ซูฉีฉีนั่งอยู่ข้างกายม่อเวิ่นเฉิน มิได้หันมองไปทางซูเมิ่งหรู
“เป็ใครกันช่างบังอาจนักถึงกับกล้าทำร้ายเ้า”เมื่อดื่มสุราไปได้สามจอก ม่อเวิ่นเสวียนก็แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมาพลางจ้องมองไปที่ม่อเวิ่นเฉิน
“กำลังตรวจสอบอยู่คนที่เหิมเกริมเช่นนี้ เสด็จพี่คิดว่าควรจะจัดการเช่นไรดี?” ทว่าม่อเวิ่นเฉินตอบกลับด้วยท่าทีสงบนิ่งและสายตาก็หันไปประสานเข้ากับดวงตาของม่อเวิ่นเสวียนที่มองมาด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย
เมื่อถูกม่อเวิ่นเฉินถามเช่นนี้ม่อเวิ่นเสวียนก็ถึงกับต้องผงะ
“ชายาที่รักไหนเ้าลองว่ามาสิว่าควรจะจัดการเช่นไรดี?” เมื่อเห็นว่าม่อเวิ่นเสวียนไม่ตอบม่อเวิ่นเฉินก็หันไปถามซูฉีฉีที่อยู่ข้างกาย
“ลอบทำร้ายบุคคลผู้เป็ถึงความภาคภูมิใจของต้าเยียนและเทพผู้ปกป้องต้าเยียนนั้นเท่ากับว่า้าประกาศตัวเป็ศัตรูกับประชาชนทั้งหมดของต้าเยียนคนเ่าั้ล้วนต้องโทษปะา” ซูฉีฉีเข้าใจดีว่าตอนนี้นางกำลังถูกใช้ให้มาเป็หมากตัวหนึ่งในกระดาน
ในเมื่อนางจำเป็ต้องล่วงเกินฝ่ายหนึ่ง
นางไม่มีทางเลือกอื่น
สีหน้าของซูเมิ่งหรูเข้มขึ้นอีกหลายส่วนนางกัดริมฝีปากของตนอย่างข่มกลั้นอารมณ์ก่อนที่ใบหน้าเรียวเล็กนั่นจะค่อยๆ สงบลง
ทว่าแววตาไม่เป็มิตรยังคงถลึงมองไปทางซูฉีฉี
เมื่อซูฉีฉีกล่าวเสร็จ นางก็ลงมือกินอาหารของตนเองต่อไม่สนใจมองว่าผู้อื่นมีท่าทีเช่นไรต่อคำพูดของนางเมื่อครู่
อีกทั้งนางยังมิมีความจำเป็ที่จะต้องมองด้วย
“คนเ่าั้ล้วนต้องโทษปะาพูดได้ดีนี่” ม่อเวิ่นเสวียนกัดฟันแน่น รายละเอียดส่วนผสมของยาพิษที่อยู่ในวังหลวงได้หายไปเขารู้ว่าม่อเวิ่นเฉินเป็ผู้ลงมือ ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
ซูฉีฉีกล่าวประโยคเช่นนั้นออกมาก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่านางมิได้เห็นม่อเวิ่นเสวียนอย่างเขาอยู่ในสายตา
“ท่านพี่ พวกบุรุษกำลังหารือเื่ใหญ่โตของประเทศ เื่เหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราพวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว สนใจออกไปเดินเล่นกันหน่อยหรือไม่”
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีนักซูเมิ่งหรูก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ซูฉีฉีพร้อมยิ้มอ่อนๆ และดึงแขนของนางมาคล้องไว้อย่างสนิทสนม
นางเอียงศีรษะไปมองม่อเวิ่นเฉินเมื่อเห็นว่าเขาที่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา ซูฉีฉีก็รู้ได้ทันทีว่าหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นแล้วนางสามารถออกไปจากห้องนี้ได้
ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่าที่ต้องฆ่าฟันกับข้าศึกแต่ซูฉีฉีก็รู้สึกว่าเวลานี้พวกเขาทั้งสองช่างน่ากลัวยิ่งกว่าาในสนามรบเสียอีก
เมื่อนางเดินออกไปพร้อมกับซูเมิ่งหรู ทั้งสองคนต่างก็เงียบมิได้เอ่ยวาจาใดๆ ต่อกัน
“พี่สาวกล่าวโทษน้องหรือไม่ที่แย่งตำแหน่งฮองเฮาของท่านไป”ซูเมิ่งหรูเอ่ยขึ้นมาก่อนดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ซูฉีฉีอย่างน่าสงสาร โครงหน้าของนางงดงามดั่งภาพวาดสะกดตาผู้คนที่พบเห็น
ใบหน้าเช่นนี้ หากเป็บุรุษก็ล้วนแต่ต้องหลงใหลในความงามของนางกันทั้งนั้น
“น้องสาวคิดมากไปแล้วท่านอ๋องดีกับพี่มากนัก” ซูฉีฉียังจะพูดเช่นใดได้อีก?โทษ? จะโทษใครได้
“เป็เช่นนี้ก็ดี”แววตาของซูเมิ่งหรูมีแสงสว่างแวบผ่านครู่หนึ่งจากนั้นนางก็หัวเราะเบาๆ “ท่านแต่งมาที่นี่ก็หลายวันแล้วคิดถึงท่านแม่ใหญ่หรือไม่”
ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ซูฉีฉีกลับไม่รู้สึกว่านางนั้นห่วงใยตนจริงๆเพราะนางรู้ว่าซูเมิ่งหรูทำเื่ใดนั้นล้วนแต่มีเป้าหมายทั้งนั้น
ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนางพูดมิได้ว่าคิดถึง และก็พูดไม่ได้เช่นกันว่าไม่คิดถึง
“วางใจเถอะน้องจะต้องช่วยพูดให้ท่านต่อหน้าฮ่องเต้ ให้ท่านอ๋องกลับจวนอัครมหาเสนาบดีกับท่านเพื่อเยี่ยมท่านแม่ใหญ่ท่านแม่ใหญ่นั้นคิดถึงท่านเหลือเกิน...” มุมปากของซูเมิ่งหรูกระดกขึ้นเบาๆภายใต้รอยยิ้มแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและเชื่อมั่นในตนเอง
ั้แ่เล็กจนโตนางก็เป็เช่นนี้มาโดยตลอด
“ขอบคุณในความหวังดีของน้องสาวแล้ว”ซูฉีฉียังคงถกเถียงกันในใจพลางยิ้มตกปากรับคำ
ดูเหมือนว่านี่จะเป็ความ้าของม่อเวิ่นเสวียนสินะ
เขา้าไม่ให้ม่อเวิ่นเฉินมีทางหนีรอดออกไปได้อีก
สองสาวพี่น้องกำลังเดินเล่นกันอยู่ในจวนอ๋องวันนี้ซูฉีฉีสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีแดง ประกอบกับใบหน้าสะอาดหมดจดของนางทำให้เพิ่มความงามของนางขึ้นมิน้อยแต่ที่มากไปกว่านั้นคือความสง่างามและสูงส่งของนาง
แต่ถึงกระนั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับซูเมิ่งหรูที่คลุมทับด้วยหนังเสือดาวสีขาว
เรือนอี่เหอ
ม่อเวิ่นเสวียนยกสุราจอกแรกขึ้นเป็ครั้งแรกที่ยกสุราคารวะม่อเวิ่นเฉินอย่างถ่อมตน
ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนนอกพวกเขาเป็พี่เป็น้องกัน ม่อเวิ่นเฉินเองก็ไม่ได้สนใจอันใดมากนัก
อีกทั้งที่นี่คือเมืองอ้าว ัต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ยากที่จะกดทับหัวงูถ้าม่อเวิ่นเสวียนคิดจะทำอะไร เขาก็ต้องพิจารณาให้ดีๆ เสียก่อน
เพียงแต่ว่าสุราที่ม่อเวิ่นเสวียนส่งให้นั้นล้วนหกใส่บนเสื้อของม่อเวิ่นเฉินจนหมด
ม่อเวิ่นเฉินที่คาดเดาเหตุการณ์เช่นนี้ได้ั้แ่แรกเพียงแค่ยกมือขึ้นปัดเบาๆถึงแม้ว่าแววตาจะมีความเยือกเย็นฉายออกมาแวบหนึ่ง ทว่าเพียงไม่นานก็กลับมาปกติดั่งเดิม
การหยั่งเชิงครั้งแรกทำให้ม่อเวิ่นเสวียนพึงพอใจอย่างยิ่ง
ถ้าหากเป็ม่อเวิ่นเฉินในอดีตเขาจะต้องลุกขึ้นมาปะทะกับตนเป็แน่...