“ร่วมมือกับข้าสังหารหมู่เผ่าหยาจื้อ! แต่แน่นอนว่ายังไม่ใช่ตอนนี้” ดวงตาของวานรยุทธ์ปรากฏเป็สีแดงก่ำ ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง ดูเหมือนจะมีความโกรธและเกลียดชังที่ไม่รู้จบแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทั้งร่าง
ฉินอวี่มองไปทางวานรยุทธ์อย่างลึกซึ้ง อะไรเป็สิ่งที่ทำให้วานรยุทธ์เคียดแค้นเผ่าหยาจื้อถึงเพียงนี้ จนไม่ลังเลใจที่จะเป็อสูรสัญญา?
อสูรสัญญา เป็วิธีการอันโบราณเก่าแก่ในการระบุผู้เป็เ้าของ อาจเรียกได้ว่าเป็วิธีการที่สุดขั้ว หากมีการลงนามต่อกันแล้ว ความเป็ความตายของวานรยุทธ์ ล้วนขึ้นอยู่กับความนึกคิดของตนเอง! ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แม้อสูรร้ายถึงจะต้องถึงแก่ความตาย พวกมันจะไม่ยอมทำสัญญาชีวิตเช่นนี้อย่างแน่นอน!
“ข้าไม่อาจให้สัญญากับเ้าได้ เป็เพราะข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าในวันหน้าจะทำมันได้หรือไม่” ฉินอวี่ไม่ได้ตอบรับ พละกำลังของเผ่าหยาจื้อเป็สิ่งที่ยากจะหยั่งรู้ได้ หาก้าสังหารหมู่เผ่าหยาจื้อ เป็เื่ยากมาก! ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี่ก็ไม่้าให้สัญญาที่ว่างเปล่ากับวานรยุทธ์
วานรยุทธ์จ้องตรงไปทางฉินอวี่อย่างตกตะลึง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงว่าฉินอวี่จะปฏิเสธ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้น “ข้า้าเพียงคำสัญญาจากเ้าเท่านั้น! หากวันใดที่เ้าสามารถทำได้ เ้าก็ค่อยมาร่วมกันฆ่าล้างผลาญเผ่าหยาจื้อ”
ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่เป็เวลานาน พยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนจะพูดว่า “ได้!” แม้ว่าวานรยุทธ์จะไม่พูดออกมา หากวันใดที่เขามีพละกำลังเช่นนี้จริงๆ ฉินอวี่ก็้าจะเหยียบไปยังเผ่าหยาจื้อเพื่อแก้แค้นเช่นกัน
แม้ว่าจะยังไม่มาถึง แต่ฉินอวี่ก็สามารถจินตนาการได้ ว่ามีคนรุ่นใหม่สักกี่คนของเผ่าหยาจื้อที่กำลังตามหาตนเองอยู่
“เ้าเชื่อว่าข้าจะมีความสามารถเช่นนั้นหรือ?” ฉินอวี่พูดอย่างช้าๆ และมองไปยังดวงตาคู่นั้นของวานรยุทธ์
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีคนนอกคนไหนที่สามารถเอาชนะเผ่าหยาจื้อได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเ้าสิบเอ็ดแห่งรายนามระดับสามัญ! อีกอย่าง ข้าก็ได้เห็นกระบวนท่าต่อสู้ระหว่างเ้ากับเ้าสิบเอ็ดมาแล้วด้วย” วานรยุทธ์พูดจบ ก็หยิบผลึกหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง และยื่นให้กับฉินอวี่
ฉินอวี่รับไว้ จากนั้นจึงใช้มโนจิตส่องเข้าดูภายใน จึงได้เห็นภาพกระบวนท่าในการต่อสู้ของตนเองและเ้าสิบเอ็ด จนถึงเหตุการณ์ที่เรือนไม้พังทลาย
นี่คือหินผลึกความทรงจำ เป็สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคไท่กู่ เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องแปลกใจคือ วานรยุทธ์ที่น่าสะพรึงตัวนั้นกำลังจะทำลายเรือนไม้เพื่อสังหารตนเอง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงยุติการโจมตีโดยกะทันหัน อีกทั้ง... ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะเผยสีหน้าของความกลัวออกมาให้เห็น
เป็ไปได้หรือไม่ว่า... จะเป็เพราะสัญญาไท่กู่? เพียงแต่... ใบไม้ที่ร่วงหล่นนั้นเป็เื่ใดกันแน่?
ฉินอวี่ระงับความสงสัยในหัวใจเอาไว้ เหลือบมองทางวานรยุทธ์ และพูดขึ้น “หากว่าข้าทายไม่ผิดละก็ เผ่าวานรยุทธ์ก็คงเป็หนึ่งในหยาจื้อสิบสามฝ่ายใช่หรือไม่?”
“ใช่!” วานรยุทธ์พยักหน้า และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ตอนข้าเกิดมา ก็คล้ายกับจะมีพลังการหวนคืนของบรรพชน ทำให้ข้ามีพลังของวานราที่บริสุทธิ์อยู่ในตัว!”
พูดจบ วานรยุทธ์ก็ดูกระสับกระส่ายจนควบคุมไม่ได้ พลังปราณพิฆาตแผ่กระจายออกมาจากร่างกาย ดวงตาทั้งสองแดงก่ำดั่งโลหิต ดูเหมือนจะมีความเกลียดชังและความขุ่นเคืองที่ไม่รู้จบปรากฏออกมา
พลังของวานรา?
ฉินอวี่ตกตะลึงอยู่ในใจ
วานรานับเป็ระดับสูงสุดรองลงมาจากวานรยุคเริ่มต้น พลังของวานราจะสามารถถ่ายทอดเืของวานราได้ และเืวานรานั้นมีพลังอันแข็งแกร่งแฝงอยู่ภายใน เหมือนกับเืปีศาจหยดที่ถูกระงับไว้ด้วยเพลิงอสุนีบาต
อีกอย่าง... เืของวานรยุทธ์จะต้องมีทักษะยุทธ์ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากวานราอย่างแน่นอน
“ในตอนที่ข้าอายุได้เก้าขวบ พลังปราณของวานราได้รวมกันกลายเป็เืของวานรา และในตอนนั้นเอง ที่ฝ่ายหยาจื้อและกลุ่มฝ่ายอื่นๆ ได้่ชิงเอาเืวานราไปจากข้า! หลังจากนั้นท่านแม่และท่านพ่อของข้าต่างก็ต้องตายจากไปทีละคน ข้ารู้ดีว่าเป็ฝีมือของพวกเขา” วานรยุทธ์ได้ระงับความโกรธและความเคียดแค้นไว้ในใจ ร่างกายของเขาสั่นเทาไปทั้งร่าง และพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มิน่าล่ะเขาจึงเคียดแค้นต่อเผ่าหยาจื้อยิ่งนัก มิน่าล่ะเขาถึงคิดจะล้างบางสังหารเผ่าหยาจื้อ
“แล้วทำไมพวกเขาจึงไม่สังหารเ้า?” ฉินอวี่หยุดความคิดภายในใจของเขา และถามออกไป หากจะพูดกันตามเหตุผลแล้วเมื่อได้เืวานราไปแล้ว พวกเขาก็ควรจะถอนรากถอนโคนทุกอย่าง และสังหารเขาไปด้วยจึงจะสมเหตุสมผล ไม่น่าจะเนรเทศวานรยุทธ์มาอยู่ในหอคอยขัดเกลาเช่นนี้
“พวกเขากำลังรอ!” วานรยุทธ์กล่าว
“รอ?” ฉินอวี่ประหลาดใจ
“ท่านปู่ของข้าเป็วานรโบราณเพียงหนึ่งเดียวในฝ่ายของวานรยุทธ์! ก่อนที่จะได้รับการยืนยันว่าท่านปู่ได้เสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาจึงยังไม่กล้าจะถอนรากถอนโคนพวกข้า! แต่ปู่ของข้าก็จากไปหลายหมื่นปีแล้ว พลังที่มีก็ค่อยๆ เลือนหายไปแล้ว ดังนั้น ข้าจึงต้องออกจากหอคอยขัดเกลาให้เร็วที่สุด ออกไปให้ไกลจากเผ่าหยาจื้อ” วานรยุทธ์พูดด้วยเสียงต่ำ
ฉินอวี่จึงเพิ่งได้รู้เหตุผล ว่าเพราะเหตุใดวานรยุทธ์จึงเต็มใจจะเป็อสูรสัญญาของตนเอง นั่นเป็เพราะ ทุกอย่างอยู่เหนือความควบคุมของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉินอวี่ก็รู้สึกพอใจต่อการเปิดเผยอย่างจริงใจของวานรยุทธ์
“ข้าต้องเรียกเ้าว่าอะไร?” ฉินอวี่ถาม
“เสี่ยหยวน! นี่เป็ชื่อที่ข้าเป็คนตั้งให้ตัวเอง” วานรยุทธ์พูดอย่างช้าๆ
“พวกเราสังหารคนของเผ่าหยาจื้อในหอคอยขัดเกลา แล้วพวกเผ่าหยาจื้อจะไม่หยุดยั้งหรือ?” ฉินอวี่ถามอีกครั้ง
“ไม่หรอก หอคอยขัดเกลาถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของพวกหยาจื้อ ผู้ที่อยู่ระดับสูงกว่าขั้นกุมารทิพย์ไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้ และถ้ามีผู้ใดที่เข้ามาแล้วไม่ออกไป ระดับการฝึกฝนของเขาจะต้องอยู่ในระดับขั้นกุมารทิพย์อย่างถาวร!” เสี่ยหยวนกล่าว
“เช่นนั้นพวกเรามาเรียกร้องดอกเบี้ยกำไรคืนก่อนดีหรือไม่ ว่าอย่างไร?” ฉินอวี่ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ และพูดอย่างเ็า ในเมื่อเผ่าหยาจื้อคิดจะสังหารกันอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นแล้ว ฉินอวี่ก็คงไม่อาจมัวนั่งรอความตายอยู่ตรงนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น การทำเช่นนี้ยังเป็การดีต่อการผูกมิตรกับเสี่ยหยวนอีกด้วย
เสี่ยหยวนเหลือบมองฉินอวี่ด้วยดวงตาเปล่งประกาย ก่อนจะพูดออกไป “เยี่ยม! แต่พวกเขาจะต้องตามหาเ้าอยู่ในชั้นที่หนึ่งของหอคอยขัดเกลา พวกเขามีจำนวนมากยิ่งนัก พวกเราคงจะต้องหลีกเลี่ยงพวกเขาเสียก่อน และเริ่มการสังหารจากชั้นที่สอง!”
“ไปกันเถอะ!”
ฉินอวี่คอยสอบถามเื่เกี่ยวกับเผ่าหยาจื้อและหอคอยขัดเกลามาตลอดทาง และเสี่ยหยวนก็รู้ทุกเื่ที่เขาถามมา
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ที่เขาเคยคาดเดาคราวที่เข้าไปยังแดนขัดเกลาครั้งก่อน แดนขัดเกลาแห่งนั้นก็ไม่ได้ตั้งอยู่ในแดนแสนภูผาของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง แต่เป็ดินแดนของโลกที่แตกสลายดินแดนหนึ่ง และสถานที่ขัดเกลาในตอนนี้ก็เป็เพียงส่วนเล็กๆ ราวกับยอดูเาน้ำแข็งของโลกที่แตกสลาย ซึ่งด้านนอกของเขตต้องห้ามทางตอนเหนือในแดนขัดเกลาเป็เขตที่อยู่ของเผ่าหยาจื้อ
แต่ในส่วนของโลกที่แตกสลายแห่งนี้ ไม่เพียงแต่จะมีเผ่าหยาจื้ออาศัยอยู่เท่านั้น แต่ยังมีเหวลึกอยู่แห่งหนึ่งด้วย!
ร่ำลือกันว่า เหวลึกแห่งนั้นได้กักขังจอมปีศาจที่น่ากลัวเอาไว้ ในอดีต บรรพชนหยาจื้อได้ร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งขั้นสูงหลายสิบคน ใช้พลังเวทของตนเองจนปราบปรามจอมปีศาจไว้ได้ แต่พวกเขาก็ต้องแลกมาด้วยความสาหัส และแยกย้ายกันเข้าสมาธิถึงแก่ความตายอยู่ในแดนปราบปรามแห่งนี้ หลังจากผ่านการแพร่ขยายเผ่าพันธุ์ไปนับไม่ถ้วน เผ่าพันธุ์ต่างๆ จึงเริ่มแข็งแกร่งขึ้น
ที่แห่งใดมีผู้คนที่แห่งนั้นมีการต่อสู้ ครั้งหนึ่งฝ่ายอื่นๆ ก็เคยต่อต้านมาแล้ว แต่เป็เพราะเผ่าหยาจื้อมีความแข็งแกร่งมากเกินไป หลังจากผ่านการต่อสู้ที่นองเืมาสองสามครั้ง อีกสิบสองเผ่าที่เหลือจึงพ่ายแพ้อย่างรุนแรง จนกลายมาเป็หยาจื้อสิบสามฝ่ายอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
และบรรพชนของพวกเขานั้น สามารถสืบย้อนขึ้นไปได้ถึงยุคก่อนสมัยไท่กู่ หรืออาจเป็่เวลาของยุคเริ่มต้นโลก ฉะนั้นจึงอาจพูดได้ว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เศษเสี้ยวของการแตกสลายของแดนเซียนอู่ และไม่ได้เกิดจากฝีมือของหลินอวี่
“หยาจื้อสิบสามฝ่ายในตอนนี้มีความทรงพลังอย่างยิ่ง แล้วจะไม่ให้ออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร? แล้วที่ใต้เหวลึก นอกจากมีการสะกดจอมปีศาจเอาไว้แล้วยังมีอะไรอีก?” ฉินอวี่ไม่เพียงแต่จะประหลาดใจ แต่ด้วยพละกำลังของหยาจื้อสิบสามฝ่าย เกรงว่าอาจจะรุ่งโรจน์จนเป็ผู้มีกำลังระดับสูงของแดนแห่งัหลับใหลซิงเฉิน ส่วนจอมปีศาจที่เหวลึกนั้น ถูกสะกดขังเอาไว้แล้ว จึงไม่น่ามีอะไรที่ต้องห่วง
“เหวลึก... นั่นเป็หนึ่งในสถานที่อันน่ากลัวมากที่สุดแห่งหนึ่ง! ที่นั่นยังคงมีส่วนที่เหลืออยู่ของจอมปีศาจอันน่าสะพรึงกลัว แทบทุกครั้งที่เหวลึกแห่งนั้นเกิดปฏิกิริยาการโจมตีขึ้นมา ก็มักถูกหยาจื้อสิบสามฝ่ายเข้าระงับไว้เสมอ หลายปีมานี้ มีอัจฉริยะระดับชั้นยอดมากมายถือกำเนิดขึ้นในหยาจื้อสิบสามฝ่าย ท้ายที่สุด ทั้งหมดก็จะต้องเข้าไปยังเหวลึก ปู่ของข้าก็เข้าไปในเหวลึกนั่นแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย” เสี่ยหยวนกล่าว
ฉินอวี่ใอย่างยิ่ง เขานึกไม่ถึงว่าในสถานที่ขัดเกลาแห่งนี้จะมีพื้นที่ของจักรวาลซ้อนอยู่ภายใน และไม่เพียงแต่จะมีหยาจื้อทั้งสิบสามฝ่ายเท่านั้น แต่ยังมีส่วนเหลือของจอมปีศาจอยู่ด้วย
“แม้แต่หยาจื้อสิบสามฝ่ายเองก็้าออกไปจากที่แห่งนี้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีวิธีถอนตัว แม้ว่าจอมปีศาจนั้นจะถูกสะกดไว้แต่มันก็ยังมีชีวิตอยู่ และแทบทุกคนที่เข้าสมาธิตายไปล้วนต้องถูกส่งไปยังสถานที่ซึ่งสะกดมันเอาไว้ แต่นี่ก็เป็เพียงประการที่หนึ่งเท่านั้น”
“ประการที่สอง กล่าวกันว่า บรรพจารย์สำนักยุทธ์ว่านจ้งของเ้าได้ใช้พลังเวทยึดผลกรรมของหยาจื้อสิบสามฝ่ายไป หากหยาจื้อสิบสามฝ่ายออกไปจากที่แห่งนี้ ความเป็ความตายก็จะขึ้นอยู่กับสำนักยุทธ์ว่านจ้ง ท้ายที่สุด ก็บีบบังคับเผ่าหยาจื้อลงนามในสัญญาไท่กู่”
“ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าหยาจื้อสิบสามฝ่ายจะ้าออกไปจากที่นี่ แต่ก็ไม่กล้าจะจากออกไป เพราะถ้าจอมปีศาจเกิดหลุดจากพลังที่สะกดมันเอาไว้ จะต้องตามสังหารหยาจื้อทั้งสิบสามฝ่ายอย่างแน่นอน ดังนั้น การอยู่ในที่แห่งนี้ จึงเป็สิ่งที่หยางจื้อทั้งสิบสามไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เ้าหนุ่มหวังชิงนั่นได้รับสิ่งวิเศษอะไรกันแน่ถึงมีพลังอำนาจมากเช่นนี้ แข็งแกร่งถึงขนาดยึดผลกรรมของหยาจื้อสิบสามฝ่ายไปได้?
เดี๋ยวนะ ผลกรรม... ตอนเข้าเป็ศิษย์ของสำนักยุทธ์ว่านจ้งก็ต้องจุดตะเกียงกรรม หรือว่า หวังชิงยังคงเหลือบางอย่างเอาไว้ควบคุมหยาจื้อสิบสามฝ่าย?
“ดังนั้น รอให้พวกเรากวาดล้างหยาจื้อสิบสามฝ่ายเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยหาวิธีการปราบจอมปีศาจนั่นให้ได้” เสวี่ยหยวนเดินไปพูดไป
ฉินอวี่ยิ้มอย่างขมขื่น เขาคิดว่าเื่นี้คงยากกว่าเื่การกวาดล้างเผ่าหยาจื้อเป็แน่ เพียงแต่ นี่เป็เพียงความแค้นในตอนนี้ของหยาจื้อ บางทีเมื่อถึงวันข้างหน้า ก็อาจยิ่งเข้าใจว่าไม่อาจทำลายหยาจื้อสิบสามฝ่ายได้ และหากทำลายไปก็ไม่มีผู้ใดจะสามารถปราบอสูรนั่นได้อีก ถึงตอนนั้นแดนซิงเฉินทั้งสี่จะต้องวุ่นวาย”
ไม่กี่วันต่อมา
ภายใต้การนำของเสวี่ยหยวน ทั้งสองคนจึงอาศัยการนั่งไปกับค่ายกลนำส่งเพื่อไปยังหอคอยขัดเกลาในชั้นที่สอง
หอคอยขัดเกลาแห่งนี้แบ่งออกเป็เจ็ดชั้น แต่ละชั้นจะมีค่ายกลนำส่งอยู่เพื่อนำพาไปชั้นที่สูงขึ้น
ทันทีที่มาถึงชั้นที่สอง ฉินอวี่ก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้น เขานำเพลิงแอ่งธรณีออกมาปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย และเมื่อเขามองไปรอบด้าน กลับมองเห็นอสูรร้ายกลุ่มหนึ่งและชายหนุ่มหญิงสาวจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนกำลังเฝ้าอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกลออกไปจากค่ายกลนำส่ง
ดูเหมือนพวกเขาจะรู้สึกได้ว่าฉินอวี่และเสี่ยหยวนกำลังเดินเข้ามา พวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมองมาพร้อมกัน ทันทีที่พวกเขามองเห็นเสี่ยหยวนที่ดูดุร้าย สีหน้าของพวกเขาต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีใครบางคนะโขึ้นอย่างใ “นั่นเสี่ยหยวน!”
“แล้วอีกคนหนึ่ง... นั่นมันหวังซิงเฉินใช่หรือไม่?”
“อย่าเหลือเอาไว้แม้คนเดียว” เสี่ยหยวนกวาดสายตามองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเ็า จากนั้นจึงหยิบอาวุธยาวหนึ่งจ้างที่มีลักษณะเหมือนพลองฟันหมาป่าออกมา จากนั้นจึงะโออกไปอย่างไม่พูดไม่จา แล้วพลองก็กลายเป็ลำแสงยาวกว่าสิบจ้าง และกดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนทางฉินอวี่ก็เรียกหอกศึกออกมาเช่นกัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็พลังสายฟ้าและขว้างตรงออกไป
“ตูม ตูม!”
