมือ และฝ่ามือขวาจนเืไหล แม้ในหนังสือสีดำไม่ได้บอกว่าต้องทำก่อนเข้าไปแต่เขาเผื่อเอาไว้
เฟนริลรู้ว่าแอนนาจะโดนควบคุมแต่ไม่รู้มีเงื่อนไขอะไร หากการกรีดเืสามารถทำให้ต้นไซเปรสบอกว่ามันคือการทรมาน และแอนนาคือความตาย
การจับคู่ครั้งนี้ พวกเราสองฝ่ายคือพวกเดียวกัน ดังนั้นผีสางภายในจะต้องไม่ทำอะไร
“จับมือฉันไว้”
แอนนาดูเป็ห่วงเขา
“ไม่เจ็บใช่ไหมคะ?” เขาส่ายหน้า
‘โคตรปวดร้าวเลยต่างหาก’
เฟนริลพยายามคุมสีหน้า ‘เก๊กเข้าไว้ ไม่เสียหายอะไร…’ชายหนุ่มมองเืไหลก็รู้เลยว่าปริมาณนี้มากพอจะเป็นมกล่องในหนึ่งนาที
นั่นหมายความว่าเขามีเวลาเฉลี่ยอยู่ที่สิบนาทีก่อนเกิดอาการช็อก และเสียชีวิตในกรณีที่กางเขนไม่ทำงาน
เฟนริลให้แอนนาถือตะเกียงน้ำมัน ใช้มือซ้ายเก็บเืไปลูบกางเขนแน่นอนว่าไม่มีผลอะไร
‘…ดีกว่าไม่ได้ลอง’
เมื่อทั้งคู่เข้าสู่ระยะร้อยเมตรห่างจากต้นไซเปรส บรรยากาศรอบด้านก็หนาวเย็นฉับพลัน เฟนริลรู้สึกเหมือนโดนตรวจสอบจนร่างกายมึนงงไปครู่หนึ่งก่อนจะพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาเห็นแสงสลัวจากดวงดาวส่องรอบทิศแ่บางพบว่ามีผีสางนับไม่ถ้วนในชุดสีต่าง ๆ หลับใหลไม่เคลื่อนไหว ชายหนุ่มถอนหายใจไม่กล้ายั่วยุเพราะอาจเกิดปัญหา
ขณะเดียวกันแอนนาก็เหลือบมองแฟนหนุ่มด้วยความสงสััย ปกติผีสางทุกตนจะถูกบงการในระยะนี้แต่เขากลับทำบางอย่างโดยให้ความเชื่อมั่นั้แ่ทีแรกว่าทุกอย่างจะโอเค
แน่นอนเธอเชื่อแต่ถึงแบบนั้นก็อดตกตะลึงไม่ได้อยู่ดี…ในเมื่อเฟนริลพึ่งเข้ามาในผืนผ้าใบนี้เป็ครั้งแรก
ต่างจากเธอที่อยู่มานานเกือบสามเดือน แถมมีรุ่นพี่ที่เคยผ่านมาก่อน วิธีการของเฟนริลค่อนข้างตรงจุด ไม่มีข้อผิดพลาด
เธอพยายามหาความเชื่อมโยงระหว่างความปลอดภัยปัจจุบันกับการที่ต้นไซเปรสไม่มองว่าตนเป็ศัตรูก็เหลือบเห็นเืบนฝ่ามือ
เธอเป็คนไม่ฉลาดแต่ก็พอเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับเื แอนนายิ้มร่าเริงประหนึ่งว่าแฟนหนุ่มตนแข็งแกร่งสุด
นาทีเศษผ่านไป เบื้องหน้าเฟนริลตอนนี้เป็โพรงขนาดใหญ่กว้างห้าเมตร สูงสิบเมตร ภายในไร้แสงจากดวงดาวดังนั้นต้องคอยประคองตะเกียงน้ำมันตลอดเวลาไม่ให้ดับ
ฉะนั้นก็การันตีได้ว่าความตายอาจมาถึง ชายหนุ่มเก็บร่มในเป้ เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน
‘ตลอดทางไม่มีเถาวัลย์ปีศาจเป็เพราะฉันกรีดเืและมีแอนนารึเปล่า? ’
แต่ในบันทึกหรือคำพูดของเธอไม่ได้บอกด้วยว่าเถาวัลย์ปีศาจเป็ส่วนหนึ่งของต้นไซเปรสหรือพืชแยกชนิดเขาจึงระวังไว้
เฟนริลชักดาบออกช้า ๆ นึกสบถตนเองที่กรีดเืข้อมือขวานั่นทำให้ตนไม่คุ้นชินกับอาวุธ
เมื่อเขาเข้าสู่โพรงของไซเปรสก็พบว่ามีทางแยกหลายทางอันมืดมิดยากจะบอกความต่าง
“เฮเลนไม่อยู่สินะ…”
เสียงทุ้มคนหนึ่งดังขึ้น เฟนริลหันไปมองแสงไฟจากด้านซ้ายก็พบชายผมทองกำลังถือดาบยาวเล่มหนึ่ง ร่างกายเต็มไปด้วยเืมนุษย์
เฟนริลไม่ได้ตื่นตระหนกเพราะรู้ว่าธีเลียสกำลังหวังพึ่งเฮเลนโดยการส่งคนไปเคลียร์ทางก่อนเพื่อกันไม่ให้กองกำลังหลักเสียหาย อีกฝ่ายพึมพำกับตัวเองเล็กน้อยด้วยความคิด
“แสดงว่าต้นไซเปรสเผาไปก็ไม่มีประโยชน์ ทางออกน่าจะอยู่เนินเขาทิศตะวันตก ส่วนกุญแจน่าจะอยู่กับเธอ นายคงถูกไล่ออกมา ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่”
ธีเลียสขยับร่างเข้าใกล้ก่อนที่สายตาจะเหลือบเห็นผีสาวด้านข้าง อีกฝ่ายฉายแววประหลาดใจเมื่อเห็นทั้งคู่จับมือกัน
คราแรกคิดจะชักชวนแอนนาให้เข้าร่วมแต่เมื่อคิดถึงทางออกของผืนผ้าใบซึ่งอาจมีกำหนดเวลา ธีเลียสก็แสดงเจตนาฆ่าไม่ปกปิด
“พวกนายบังทางฉัน…คงต้องตาย”
เฟนริลเผยยิ้ม
“อย่างแกเนี่ยนะ?"
"ฝันกลางวันอยู่เหรอ?”
ครืน!!! สิ้นคำพูดลมกระโชกจำนวนมากก็ปรากฏ ชายหนุ่มหรี่ตาลงเอาตัวบังตะเกียง วินาทีนั้นผีสาวก็โบกมือแ่เบาส่งคลื่นสายลมเข้าปะทะกัน
บูม! โพรงรากไม้สั่นไหวจากการโจมตี ธีเลียสกัดฟันแน่นพยายามควบคุมพลังพิเศษให้มากสุดเพราะหากตะเกียงตนดับลง ทุกอย่างจะแย่ลงกว่านี้
เฟนริลสังเกตเห็นบางอย่างกำลังเข้าใกล้ดูยั้วเยี้ยกำลังเล็งการโจมตีมาที่ตน ชายหนุ่มตัดสินใจปล่อยมือแอนนาชั่วคราวเพื่อหนี
ฉึก…ปึง! ทันใดนั้นแสงสว่างจากดวงดาวก็หายไปในโลก ิญญาทั้งหมดตื่นขึ้นราวกับถูกปลุกรูปแบบฆาตกรรมบางอย่าง
ก๊าซ! เสียงกรีดร้องมากมาย ดังทั่วต้นไซเปรส เขามองเถาวัลย์ปีศาจที่แอบโจมตีเมื่อกี้ มันมีจำนวนมากกว่าสามสิบรากก็รีบจับมือแอนนาวิ่งหนีทันที
‘เยอะมาก! ถ้าเมื่อกี้ฉันดันทุรังฟันเถาวัลย์อาจตายได้’
ตูม เถาวัลย์พุ่งเข้าหาชายหนุ่ม เฟนริลฟันดาบนับสิบในเวลาอันสั้นเนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ของมันค่อนข้างง่าย ฉัวะ…แอนนาขมวดคิ้วเมื่อเห็นธีเลียสกำลังหนี
เธอดีดนิ้วแ่เบาปรากฏเถาวัลย์สีดำ ปลายแหลมราวกับคมมีดพุ่งเข้าโจมตี ชายผมทองะเิสายลมเพื่อป้องกันตนเองแต่เทคนิคอ่อนแอจนถูกแทงท้องเืสาดกระเซ็น ธีเลียสใช้โอกาสนี้ฟันเถาวัลย์ และวิ่งไปอีกทาง
กรี๊ด! วินาทีนั้นเสียงโหยหวนของผีสางจำนวนมากก็ดังขึ้น พวกมันถาโถมเข้ามาในเขาวงกตเพราะไม่มีแสงจากดวงดาวปิดกั้นอีกต่อไป ส่วนผีที่อยู่ด้านในอยู่แล้วก็เหมือนคลุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม
เฟนริลเอาดาบกรีดเืตัวเองอย่างหนักจนสายตาพร่ามัว หวือ! ทันใดนั้นความอบอุ่นจากเครื่องรางไม้กางเขนก็ทำงาน
เขาััได้ถึงความกระชุ่มกระชวยเปี่ยมไปด้วยพลัง และาแที่ถูกรักษาอย่างรวดเร็วราวกับการรักษาในเกมออนไลน์
เฟนริลไม่รอช้ากลัวทำให้ทุกอย่างแย่ลง เขากรีดเืตนเองอีกครั้งเพื่อไม่ให้ต้นไซเปรสมองว่าตนเป็ศัตรูจนกระทั่งเืเขาไหลมากเกินไปแต่ไม่ส่งผลอะไรนอกจากิัที่ซีดเผือดของตน
‘เห็นแล้ว?’ เขาเห็นหิ่งห้อยจำนวนมากกำลังบินไปยังเส้นทางจำนวนหนึ่ง เ้าตัวก็จับมือแอนนาตามไปทันที
“แอนนา…ปกป้องฉัน!”
หญิงสาวพยักหน้า
“เขตแดนมายา!” บูม! พริบตานั้นเถาวัลย์ทั้งหมดก็ชะงักราวกับหาศัตรูของตนไม่เจอ พวกมันพยายามััการสั่นะเืบนพื้นก่อนจะมุ่งตรงมาหา เฟนริลที่เห็นแบบนั้นก็ตวัดดาบไปข้างหลัง
‘เทคนิคิญญา’ ปัง! คลื่นปริศนากระแทกเถาวัลย์ทั้งหมดจนหยุดการเคลื่อนไหวราวกับถูกทำลายสามัญสำนึก
...นั่นทำให้เฟนริลรู้ได้ทันทีว่าตัวแม่ของมันน่าจะมีความสามารถในการป้อนิญญาลงบนเถาวัลย์แต่ละเส้น แม้เถาวัลย์พวกนี้จะแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับสามแต่จิติญญาไม่แกร่งตามไปด้วย
“ที่รัก! ความเร็วเถาวัลย์แค่ระดับหนึ่งขั้นต่ำ ฉันสามารถช่วยคุณได้”
เฟนริลเผยยิ้ม
“เน้นจิติญญา น่าจะจัดการได้” นางเงยหน้ามองเถาวัลย์จำนวนมากสร้างเป็ตาข่ายด้านหน้า และอีกเกือบครึ่งร้อยเล็งมาที่เฟนริล
“แปรเปลี่ยนิญญา”
กึง!! จู่ ๆ เถาวัลย์ก็โจมตีกันเอง บ้างก็พันกลายเป็เสาจนขยับเขยื้อนไม่ได้รวมถึงตาข่ายด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มเผยสีหน้าใ จังหวะนั้นก็มีเส้นแสงหลุดเข้ามาหวังปลิดชีพชายหนุ่ม
“ระวังค่ะ”
นางจับมือเขา คว้าเอวชายหนุ่มอุ้มเข้าหาตัว ฉึก! เฟนริลมองเถาวัลย์ดังกล่าวที่เฉียดตนเองไปนิดเดียวก็โล่งใจก่อนจะพบว่าตนเองถูกอุ้มโดยมองหน้ากันแบบไม่ปล่อยมือ เขาก็แอบหน้าแดงเล็กน้อย
“ขะ ขอบคุณครับ” แอนนาเผยยิ้ม
“เป็เกียรติมากค่ะ”
เขากลับมาวิ่งได้อีกครั้งจนกระทั่งมาถึงปลายทางจุดหมาย เขาเจอกับม่านพลังบางอย่างราวกับประตูมิติ และหน้าประตูนั้นคือเถาวัลย์สีน้ำเงินที่ตนตามหา เฟนริลรีบหยิบขึ้นมาก่อนจะจุดไฟโยนใส่รากไม้
ฟูม! เสี้ยววินาทีนั้นร่างกายเขาราวกับถูกเผาจนเกิดเป็สีดำ เฟนริลกัดฟันแน่นด้วยความเ็ปขณะที่แอนนาไม่รับผลกระทบดังกล่าวจากโลกวัตถุ ชายหนุ่มเข้าประตูมิติสีฟ้าทันที
บูม!!! จู่ ๆ ก็เกิดะเิครั้งใหญ่กลายเป็ควันฟุ้งไปทั่วพื้นที่ราวกับควันเห็ดจากะเิปรมาณู เปลวเพลิงสีฟ้ากลืนกินต้นไซเปรสไปทั้งหมดอย่างน่าประหลาดใจราวกับว่าหากออกมาช้ากว่านี้แม้แต่นิดเดียวจะถูกฆ่าทันที
เฟนริลตอนนี้ล้มลงกับพื้น เขามองไปยังแดนไกลพบว่าบริเวณที่ตนอยู่คือทิศตะวันตก ใกล้กับเนินเขาที่ดวงดาวสว่างไสวที่สุดอยู่
ครืน! วินาทีนั้นม่านสีดำก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นท้องฟ้าอันเงียบสงบและหมู่ดวงดาวน้อยใหญ่มากมายเหมือนกับตอนแรกที่เข้ามาเพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่มีวังวน การบิดเบี้ยว หรือความผันผวนให้เห็นเลย
กรี๊ด!! เมื่อแสงเข้าใกล้ เฟนริลก็ได้สติเห็นแอนนากรีดร้องด้วยความเ็ป เขารีบหยิบร่มมากางไว้รวมถึงวางตะเกียงลงพื้นเพื่อควบคุมร่มไม่ให้แสงส่องถึงเธอ
ฟู…ขณะนั้น ผิวสีซีดของแอนนาก็เริ่มเปลี่ยนสีพร้อมกับอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แค่ก ๆ ๆ หญิงสาวสำลักออกมาในร่างมนุษย์ ณ ชุดนักศึกษาสีดำ ถุงน่องสีขาว เธอกวาดสายตามองด้วยความมึนงงราวกับว่ามนต์สะกดของไลล่าหายไปแล้ว
แอนนา อายุ 21 ปี
“ฉัน…อยู่ที่ไหน?”
เฟนริลนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะวางร่มลงโดยไม่คิดเผยให่้เห็นสาวงามที่ตนชื่นชอบก่อนหน้านี้ แอนนาสะดุ้งเล็กน้อยกับคนที่อยู่ข้าง ๆ และพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง สีหน้านางก็เปลี่ยนไป
“อ้าก ไม่! ฉันจะตายแล้ว โอ้ย ไหม้แน่นอน ไหม้หมดแล้ว! ฉันกำลังจะตาย ไม่นะ ทำไมโลกโหดร้ายกับฉันแบบนี้ โอ้ววว ตายแน่นอน ซี้แงแก๋ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์”
เฟนริลทำหน้าเบื่อโลกประมาณว่าน่าจะถูกสะกดจิตอีกสิบปีเขาก็ไม่ว่าอะไร ชายหนุ่มตั้งสติเล็กน้อยกระชับดาบแน่นเล็งไปที่แอนนา
“เธอมีความสุขรึเปล่า?” เธอเงยหน้ามองก่อนที่สายตาจะแข็งทื่อแวบหนึ่งพลางพยักหน้า
“ใช่! ใช่เลย! ฉันว่าที่นี้ก็ไม่ได้แย่นะ ทำไมเราไม่มาฆ่ากันจะได้อยู่ที่นี้ตลอดไปละ!” เฟนริลครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
“ถูก! กลับโลกเดิมไม่ได้ดีขึ้นเลย ที่นี่ดีกว่าเยอะ”
ฉัวะ! จู่ ๆ ดาบน้ำแข็งก็แทงทะลุท้องชายหนุ่ม เฟนริลพ่นเืออกมาแต่สีหน้าก็ยังยิ้มตามปกติ ขณะที่ความแข็งแกร่งของแอนนากลับมาเป็ระดับสี่อีกครั้ง
ครืน! วินาทีนั้นความอบอุ่นจากไม้กางเขนก็ปรากฏ เฟนริลรีบกระชากดาบออกพร้อมาแถูกสมานกลับดั่งเดิม
‘ไม่ดี!! สัญลักษณ์แห่งความสุขจากการพลิกกลับของต้นไซเปรส?’ มันพยายามทำให้ทุกคนตายเพราะความสุขที่ได้ฆ่ากันจากผืนผ้าใบ?
เฟนริลรู้สึกหนาว ทันใดนั้นแอนนาก็ดีดนิ้ว ปรากฏหอกน้ำแข็งนับสิบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอทรงพลังกว่าเขามากจนสามารถโบกมือก็ตายได้
“แอนนาตั้งสติ!! เราจะตายกันหมด! มันพยายามหลอกเรา!” เธอหัวเราะ
“ดีจะตาย อยู่ที่นี้มีความสุขออก ฉันชอบนายจะตายไป” เฟนริลกระชับดาบแน่นปรากฏคลื่นพลังรอบอาวุธ
‘เทคนิคิญญา’ เขาฟันดาบออกไป ปัง! หญิงสาวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิ้วหงุดหงิดราวกับไม่มีความสุขนั่นทำให้ชายหนุ่มเผยยิ้ม
เขามั่นใจว่าหากโจมตีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะสามารถดึงสติของแอนนาได้แน่นอน พึบ! ทันใดนั้นเขาก็ถูกยกเหนือพื้น
หญิงสาวบีบคอเขาแน่นจนเส้นเืปูดนูนที่คอชายหนุ่มทั้งหมด แค่ก! เฟนริลขาดอากาศขาเริ่มเหวี่ยงพยายามดิ้นรน
“อะ..แอนนา..อั่ก!..ตั้ง..สติ..ความสุข..ของปลอม..”
เขาเปิดใช้เทคนิคิญญาอย่างต่อเนื่องจนนางเซไปเซมาแต่ไม่รับผลกระทบอะไรมากนัก ขณะที่เขาจะหมดสติ ไม้กางเขนก็ทำงานอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นราวกับมีลมหายใจในปอด
‘อุปกรณ์เวรนี้เหมือนเครื่องทรมานเลย’ เขาพยายามจะฟันเธอแต่พบว่าดาบได้หล่นลงไปแล้ว
“ฉันรักนายนะ”
เธอขยับหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจูบ
ชายหนุ่มพูดขึ้น
“ฉัน..อั่ก..ไม่จูบ..กับคน..ไม่ได้แปรง..ฟัน..สามเดือน..แน่..นอน..อั่ก!”
แอนนายิ้มขำก่อนจะบดจูบด้วยความเร่าร้อนโดยมีเฟนริลหน้าเขียวดิ้นไปมาอย่างทุกข์ทรมาน เขาสัญญาว่าถ้ารอดไปได้จะจับนังนี้ตอกทั้งวันทั้งคืนและมัดไว้ให้อึดอัดเล่น
‘แค้นชะมัด แค้นฉิบหายเลย! แค้นยิ่งกว่าใครซะอีก’ เขาพยายามตั้งสติ ในขณะที่กำลังจะสลบก็ััถึงดาบในมือ (?) เฟนริลกระชับแน่น สายตาทอประกายความหวังสูงสุด ั์ตาเปลี่ยนเป็สีแดง
ปัง!! จู่ ๆ แอนนาก็ถูกซัดกระเด็นก่อนที่เขาจะลงมือ อีกฝ่ายสติหลุดล้มลงกับพื้น หลับไป ต่างจากชายหนุ่มทรุดตัวลงหอบหายใจด้วยความตื่นตระหนก เขาคิดว่าตนเองจะตายไปแล้ว
เ้าตัวหันไปมองก็พบว่าเฮเลนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกึ่งเ็า
“นั่นน่าจะเป็การตายที่มีความสุขนะ” เฟนริลสูดลมหายใจเฮือกใหญ่นึกขอบคุณหญิงสาวและเครื่องทรมานในกระเป๋า หากไม่ได้สองอย่างนี้คงไม่ได้เจอกันอีก
“ไม่เลย แค่ก! ถ้าฉัน (สูด) ...เฮ้อ ตายด้วยกลิ่นปากที่หมักหมมสามเดือน ฉันคงรับไม่ไหว”
เฮเลนเหมือนอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยหลังได้ยินข้ออ้าง เธอเงยหน้ามองท้องฟ้ากล่าว
“คงต้องกลับแล้ว ทางออกครั้งนี้ไม่ต้องใช้กุญแจ ไลล่ากับอีฟล่วงหน้าไปก่อน ฉันมาที่นี่เพื่อรับนาย นายไหวใช่ไหม?” เฟนริลยกนิ้วโป้งให้กับสตรีที่มีขอบเขตร่างกายระดับสี่ทั้งที่อายุสิบแปด
“ขอความกรุณาด้วยครับ”
“งั้นอย่าเสียเวลา…” เธออุ้มแอนนาพาดบ่าอย่างลวก ๆ เหมือนหญิงสาวจะหงุดหงิดที่ต้องแบกผู้หญิงคนนี้
เฟนริลหัวเราะวิ่งตามเฮเลนไปจนกระทั่งถึงบ่อน้ำสีทองแห่งหนึ่งซึ่งมีแสงจากดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดส่องอยู่
เมื่อเฮเลนให้สัญญาณนางก็ะโลงไปทันที ต่างจากเฟนริลที่ไม่ได้ทำแบบนั้น เขากระชับดาบในมือแน่น ในเมื่อตนรู้ว่าทางออกอยู่ไหน เขาก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำ
“มาเลยธีเลียส”
"…ฉันกำลังรอนายอยู่"
/// จบตอนที่ 7 ///
แอนนา อายุ 21 ปี นิสัย: กลัวตาย พูดมาก บ้าจินตนาการ ขี้โม้ ประเมินตน ไม่เสี่ยง โกหกหน้าตาย เชื่อใจคนสำคัญ-->บุคลิกจะต่างจากเดิมเป็ใจเย็น สุขุม เชื่อมั่น เอาใส่ใจ เยือกเย็น ตัดสินใจเด็ดขาด ใช้การกระทำเป็คำพูด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้