บรรดาพี่น้องชายไม่กี่คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างคาดไม่ถึงเมื่อได้ยินว่าอวี๋เจียวตรวจโรคต่างจดจ้องไปทางอวี๋เจียวด้วยสายตาเปี่ยมความสงสัย เมื่อเห็นนางอายุยังน้อยถึงเพียงนี้จึงไม่กล้าคิดไปว่าเป็ท่านหมอแม้แต่นิด
นายท่านรองสกุลเหอที่สนทนากับเหอตงเซิงก่อนหน้าหยัดกายลุกขึ้นดึงเหอตงเซิงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ แม่นางน้อยนางนี้มาจากที่ใดกัน? อย่าได้พามาทำร้ายท่านพ่อของเราอีก” เมื่อมีอวี๋หรูไห่เป็ตัวอย่างเห็นได้ชัดว่าคนสกุลเหอไม่ไว้ใจอวี๋เจียว
เหอตงเซิงก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายว่าอย่างไรเช่นกัน ทำได้เพียงเอ่ยว่า“นางเป็หมอ”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้ถูกผู้อื่นหลอกลวงอีกแม่นางอายุน้อยถึงเพียงนั้นจะไปรู้วิชาหมออะไร ท่านหมอเจียง ท่านว่าใช่หรือไม่?” ในน้ำเสียงของนายท่านรองสกุลเหอแฝงเจตนาตำหนิผู้อื่น
“นายท่านรองเหอ ท่านอย่าได้ประเมินแม่นางเมิ่งต่ำเกินไปโรคของท่านผู้เฒ่าในจวนของท่าน อาจจะมีเพียงนางผู้เดียวที่รักษาได้ขอรับ”เจียงชิงเหอเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
นายท่านรองสกุลเหอนึกไม่ถึงว่าเจียงชิงเหอจะช่วยพูดแทนแม่นางน้อยผู้นั้นแต่เพราะเขารักษาชีวิตบิดาเอาไว้ในยามคับขันท่าทีที่นายท่านรองสกุลเหอมีต่อเจียงชิงเหอจึงนอบน้อมไม่น้อยภายในใจไม่เชื่อยิ่งนัก ทว่ายังคงฝืนข่มอารมณ์ของตนเอาไว้
“ท่านหมอเจียง รบกวนท่านช่วยเขียนเทียบยาให้ข้าด้วยเ้าค่ะ”อวี๋เจียวเห็นหญิงรับใช้ด้านข้างถืออ่างน้ำใบหนึ่งจึงล้างมือแล้วเอ่ยกับเจียงชิงเหอ
เจียงชิงเหอพยักหน้าระรัวแล้วเอากระดาษและพู่กันออกจากล่วมยาที่นำมาด้วยเขานั่งลงบนโต๊ะแกะสลักลายสวนดอกไม้ในห้องอวี๋เจียวให้เจียงชิงเหอช่วยเขียนเทียบยาสองใบหนึ่งในนั้นคือเทียบยาชะล้างอาการเืลมสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะท่านผู้เฒ่าแซ่เหอกินเทียบยาของอวี๋หรูไห่อีกหนึ่งเทียบยาคือเทียบยารักษาแผลพุพองใต้ิั
นอกจากนั้นยังจัดยาลูกกลอนอีกหนึ่งชุดเพราะยาลูกกลอนจำต้องให้เจียงชิงเหอไปเตรียมด้วยตนเองดังนั้นจึงนำเทียบยาทั้งสองให้เจียงชิงเหอเอากลับไปจัดยาในสำนักหุยชุน
เจียงชิงเหอมองเทียบยาทั้งสองที่ตนเขียนกับมือด้วยดวงตาเป็ประกายอุทานจากใจจริงว่า “ยอดเยี่ยม เทียบยาทั้งสองนี้ใช้สมุนไพรอย่างนุ่มนวลฤทธิ์ของยาถูกต้องแม่นยำที่สุด พร่องส่วนใดก็เสริมส่วนนั้นแม่นางเมิ่งไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ”
ครั้นคนสกุลเหอได้ยินเจียงชิงเหอเอ่ยเช่นนี้พลันมองพิจารณาอวี๋เจียวให้มากขึ้นได้รับคำชมและเทิดทูนเช่นนี้จากเจียงชิงเหอหรือว่าเทียบยาของแม่นางน้อยผู้นี้จะรักษาโรคของท่านผู้เฒ่าในสกุลตนได้จริง?
เจียงชิงเหอออกจากจวนสกุลเหอเพื่อไปเตรียมยาอวี๋เจียวเอ่ยถามเหอตงเซิงว่า “ผงยาที่อวี๋หรูไห่บอกให้ใช้กับท่านผู้เฒ่ายังอยู่หรือไม่?”
“ยังอยู่” เหอตงเซิงสั่งให้หญิงรับใช้ไปนำผงยามาแล้วมองอวี๋เจียวด้วยท่าทางอึกอักก่อนหน้านี้ท่านหมอล้วนแต่บอกว่าเวลาของท่านผู้เฒ่าเหลือไม่มากแล้วโชคดีที่เจียงชิงเหอใช้ยาต้มยื้อชีวิตของท่านผู้เฒ่าเอาไว้ได้ถึงแม้การกระทำของแม่นางเมิ่งผู้นี้จะไม่เหมือนแม่นางน้อยไม่เจนโลกกิริยาวาจาล้วนแต่สุขุมแต่เขายังไม่กล้าปักใจเชื่อว่าแม่นางน้อยที่ยังไม่ทันถึงวัยปักปิ่น [1] ผู้นี้จะช่วยชีวิตท่านผู้เฒ่าของเขาได้
อวี๋เจียวเห็นเขามีบางสิ่งจะเอ่ยจึงเอ่ยขึ้นก่อนว่า“นายท่านเหอ้าจะเอ่ยสิ่งใด?”
เหอตงเซิงไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “อาการของบิดาข้ายังมีหนทางรักษาหรือไม่?”
อวี๋เจียวแย้มยิ้มบาง “มิใช่โรคที่รักษาไม่ได้แต่อย่างใดย่อมต้องรักษาได้”
เหอตงเซิงเห็นนางเอ่ยอย่างคล่องแคล่วไม่รู้ว่านางคุยโวหรือมั่นใจกันแน่
รอกระทั่งหญิงรับใช้นำผงยามา อวี๋เจียวเห็นว่ายังเหลืออยู่ไม่มากนางเอ่ยถามว่า “ทายานี้ให้ท่านผู้เฒ่าไปกี่ครั้ง?”
“แค่ครั้งก่อนตอนอยู่ที่จวนสกุลอวี๋เท่านั้นหลังจากกลับมาและกินยาที่อวี๋หรูไห่จัดเตรียมให้อาการป่วยของบิดาข้าก็ยิ่งทรุดหนัก จึงไม่ได้ใช้ผงยานี้ต่อแต่อย่างใด”เหอตงเซิงเอ่ย
อวี๋เจียวสั่งให้หญิงรับใช้ไปหาช้อนยาวทำจากไม้จากนั้นทาเข้าไปในปากแผลพุพองของท่านผู้เฒ่าแซ่เหอ ครั้นเห็นเหอตงเซิงจดจ้องตนอวี๋เจียวอธิบายว่า “ผงยานี้ใช้การได้ผงยานี้เป็ผลดีต่อการรักษาแผลพุพองเน่าเปื่อยอย่างยิ่งอาการของท่านผู้เฒ่าเหอทรุดหนักลงก็เพราะยาต้มที่กินเข้าไปมีปัญหา”
เหอตงเซิงทั้งเชื่อและนึกสงสัยยามนี้เขาเลือกให้อวี๋เจียวรักษาแล้วทำได้เพียงปล่อยให้นางใช้ยารักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็ หากไม่อาจช่วยท่านผู้เฒ่าถึงยามนั้นค่อยคิดบัญชีพร้อมกันในคราเดียว
...........
เชิงอรรถ
[1] วัยปักปิ่นหมายถึงหญิงอายุครบ15ปีในสมัยโบราณ
