ขนนกยูงพุ่งตรงไปยังหลี่ฮ่าวหราน พร้อมพลังทำลายล้างมหาศาล ชนิดสะท้านฟ้าะเืดิน หินจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่เบื้องล่าง ถูกแรงกดดันอันทรงพลังบดขยี้จนแหลกเป็จุณ
“อสูรเมฆาที่คุณชายเก้าควบคุมอยู่ คือจักรพรรดิเซียนต้าิหรือนี่?” กู่ไห่เอ่ยอย่างประหลาดใจ
ความร้ายกาจของอสูรเมฆาร่างั์ที่อัญเชิญขึ้นมานั้น จะขึ้นอยู่กับทักษะหมากล้อม และจินตนาการของผู้ควบคุมค่ายกล อีกทั้งคนผู้นั้นยังต้องผสานจิตใจกับอสูรเมฆาของตนด้วย
ซึ่งกู่ไห่ก็เลือกที่จะผสานเป็หนึ่งกับขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ เซี่ยงอวี่ ส่วนของคุณชายเก้า กลับเป็ถึงจักรพรรดิเซียนต้าิผู้ทรงอำนาจคนนั้น!
เมื่อหลี่ฮ่าวหรานมองดูขนนกยูงตรงหน้า ก็รู้ได้ทันที ว่านี่ยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของอีกฝ่าย
จักรพรรดิเมฆาก้มตัวลง แล้วปราดเข้าปะทะอย่างรุนแรง ขนนกพุ่งเข้าตัดกระบี่ทองคำขนาดใหญ่จนลอยกระเด็น
ตูม!
กระบี่ยาวสีทองกระแทกกับขนนกยูงอย่างจัง จนเกิดลมพายุพัดกระหน่ำ สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว
“ว่าอย่างไรล่ะ ท่านผู้บัญชาการเฉินจีหยิง? ฮ่าๆๆ!” คุณชายเก้ากล่าว พลางหัวเราะเสียงดัง
“หึ!” หลี่ฮ่าวหรานแค่นเสียง แสงสีทองพร่างพราวพลันปรากฏขึ้นทั่วร่าง ก่อนที่เขาจะทะยานเข้าใส่แพนหางนกยูงขนาดใหญ่
ตูม!!!
ทันใดนั้น แสงสีทองและแสงสีขาว ก็ะเิขึ้นกลางกลุ่มขนนกยูง กระบี่สีทองยังคงพุ่งเข้ามา จนทำให้เศษหินและเขม่าดินปลิวว่อน
เดิมที เคยมีกองกำลังขนาดใหญ่ล้อมรอบ ในตอนนี้กลับเหลือเพียงฝุ่นควันและเศษหินเต็มไปหมด เหล่าผู้ฝึกตนจึงพากันมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าไปชั่วขณะ
“ถอย!” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ เมื่อรวบตัวหลงหว่านชิงได้ ก็เร่งพาคนใต้อาณัติล่าถอยอย่างว่องไว
“กู่ไห่ ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดของเ้า!” หญิงสาวเอ่ย
“ถังจู่ หวังว่าข้าจะผิดจริงๆ อย่างที่ท่านว่า” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
ผู้คนต่างะโหลบอย่างรวดเร็ว
ตูม!!!!
การต่อสู้ระหว่างคุณชายเก้าและหลี่ฮ่าวหราน ยิ่งทวีความรุนแรง ลานต่อสู้ตรงหน้าเริ่มวุ่นวายมากขึ้น
“เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” กู่ไห่ถาม พร้อมมองไปยังกู่ฉิน
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียนได้ส่งองครักษ์สามคน เข้ามารักษาตัวที่คฤหาสน์สกุลกู่ของเรา ก่อนที่เขาไปตามหาประมุขหออี้ผินต่อ แต่หลังจากที่ได้รับจดหมายจากท่านพ่อ ข้าก็ได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว
เดิมทีท่านซ่างกวนตั้งใจจะเดินทางมากับฮวางบูแค่สองคน ทว่าองครักษ์ทั้งสาม ยินยอมที่จะให้พวกเรายืมเรือเหาะของท่านประมุขหออี้ผิน อีกทั้งเรือเหาะนี้ก็เร็วมาก ข้าจึงติดตามมาด้วย แต่เมื่อมาถึงกลับถูกขัดขวางเอาไว้โดยค่ายกลูเาของสำนักติงหลง จนเกิดเื่ขึ้น จึงเข้ามาได้” กู่ฉินอธิบาย
“ตอนที่ข้าเห็นเ้า ยังนึกว่าตัวเองเข้าใจผิด” กู่ไห่บอก พลางยกยิ้ม
“ทันทีที่เห็นท่าน ข้าก็ให้ท่านซ่างกวนและพวกช่วยกันวางค่ายกล” กู่ฉินพูดกลั้วหัวเราะ
“ซ่างกวนเหิน ช่วยจัดการกับร่างของติงรุ่ยทีเถอะ” กู่ไห่กล่าว พลางมองอีกฝ่าย
“อย่ากังวลเลยนายท่าน ข้าได้จัดเตรียมที่เก็บศพเรียบร้อยแล้ว” ซ่างกวนเหินพูดเสียงทุ้ม
กู่ไห่พยักหน้ารับ การมีคนผู้นี้อยู่ด้วย ทำให้เขาโล่งใจได้ไม่น้อย
หลงหว่านชิงจ้องมองการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปอย่างเป็ห่วง
คนกลุ่มหนึ่งเริ่มล่าถอยกลับไปอีกครั้ง
ตูม!!!
นี่เป็การต่อสู้ที่ดุเดือดมากจนถึงขีดสุด คนของเฉินจีหยิงพยายามอย่างหนัก ที่จะฝ่าเข้าไปช่วยผู้บัญชาการของตนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกบีบให้ถอยร่นออกมา พวกเขาจึงอดหวาดวิตกไม่ได้
เพราะรอเช่นนี้มานานถึงหนึ่งชั่วยามเห็นจะได้แล้ว…
ฟิ้ว!
จู่ๆ ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นบนท้องนภา
... เป็เรือเหาะลำหนึ่ง ซึ่งกำลังมุ่งตรงมานั่นเอง
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียน!” กู่ไห่ร้องเรียก
เรือเหาะแล่นมาตรงหน้ากู่ไห่ ทันใดนั้น ผู้ทรงศีลก็หันไปมองหลงหว่านชิงด้วยความประหลาดใจ
... กระบี่โลหิตในมือกู่ไห่ พาดอยู่บนลำคอของถังจู่?
“ไต้ซือหลิวเหนียน ท่านประมุขหออี้ผินผู้นี้ ขอมอบให้ท่านแล้ว ตอนนี้ก็ถือได้ว่า ข้าตอบแทนบุญคุณของถังจู่สำเร็จเรียบร้อย” กู่ไห่เอ่ย พลางยกยิ้ม และปล่อยหญิงสาวให้เป็อิสระ ตามที่ตนเคยบอกไว้
“หึ!” ไต้ซือดันร่างหญิงสาว ไปหลบที่ด้านหลังของตนอย่างปกป้อง
“ถังจู่ ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?” ผู้ทรงศีลถามอย่างกังวล
ทว่า หลงหว่านชิงกลับเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านไต้ซือหลิวเหนียน ช่วยจับเ้าบ้ากู่ไห่ให้ข้าที”
“ถังจู่! พ่อของข้าช่วยท่านไว้ต่างหากเล่า!” กู่ฉินพูดเสียงดังอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใด
“โอ้!” ไต้ซืออุทานด้วยความสงสัยเล็กน้อย ต่อสิ่งที่ได้ยิน เมื่อหันไปมองอีกทาง ก็พบว่าเรือเหาะของเฉินจีหยิงจอดอยู่ไม่ไกล
“เขาช่วยข้าไว้ก็จริง แต่ก็ถือว่าทำผิดอยู่ดี! ท่านไต้ซือหลิวเหนียนได้โปรดจับกู่ไห่ที... มิเช่นนั้น ข้าคงไม่สบายใจ!” หญิงสาวขอร้อง
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” ไต้ซือนึกเคลือบแคลงใจ
แม้หลงหว่านชิงจะโมโห แต่ก็ดูออกว่าขุ่นเคืองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งกู่ไห่ก็มิได้คิดจะปกปิดอะไร จึงเล่าเื่ทั้งหมดให้อีกฝ่ายได้รับรู้ั้แ่ต้น
“โอ้! หรือนั่นคือหลี่ฮ่าวหราน?” ผู้ทรงศีลถาม พลางเหลือบมองไปอีกทาง
“ถังจู่ แม้ท่านจะโกรธ แต่ตอนนี้ไต้ซือหลิวเหนียนก็มาอยู่ที่นี่แล้ว และข้าก็ได้ทำตามความตั้งใจของตัวเองเรียบร้อย หาก้าจับกุมข้าก็ย่อมได้ แต่ที่ข้ากักตัวท่านไว้นั้น ก็เป็เพราะ้าตอบแทนบุญคุณ เมื่อไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ข้า กู่ไห่ ก็ไม่มีอะไรจะร้องขออีก
กระบี่โลหิตเล่มนี้ ขอคืนให้ท่าน นอกจากนี้ ยังมีป้ายหัวหน้าสังกัดวารี รอให้ข้านำสิ่งของข้างในออกมาก่อน ก็จะส่งมันกลับคืนไปเช่นกัน” กู่ไห่กล่าว พร้อมกับหยิบป้ายประจำตำแหน่งขึ้นมา
“ท่านกู่ ท่านจะทำอะไรน่ะ?” ไต้ซือทักท้วง
“หืม?”
“ท่านกู่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็เพราะท่าน้าจะปกป้องถังจู่ เช่นนี้แล้ว ถังจู่จะโกรธเคืองท่านได้อย่างไร? แม้จะส่งคืนป้ายประจำตำแหน่ง แต่ถึงอย่างไร ท่านก็คือหัวหน้าสังกัดวารีอยู่ดี และจะไม่มีใครสามารถลบล้างเื่นี้ได้” ผู้ทรงศีลเตือนสติชายตรงหน้า
ได้ยินเช่นนั้น กู่ไห่จึงขมวดคิ้วแน่น เหมือน้าจะพูดบางอย่าง
“ท่านถังจู่!” ไต้ซือหลิวเหนียนจ้องหญิงสาว สีหน้าตึงเครียดโดยไม่อาจปิดบัง
“ข้า... ข้าไม่ได้บอกว่าจะปลดเขาเสียหน่อย!” หลงหว่านชิงรู้สึกขัดใจเล็กน้อย
“ท่านกู่ ได้โปรดนำกลับคืนไปเถอะ ยามนี้พวกเรากำลังเดือดร้อน ท่านยังต้องแบกรับหน้าที่นี้ต่อไป อีกทั้งถังจู่ก็มิได้รับรู้ความเป็ไปของโลกใบนี้มากเท่ากับท่าน คงต้องพึ่งพาท่านกู่อีกมาก โปรดอย่าได้พูดถึงการคืนแผ่นป้ายนี่อีกเลย!” ไต้ซือกล่าว น้ำเสียงจริงจัง
“แต่...” กู่ไห่มองไปยังหญิงสาว
ท่าทีของนาง ดูจะเสียใจอย่างไม่อาจปกปิด ทั้งยังรับรู้ได้ถึงสายตาของผู้ทรงศีล ที่กำลังมองมาที่ตัวเองอย่างเข้มงวด
หลงหว่านชิงมีสีหน้างอง้ำ ก่อนเอ่ย “เอาตามที่ท่านไต้ซือว่า!”
กู่ไห่มองอีกฝ่ายด้วยความกังขา
“ท่านกู่ เก็บมันไว้เถอะ ทั้งถังจู่และข้า ได้เคยรับปากเอาไว้แล้ว ว่าจะจัดการเื่นี้ด้วยตัวเอง” ไต้ซือบอก
“เข้าใจแล้ว! เช่นนั้นข้าจะเก็บมันไว้ แต่ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว ส่วนกระบี่โลหิตเล่มนี้ ข้าขอส่งคืนท่านประมุขหออี้ผิน” กู่ไห่กล่าว พลางเก็บป้ายประจำตำแหน่งเอาไว้ และมอบกระบี่โลหิตกลับคืนไป
ไต้ซือหลิวเหนียนเห็นเช่นนั้น ก็หันไปมองหญิงสาวอย่างเคร่งขรึม
หลงหว่านชิงมองกู่ไห่ด้วยความรู้สึกผิด “ท่านกู่... กระบี่โลหิตนี่ ท่านเก็บเอาไว้เถอะ!”
“หือ?” กู่ไห่ได้ยินเช่นนั้น ก็นึกแปลกใจ หันไปมองผู้ทรงศีลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่เข้าใจเท่าใดนัก
บัดนี้ เขาตระหนักได้ว่า แม้ท่านไต้ซือหลิวเหนียนจะดูใจดีขนาดไหน แต่เมื่อตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว ศิษย์อย่างหลงหว่านชิง ก็ไม่อาจขัดอะไรได้ ท่านไต้ซือสอนอะไรหลายอย่างให้นางจริงๆ
แม้ในยามที่ศิษย์พลาดพลั้ง ผู้เป็อาจารย์ก็ยังเข้ามาช่วยแก้ไขให้ทันที
“ท่านกู่ หากไม่ใช่เพราะท่าน คราวนี้ ถังจู่คงจะตกอยู่ในอันตรายแน่ กระบี่โลหิตเล่มนี้ แม้จะมีค่ามหาศาล แต่ก็ไม่อาจเทียบกับชีวิตของถังจู่ได้ ท่านเก็บมันไว้เถอะ แล้วค่อยส่งคืน ในยามที่ถังจู่หรือท่านตา้า นี่ถือเป็การขอบคุณสำหรับเื่ในวันนี้” ไต้ซือกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ได้! ขอบคุณท่านไต้ซือและถังจู่” กู่ไห่เอ่ย พลางค้อมศีรษะ
แล้วไต้ซือหลิวเหนียนก็สอบถามเื่ราวต่างๆ โดยละเอียดจากหลงหว่านชิง จากนั้น สายตาของท่านไต้ซือ ก็เอาแต่วนเวียนมายังกู่ไห่เป็ระยะๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ตูม!
ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังสนั่นในบริเวณที่อยู่ไกลออกไป เศษหินมากมายกระจัดกระจายจากแรงะเิมหาศาล การต่อสู้ระหว่างหลี่ฮ่าวหรานและคุณชายเก้าสิ้นสุดลง พร้อมหมอกหนาที่ค่อยๆ จางหาย
บนยอดูเาสองลูกนั้น ลูกหนึ่งมีหลี่ฮ่าวหรานในชุดเกราะสีทอง ซึ่งกำลังทอดมองคุณชายเก้าในขุดสีขาว ที่อยู่บนยอดเขาอีกลูก
ทั้งสองไร้ซึ่งการร่องรอยการาเ็ใดๆ…
“ศิษย์อี้เทียนเก๋อ?” หลี่ฮ่าวหรานเอ่ยเสียงเย็น
คุณชายเก้ายิ้มบางๆ ก่อนกล่าว “ในตอนนั้น เ้าเคยพูดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า หากไม่ใช่เพราะท่านผู้เฒ่า เ้าคงเลื่อนระดับพลังไปแล้ว ในสายตาของผู้คนในอี้เทียนเก๋อ ข้าช่างอ่อนแอนัก แล้วตอนนี้ล่ะ เ้าคิดอย่างไรกับข้า?”
หลี่ฮ่าวหรานยกยิ้มเศร้า พลางถาม “เ้าคือใครในอี้เทียนเก๋อ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
เห็นได้ชัดว่าศึกครานี้ หลี่ฮ่าวหรานเสียเปรียบคู่ต่อสู้ตรงหน้า
“ตอนนั้น ข้ายังเป็เพียงเด็กน้อย ทั้งอันดับของข้าก็อยู่ท้ายสุดของรุ่น” คุณชายเก้าตอบกลั้วหัวเราะ
คุณชายเก้าผู้อยู่อันดับสุดท้ายผู้นี้…
“ท้ายที่สุดอย่างนั้นหรือ?” หลี่ฮ่าวหรานกล่าว สีหน้าในตอนนี้ไม่ค่อยจะน่าดูเสียเท่าใดนัก
“ฟู่!”
ทันใดนั้น คนใต้อาณัติของคุณชายเก้า ก็โผล่มาที่ด้านหลังของเขา ชายหนุ่มะโขึ้นเรือเหาะ ก่อนจะหันมาถามอีกฝ่าย “อยากไปด้วยกันไหม?”
หลี่ฮ่าวหรานเหลือบมองอย่างเ็า
“แต่ถึงจะไป... เ้าก็คงช่วยอะไรข้าไม่ได้ จริงหรือไม่?” คุณชายเก้าพูด พลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ฮึ่ม!” หลี่ฮ่าวหรานสบถอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
คุณชายเก้าหันไปยังกู่ไห่
“กู่ไห่ ท่านเป็หนี้ชีวิตข้าครั้งหนึ่ง” คุณชายเก้าเอ่ย ก่อนหัวเราะร่า
หลี่ฮ่าวหรานก็หันไปมองกู่ไห่ ก่อนจะเห็นผู้ทรงศีลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงค้อมศีรษะให้
กู่ไห่มองกลับไปยังคุณชายเก้า พร้อมกล่าวอย่างสุภาพ “ขอบคุณ... วันข้างหน้า หากมีโอกาส ข้าต้องตอบแทนท่านแน่!”
“ฮ่าๆๆๆๆ! เ้าสัญญาแล้วนะ การเดินทางมาเกาะจิ๋วหวู่ครั้งนี้ คุ้มค่ายิ่ง หากแต่ล่าช้านัก... ได้เวลาออกเดินทางแล้ว! ไว้เจอกันอีกครั้งที่แผ่นดินเสินโจว” คุณชายเก้าพูด พลางหัวเราะ
ฟิ้ว!
เรือเหอะพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่เฝ้ามองจนอีกฝ่ายลับตาไป ก่อนจะรับรู้ได้ถึงสายตาของผู้ฝึกตนโดยรอบ ที่กำลังมองมาอย่างสนใจใคร่รู้
“กู่ไห่ไม่ใช่ศิษย์อี้เทียนเก๋อหรอกหรือ?”
“เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น กู่ไห่และศิษย์อี้เทียนเก๋อสนิทกันอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านผู้นั้นเป็ใครกัน? หลี่ฮ่าวหรานจะไปช่วยเขาทำอะไร?”
ผู้ฝึกฝนทั้งหลายยังคงแสดงความอยากรู้อยากเห็น ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กู่ไห่และไต้ซือหลิวเหนียน เหลือบมองหลงหว่านชิง
“ผู้บัญชาการหลี่... มิใช่ว่าก่อนหน้านี้ ท่าน้าจะพาถังจู่ไปเยี่ยมเยือนสำนักหมู่ตานหรอกหรือ? เช่นนั้น ข้าจะไปด้วย หวังว่าท่านผู้บัญชาการหลี่จะไม่ขัดข้องอะไร” ไต้ซือกล่าว พร้อมยกยิ้มบางๆ ไปให้
หลี่ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสกัดกั้นอารมณ์ลึกๆ ในใจ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ดูจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก ก่อนตอบ “ข้าจะกล้าขัดท่านไต้ซือหลิวเหนียนได้อย่างไร? คงไม่มีสิ่งใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว”
จากนั้น จึงหันมาหากู่ไห่ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านกู่ไห่ ช่างมีความสามารถยิ่ง”
“ท่านผู้บัญชาการหลี่ ชมเกินไปแล้ว” กู่ไห่ถ่อมตัว
“ท่านกู่ ท่านจะไปกับพวกเราหรือไม่?” หลี่ฮ่าวหรานถาม น้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ละ! ข้าไม่สนใจชีพจรั” กู่ไห่ปฏิเสธ พลางส่ายหน้า
“หือ?” หลี่ฮ่าวหรานแปลกใจเล็กน้อย
“ถังจู่ ไต้ซือหลิวเหนียน กู่ไห่ต้องขอตัวลาท่านทั้งสองไปก่อนแล้ว” กู่ไห่อำลาอย่างสุภาพ ก่อนนำกลุ่มคนใต้อาณัติออกไป
หลงหว่านชิงมองร่างอีกฝ่ายที่เดินจากไปไกล ภายในดวงตาสั่นไหว ฉายแววเสียใจและอับอายอย่างปิดไม่มิด หลังจากได้ฟังคำอธิบายของกู่ไห่และท่านไต้ซือ ยามนี้ หญิงสาวก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ถึงการกระทำของกู่ไห่ใน่เวลานั้น…
ตอนที่ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางเข้าไปยังสำนักชิงเหอ สำนักซ่งเจี่ย และสำนักติงหลง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็ถ้ำเสือแดนั แต่กู่ไห่ก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วยเหลือตน แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม แต่สุดท้าย นางก็เอาแต่กล่าวโทษเขา…
“กู่ไห่... ข้าขอโทษ!” หญิงสาวะโไล่หลังไป
ชายหนุ่มชะงัก หันหน้ากลับมายิ้มรับคำขอโทษของอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ ก่อนที่จะพยักหน้าตอบ แล้วจึงนำกู่ฉิน และกลุ่มคนใต้บังคับบัญชาของตนจากไปอย่างรวดเร็ว