อวิ๋นซียกชุดที่หลิงเยว่เซวียนเย็บปักให้ขึ้นมาดู แววตาแฝงความคิดอันซับซ้อนไม่ชัดเจนนางถอนใจเบาๆ จากนั้นก็วางชุดไว้อีกด้านหนึ่ง เพียงมองก็ดูออกได้ไม่ยากว่า ชุดนี้นั้นหลิงเยว่เซวียนต้องอดหลับอดนอนทำออกมา
หากจะบอกว่า ตัวนางไม่แม้แต่จะซาบซึ้งก็คงเป็คำโกหกดีๆ นี่เองอย่างไรเสีย เื่ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจะให้โทษอีกฝ่ายก็ไม่ได้ เพราะเหตุที่คนต้องสูญเสียความทรงจำไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะตั้งใจให้เป็อีกทั้ง คำที่นางพูดกับอวี๋อ๋องเ่าั้ก็ล้วนมาจากใจจริง ยามนี้นาง้าแค่ให้หลิงเยว่เซวียนมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีและหากมีวันใดที่อวี๋อ๋องมิอาจทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ได้ ในวันนั้นนางจะไม่สนว่าเขาเป็เสด็จอาและยิ่งจะไม่สนสายตาของคนทั่วหล้า จักต้องพาคนกลับมาอยู่ข้างกายตนอีกครั้งให้ได้
ถึงกระนั้นนางก็ได้แต่หวังว่า ขออย่าให้วันนั้นมาถึงเลย เพราะนางเองก็ไม่้าเห็นมารดาที่จิตใจดีมีเมตตาเช่นนี้ถูกทำร้ายอีก
นางหันมองจวินเหยียน พูดเสียงเ็า “ข้า้าให้ครอบครัวของเจิ้งอ๋องไม่ได้อยู่ดีมีสุขความทุกข์ตรมที่ตอนนั้นมารดาข้าต้องรับมา ในวันหน้าข้าจักต้องเอาคืนกลับมาเป็สิบเท่า”ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเจิ้งอวี้เชียนสืบหาและลอบติดตามมารดาจนมาถึงดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือทั้งยังข่มขู่ให้คนต้องเลือกทาง ถ้าไม่มีเจิ้งอ๋องนั่นเข้ามาแต่แรก นางก็คงไม่ต้องบ้านแตกและมามีจุดจบเช่นนี้
เื่ทั้งหมดนี้จะให้บิดาทนรับอยู่คนเดียวเงียบๆ ต่อไปไม่ได้แล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเื่ในตอนนั้นทั้งหมดจักต้องได้รับผลไปด้วยกันหวังว่า ความเกรี้ยวกราดของอวิ๋นซี คนเ่าั้จะรับไหว
จวินเหยียนพยักหน้า “ได้”
เจิ้งอ๋องนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับรัชทายาท ไม่ช้าก็เร็วต่างฝ่ายต่างก็ต้องเข้าปะทะกันอยู่ดีเมื่อถึงตอนนั้นจวนเจิ้งอ๋องเองก็ต้องถูกกำจัด ดังนั้น ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ถือโอกาสนี้ทวงคืนความยุติธรรมให้บ้านอาซีไปด้วยเลย
จวินเหยียนนำพู่กันออกมา เขียนรายนามมากมายลงไปบนกระดาษเซวียนจื่อ ชื่อเหล่านี้ล้วนเป็บรรดาคนที่ภักดีต่อรัชทายาทโอวหยางเทียนหัวยิ่งกว่านั้น จวินเหยียนยังใช้พู่กันที่แต้มหมึกชาดวาดลงไปบนนามของเจิ้งอ๋อง
เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้น ในใจก็อดยิ้มบางๆ ไม่ได้ ดูท่าบุรุษผู้นี้เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงแล้วคงตั้งใจจะเปิดมีดด้วยคนจากจวนเจิ้งอ๋องเป็อันดับแรก
ทันทีที่จวินเหยียนวางพู่กันลงก็เอ่ยปากพูดเรียบๆ “เจิ้งอวี้เชียน มีกำลังทหารจากทัพหู่เว่ยอยู่ในมือห้าหมื่นนายคนผู้นี้คือหนึ่งในคนที่โอวหยางเทียนหัวให้ความสำคัญ ซึ่งบุตรีของเขาในอีกยี่สิบวันให้หลังก็จะถูกแต่งเข้าจวนรัชทายาทเป็ชายารอง คนผู้นี้คือคนของฝั่งรัชทายาทอย่างแท้จริง”
อวิ๋นซีหัวเราะหึหึ “ยี่สิบวันให้หลัง? ดียิ่ง ถ้าเช่นนั้นตัวข้าในฐานะน้องสะใภ้ก็ควรจะมอบของขวัญใหญ่ให้องค์รัชทายาทสักชุด”
จวินเหยียนฟังคำพูดของอวิ๋นซีไปพลางเก็บข้าวของบนโต๊ะให้เรียบร้อยไปพลางจากนั้นก็ดึงคนเข้ามาในอ้อมแขนตน “เ้าว่า หากอำนาจการทหารในมือเขาเปลี่ยนเ้าของเล่ารัชทายาทจะเป็เช่นไร? ”
“คนคงต้องตื่นตะลึงเป็อย่างยิ่งแน่” อวิ๋นซียิ้มซุกซน นาง้าให้คนคนนั้นแต่งชายารองที่ไร้ประโยชน์เข้ามา้าให้โอวหยางเทียนหัวได้ลิ้มรสความอัดอั้นที่ต้องเห็นว่ากำลังทหารห้าหมื่นนายที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในมือตนต้องมลายหายไปต่อหน้าต่อตา
เนื่องด้วยหลังจากที่เทียนหัวได้กลายมาเป็รัชทายาทแล้ว คนผู้นั้นก็ใช้ชีวิตมาอย่างราบรื่นยิ่งวันคืนที่ผันผ่านล้วนสงบสุขจนเกินไปเกินกว่าจะทำลายคนคนหนึ่ง ทว่า ด้วยเื่นี้ก็สมความตั้งใจของนางพอดีบุรุษผู้นั้นรู้ทั้งรู้ว่ามีอันตรายรออยู่เบื้องหน้า แต่วันๆ กลับเสพสุขอย่างไม่สนอะไรทั้งยังหลงระเริงคิดว่าตนเป็รัชทายาทที่อยู่บนตำแหน่งอันสูงส่ง
คนรู้ทั้งรู้ว่า ข้างกายตนมีแต่พี่น้องที่คล้ายหมาป่าคล้ายพยัคฆ์คอยจับจ้องบัลลังก์ทองอยู่แต่เขาก็ยังปฏิบัติต่อคนเ่าั้อย่างเรียบเรื่อย หากเป็คนปกติ สิ่งที่จะทำเป็อย่างแรกๆย่อมต้องเป็การจัดการกับพวกที่ขวางหูขวางตานี่ไปให้พ้นทางอย่างแน่นอน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจนางก็หัวเราะเ็า “คนเขลาที่วันๆ เอาแต่จับจ้องท่านทั้งที่รู้อยู่แก่ใจตนว่า ในเมืองหลวงนั่นยังมีพยัคฆ์ร้ายที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าท่านอยู่แต่เขากลับยังคงใช้ชีวิตในแต่ละวันไปอย่างเรียบเรื่อยและสงบสุข”
เสี้ยวเหวินตี้มีพระโอรสอยู่ห้าพระองค์ด้วยกัน องค์ชายใหญ่โอวหยางเทียนหัวมารดาเขาคือชางผิงจวิ้นจู่ ท่านตาคือแม่ทัพใหญ่ซานเป่ย องค์ชายรองโอวหยางจวินเหยียนเป็โอรสสายตรงของเสี้ยวเหวินตี้ที่ฮองเฮาเป็ผู้ให้กำเนิดท่านตาคือท่านโหวผู้ควบคุมอำนาจทางการทหารที่ยิ่งใหญ่ไว้ในมือ
องค์ชายสามโอวหยางเทียนซิง มารดาผู้ให้กำเนิดเป็นางกำนัลที่ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็หว่านผิน[1] องค์ชายสี่โอวหยางเทียนหลาน มารดาผู้ให้กำเนิดคืออวี้เฟยผู้เป็บุตรีสายตรงของแม่ทัพใหญ่เวยอู่คุมกำลังทหารจำนวนแสนนาย องค์ชายห้าโอวหยางเทียนซื่อ มารดาผู้ให้กำเนิดคือเต๋อเฟยผู้เป็ธิดาเพียงคนเดียวของเฉิงโหวและเป็ญาติผู้น้องฝ่ายมารดาของฮองเฮา!
ในบรรดาองค์ชายทั้งห้า นอกจากสามีของนางโอวหยางจวินเหยียน และองค์ชายสามที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยได้สวามิภักดิ์ต่อรัชทายาทแล้วไม่ว่าจะองค์ชายสี่หรือองค์ชายห้าก็ล้วนไม่อาจดูแคลนได้แต่โอวหยางเทียนหัวกลับตาสูงอยู่บนหัว คิดเพียงว่าตนไม่มีอันใดที่จะไม่ได้มาขอแค่กำจัดหานอ๋องที่เป็โอรสสายตรงไปได้เขาก็จักต้องได้ขึ้นเป็ฮ่องเต้อย่างราบรื่น?
ช่างน่าขำเสียเหลือเกิน ในราชวังแห่งนั้น คนที่อยากเห็นรัชทายาทตกลงมามีมากจริงๆอีกทั้ง ตอนนี้เสี้ยวเหวินตี้เองก็ยังไม่ถึงห้าสิบพรรษา หากพยายามอีกหน่อย ไม่แน่ว่าวังหลังอาจมีพระโอรสพระธิดาเพิ่มขึ้นมาได้อีกไม่น้อย
ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นไปเอาความกล้ามาจากไหน หลายปีมานี้ถึงได้ไม่ทำอันใดเลย
การกระทำของเขาเท่ากับให้เวลาคนอื่นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ให้เวลาผู้อื่นได้มีสติที่แจ่มชัดแข็งแกร่งเพียงพอจะต่อกรกับเขา
“เื่เขลาที่เขาทำมีไม่น้อยจริงๆ ” จวินเหยียนพูดอย่างดูแคลนตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะหวงกุ้ยเฟยใช้ลูกไม้สกปรกลับหลัง ตัวเขาก็คงไม่ต้องเสียเปรียบถึงเพียงนี้
เพียงแต่เมื่อหลายปีก่อนที่ไทเฮาไปเขาอู่ไถก็ได้พาหวงกุ้ยเฟยไปด้วย ยามนี้เมื่อคนไม่อยู่ก็เท่ากับเป็การตัดแขนของโอวหยางเทียนหัวหรือต่อให้ในวันหน้าหวงกุ้ยเฟยจะกลับมา ก็คิดว่าคนคงจะช่วยไฟใกล้ฟางนี้ไม่ได้
“เอาล่ะ ไม่พูดถึงคนผู้นี้แล้ว เมื่อคืนเ้าหลับไม่ดี ตอนนี้ก็รีบพักผ่อนเถิด”เมื่อพูดจบ จวินเหยียนก็นวดให้นางเบาๆ เพื่อให้นางรีบนอนหลับเพราะยามนี้นางตั้งครรภ์อยู่เดิมทีก็นับว่าลำบากมากแล้ว แต่ตอนนี้กลับยังต้องมาพบเจอกับเื่ที่ชวนให้หนักใจเช่นนี้อีก
ความผ่อนคลายนั้นทำให้อวิ๋นซีหลับไปอย่างง่ายดาย ทว่าเพิ่งหลับไปได้ครู่หนึ่งเสียงร้องะโที่ดังมาจากด้านนอกก็ปลุกนางให้ต้องตื่นขึ้นอีกครั้ง “หยุดนะ! วางคุณหนูของข้าลง”
ด้วยเสียงนี้ทำให้นางมึนมึนงงงง ก่อนจะรับรู้ได้ว่ามีเื่ไม่ดีกำลังเกิดขึ้นเป็ผู้ใดกันที่กล้าแตะต้องบุตรสาวนาง ทว่า ในตอนที่นางเพิ่งจะลุกขึ้นนั่งจวินเหยียนนั้นได้พุ่งตัวออกไปแล้ว อวิ๋นซีจึงได้แต่ตามติดอยู่ด้านหลัง
ทันทีที่พวกเขาออกไปด้านนอกก็เห็นผู้เฒ่าผมหงอกผู้หนึ่งจับหวานหว่านให้นั่งลงบนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่แล้วส่วนตัวเขานั้นกลับยิ้มพลางพิจารณาหวานหว่าน “ฮ่าฮ่า ไม่เลว ไม่เลว แม่หนูน้อยนี่มีร่างกายที่ร้อยพิษไม่กล้ำกลายคนเช่นนี้ เหมาะจะเรียนพิษเป็ที่สุด เ้าเด็กนั่นไม่ได้หลอกข้าจริงๆ ด้วย”
อวิ๋นซีจ้องมองตาเฒ่า ก่อนจะมองไปทางบุตรสาวที่ดูหวาดกลัวเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นดวงตานางฉายแววเหี้ยวโหด“เ้าเฒ่าสมควรตาย รีบปล่อยตัวบุตรสาวข้าลงมา มิเช่นนั้น ข้าจะไม่เกรงใจ ฆ่าเ้าเสียเดี๋ยวนี้”
อวิ๋นซีเป็กังวลยิ่ง หากหวานหว่านตกลงมาจากที่สูงเพียงนี้ แค่คิดนางก็ไม่กล้าจะจินตนาการต่อแล้วจริงๆอีกทั้ง เ้าเฒ่านี่เป็ใครมาจากไหนกันแน่
“ข้าว่านะสาวน้อย เ้าจะโกรธเกรี้ยวเพียงนั้นทำอันใด? ข้ามาที่นี่ก็แค่มาตรวจสอบดูหน่อยว่า หนูน้อยตรงหน้านี้จะใช่ร้อยพิษไม่กล้ำกลายดังที่เ้าหลิ่วเซิงพูดจริงหรือไม่ข้าจะบอกเ้าให้นะ หากหนูน้อยคนนี้ร้อยพิษไม่กล้ำกลายจริงๆ เช่นนั้น วันหน้านางจักต้องมาเป็ลูกศิษย์ของข้า”เฒ่าชราหัวเราะฮ่าฮ่าพลางมองอวิ๋นซีกับจวินเหยียนอย่างได้ใจ
ในตอนนี้เอง หวานหว่านที่นั่งนิ่งมาโดยตลอดก็เกิดการเคลื่อนไหว นางเตะเข้าที่แขนของเฒ่าชราทำให้ร่างของเขาซวนเซเสียหลัก และผลัดตกลงมา ขณะที่ตัวนางเองก็กำลังคิดจะใช้วิชาตัวเบาเพื่อพุ่งกายไปทางมารดา
ทว่า เฒ่าชราที่เดิมทีควรจะตกลงพื้น จู่ๆ กลับเคลื่อนไหวกายเพียงเล็กน้อย รักษาการทรงตัวได้ดีดังเดิมและใช้เพียงปลายเท้าััพื้นเบาๆ จากนั้นก็เหาะเหินมาทางหวานหว่าน
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ผิน(嫔)หมายถึง ตำแหน่งพระสนมฝ่ายในขั้นสี่ชั้นโท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้