บทที่ 9 : โมเดลธุรกิจใหม่ (The Refurbish Business)
เงิน 3 หมื่นบาทที่เสียไปให้แก๊งหมวกกันน็อค คือกำไรเกือบทั้งหมดที่หาได้ใน 2 วันที่ผ่านมา สถานะการเงินกลับมาแดงเถือกอีกครั้ง
คืนนั้น ลินดาเรียกประชุม "ทีมยุทธศาสตร์" (ซึ่งมีแค่เธอกับกล้าหาญ) ในห้องทำงาน
"ขายวิทยุอย่างเดียวไม่พอแล้วพี่กล้า" ลินดากางบัญชีให้ดู "เรามีหนี้รายวัน ดอกเบี้ยวิ่งทุกวินาที แต่ของขายเรามีจำกัด วิทยุเหลืออีกแค่ 200 ตัว ขายหมดก็จบกัน"
"เราผลิตเพิ่มไม่ได้เหรอครับ?"
"ไม่ได้ ไม่มีเงินซื้ออะไหล่ใหม่... เราต้องหาทางเพิ่มมูลค่าจากสิ่งที่มี"
ลินดาเดินไปที่ไวท์บอร์ด เขียนคำว่า "Refurbish" (บูรณะสภาพ)
"พี่กล้า... ในนิคมฯ นี้มีโรงงานกี่แห่งที่กำลังจะเจ๊ง?"
"เยอะครับ... โรงงานของเล่น โรงงานพัดลม โรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้า... ปิดตัวกันระนาว"
"แล้วของในโกดังพวกเขาล่ะ?"
"ก็คงทิ้งไว้ให้ฝุ่นจับ หรือรอเ้าหนี้ยึด"
"นั่นแหละขุมทรัพย์!" ลินดาตาเป็ประกาย "เราจะไปรับซื้อ 'ของเสีย' หรือ 'ของค้างสต็อก' จากโรงงานพวกนั้นในราคาเศษเหล็ก... เอามาซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ ขัดสีฉวีวรรณ แล้วเอาไปขายตลาดนัดในราคาถูก!"
"พัดลมเก่าที่มอเตอร์ไหม้... เราพันขดลวดใหม่ได้" "ของเล่นใส่ถ่านที่เฟืองรูด... เรากลึงเฟืองใหม่ใส่ได้" "เตารีดที่สายขาด... เราเปลี่ยนสายได้"
"เราจะเปลี่ยนโรงงานรุ่งโรจน์จาก 'ผู้ผลิต' เป็ 'โรงพยาบาลเครื่องใช้ไฟฟ้า' ชั่วคราว!"
กล้าหาญฟังแล้วขนลุกซู่ ไอเดียนี้มันบ้าบิ่น แต่เป็ไปได้จริง เพราะโรงงานเขามีทั้งเครื่องมือและคนงานที่มีฝีมือ พร้อมจะซ่อมทุกอย่างในโลกอยู่แล้ว
"เอาจริงดิคุณลิน? งานจับฉ่ายเลยนะนั่น"
"จับฉ่ายแต่ได้ตังค์พี่เอาไหมล่ะ?"
"เอาครับ! สั่งมาเลยลูกพี่!"
วันรุ่งขึ้น กล้าหาญขับรถกระบะตะลอนไปทั่วนิคมฯ ติดต่อขอเหมาซื้อซากเครื่องใช้ไฟฟ้าจากโรงงานที่กำลังปิดกิจการ ได้พัดลมมา 100 ตัว, เตารีด 50 ตัว, ไดร์เป่าผม 30 ตัว... ทั้งหมดในราคา 5,000 บาท
ไลน์ผลิตเปลี่ยนสภาพอีกครั้ง กลายเป็ "โรงซ่อมสารพัดนึก" คนงานพันมอเตอร์พัดลมอย่างเมามันส์ ป้าเพ็ญเช็ดทำความสะอาดพลาสติกจนเงาวับ ลินดาใช้ [System] สแกนหาวิธีซ่อมที่เร็วและประหยัดที่สุด เขียนเป็คู่มือแปะข้างฝา
ภายใน 3 วัน... ขยะกองโตกลายเป็สินค้ามือสองสภาพนางฟ้า พร้อมออกสู่ตลาดนัดคนจนที่กำลัง้าของราคาถูก
