“ยายหนูซือซือ มองออกแล้วหรือยัง” หลิวเฉินกังถามเบาๆ “คนเป็หมอต้องรอบคอบ จะผิดพลาดไม่ได้ ไม่งั้นจะเกิดเื่ได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ หนูแพ้รอบแรก” หลิวเย่าซือลุกขึ้นมามองทุกคนจากนั้นก็พูดขึ้นเบาๆ
“รุ่นพี่แพ้แล้วล่ะ” เฉาเฉียนคุนพูดยิ้มๆจากนั้นก็กลับไปยังฝั่งคณะแพทย์แผนปัจจุบัน
“ดีนี่ไอ้หนู ไม่เลว ลูกของเฉาเซิ่งอวิ๋นไม่ได้ทำให้เขาขายหน้า ฮ่าๆ” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ
หลิวเย่าซือแพ้ไป ทำเอาทั้งคณะแพทย์แผนโบราณนิ่งเงียบ หลิวเย่าซือความภาคภูมิใจของคณะแพทย์แผนโบราณแพ้ให้กับนักเรียนใหม่คณะแพทย์แผนปัจจุบัน นี่ก็หมายความว่าคณะแพทย์แผนโบราณได้มอบสิทธิ์ในการอาคารหมอเทพไว้ในกำมือของคณะแพทย์แผนปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว
ทว่าสายตาของกัวไฮว่กลับตกไปอยู่ที่ร่างของเด็กสาวผู้หนึ่งเหลิ่งซวง
เด็กสาวผู้นี้หน้าตาธรรมดา ธรรมดาจนคนทั่วไปก็มองจุดเด่นอะไรไม่ออกทว่าก็ยากจะหาจุดด้อยบนตัวของเธอเจอ ในตอนที่หลิวเย่าซือบอกว่าตนเองแพ้นั่นเองนอกจากกัวไฮว่คนอื่นก็ไม่อาจััได้ว่า่ขณะนั้นในใจเด็กสาวที่ดูราวกับน้ำแข็งผู้นี้พลันปรากฏจิตใจอันฮึกเหิมขึ้นมา
“พวกเราอดทนมาั้แ่ปีหนึ่ง พวกเราเชื่อในอารยธรรมห้าพันปีของหัวซย่าพวกเราเชื่อในการแพทย์โบราณ ทำไมพวกเราต้องแพ้ด้วย” นักศึกษาชายปีสามผู้หนึ่งส่ายศีรษะด้วยความจนปัญญา “หรือว่าที่ไม่เชื่อฟังที่พ่อให้ไปเรียนแพทย์แผนปัจจุบันจะเป็การคิดผิดเหรอ”
“รุ่นพี่ซือซือแพ้แล้วล่ะ คณะแพทย์แผนโบราณของเราจะแพ้แล้ว” นักศึกษาปีสองอีกรายที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นเบาๆ ว่า “ที่อาคารหมอเทพยังมีของของฉันอยู่ ฉันไปเก็บของดีกว่า”
“นี่เธอ ในเมื่อเลือกแพทย์แผนโบราณ แล้วก็ยืนหยัดมาตั้งนานขนาดนั้นทำไมไม่รออีกหน่อยล่ะ บางทีเหลิ่งซวงอาจจะพลิกเกมได้ก็ได้” กัวไฮว่ยื่นมือไปขวางนักศึกษาคนนั้นเอาไว้พร้อมกับพูดยิ้มๆ
“นี่นาย นายเพิ่งมาใหม่นายอาจจะไม่รู้ว่ารุ่นพี่ซือซือเป็ที่หนึ่งของคณะแพทย์แผนโบราณ เื่นี้ใครๆก็รู้ดี ถึงแม้พี่เหลิ่งซวงจะมีความรู้เื่ยาจีนเยอะมากแต่คู่แข่งของเธอคือหมอเทพน้อยเฉินเจี่ยตี้จากคณะแพทย์แผนปัจจุบันเลยนะ ขนาดพี่ซือซือประลองกับเขาอย่างมากก็เสมอกันรุ่นพี่เหลิ่งไม่ใช่คู่แข่งเขาหรอก” นักเรียนคนนั้นพูดเบาๆ
“ใช่ อีกอย่างถึงจะชนะรอบสอง แข่งรอบสามนายชนะไหวเหรอคณะแพทย์แผนปัจจุบันมีคนเก่งเยอะนะ คราวนี้ได้แพ้จริงนะ” นักศึกษาปีสามคนนั้นมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น
“เหลิ่งซวงต้องชนะ ฉันเองก็จะชนะ ถ้าพวกเธอชอบการแพทย์แผนโบราณเชื่อมันในอารยธรรมห้าพันปีของหัวซย่า งั้นพวกเธอก็อย่าเพิ่งไปให้โอกาสการแพทย์จีนสักครั้ง ให้โอกาสพวกเราสักครั้ง แล้วก็ให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง” กัวไฮว่หรี่ตาพูด
นักเรียนทั้งสองคนมองหน้ากันรุ่นน้องเด็กกว่าคนไม่กี่ปีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ดันพูดแบบนี้ออกมาได้แล้วก็ที่พวกเขาเลือกคณะแพทย์แผนโบราณก็ไม่ใช่ความปรารถนาของพวกเขาในตอนแรกหรอกเหรออยู่ต่อ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ พวกเราจะต้องอยู่ดูการประลองให้จบแล้วนักเรียนทั้งสองก็พยักหน้า จากนั้นก็เริ่มชักชวนนักเรียนคนอื่น
“ขอบใจนะ ฉันจะทำจนถึงที่สุด” ตอนที่เหลิ่งซวงเดินผ่านกัวไฮว่ไปเธอก็พูดเบาๆ กับกัวไฮว่ แล้วเผยรอยยิ้มบางๆ ตรงมุมปากทำเอานักศึกษาทั้งคณะแพทย์แผนโบราณนิ่งอึ้งไปรุ่นพี่เหลิ่งซวงยิ้มแล้วสวยขนาดนี้นี่เอง
“รุ่นพี่เหลิ่งซวง สู้ๆ นะ เฉินเจี่ยตี้เป็แค่เสือกระดาษ[1]” นักศึกษาปีหนึ่งจากคณะแพทย์แผนจีนรายหนึ่งะโเสียงดังลั่นจากนั้นทางฝั่งคณะแพทย์แผนจีนก็มีเสียงหัวเราะเป็ระลอกทำให้บรรยากาศกดดันเมื่อสักครู่ผ่อนคลายลงภายในพริบตา
“ตลกสิ้นดี เดี๋ยวดูฉันเอาชนะรุ่นพี่เหลิ่งซวงของพวกแกได้เลยจะคอยดูว่าพวกแกจะหัวเราะออกหรือเปล่า” เฉินเจี่ยตี้หรี่ตาพูด
“การประลองรอบสองเป็การใช้ยา เดี๋ยวจะยังมีผู้ป่วยสี่รายพวกเธอไปดูอาการพวกเขาแล้วก็สั่งยา สุดท้ายก็บอกตัวยาพื้นฐานกับทุกคนไปแล้วก็จะตัดสินแพ้ชนะจากความเหมาะสมในการใช้ยา” หลิวเย่าซือยืนระหว่างทั้งสองคนแล้วพูดขึ้น
ผู้ป่วยทั้งสี่เดินมาตรงหน้าเหลิ่งซวงกับเฉินเจี่ยตี้จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มวินิจฉัยโรค
ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่คณะแพทย์แผนจีนจะหัวเราะเฮฮากันทว่าเมื่อเริ่มการประลอง คนทางฝั่งคณะแพทย์แผนจีนก็ตึงเครียดพวกเขารู้ดีว่าถ้าเหลิ่งซวงแพ้จากนี้ไปอาคารหมอเทพจะไม่ใช่ทรัพยากรร่วมของพวกเขากับคณะแพทย์แผนปัจจุบันอีกและอาคารหมอเทพก็จะกลายเป็ของคณะแพทย์แผนปัจจุบัน
“ไปติดต่ออาจารย์ทุกคลาสเลยนะว่าให้เตรียมส่งคนมาเก็บของที่อาคารหมอเทพ ต่อไปห้องเรียนของพวกเราก็ไม่แน่นแล้วล่ะ” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ กับลูกศิษย์ของตน เขามีความมั่นใจเป็อย่างมาก
“หัวหน้าหลิว ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ” ประมาณหนึ่งชั่วโมงเฉินเจี่ยตี้ก็เขียนแผนรักษาเสร็จจากนั้นก็ส่งต่อให้หลิวชิงเจิง
“ทำไมรุ่นพี่เหลิ่งยังทำไม่เสร็จอีกนะ” ผ่านไปประมาณอีกครึ่งชั่วโมงเหลิ่งซวงยังคงวินิจฉัยผู้ป่วยรายสุดท้ายอยู่ และยังไม่เขียนวิธีการใช้ยา
หลิวเฉินกังเดินไปยังเบื้องหน้าของผู้ป่วย ประมาณหนึ่งนาทีเขาก็ขมวดคิ้วมุ่นกลับไปยังที่เดิม
“หัวหน้าหลิวคะ ฉันเขียนไปสามอันส่วนผู้ป่วยรายที่สี่เดี๋ยวฉันจะบอกคุณเองค่ะ” เหลิ่งซวงส่งแผนรักษาในมือที่ตนเองเขียนให้กับหลิวชิงเจิง
“คณบดีทั้งสองท่านครับเรามาดูแผนรักษาที่นักศึกษาทั้งสองคนเขียนด้วยกันดีไหมครับจากนั้นก็ให้พวกเขาอธิบายให้ทุกคนฟังด้วยตัวเองว่าทำไมต้องรักษาแบบนี้” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“ผู้ป่วยรายแรกของผมมีอาการนอนไม่หลับขั้นรุนแรงการที่ไม่นอนเป็เวลาทำให้เขามีอาการอื่นๆ ตามมาผมเลยรักษาตามอาการโดยระยะแรกให้เขาทานยาที่ช่วยในเื่การนอนหลับเพื่อรักษาระยะหลังจะให้ใช้คู่กับเครื่องมือทางการแพทย์ที่คณะแพทย์แผนปัจจุบันของเราได้วิจัยและพัฒนาขึ้นมาประมาณหนึ่งนาทีก็จะกลับมาแข็งแรงได้ครับ” เฉินเจี่ยตี้พูดไปพร้อมกันกับบอกยาที่จำเป็เวลาและปริมาณที่ต้องทาน ส่วนหลิวชิงเจิงก็เอาแต่ผงกศีรษะอยู่ตลอดในการรักษาอาการนอนไม่หลับขั้นรุนแรงแบบนี้ก็ต้องใช้วิธีการรักษาประมาณนี้นั่นแหละ
“ผู้ป่วยนอนไม่หลับขั้นรุนแรง ฉันสั่งยาให้เขามาจำนวนนึงควบคู่กับการรมยาตอนกลางคืนให้ดื่มนมอุ่นๆ แก้วนึง ประมาณเดือนนึงก็จะอาการดีขึ้นประมาณสามเดือนก็จะหายดี” เหลิ่งซวงพูดเบาๆ
“สามเดือน ของพวกเราแค่เดือนเดียวก็หายแล้ว” นักศึกษาปีสี่คณะแพทย์แผนปัจจุบันรายหนึ่งพูดเสียงดัง “ยอมแพ้เถอะ”
“การแพทย์แผนปัจจุบันที่พวกเธอพูดกันน่ะฉันรู้หมดแหละแต่ว่ากินหนึ่งอาทิตย์ กินสามวันเลยยาแผนปัจจุบันส่งผลต่ออวัยวะภายในของผู้ป่วยในระดับที่ไม่เหมือนกันเบาหน่อยก็ส่งผลต่อการรับประทาน หนักหน่อยก็นำมาสู่อาการข้างเคียงอื่นๆเื่นี้พวกเธอต้องยอมรับนะ” เหลิ่งซวงพูดเบาๆ
นักศึกษาคณะแพทย์แผนปัจจุบันถึงกับพูดไม่ออกสักคำเดียวเพราะว่าที่เหลิ่งซวงพูดนั้นเป็เื่จริง
“ยาจีนที่ฉันสั่งให้อิงตามร่างกายของเขา สามเดือนให้หลัง อาการนอนไม่หลับของเขาก็จะหายดีในขณะเดียวกันอาการไมเกรนของเขาก็จะดีขึ้นด้วย ในตำรับยาฉันได้เพิ่ม...” เหลิ่งซวงอธิบายตำรับยาของตนเองอีกครั้ง คราวนี้หลิวเฉินกังยิ้มออกเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ทำเขาประหลาดใจไม่น้อย
“ผู้ป่วยรายที่สอง ผมได้วินิจฉัยผ่านการทดสอบเคมีออกมาแล้วว่าเป็หวัดจากไวรัสกินยารักษาอย่างเดียวรักษาไม่หาย ต้องรักษาโดยการให้สารละลายทางหลอดเืดํา” เมื่อเฉินเจี่ยตี้แพ้ในรอบเล็กรอบแรก ในใจเขาอลหม่าน แต่ว่าจะตอบโต้ไม่ได้จึงเริ่มอธิบายวิธีการรักษาผู้ป่วยรายที่สอง
“ไข้หวัดที่วินิจฉัยออกมาไม่ได้แบบนั้นแล้วถ้าเจอความร้อนเข้าไปก็จะต้องสั่งยาล็อตแรกไม่ได้เพื่อให้ดีขึ้นภายในสามวันแต่เพื่อไวรัส ถ้าเพื่อไวรัสอดทนสักสองสามวันก็จะดีขึ้น ผมจะสั่งยาล็อตที่สองให้เขา เพื่อเป็การฟื้นฟู”
[1] คนที่ดูเหมือนน่ากลัวแต่อันที่จริงไม่น่ากลัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้