บ่ายวันพุธเป็เวลาที่เหอชูซานผ่อนคลายที่สุด เขาจะได้หยุดงานที่ร้านน้ำแข็งไสของอาหัว ไม่ต้องไปทำงานหลังเลิกเรียนตอนห้าโมงเย็น แล้วสามารถตรงกลับบ้านมาต้มยาให้พ่อได้เลย จากนั้นพอกินข้าวเย็นเสร็จก็จุดเทียนเพื่ออ่านหนังสือต่อ
แต่ในวันนี้เขากลับรีบร้อนกลับบ้าน ทำอาหารเพียงแค่อย่างเดียว ตั้งยาไว้บนเตา แล้วสะพายกระเป๋าใบเล็กออกจากบ้านไปในทันทีที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้น
“จะไปไหน” อาป๊าเหอผู้กำลังนั่งพักผ่อนบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ หน้าบ้านถามพลางโบกพัดมาขวางทางเขา
“ไปอ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยครับพ่อ” เหอชูซานบอก
“จะไปมหาวิทยาลัยแล้วไม่กินข้าวหรือ” อาป๊าเหอถาม “วันนี้โรงอาหารที่มหาวิทยาลัยแจกข้าวฟรีหรือ”
“ผม…” เหอชูซานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดตอบ “ผมจะซื้อของว่างจากร้านของเจ๊อ้วน แล้วก็เดินไปกินไประหว่างทางครับ”
“เฮ้อ!” อาป๊าเหอถอนหายใจ “ลูกมีเงินแล้วหรือ กินหนิวจ๋าแทนข้าวเลยหรือ เมื่อคืนก็แอบเอาแบงก์สีเขียวๆ ขึ้นไปบนห้อง คิดว่าพ่อไม่เห็นพ่อหรือไง พ่อแค่ผ่าตัดเล็กๆ มีแผลเท่าเม็ดถั่ว คิดว่าพ่อสมองเสื่อมแล้วหรือ เก่งขึ้นเยอะเลยนะ เหออาซาน!”
เหอชูซานก้มหน้าแล้วสารภาพเสียงค่อย “ป๊า ผมเลี้ยงหนิวจ๋าเพื่อน แล้วก็ไปดูหนังกับเพื่อนผู้ชาย ไม่ได้มีแฟนครับ”
“ใครถามเื่แฟนแก ทำตัวมีพิรุธนะ!” อาป๊าเหอฟาดพัดใส่ “ดีที่พ่อแกใจกว้าง ไม่อยากยุ่งเื่ไร้สาระของแก! ไปๆๆ!”
เหอชูซานหลบพัดของบิดาแล้วรีบหิ้วกระเป๋าไปซื้อหนิวจ๋าสองชามใหญ่ที่ร้านข้างๆ ก่อนจะรีบเผ่นไป
เขาถือหนิวจ๋าแล้วรีบวิ่งสุดชีวิตออกจากเมืองกำแพงเจียวหลง เพื่อประหยัดเวลาเขาจึงขึ้นรถเมล์ไปลงหน้ามหาวิทยาลัยแล้วเดินตรงต่อไปที่โต๊ะสนุก
ผู้จัดการร้านไม่รู้เื่ที่ลูกพี่ใหญ่โมโหจนคว่ำโต๊ะจีเปา เขาจึงโทรหาเสี่ยวหม่า “พี่หม่า คุณเหอมาครับ เขาบอกว่ามาหาลูกพี่ใหญ่”
“ไม่ต้อนรับ ไม่ต้อนรับ! ไอ้พวกกระจอก! กล้าทำให้พี่ใหญ่โกรธ!” เสี่ยวหม่ากำลังกินข้าวเย็นอยู่ เขาพูดขณะแคะฟัน “ไล่มันออกไป!”
เหอชูซานรับโทรศัพท์ขึ้นมา “พี่หม่าครับ”
“ไอ้เวรนี่! มาเรียกพี่หม่าได้ไง?! ต้องเรียกผู้จัดการหม่า!”
“เข้าใจแล้วครับ พี่หม่า พี่ลิ่วอีเขาแค่ล้อเล่นกับผม เขากำลังรอให้ผมไปขอโทษและยอมอ่อนข้อให้เขา ถ้าพี่ไม่ให้ผมเข้าไปเขาจะไม่สบายใจ แล้วพวกพี่ก็จะมีปัญหา” เหอชูซานอธิบายด้วยเหตุผล
เสี่ยวหม่าครุ่นคิดถึงอารมณ์ของพี่ใหญ่ใน่นี้ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก ยิ่งไปกว่านั้นพี่ใหญ่ชย่ายังเคยด่าทอและไล่เขาออกไปให้พ้นหน้าหลายครั้งเพราะเด็กคนนี้ เขาจึงไม่สามารถคาดเดาความคิดของพี่ใหญ่ได้ อีกทั้งยังคิดว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเื่นี้ด้วย
“ได้ ได้ เดี๋ยวฉันให้คนไปรับ รออยู่ตรงนั้นแหละ!”
เหอชูซานสะพายกระเป๋า เขาหิ้วหนิวจ๋าสองชามขึ้นรถ ก่อนลงจากรถก็ไม่ลืมส่งให้คนขับถ้วยหนึ่ง “รบกวนเอาไปให้พี่หม่าด้วยครับ บอกว่าผมตั้งใจซื้อมาจากเมืองกำแพงเจียวหลง ซื้อมาให้พี่ใหญ่กับพี่หม่าคนละชาม ถือเป็การขอบคุณที่เขาอุตส่าห์ช่วยเหลือครับ”
“เฮ้ย! ไอ้เด็กจนเอ๊ย! ให้หนิวจ๋าเป็ของขวัญเนี่ยนะ นี่มันดูถูกพี่หม่าชัดๆ!” คนขับรถบ่นพึมพำเมื่อเอาหนิวจ๋าไปให้เสี่ยวหม่าที่โต๊ะอาหาร
“แกนี่โง่จริงๆ!” เสี่ยวหม่าใช้ตะเกียบเคาะหัวคนขับรถ “นี่ไม่ใช่หนิวจ๋าธรรมดานะ นี่มาจากร้านโปรดของพี่ใหญ่เลยนะ!”
เขาเก็บตะเกียบแล้วเหลือบตามองชามของว่างที่ยังมีไอน้ำร้อนลอยขึ้นมาเล็กน้อยในใจแล้วคิด “ฉันกับพี่ใหญ่ได้คนละชามอย่างนั้นหรือ วิธีแสดงความขอบคุณของไอ้เด็กคนนี้นี่ช่างน่าสมเพชจริงๆ นอกจากหน้าตาโง่ๆ แล้วก็คงไม่มีอะไรในหัวเลยสินะ!”
เหอชูซานถือชามหนิวจ๋าเดินเข้าไปในตึก ‘สำนักงานใหญ่’ ของชย่าลิ่วอี ครั้งนี้เขาไม่ได้รับการต้อนรับเช่นครั้งก่อนที่ได้เข้าไปในห้องประธานทันที เขาต้องรายงานชื่อและนั่งรอในห้องประชุมพร้อมกับชามหนิวจ๋านานเกือบหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งอันฉีในชุดกระโปรงสีขาวและรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาพร้อมเสียงดังกุกกัก “คุณเหอคะ เชิญเข้ามาได้ค่ะ”
ชย่าลิ่วอีสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น เขามองดูเอกสาร เรียวคิ้วขมวดแน่นเป็ปม เป็สีหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก แม้จะได้ยินเสียงว่าเขาเข้ามาแล้ว ชย่าลิ่วอีก็ไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่อยากสนใจเขา
เหอชูซานทำตัวนอบน้อม เอ่ยทักทายก่อน “พี่ลิ่วอีครับ”
ชย่าลิ่วอีไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ดวงตายังคงจ้องไปที่เอกสาร พลางพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “ทำไม? อยากตายหรือไงถึงได้คิดจะมายืมเงินไปซื้อโลงศพ?”
เหอชูซานเหลือบมองไปยังอันฉี เลขาสาวสวยคนนี้ไม่ต้องรอคำสั่งจากเ้านายก็รีบสาวเท้าบนรองเท้าส้นสูงคู่สวยจากไปอย่างรวดเร็ว
เหอชูซานรีบวิ่งเข้าไปวางถุงใส่หนิวจ๋าที่เขาพยายามอุ่นไว้ในอ้อมแขนลงบนโต๊ะของชย่าลิ่วอี
ในที่สุดชย่าลิ่วอีก็ยอมละสายตาจากเอกสาร เขามองไปสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “นี่มันอะไร?”
“หนิวจ๋าร้านเจ๊อ้วนครับ”
ชย่าลิ่วอีเอนหลังพิงเก้าอี้ เขายังคงหัวเราะอยู่ “คิดจะเอาหนิวจ๋าชามเดียวมาปิดปากฉันอย่างนั้นหรือ? นายเป็ใครกัน เหออาซาน? หรือว่าเป็ผู้ว่าการฮ่องกง? ต่อให้นายมาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่อยากแม้แต่จะชายตามอง! เอามันออกไปให้พ้น ๆ หน้าฉันแล้วไสหัวไปซะ!”
เหอชูซานก้มลงหยิบ ‘เครื่องมือลับสำหรับการขอขมาเ้าพ่อ’ ชิ้นที่สองออกมาจากกระเป๋า—— มันคือตั๋วชมภาพยนตร์ที่ศูนย์วัฒนธรรมเจียนซาจวี่ ที่มุมขวาบนมีตราประทับสีแดงตัวใหญ่เขียนไว้ว่า ‘ตั๋วฟรี’
“สภานักศึกษาแจกมาครับ” เหอชูซานพูด “《The Godfather》พากย์จีนครับ”
ชย่าลิ่วอีหัวเราะอีกครั้ง “หึ!”
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกรอกเสียงลง “เรียกอาหย่งกับอาเปียวเข้ามา”
ไม่นานนักบอดี้การ์ดร่างั์สองคนก็เข้ามา “ครับ หัวหน้าใหญ่”
“ลูกน้องคนสนิทของเฝยชีที่จับมาเมื่อวานยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
“ยังมีชีวิตอยู่ครับ หัวหน้าใหญ่”
“สารภาพแล้วหรือยัง?”
“ยังครับ ปากแข็ง ไม่ยอมปริปากเลยแม้แต่น้อย”
ชย่าลิ่วอีเชิดหน้าส่งสัญญาณไปทางเหอชูซาน “พาเขาไปเปิดหูเปิดตาหน่อย”
ทันใดนั้นอาหย่งกับอาเปียวก็เข้าประกบซ้ายขวาคุมตัวเหอชูซานออกไป บอดี้การ์ดร่างั์พาเขาลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถใต้ดิน แล้วเดินผ่านประตูเล็กๆ เข้าไปในห้องใต้ดิน
ทันทีที่เปิดประตู กลิ่นคาวเืก็โชยมาเตะจมูก ชายคนหนึ่งถูกเปลื้องผ้าจนล่อนจ้อน ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลจากการถูกเฆี่ยนตี เขาถูกมัดมือมัดเท้าห้อยตัวอยู่กลางห้อง ดวงตาบวมปูดจนแทบปิดสนิท ดูเหมือนจะใกล้ตายเต็มที
อาหย่งผลักเหอชูซานให้พ้นทางเพื่อเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ชายคนนั้น จากนั้นก็กดโทรศัพท์มือถือโทรหาชย่าลิ่วอีแล้วเปิดลำโพง
“เจิ้งอู่ ‘วันเด็ก’ เมื่อคืนเป็ยังไงบ้าง?” เสียงเ็าของชย่าลิ่วอีดังขึ้น
ชายคนนั้นพยายามเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก เขาร้องไห้คร่ำครวญ “ลูกพี่ใหญ่ชย่า ผมขอร้องล่ะ... ผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ... ผมทำงานกับเฝยชีมาหลายปีแล้ว เมียกับลูกผมก็อยู่ในกำมือเขา ถ้าเขารู้ว่าผมทรยศเขา... ผมขอร้องล่ะ ลูกพี่ใหญ่ชย่า... ปล่อยผมไปเถอะ...”
“หึ” ชย่าลิ่วอียิ้ม “กลัวว่าเฝยชีจะทำอะไรเมียกับลูกแกหรือ? พี่ลิ่วอีคิดเผื่อไว้ให้หมดแล้ว วันนี้ก็เลยเชิญพวกเขามา ‘ฉลองวันเด็ก’ ด้วย อยากเจอไหมล่ะ?”
ชายคนนั้นเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาหวีดเสียงร้องโหยหวนทันที “ลูกพี่ใหญ่ชย่า! อย่านะ! ผมขอร้อง ปล่อยพวกเขาไปเถอะ! พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย! ผมขอร้องล่ะ!”
“อาหย่ง” ชย่าลิ่วอีพูด
เมื่ออาหย่งโบกมือเป็สัญญาณให้ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกล พวกนั้นก็ออกแรงแบกกระสอบใบใหญ่ออกมาจากห้องข้างๆ แล้วโยนมันลงบนพื้น เสียง ‘ฉึก’ จากคมมีดที่กรีดลงบนผืนผ้าดังขึ้น ตามมาด้วยกลิ่นคาวของเืและเนื้อเน่าที่ลอยคลุ้งโชยออกมา!
ภายใต้แสงสลัว สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างในนั้นคือร่างกายที่ไร้หัวและแขนขา เต็มไปด้วยเื! ช่องท้องที่ถูกเปิดออก! และอวัยวะภายในที่เต็มไปด้วยเืที่ไหลออกมาไม่หยุดอย่างน่าสยดสยอง!
แม้แต่เหอชูซานที่ยืนดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากเล็กน้อย เขากำชายเสื้อแน่น ส่วนเจิ้งอู่เริ่มกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความสิ้นหวัง “อ๊าก——!”