หลี่หรูอี้กล่าวเสียงดัง “ท่านอารองนิสัยดี แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยทำร้ายผู้อื่น วันนี้หากไม่ใช่พวกเขาลงมือก่อน ท่านอาของข้าจะลงมือตอบโต้เขาหรือ”
ทุกคนจึงพากันกล่าวว่า “ใช่แล้ว ข้าเห็นหลี่สือเติบโตมากับตา เด็กคนนี้จิตใจดี ถูกผู้อื่นด่าก็ยังไม่ด่ากลับ”
“หากเป็ผู้อื่นข้าคงไม่เชื่อ แต่หากเป็หลี่สือข้าเชื่อ หลี่สือเป็คนดีและซื่อสัตย์จริงๆ”
“หลี่สือไม่เคยทะเลาะกับผู้อื่นมาก่อน”
ชวีผิงโกรธจัด “หลี่สือลงมือทำร้ายข้าก่อนแท้ๆ! นังเด็กสมควรตาย เ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า”
หลี่หรูอี้ชี้ไปที่ชวีผิงและชวีคัง กล่าวว่า “พวกเขาสองคนตีท่านอารองของข้าแล้วยังจะตีข้าอีก โชคดีที่ท่านแม่ปกป้องข้าทัน”
“ไอ้ลูกเต่า กล้ามาทำร้ายเด็กของหมู่บ้านเราเชียวหรือ” เอ้อร์โก่วจื่อด่าไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปเตะก้นชวีคังไปครั้งหนึ่ง
ชวีคังหันไปพบว่าเป็เด็กสูงเกือบครึ่งตัว สายตาพลันฉายแววโเี้ราวกับจะกินคน หันไปคว้าคอเสื้อเอ้อร์โก่วจื่อเอาไว้ เอ้อร์โก่วจื่อรีบวิ่งหนีอย่างคล่องแคล่ว
“รังแกเด็กหรือ หน้าไม่อาย” ต้าจู้จื่อหยิบก้อนหินขนาดเท่าไข่ไก่ขึ้นมาทุบไปที่ท้ายทอยของชวีผิง
ชวีผิงหันไป เมื่อพบว่าเป็ต้าจู้จื่อก็รีบพุ่งไปคิดจะตอบโต้อีกฝ่าย
ไม่ทราบว่ามารดาของต้าจู้จื่อโผล่มาจากที่ใด ถึงกับใช้หัวโขกเข้าไปที่หน้าอกของชวีผิง ปากก็ด่าว่า “เ้ากล้าทำร้ายลูกข้าหรือ ข้าจะสู้เอาชีวิตกับเ้า!”
แม้ชวีผิงจะตัวใหญ่เพียงนี้ แต่ยังถูกมารดาของต้าจู้จื่อชนจนล้ม เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็สตรีวัยกลางคนท่าทางโกรธจัด ก็รีบลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังจะตบมารดาของต้าจู้จื่อ สตรีตระกูลหวังหลายคนก็พากันกรูเข้ามา
สตรีผู้นำเป็คนที่มีหน้าตาดุดันและกล้ามเนื้อแข็งแรง อีกทั้งยังเป็สตรีนิสัยใจร้อนนางหนึ่ง หากเป็เื่การต่อสู้ ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีใครเป็ศัตรูกับนางได้ กระทั่งบุรุษก็ยังกลัวนาง นางะโถีบชวีผิงไปครั้งหนึ่ง ชวีผิงถูกถีบจนจุกถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างอนาถ
สตรีคนอื่นๆ พุ่งเข้ามาทึ้งหัว ข่วนหน้า เตะก้นชวีผิง กระบวนท่าสำหรับวิวาทตามปกติถูกนำออกมาใช้ทุกกระบวน
“บุรุษตระกูลเราไม่อยู่ ออกไปก่อเตียงเตาที่นอกหมู่บ้าน แต่พวกเ้ากล้ามารังแกคนของหมู่บ้านเราในตอนที่บุรุษไม่อยู่ กล้ามาทำร้ายเด็กและสตรีของตระกูลเรา วันนี้หากไม่อัดพวกเ้าจนพ่อแม่จำหน้าไม่ได้ ข้าจะยอมเขียนชื่อตนเองกลับด้านเลย!”
“พวกเ้ามาทำร้ายหลี่สือถึงหมู่บ้าน ทั้งยังคิดจะทำร้ายหลี่หรูอี้และต้าจู้จื่ออีก หมู่บ้านของพวกเรารังแกง่ายหรือ”
“ข้าแก่ปูนนี้แล้วยังไม่เคยเห็นบุรุษใดหน้าด้านเพียงนี้มาก่อน”
สตรีผู้นำไม่ทราบว่าไปหยิบท่อนไม้มาจากที่ใด นางะโบอกสตรีทุกคนว่า “ถอดกางเกงพวกมันออก ให้พวกมันเดินเปลือยออกไปจากหมู่บ้านเรา”
เดิมทีชวีคังคิดจะเข้ามาช่วยชวีผิง แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ใจนถอยหลังไปถึงสองก้าว
เดิมทีเฒ่าชวีคิดจะนอนแกล้งตายอยู่บนพื้นบ้านตระกูลหลี่ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของสตรีตระกูลหวังก็ใ กลัวว่าตนจะถูกถอดกางเกงด้วย จึงรีบวิ่งออกไปพลางกล่าวว่า “ลูกข้า รีบไปเร็วเข้า สตรีหมู่บ้านหลี่บ้าไปหมดแล้ว”
ชวีผิงล้มลุกคลุกคลานฝ่าวงล้อมของเหล่าสตรีออกไป เดิมคิดว่าจะหนีออกไปได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะถูกหลี่สือวิ่งเข้ามากอดเอวจากทางด้านหลัง “หลีกไป ข้าจะฆ่าเ้า!”
เมื่อครู่หลี่สือได้รับคำสั่งจากหลี่หรูอี้มาแล้ว ไหนเลยจะยอมปล่อยมือ ถึงกับกอดชวีผิงแน่นพลางพูดว่า “เ้าเป็คนเลว คนเลวต้องได้รับกรรม”
สตรีหลายนางพากันะโโหวกเหวกพลางเดินล้อมเข้ามา สตรีที่เป็ผู้นำใช้มือทั้งสองปลดกางเกงของชวีผิงที่ผูกไว้ไม่แน่นลงด้วยท่าทางป่าเถื่อน สตรีคนอื่นต่างชี้ไปที่เป้ากางเกงของชวีผิงแล้วพากันหัวเราะอย่างดูแคลน
“อันใดกันนั่น!”
“ร่างกายสูงใหญ่เพียงนี้ แต่เ้านั่นกลับเล็กยิ่งกว่าตะเกียบ หึ!”
ชวีผิงถูกคำถากถางของทุกคนทำเอารู้สึกอับอายจนอยากตาย ถึงกับร้องไห้ออกมาราวกับหมูถูกเชือด
“หึ... ตอนนี้รู้จักร้องไห้แล้วหรือ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่” สตรีผู้นำกล่าวด้วยสีหน้าดูถูก
“ต่อไปห้ามด่าพี่ชายข้าอีก” หลี่สือคลายมือทั้งสองออก ชวีผิงน้ำตานองหน้า ใช้มือทั้งสองกุมท่อนล่างของตนไว้แล้ววิ่งออกไปท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างดูแคลนของทุกคน
สตรีบางคนหัวเราะและพูดว่า “เขาจะวิ่งไปหากางเกงใส่ที่บ้านชวีฮวาหรือไม่”
“ชวีผิงและชวีฮวาเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ นอกจากนี้ชวีฮวากลัวหวังชุนเฟิงแทบตาย จะกล้ามอบกางเกงของหวังชุนเฟิงให้ชวีผิงได้หรือ”
“วันนี้สะใภ้เฟิงไปขายเต้าหู้ที่นอกหมู่บ้าน นางไม่อยู่ในหมู่บ้าน…”
“สะใภ้เฟิงเกลียดบ้านชวีเข้ากระดูกดำ หากนางอยู่บ้าน กระทั่งเสื้อตัวบนของชวีผิงก็คงถูกถอดจนเกลี้ยง ปล่อยให้เขากลับบ้านไปตัวเปล่า”
“เสียดายเสื้อผ้าชุดนี้ของหลี่สือจริงๆ”
จากนั้นทุกคนก็พากันสลายตัวกลับบ้านไป
หลี่หรูอี้ประคองจ้าวซื่อกลับเข้าบ้านไปนานแล้ว หม่าซื่อกลัวว่าจ้าวซื่อจะใจนส่งผลต่อครรภ์จึงตามเข้ามาด้วย
หลี่หรูอี้เห็นหลี่สือกลับมาแล้ว จึงกล่าวถามไปว่า “ท่านอารอง เมื่อครู่พวกเขากล่าวอันใดกับท่านหรือ”
หลี่สือมีความทรงจำเป็เลิศ จึงบรรยายบทสนทนาระหว่างเขาและเฒ่าชวีกับลูกๆ ให้ฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
หม่าซื่อด่าพ่อลูกบ้านชวีในใจไประลอกหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เ้าก้อนหิน พวกเขาเป็คนไม่ดี หวังจะยั่วยุให้เ้าแตกหักกับพี่ชายและพี่สะใภ้ของเ้า เ้าไม่เชื่อคำพูดพวกเขานับว่าถูกต้องแล้ว”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างขุ่นเคือง “ท่านอารองของข้าไม่รู้จักพวกเขา ครอบครัวข้าก็ไม่เคยรู้จักพวกเขา พวกเขามาหาเป็ครั้งแรกก็คิดจะหลอกให้อารองแยกบ้านกับท่านพ่อแล้ว ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าด้านไร้ยางอายถึงเพียงนี้มาก่อน”
จ้าวซื่อเห็นหลี่สือมีท่าทีโมโห จึงบอกให้เขาไปดื่มน้ำหวานอุ่นๆ เพื่อคลายโทสะ หลังจากถามไถ่อาการาเ็ของเขาแล้วก็กล่าวอย่างอบอุ่นว่า “เ้ากลับห้องไปถอดเสื้อมาให้ข้าเถิด ประเดี๋ยวข้าจะเย็บให้เ้าเอง ต่อไปเ้ายังต้องใส่ตอนทำงานอีก”
หลี่สือตอบรับไปคำหนึ่งแล้วเดินออกไปจากห้องโถง หลี่หรูอี้ก็เดินตามไปเพื่อทายาให้เขา
หม่าซื่อรู้สึกไม่เป็ธรรมแทนคนบ้านหลี่ นางนั่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะออกไป ทั้งยังจงใจนำเื่พ่อลูกบ้านชวีที่มีเจตนาไม่ดี คิดสั่งสอนให้หลี่สือแยกบ้านกับครอบครัวหลี่ไปเล่าให้คนอื่นฟังอีกด้วย
“เฒ่าชวีอาศัยเงินจากการขายบุตรีมานาน บุตรีทั้งสี่ก็ขายไปหมดแล้ว คราวนี้คิดจะขายหลานสาวเชียวหรือ”
“หลี่สือทำเต้าหู้เป็ เมื่อแยกบ้านแล้วทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลหลี่ก็จะนำไปเป็สินสอดเพื่อแต่งกับชวีฟางฟาง เช่นนี้ทรัพย์สินของตระกูลและสูตรการทำเต้าหู้จะไม่ตกอยู่ในมือชวีฟางฟางจนเกลี้ยงหรือ ดูแล้วเฒ่าชวีและบุตรช่างเ้าแผนการดีจริงๆ”
“เฒ่าชวีและลูกๆ อยากได้สูตรการทำเต้าหู้ของตระกูลหลี่!”
“หากบ้านชวีได้สูตรการทำเต้าหู้ไป คนหมู่บ้านชวีก็จะมาขายเต้าหู้กันหมด คนหมู่บ้านเราจะนำเต้าหู้ไปขายให้ผู้ใด”
“ไอ้แก่ไม่ยอมตายนี่มันคิดตัดหนทางรวยของหมู่บ้านเรา”
“วันนี้ควรถอดกางเกงเฒ่าชวีให้หมดจริงๆ ให้เขาเดินเปลือยก้นออกไปจากหมู่บ้าน!”
คนตระกูลหวังไม่ใช่คนโง่ เมื่อคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก็วิเคราะห์จุดประสงค์ของพ่อลูกบ้านชวีออกมาได้ หากแผนร้ายของพ่อลูกบ้านชวีสำเร็จ ผู้ที่จะโชคร้ายไม่ใช่บ้านหลี่เท่านั้น แต่เป็คนตระกูลหวังทั้งตระกูลด้วย
สองแม่ลูกเฟิงซื่อเพิ่งกลับมาจากการขายเต้าหู้ คนในตระกูลก็มาหาราวกับฝูงผึ้ง พากันเล่าเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ฟัง ทำเอาเฟิงซื่อโกรธจัดถึงกับสบถด่าพ่อลูกบ้านชวีออกมาเดี๋ยวนั้น
“พี่สะใภ้ ท่านอาของข้าเห็นเฒ่าชวีเป็ผู้าุโคนหนึ่ง แต่ดูแล้วคราวนี้เฒ่าชวีคิดตัดหนทางร่ำรวยของตระกูลพวกเราจริงๆ”
“ท่านป้า ท่านก็คุยกับท่านลุงดีๆ เถิด ชวีซื่อตายไปหลายสิบปีแล้ว ไม่ทราบว่าไปเกิดใหม่แล้วกี่ชาติ บอกท่านลุงว่า อย่าเห็นเฒ่าชวีเป็ญาติผู้ใหญ่อีกเลย อย่าให้เขาวางแผนทำร้ายบ้านหลี่และตระกูลพวกเราได้อีก”
“เฒ่าชวีก่อเื่เช่นนี้ ข้ากลัวว่าบ้านหลี่จะไม่ยอมขายเต้าหู้ให้ตระกูลเราอีก”
คนในตระกูลพูดกันจนในหัวของเฟิงซื่อมีแต่โทสะอัดแน่น
เฟิงซื่อไม่แม้แต่จะนับเงินที่ได้จากการขายเต้าหู้ รีบวิ่งตรงไปยังบ้านหลี่ พูดกับจ้าวซื่อว่า “น้องสาว คราวนี้ผิดต่อเ้าแล้วจริงๆ ตาแก่บ้านข้าไม่อยู่ ข้าเองก็ไม่อยู่ เ้าอย่าโกรธไปเลย ข้าจะไปหาตาแก่บ้านข้า บอกให้เขาไปคิดบัญชีกับไอ้แก่ชวีไม่รู้จักตายนั่น”
ยามอาทิตย์อัสดง ในที่สุดหลี่ซานก็กลับถึงบ้าน จ้าวซื่อเล่าเื่พ่อลูกบ้านชวีให้ฟัง ทำให้เขาโกรธจนทนไม่ไหว พลันนั้นเองจ้าวซื่อก็รู้สึกเจ็บท้องอย่างมากจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้