"หยุดนะ เหลียนซานจวินวันนี้เป็วันครบรอบเจ็ดสิบปีของท่านปู่ข้า ถ้าเ้ากล้าทำเื่โอหัง อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน"
ในตอนที่เยี่ยเฉินเฟิงและเหลียนซานจวินเตรียมจะเข้าต่อสู้ฟาดฟันกัน ไป๋ซีหย่าที่ทนดูต่อไปไม่ไหวก็เข้ามายืนขวางหน้าเยี่ยเฉินเฟิง พลางกล่าวเตือนเหลียนซานจวินอย่างเสียงดังฟังชัด
สีหน้าของจีชิงเสวี่ยก็ไม่สู้ดีนัก แม้ว่านางจะไม่ชอบเยี่ยเฉินเฟิงแต่นางมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่จะคุกคามสตรีอื่นต่อหน้าผู้คนมากมาย โดยเฉพาะสตรีที่งดงามเทียบนางไม่ได้สักกระผีกคนนั้น
"ซีหย่า ข้าก็อยากจะเห็นแก่หน้าเ้าอยู่หรอกแต่ไอ้เด็กเวรนั่นมันชั่วช้าเกินไป"
เหลียนซานจวินไม่คิดว่าไป๋ซีหย่าจะออกหน้าแทนเยี่ยเฉินเฟิง โทสะภายในใจยิ่งคุกรุ่น เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
"ข้าเชื่อมั่นในตัวของเยี่ยเฉินเฟิง เขาไม่มีทางทำเื่เช่นนั้นแน่" ไป๋ซีหย่าเมินสายตาโกรธเคืองของเหลียนซานจวิน เอ่ยปกป้องเยี่ยเฉินเฟิง
"ข้าก็เชื่อว่าเยี่ยเฉินเฟิงโดนใส่ร้ายปรักปรำ หวังว่าพวกเ้าจะไม่มาหาเื่พวกเราอีกไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เ้าต้องเสียใจ" จีชิงเสวี่ยกล่าวเตือนเสียงเย็น
"เยี่ยเฉินเฟิง เ้ามันเต่าหดหัวในกระดอง เ้าทำเื่โสมมแล้วคิดจะหลบหลังกระโปรงผู้หญิงอย่างนั้นหรือ? ความอวดดีเมื่อครู่หายไปไหนหมดแล้วล่ะ เ้ายังเป็ผู้ชายอยู่หรือไม่”
เหลียนซานจวินเห็นว่าไป๋ซีหย่าและจีชิงเสวี่ยออกตัวปกป้องเยี่ยเฉินเฟิงและตั้งตัวเป็ปรปักษ์กับตนเองอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงอย่างหนัก
กล่าวได้ว่าทันทีที่เขาเลือกจะหยามเกียรติของเยี่ยเฉินเฟิง แผนที่จะใช้ดึงดูดความสนใจของจีชิงเสวี่ยก็เป็อันคว้าน้ำเหลว
“ชิงเสวี่ย ซีหย่า เป้าหมายของพวกเขาคือข้า หากพวกเขาไม่ได้ในสิ่งที่้าก็คงไม่ยอมรามือกันโดยง่ายแน่ ให้ข้าแก้ปัญหาเื่นี้เองดีกว่านะ” เยี่ยเฉินเฟิงไม่ดิ้นไปตามการยุยุงท้าทายของเหลียนซานจวิน เขากล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย
“เฉินเฟิง เหลียนซานจวินเป็ผู้ใช้อสูริญญาระดับสามเ้าไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้”
ไปซีหย่ารู้ั้แ่ก่อนหน้านี้แล้วว่าเยี่ยเฉินเฟิงไม่สามารถก่อร่างจิตอสูรได้เพราะปัญหาด้านจิติญญาจึงไม่อาจฝึกฝนบ่มเพาะพลังิญญาได้ ดังนั้นการที่เขาจะใช้พลังในฐานะมนุษย์ธรรมดาไปท้าสู้กับผู้ใช้อสูริญญาระดับสาม ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการหาเหาใส่หัวตัวเองเลยสักนิด
“วางใจได้เลย ข้ารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี” เยี่ยเฉินเฟิงเผยรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้า “เหลียนซานจวิน พวกเรามาพนันกันหน่อยดีไหม คนที่แพ้จะต้องคลานออกไปจากที่นี่ เ้าเห็นด้วยหรือไม่”
“เยี่ยเฉินเฟิง ดูเ้าจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินนะ”
เมื่อได้ยินเยี่ยเฉินเฟิงพูดถึงเื่การพนัน เหลียนซานจวินก็แอบขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย เขาเหลือบเห็นแววตาของอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ทำไม หรือเ้าไม่กล้า?” เยี่ยเฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น จงใจเลียนแบบคำพูดก่อนหน้าของเหลียนซานจวิน กล่าวถากถางอีกฝ่าย “ความอวดดีเมื่อครู่หายไปไหนหมดแล้วล่ะ เ้ายังเป็ผู้ชายอยู่หรือไม่”
“เยี่ยเฉินเฟิง ข้าอยากจะเห็นนักว่าท้ายที่สุดใครกันแน่ที่จะต้องเป็ฝ่ายคลานออกไปจากที่นี่” ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันจากผู้คนที่อยู่รอบข้าง เหลียนซานจวินถูกเยี่ยเฉินเฟิงยั่วโทสะจนขาดสติอย่างสมบูรณ์ พลังิญญามหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา
“ผสานร่างจิตอสูรเต่าดำ”
เหลียนซานจวินเพียงใช้ความคิด ร่างของเขาก็หลอมรวมเข้ากับจิตอสูรเต่าดำได้ในทันที พลังที่แท้จริงเพิ่มพูนสูงขึ้นหลายเท่าตัว เขาง้างหมัดที่เต็มไปด้วยแรงกดดันอันรุนแรงพุ่งโจมตีใส่เยี่ยเฉินเฟิง
“เ้าจะต้องสิ้นหวังกับจุดจบในวันนี้”
เยี่ยเฉินเฟิงย่ำเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ปรากฏเป็เสียงดังคล้ายอัสนีบาตรใต้ฝ่าเท้าของเขาก่อนจะเหวี่ยงมือขวาไปรับการโจมตีของอีกฝ่าย
ในจังหวะที่หมัดซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังิญญาของเหลียนซานจวินปะทะเข้ากับฝ่ามือของเขา ิัทั่วร่างของเยี่ยเฉินเฟิงก็สั่นสะท้านเบาๆ
พละกำลังขุมหนึ่งที่เหลียนซานจวินไม่อาจต้านทานไหวได้ะเิออกจากฝ่ามือของเขา
พละกำลังมหาศาลนี้ทำให้เหลียนซานจวินไม่อาจก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ซ้ำร้ายยังทำลายหมัดที่มีพลังิญญาเต็มเปี่ยมของเขาจนย่อยยับ แรงกระแทกรุนแรงจนเขารู้สึกเหมือนแขนจะแตกหัก
“เป็ไปได้อย่างไรกัน?”
เหลียนซานจวินเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าดุร้ายฉายแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด “เยี่ยเฉินเฟิงมันเป็ตัวประหลาดในร่างคนหรือไง? ทำไมพลังกายถึงได้น่ากลัวขนาดนี้”
ในขณะที่เขากำลังสติหลุดอยู่นั้นเยี่ยเฉินเฟิงก็ได้สืบเท้าเข้ามาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา เหวี่ยงกำปั้นที่มีพลังเหลือล้นใส่หน้าอกของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย เหลียนซานจวินก็รีบกระตุ้นพลังแฝงภายในร่างกายและก้าวถอยหลังหลบวูบอย่างว่องไว ขาทั้งสองข้างของเขาหมุนวนประดุจลูกข่าง ออกกระบวนท่าเตะจู่โจมต่อเนื่องถึงสิบแปดครั้ง รวดเร็วจนเกิดเป็ภาพเงาขาอันดุดันหมายมาดจะกดดันเยี่ยเฉินเฟิงให้ถอยหนี
กระบวนท่าโจมตีอย่างต่อเนื่องของเหลียนซานจวินนั้น ผู้ใช้อสูริญญาระดับสี่ทั่วไปก็ไม่อาจต้านทานได้
แต่ด้วยพลังกายเพียงอย่างเดียวเยี่ยเฉินเฟิงก็สามารถบดขยี้ผู้ใช้อสูริญญาระดับหกได้อย่างง่ายดายแล้ว เขาจึงแทบจะเมินเฉยต่อการโจมตีของเหลียนซานจวิน
ได้ยินเพียงเสียง “ปัง ปัง” ดังขึ้น เยี่ยเฉินเฟิงพุ่งประชิดเงาขาอันดุดันเขาใช้หมัดที่มีพลังกดทับเต็มเปี่ยมต่อยกระบวนท่าเงาขาของเหลียนซาน จวินจนย่อยยับ และคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าของอีกฝ่าย
ครู่ต่อมา ิัทั่วร่างของเขาก็สั่นะเืเลื่อนลั่นอีกครั้ง พลังกายมหาศาลกดทับพลังิญญาของเหลียนซานจวินได้ในเสี้ยวพริบตา เยี่ยเฉินเฟิงสะบัดไหล่ขวาอย่างดุดัน กระชากร่างของอีกฝ่ายทุ่มลงพื้นอย่างหนักหน่วง
“เต่าดำ โจมตี!”
ในเสี้ยววินาทีที่ร่างกระแทกพื้น เหลียนซานจวินได้กัดฟันเค้นพลังเรียกจิตอสูรเต่าดำออกมาทำการจู่โจมเยี่ยเฉินเฟิงในระยะประชิด
“เฉินเฟิง ระวัง”
จีชิงเสวี่ยใจหล่นวูบเมื่อเห็นเยี่ยเฉินเฟิงตกอยู่ในอันตราย พลังิญญาในห้วงสมองแผ่ซ่านออกมาหลอมรวมเป็จิตอสูรวิหคน้ำแข็ง เตรียมจะเข้าไปช่วยเหลืออีกฝ่าย
“แหลกไปซะ”
เยี่ยเฉินเฟิงบ่มเพาะพลังด้วยทักษะกลืนิญญา เขาจึงมีประสาทััเหนือกว่าคนทั่วไป ในเสี้ยววินาทีที่เหลียนซานจวินควบคุมจิตอสูรให้พุ่งโจมตี เขาจึงไหวตัวทันและสวนกลับได้
เยี่ยเฉินเฟิงเหวี่ยงหมัดที่มีพละกำลังมากถึงสองพันห้าร้อยจินใส่จิตอสูรเต่าดำเข้าอย่างจัง
เต่าดำแม้จะเป็เพียงจิตอสูรแต่พลังป้องกันของมันก็เหนือชั้นกว่าจิตอสูรทั่วไปหลายเท่า ขนาดผู้ใช้อสูริญญาระดับสี่ยังทำลายเกราะป้องกันของมันได้ยากเลย
แต่เมื่อต้องรับการโจมตีจากหมัดที่มีพลังสองพันห้าร้อยจินของเยี่ยเฉินเฟิง กระดองที่แข็งแกร่งของเต่าดำก็เริ่มปรากฏรอยปริแตกคล้ายกระจกที่มีรอยร้าว ท้ายที่สุดจิตอสูรเต่าดำก็แผดเสียงคำรามอย่างทุกข์ทรมาน ร่างะเิออกเป็เสี่ยงๆ
“เงาร่างเช่นนี้...”
ไป๋ซีหย่าที่ได้เห็นเยี่ยเฉินเฟิงใช้หมัดโจมตีจิตอสูรเต่าดำจนร่างะเิกับตาตัวเอง ทำให้นางเห็นภาพของใครบางคนซึ่งวนเวียนอยู่ในห้วงความฝันของนางขึ้นมา
ความคิดที่เคยปัดทิ้งไปเมื่อก่อนหน้านี้ถูกดึงกลับเข้ามาอีกครั้ง นางมีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าเยี่ยเฉินเฟิงก็คือท่านหมอเฉินผู้นั้น
“พรวด”
จิตอสูรเต่าดำถูกทำลายจนย่อยยับ เหลียนซานจวินที่ถูกพลังิญญาสะท้อนกลับ เส้นเืจำนวนมากภายในสมองก็ะเิออก เขากระอักเืก้อนใหญ่ออกมาทางปาก
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า ตี๋วั่นเสียนที่กำลังรอชมเื่สนุกสนานก็เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นทั้งอ่าง ร่างกายสั่นสะท้านแววตาคล้ายคนโง่งม
ส่วนหญิงสาวที่ร่วมกันใส่ร้ายเยี่ยเฉินเฟิงก็ถึงกับหน้าเผือดสี กระวนกระวายไม่เป็สุข ไม่กล้าสบสายตาของเยี่ยเฉินเฟิงตรงๆ เลยด้วยซ้ำ
“เหลียนซานจวินเท่านี้พวกเราก็รู้ผลแพ้ชนะแล้ว เ้าจงรีบคลานออกไปจากที่นี่ซะ” เยี่ยเฉินเฟิงยืนเอามือไพล่หลัง ปรายสายตาเ็ามองเหลียนซานจวินที่าเ็สาหัสเืออกเจ็ดทวาร ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“เยี่ยเฉินเฟิง ข้าขอเตือนเ้าไว้เลยนะว่า คิดจะทำอะไรจงเหลือทางลงไว้ให้ตัวเองบ้าง มิฉะนั้นเ้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”
ให้เขาคลานออกจากตระกูลไป๋ราวกับสุนัขจนตรอกเช่นนี้ มิสู้ปลิดชีพเขาให้จบๆ ไป หากเขาบ้าจี้ทำตามจริงๆ คงได้กลายเป็ตัวตลกของคนทั้งเมืองแน่
“ข้าไม่ชอบพูดซ้ำเป็รอบที่สอง ถ้าเ้าไม่ยอมคลานออกไปดีๆ ข้าคงต้องลงมือด้วยตัวเอง” เยี่ยเฉินเฟิงหรี่ตาจนกลายเป็เส้นตรง ประกายแสงคมกริบดุจใบมีดฉายชัดออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า
“เ้า...”
เหลียนซานจวินที่รับรู้ถึงสายตาน่ากลัวของเยี่ยเฉินเฟิงก็เกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจลำบาก สองขาสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุม
“หยุดนะ!”
ในตอนที่เหลียนซานจวินทนรับแรงกดดันจากพลังกายของเยี่ยเฉินเฟิงไม่ไหวและไม่รู้จะต้องทำอย่างไรต่อไปดี น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของใครบางคนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
เหลียนวั่นซงผู้เป็ทั้งประมุขตระกูลเหลียนและบิดาของเหลียนซานจวิน ได้พายอดฝีมือจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาพร้อมโทสะที่คุกรุ่น
