ใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม เซี่ยยวี่หลัวก็ขุดหน่อไม้ได้หนึ่งตะกร้าเต็มเซียวซานเพิ่งขุดได้สิบกว่าหน่อ เพียงใส่ได้เต็มก้นตะกร้าเท่านั้น
เซียวซานทั้งรู้สึกอายและกล่าวอะไรไม่ออกเขาและเซียวจื่อเซวียนช่วยกันหาช่วยกันขุด ทำตั้งนานก็หามาได้เพียงแค่นี้รู้สึกว่าน่าอับอายนัก
เซี่ยยวี่หลัวขุดหน่อไม้อีกสิบกว่าหน่อ ก็ไม่ได้ขุดต่อแล้วจึงเรียกให้เซียวซานมาหา
เมื่อเซียวซานได้ยินว่าหน่อไม้ที่ทั้งอวบและอ่อนนุ่มสิบกว่าหน่อนั้นขุดไว้ให้เขาก็รู้สึกใเสียยิ่งกว่ากระไร "ให้ข้าจริงหรือขอรับ? "
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส "ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ของข้ารู้ว่าท่านขุดได้ไม่มาก จึงขุดให้ท่านโดยเฉพาะ! "
กล่าวจบ นางย่อตัวลง ใส่เข้าไปในตะกร้าของเซียวซานทั้งหมด
หน่อไม้ที่เซี่ยยวี่หลัวขุด ทั้งอวบทั้งนุ่มอย่างแท้จริงนอกจากนั้น เปลือกนอกก็ไม่เสียหายแม้แต่น้อย ไม่เหมือนที่เซียวซานขุดมาไม่เพียงขุดได้แต่หน่อเล็ก เปลือกนอกยังมีจุดที่โดนจอบสับไปไม่น้อยทั้งมีดินโคลนติดอยู่บนเนื้อหน่อไม้สีขาวดุจหิมะ ดูแล้วรู้สึกน่าเสียดายนัก
หน่อไม้สิบกว่าหน่อใส่เข้าไปจนมีส่วนที่โผล่พ้นปากตะกร้าออกมาเล็กน้อยเซียวซานไม่ต้องขุดเพิ่มแล้ว นอกจากนั้น ต่อให้เขาขุดอีก ขุดจนถึงมืดค่ำเขาก็ไม่สามารถขุดหน่อไม้ที่ทั้งอวบและอ่อนนุ่มเช่นนี้ได้
เซี่ยยวี่หลัวไปตัดต้นไผ่แล้ว
นางเลือกไผ่ที่ทั้งดีและหนามาสองต้น เริ่มใช้มีดหั่นลำต้น
หั่นไปสิบกว่าครั้ง จึงตัดต้นไผ่ลงมาได้เซียวซานถามเซียวจื่อเซวียนว่าจะตัดต้นไผ่ไปทำอะไรเซียวจื่อเซวียนบอกว่าจะล้อมรั้วสวนหลังบ้าน เซียวซานจึงเดินขึ้นหน้าช่วยตัดให้หนึ่งต้นเพื่อเป็การตอบแทนที่เมื่อครู่เซี่ยยวี่หลัวขุดหน่อไม้ให้เขาสิบกว่าหน่อ
เซี่ยยวี่หลัวย่อมต้องกล่าวขอบคุณ
เซียวซานถูกเซี่ยยวี่หลัวกล่าวขอบคุณจนรู้สึกเขินอายพี่สะใภ้ใหญ่ของเซียวจื่อเซวียนช่วยขุดหน่อไม้ให้เขามากขนาดนั้นเขายังไม่เคยกล่าวขอบคุณนางเลย!
ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงทันที พร้อมกล่าวว่าไม่เป็อะไรไม่เป็อะไรสายตาแอบชำเลืองมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง ก็เห็นนางกำลังหั่นไม้ไผ่ออกเป็ท่อนๆอย่างตั้งอกตั้งใจ เซียวซานเห็นใบหน้าด้านข้างของเซี่ยยวี่หลัวพอดี
มุ่งมั่นตั้งใจและอ่อนโยน
เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ของเซียวจื่อเซวียนถึงอ่อนโยนถึงเพียงนี้นอกจากนั้น เื่ที่นางสามารถทำได้ก็มีมากมายเหลือเกิน!
เขารีบสะกิดเซียวจื่อเซวียนที่กำลังหั่นไม้ไผ่เหมือนกันแอบกระซิบถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ! ”
เซียวจื่อเซวียนยิ้มอย่างได้ใจกระซิบบอกเขาว่าพี่สะใภ้ใหญ่ดีต่อตนเองอย่างไรเซียวซานได้ยินแล้วรู้สึกอิจฉาจนทนไม่ไหว “พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าดีถึงเพียงนี้หากข้ามีพี่สะใภ้ใหญ่ที่ทั้งงดงามและอ่อนโยนสักคนก็คงดีไม่น้อย! ”
เซียวจื่อเซวียนหยอกล้อเขา “เ้าเป็ลูกคนเดียวในบ้านอย่าได้คิดเลย! ”
เซียวซานแย้งกลับ “เช่นนั้นข้าต้องสามารถแต่งภรรยาเช่นนี้สักคน! ”
เซียวจื่อเซวียนกรอกตาขึ้นบน “เ้าเพิ่งอายุเท่าไรก็คิดจะแต่งงานแล้ว ไม่อายหรือไร! ”
เซียวซานไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าอาย “ใครไม่แต่งภรรยาบ้างพูดเหมือนเ้าจะไม่แต่งภรรยาตลอดไปอย่างไรอย่างนั้น เซียวจื่อเซวียน ข้าจะบอกให้พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าดีต่อเ้าถึงเพียงนี้หากต่อไปเ้าหาภรรยาที่ทั้งงดงามทั้งอ่อนโยนและดีต่อเ้าเหมือนพี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าไม่ได้เ้าจะทำอย่างไร! ”
เซียวจื่อเซวียนะโขึ้นจะตีเขา แสร้งทำทีเป็ด่า“เ้าคนปากเสีย! ”
เซียวซานรีบวิ่งหนี วิ่งไปพลางหัวเราะไปพลาง
เซี่ยยวี่หลัวเงยหน้าขึ้นมองพอดีเห็นเซียวจื่อเซวียนกำลังวิ่งไล่เซียวซานไปทั่วป่าไผ่ เซี่ยยวี่หลัวจึงหัวเราะไม่ลืมที่จะะโบอก “จื่อเซวียน เ้าวิ่งช้าหน่อย ระวังหกล้ม! ”
ถึงแม้ในป่าไผ่มีใบไม้ร่วงไม่น้อย แต่บนพื้นก็มีกิ่งไม้จำนวนมากหากหกล้มย่อมรู้สึกเจ็บ
เซียวจื่อเมิ่งก็ะโเสียงใส “พี่รอง ท่านวิ่งช้าหน่อยระวังหกล้ม! ”
เซียวจื่อเซวียนหันกลับมา ยิ้มพร้อมโบกมือให้เซี่ยยวี่หลัวดวงหน้าดูเบิกบานราวกับดอกไม้ที่ผลิบานก็มิปาน
เซียวซานหันกลับมาพอดี จึงเห็นใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังยิ้มเขาอายุมากกว่าเซียวจื่อเซวียนหนึ่งปีกว่า ผ่านวันเกิดปีนี้ก็จะอายุสิบขวบแล้ว
ขณะเขาหันกลับมา ก็เห็นเซี่ยยวี่หลัวกำลังยิ้มให้เซียวจื่อเซวียนคิ้วงามโก่งโค้ง ดูดีและสว่างสดใสยิ่งกว่าดวงดาราในยามค่ำคืนเสียอีกสว่างจนเหมือนจะส่องแสงเข้าไปในหัวใจของผู้อื่นได้
รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวซานพลันแข็งทื่อ
ต้นไผ่ขนาดใหญ่สองต้นถูกตัดแบ่งเป็ท่อนละสองเมตรหั่นได้ประมาณสิบกว่าท่อน เซี่ยยวี่หลัวมัดเป็สองกอง นางหนึ่งกองเซียวจื่อเซวียนหนึ่งกอง เซียวซานยืนกรานจะช่วยแบกเซี่ยยวี่หลัวได้แต่เอาของตัวเองให้เขาช่วยแบก
เมื่อกลับถึงบ้าน เซียวซานวางต้นไผ่ลงก็จะไป เซียวจื่อเซวียนเรียกเขาไว้“เซียวซาน เ้ารอก่อน พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าให้เ้าพักก่อนค่อยไป”
เซียวซานร้อง “หา” ทีหนึ่ง “พักอะไร ไม่กี่ก้าวก็ถึงบ้านข้าแล้ว! ”
เซี่ยยวี่หลัวเดินออกมาจากห้องครัว ในมือถือถ้วยหนึ่งใบ “มาวันนี้ลำบากเ้าแล้ว ดื่มแล้วค่อยไป”
เซียวซานคิดว่าเป็น้ำ รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้อง ไม่ต้องขอรับอีกเดี๋ยวข้าก็กลับถึงบ้านแล้ว กลับไปค่อยดื่มน้ำ! ”
เซียวจื่อเซวียนผลักเขาเบาๆ “เ้าไม่ดื่มจริง? ”
ยังไม่รอให้เซียวซานกล่าวตอบเซียวจื่อเซวียนก็เอื้อมมือไปรับถ้วยจากมือเซี่ยยวี่หลัว “พี่สะใภ้ใหญ่ เขาไม่ดื่มข้าดื่มเองขอรับ! ”
กล่าวจบ เขาจงใจยกถ้วยเคลื่อนผ่านตรงหน้าจมูกเซียวซาน
เซียวซานจมูกไวกลิ่น สูดดมทีหนึ่ง “กลิ่นอะไร? ”
สายตาของเขามองไปเห็นน้ำมันที่ลอยอยู่ในถ้วย กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูก
น้ำไม่มีกลิ่นเช่นนี้!
“นี่คืออะไร? ไม่ใช่น้ำ? ” เซียวซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เซียวจื่อเซวียนแสร้งทำทีเป็จะยกดื่ม “ใครจะให้เ้าดื่มน้ำกันนี่คือน้ำแกง เ้าไม่ดื่ม ข้าดื่มเอง”
น้ำแกงอะไร? กลิ่นหอมถึงเพียงนี้!
เซียวซานรีบยื่นมือไปแย่งถ้วยเดิมทีเซียวจื่อเซวียนก็ไม่ได้คิดจะดื่มเองอยู่แล้ว ขวางเพียงสองทีก็ปล่อยให้เซียวซานแย่งไปได้“หน็อยแน่ เป็น้ำแกงจริงด้วย! ”
สูดดมกลิ่นหอมที่ลอยมาแตะจมูก
เซียวซานรีบดื่มหนึ่งคำ
เซี่ยยวี่หลัวรีบเตือน “ระวังร้อน! ”
โดนลวกแล้ว!
เซียวซานโดนลวกจนลิ้นชา แต่เขาเสียดายไม่อยากคายออกมาจึงรีบกลืนอึกๆ ลงไป
เซียวจื่อเซวียน “เ้าดื่มช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งเ้า! ”
เซียวซานทำท่าทางเหมือนหนูตัวน้อยที่แอบกินอาหารก็มิปาน“หอมอร่อยเหลือเกิน… ข้ายังไม่เคยดื่มน้ำแกงที่หอมอร่อยขนาดนี้มาก่อนทำไมถึงอร่อยได้ขนาดนี้! ”
บนน้ำแกงมีน้ำมันลอยอยู่หนึ่งชั้น ในถ้วยนอกจากน้ำแกงแล้วก็ดูไม่ออกว่าต้มด้วยอะไร แต่หอมอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นลงไปได้เลย
เซียวซานไม่บุ่มบ่ามเหมือนเมื่อครู่ ค่อยๆ ดื่มทีละน้อยเพียงไม่กี่คำ ก็ดื่มน้ำแกงทั้งถ้วยลงไปจนเกลี้ยง
หลังจากดื่มหมด ยังรู้สึกไม่หนำใจ ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะส่งคืนถ้วยให้เซียวจื่อเซวียน “นี่คือน้ำแกง
อะไรงั้นหรือ ทำไมถึงอร่อยขนาดนี้! ”
เขาอยากดื่มอีกถ้วยเสียจริง
เซียวจื่อเซวียนกรอกตาขึ้นบน “แล้วเมื่อครู่ใครกันที่บอกว่ากลับบ้านค่อยดื่ม! ”
เซียวซานยิ้มอ่อน “ก็ข้าไม่รู้ว่าน้ำแกงนี่จะหอมอร่อยขนาดนี้ข้าจะบอกให้ ตอนข้าอยู่ที่บ้านยังไม่เคยดื่มน้ำแกงที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเ้ารีบบอกข้ามา ว่าน้ำแกงนี่ต้มอย่างไร? ข้ากลับไปจะบอกท่านแม่ ให้ท่านแม่ข้าทำบ้าง! ”
เซียวจื่อเซวียน “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่ซื้อกระดูกหมูมาพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าล้างจนสะอาดก็นำไปเคี่ยว เคี่ยวเสร็จก็ใส่เกลือเล็กน้อยรสชาติก็เป็เช่นนี้แล้ว! ”
เซียวซานใ “กระดูกหมู? หมายถึงกระดูกหมูที่ขูดเนื้อออกหมดแล้ว? ”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ใช่แล้ว! ”
“เช่นนั้นจะมีอะไรให้กินนั่นเป็ของที่บ้านคนรวยเขาใช้เลี้ยงสุนัขไม่ใช่หรือ? ”
เซียวจื่อเซวียนกรอกตาขึ้นบน “เมื่อครู่เ้าก็กินเหมือนกัน! ”
เช่นนี้เ้าก็กำลังด่าว่าตัวเองเป็สุนัขไม่ใช่หรือ?