เซี่ยวอี๋ยังไม่ทันได้แม้แต่จะแปรงฟัน เธอหาวหวอดๆ ในขณะขับรถจี๊ปไปตามทางหลวง ใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้ว รถบนถนนเริ่มหนาตา แต่กับฟางหยวนแล้ว เื่รถติดพวกนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเธอซึ่งเคยแข่ง EBR บนท้องถนนมาก่อน
ฝีมือการขี่รถของเธอนับว่าเหนือชั้น เธอลัดเลาะผ่านรถเก๋งไปราวกับบินผ่าน หากตอนเรียนเซี่ยวอี๋ไม่เคยฝึกการไล่ตามด้วยความเร็วสูงมาก่อน เธอคงจะถูกเธอขี่ทิ้งท้ายไปแบบไม่เห็นฝุ่น
ฟางหยวนออกไปแต่เช้า แต่เธอก็ไม่ได้ไปโรงเรียน แต่กลับตรงไปยังค่ายมวย “รุ่งเรือง” สมัยก่อนค่ายมวยแห่งนี้เคยเป็สถานที่ฝึกการต่อสู้อันดับต้นๆ ของเมืองหลินไห่ ทางค่ายเปิดคอร์สสอนเด็กเล็กชกมวยมากมาย ฟางหยวนเองก็เรียนมวยไทยจากที่นี่เหมือนกัน
แต่เนื่องจากเ้าของคนเก่าได้จากโลกไปแล้วด้วยโรคหัวใจ พอต้นไม้ล้ม เ้ากระรอกน้อยใหญ่ก็พากันตีจาก เหล่าศิษย์และอาจารย์ต่างก็พากันออกไปหาเลี้ยงชีพด้วยลำแข้งของตัวเอง
ฟางหยวนซื้อค่ายมวยแห่งนี้ต่อจากภรรยาของเ้าของเดิม ถือเป็การเก็บสถานที่ฝึกซ้อมไว้ให้ตน และเป็การรักษาความทรงจำในวัยเยาว์ของเธอเอาไว้
สาวน้อยเปลี่ยนเป็ชุดออกกำลังกาย เธอผูกมัดผ้าพันแผลอย่างดี ฟางหยวนหันหน้าเข้าหากระสอบทรายและเริ่มฝึกมวยไทยอีกครั้ง ทุกครั้งที่เตะต่อย เธอก็ได้ระบายอารมณ์ออกมา เหงื่อไคลช่วยชะล้างความโกรธที่อยู่ในใจ ที่ฟางหยวนเรียนมวยไทยก็เพื่อปกป้องแม่ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ใช้มันเป็เครื่องมือระบายความโกรธที่มีต่อโลกใบนี้ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือระบายความโกรธที่มีต่อพ่อซึ่งเป็เพียงแค่ตู้ ATM ให้กับเธอ
เซี่ยวอี๋นั่งลงที่ชั้นสามของร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงยิม เธอมองผ่านหน้าต่างเข้าไป เห็นว่าฟางหยวนกำลังฝึกซ้อมมวยอยู่ในค่าย
“พนักงานเสิร์ฟ ผมขอลาเต้กับแซนด์วิช” เสิ่นินั่งลงตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามเซี่ยวอี๋ ก่อนจะอมยิ้มและถามว่า “คุณจะทานอะไรไหม”
“ฉันยังไม่ได้แปรงฟัน ไม่อยากกินอะไร” เซี่ยวอี๋มองด้วยสายตาที่ไม่พึงพอใจ “ที่แท้แม่เด็กนั่นก็มาซ้อมทุกวัน มิน่าล่ะ ฝีมือถึงได้ดีขนาดนั้น”
“ผมไม่ชอบให้เธอมีกิจวัตรประจำวันแบบนี้เลย ยิ่งชีวิตเธอมีแบบแผนมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ง่ายต่อการลอบทำร้ายมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเธอชอบเก็บตัวอยู่แต่บ้าน งานเราจะง่ายกว่านี้มาก” กาแฟมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เสิ่นิใจป้ำ เขาตบทิปพนักงานด้วยธนบัตรใบละหนึ่งร้อย สีหน้าของพนักงานสาวยิ้มแย้มราวกับดอกไม้ผลิบาน ั้แ่เธอทำงานมา 3 ปี นี่เป็ครั้งแรกที่ได้ทิปตั้งหนึ่งร้อยหยวน
“นายตัวแสบ วันนี้ดูล่ำซำขึ้นนะ ั้แ่เมื่อวานจนวันนี้ เธอจ่ายให้คุณไม่น้อยเลยล่ะสิ?” เซี่ยวอี๋เห็นจากกล้องโทรทรรศน์หมดแล้ว
“น่าจะ 2 หมื่นได้? ผมถามอีชางซูมาแล้ว ฟางซื่อเฉวียนโอนเงินให้ลูกเดือนละ 1 ล้าน ั้แ่ลูกสาวสุดที่รักของเขาอายุได้ 14 ปี โดยไม่เคยถามเลยว่าลูกจะใช้เงินอย่างไร ฟางหยวนเพียรใช้เท่าไรก็ใช้ไม่หมด กระทั่งตอนนี้เงินในบัญชีของเธอน่าจะเหลืออีกสักยี่สิบสามสิบล้านได้”
“เหอๆ ตอนฉันอายุเท่าเธอ ฉันได้ใช้เงินแค่วันละ 10 หยวน ซื้อของแต่ละทีก็เลือกแล้วเลือกอีก โลกช่างสองมาตรฐาน” เซี่ยวอี๋ยิ้มอ่อนพลางกล่าวอย่างเปิดเผย
“คุณเฝ้าไปก่อนนะ ่เช้าผมมีสอน ต้องไปโรงเรียนแล้ว จริงสิ นี่ค่าโอทีของคุณ” เสิ่นิยื่นซองจดหมายฉบับหนึ่งไปให้เซี่ยวอี๋ ก่อนจะลุกขึ้นและจากไป
“นับว่ายังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง” เซี่ยวอี๋หัวเราะพลางเปิดซองออกดู ข้างในนั้นมีเพียงธนบัตรสีแดงสองใบ สีหน้าของเธอแข็งทื่อ “โยนจิตสำนึกให้หมากินซะเถอะ ให้ฉันเยอะกว่าพนักงานเสิร์ฟแค่ร้อยเดียวเอง...บ๋อย เช็กบิล!”
“ค่าอาหารรวมเครื่องดื่ม ทั้งหมด 150 หยวนค่ะ”
“คุณคิดผิดหรือเปล่าคะ ฉันสั่งแค่น้ำเปล่าแก้วเดียวเองนะ”
“เพื่อนคุณสั่งลาเต้กับแซนด์วิชค่ะ เมื่อครู่เขายังสั่งเบอร์เกอร์ไข่ปลาคาเวียร์ในน้ำแร่ห่อกลับไปด้วย ลำพังแค่เบอร์เกอร์อย่างเดียวก็ 100 หยวนแล้วค่ะ”
“ไอ้ ดีออก เท่ากับว่าทิปฉันน้อยกว่าพนักงานเสิร์ฟอีกนะ” เซี่ยวอี๋ยิ้มจนหน้ากระตุกในขณะที่ยื่นเงินให้กับพนักงานเสิร์ฟ
ในตอนนี้ อีกฟากฝั่งหนึ่งของเมือง ฟางซื่อเฉวียนกำลังนั่งอ่านเอกสารที่อยู่ในมือพลางจิบกาแฟยามเช้าอยู่ที่เบาะหลังของรถ Escalade
อีชางซูขับรถไปเรื่อยๆ ราวกับพี่ทาคุมิ (ตัวเอกในการ์ตูนแข่งรถญี่ปุ่นเื่ Initial D) โดยไม่ห่วงว่ากาแฟจะกระเด็น
ณ สัญญาณไฟจราจรแห่งหนึ่ง อีชางซูหยุดรถลง เสียงมอเตอร์ไซค์ดังคำรามฉุดกระชากความสนใจของฟางซื่อเฉวียน เขาหันไปมองนอกหน้าต่าง แล้วเขาก็เห็นคนคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนดาวเหนือ คนรูปร่างบอบบางคนนั้นกำลังสวมหมวกกันน็อคและนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์ EBR
“หยวนหยวน?” ฟางซื่อเฉวียนกดกระจกลงโดยสัญชาตญาณ
“อย่า!” อีชางซูะโลั่น ทันใดนั้น คนบนมอเตอร์ไซค์ก็ดึงปืนเก็บเสียงออกมาจากใต้กระโปรง เพียงครู่เดียวเท่านั้น ะุได้ลอดผ่านขอบกระจกพุ่งเข้ามาในห้องผู้โดยสาร
มือสังหารคิดจะลงมือซ้ำ แต่อีชางซูนั้นได้ะโพุ่งออกไปนอกหน้าต่างฝั่งที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับแล้ว เขาะโเตะมือปืนที่อยู่บนมอเตอร์ไซค์จนกระเด็นไปถึงถังขยะที่อยู่บริเวณริมถนน หมวกกันน็อคกลิ้งตกไปข้างทาง
มือปืนคนนั้นไม่ใช่ฟางหยวน ไม่ใช่แม้แต่ผู้หญิง เขาเป็ชายร่างบางที่ผอมจนเหลือแต่กระดูก
พอรถคันหลังรู้ว่าเกิดเื่ผิดปกติขึ้น พวกเขาต่างก็พากันขับอ้อมไปโดยที่ไม่พูดไม่ถามอะไรสักคำ และขับหนีให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ท้าทายซินเหลียนเซิ่ง...พวกแกจบไม่สวยแน่” มือปืนคายเืทิ้งในขณะที่กำลังจะยืนขึ้น แต่ไม่ว่าจะฝืนอย่างไร เขาก็ยืนขึ้นไม่ไหว
“ห่วงชะตากรรมของตัวเองก่อนเถอะ” อีชางซูเดินเข้าไปหาเขาคนนั้นด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เมื่อดวงตาดวงเล็กๆ ในแบบฉบับเกาหลีนั้นไม่ยิ้ม ช่างดูเหมือนกับยมทูต
ในขณะนั้นเอง เสียงมือปืนก็ร้องขึ้นอย่างโหยหวน นิ้วทั้งสิบของเขาถูกบิดหักจนเป็เกลียว ชาตินี้คงหมดหนทางใช้ตะเกียบซะแล้ว กระทั่งมือปืนหมดสติไป ฟางซื่อเฉวียนจึงเรียกอีชางซูกลับไปที่รถ
“เ้าพวกไม่เอาถ่านนี่ถึงกับกล้าปลอมตัวเป็ลูกสาวเพื่อลอบฆ่าผม...” ฟางซื่อเฉวียนตัวสั่นสะท้าน แต่เขาไม่ได้กลัว
“บอส พวกเขาเริ่มจะทำเกินไปแล้ว มันเริ่มใช้ปืน ให้ผมติดต่อผู้กองเฉินดีไหมครับ?” อีชางซูแนะนำ
“ไม่ต้อง เื่ของโลกมืดจะให้จัดการอย่างโลกสวย มันไม่ได้ความหรอก ผมนึกถึงเพื่อนเก่าขึ้นมา เื่นี้ทำให้ผมอยากพบเขา ในเมื่อพวกมันรนหาที่ตายกันเอง ก็อย่าโทษว่าผมโเี้ก็แล้วกัน ช่วยติดต่อ ‘ตาเฒ่าเฟิง’ ให้ผมหน่อย หนี้ที่เขาติดค้างผมอยู่ ถึงคราวได้ชดใช้คืนแล้ว” ฟางซื่อเฉวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
“บอสครับ มันช่างน่าเสียดาย ถ้าจะเอาน้ำใจของตาเฒ่าเฟิงมาใช้ในสถานการณ์นี้ หรือจะให้ผมติดต่อพี่น้องทหารที่เคยร่วมรบกันในต่างประเทศ คืนเดียวก็...” อีชางซูเอ่ยขัดฟางซื่อเฉวียน
“ชางซู อุตส่าห์ขาวสะอาดแล้ว อย่าได้คิดกลับไปเปื้อนเือีกเลย ตอนนี้นายเป็บอดี้การ์ด ไม่ใช่นักฆ่า เื่แบบนี้ ให้คนที่ชอบนองเืจัดการดีกว่า” ฟางซื่อเฉวียนเตือนสติเขา “อีกอย่าง ช่วยยกเลิกกิจกรรมในคืนนี้ทั้งหมดด้วย ผมนึกขึ้นได้ว่ามีเื่สำคัญที่ต้องไปจัดการ”
“รับทราบครับ” อีชางซูรีบขึ้นรถไป และในขณะที่ขับรถ เขาก็โทรแจ้งความไปด้วยว่ามือปืนถูกมัดไว้กับถังขยะข้างถนน ส่วนปืนก็ยัดอยู่ในปากเขา
เื่ต่างๆ จะมีเ้าหน้าที่ทางกฎหมายจากกลุ่มบริษัทฟางซื่อเข้าไปจัดการ ฟางซื่อเฉวียนไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้าไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ
ผลจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมื้ออาหารนับว่าไม่เลวเลย ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนและเสิ่นิแน่นแฟ้นขึ้นไม่น้อย แต่ก่อนฟางหยวนมักจะหลับในคาบเรียน แต่วันนี้ในคาบเรียนของเสิ่นิ เธอกลับลุกขึ้นมานั่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างแทน
และแม้ว่าเสิ่นิจะถามคำถามเธอ เธอก็ยังคงส่งนิ้วกลางให้ แต่นั่นก็ไม่ใช่นิ้วกลางที่เป็อริอีกต่อไป
มื้อกลางวันของเสิ่นิมูลค่า 100 หยวน แฮมเบอร์ซึ่งอุดมไปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ชั้นดีในน้ำแร่ เขานั่งลงตรงหน้าของเซี่ยวอี๋ผู้ซึ่งในหัวของเธอตอนนี้มีแต่คำด่า
ช่างเป็วันอันแสนสงบสุข ไม่มีคลาสต่อสู้ฟรีสไตล์อันนองเื ฟางหยวนไม่ได้บังเอิญเจอมือสังหารหรือว่าหมาจรจัดที่ไหน แผลที่มุมปากของฟางหยวนก็ดีขึ้นมากแล้ว เด็กสาวตาข้างเดียวได้กลับมาเห็นแสงสว่างอันสดใสอีกครั้ง
ฟางหยวนบังเอิญพบกับเสิ่นิในลิฟต์อีกครั้ง เสิ่นิอมยิ้มพร้อมกล่าวทักทายเธอ ฟางหยวนนิ่งไป 10 วินาทีก่อนจะตอบกลับคำหนึ่ง “อื้อ”
บรรยากาศในลิฟต์เริ่มสมานฉันท์ ดูเหมือนว่าฟางหยวนจะไม่ได้เกลียดขี้หน้าครูท่านนี้อีกต่อไปแล้ว
บรรยากาศแบบนี้ดำเนินไปจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 16 อีชางซูยืนอยู่ตรงทางเดิน เขาหรี่ตาน้อยๆ พร้อมกับกล่าวทักทายฟางหยวนว่า “คุณหนูใหญ่ ไม่เจอกันซะนานเลยนะครับ”
ทันใดนั้น สีหน้าฟางหยวนก็กลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง เธอแบกกระเป๋าใบโตและมุ่งหน้าไปยังห้องของตน
“คุณหนูใหญ่ ผมช่วยถือ” อีชางซูก้าวไปขวางทางข้างหน้าพร้อมพูดขึ้น
“ไปให้พ้นรวยรวย ฉันถือเองได้” ฟางหยวนปัดมือของอีชางซูออก เธอเปิดประตู และพอเธอแทรกตัวเข้าไปได้ เธอก็กระแทกประตูปิดราวกับว่าอยากจะให้อาคารหลังนี้สั่นะเืไปทั้งหลัง
ปล่อยให้หนึ่งหนุ่มตาโต (เสิ่นิ) หนึ่งหนุ่มตาตี่ (อีชางซู) สบตากัน…
“นายชื่อรวยรวยเหรอ?” เสิ่นิอดขำไม่ได้
“คุณหนูใหญ่จอมวายร้าย นั่นเป็ฉายาที่เธอตั้งให้ผมั้แ่เด็ก” อีชางซูอธิบายอย่างเคอะเขิน
“รวยรวยฟังแล้วก็ดูน่ารักดีนะ ดูท่าคุณหนูใหญ่จะรักนายมาก” เสิ่นิยิ้มแปลกๆ ส่วนเซี่ยวอี๋ที่ได้ยินจากหูฟังก็ขำจนท้องแข็ง
“พอได้แล้ว หัวเราะหาน้องสาวคุณเรอะ กลับไปทำกับข้าวไป” อีชางซูถูกหัวเราะเยาะจนโกรธ
“จะว่าไป ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้ล่ะ...ไม่นะ บอสมาที่นี่เหรอ?” เสิ่นิหุบยิ้มลงทันที
“อยู่ข้างใน” อีชางซูกล่าวพลางถอนหายใจ
ฟางหยวนซึ่งเคยชินกับห้องซึ่งเปิดไฟสลัว จู่ๆ ไฟในห้องก็ถูกเปิดเสียจนสว่างจ้า เธอจึงรู้สึกไม่ค่อยชอบใจ ชายคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟา เขากำลังอ่านไฟล์ที่ไม่มีชื่อในมืออยู่ จะผ่านไปอีกกี่สิบปี ท่านั่งของเขาก็ยังคงเหมือนกับประติมากรรมชิ้นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ฟางหยวนไม่กล่าวทักทายเขาสักคำ เธอเดินถือกระเป๋าไปจนถึงหน้าตู้เย็น ก่อนจะนำอาหารแช่แข็งสำหรับทั้งอาทิตย์ออกมาและยัดมันเข้าไป
“หยวนหยวน” ผู้เป็พ่ออดรนทนไม่ไหว
“คุณเรียกฉันเหรอ? ตู้ATM?” ฟางหยวนตอบโดยที่ไม่หันกลับไปมอง
“เราจะคุยกันดีๆ บ้างได้ไหม? อย่าพูดกับพ่อด้วยทัศนคติที่เหมือนว่าพ่อเป็อริอยู่ตลอดเวลาเลย ไม่ว่ายังไงพ่อก็ยังเป็พ่อของลูกอยู่” ฟางซื่อเฉวียนอยู่ในวงการห้างสรรพสินค้ามาหลายสิบปี มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้พูดจาบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นเช่นนี้
“เครื่อง ATM คุณจำสิ่งที่คุณพูดกับฉันก่อนที่ฉันจะออกจากบ้านเมื่อสองปีก่อนได้หรือเปล่า? คุณสาบานว่าจะไม่มาเจอฉันอีก” ฟางหยวนปิดตู้เย็น ในที่สุดเธอก็เดินกลับมายังห้องนั่งเล่น
“ที่พ่อพูดไปอย่างนั้น เพราะพ่อโกรธที่ลูกจะหนีออกจากบ้านไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วทำไมหนูถึงต้องหนีออกมาจากบ้านล่ะ? เพราะแม่จากหนูไปอยู่บน์แล้ว! คุณก็เอาแต่สิงอยู่ที่บริษัท! เวลาที่จะมาเจอหน้าแม่เป็ครั้งสุดท้ายก็ยังไม่มี! คุณมันเลว! มหาเศรษฐีแห่งเมืองหลินไห่! นักธุรกิจผู้มีอิทธิพล! บอสผู้ยอดเยี่ยม ขนาดเมียจะตายก็ยังคิดที่จะประชุม คุณเอาแม่ไปไว้ที่ไหน? แม่อยู่เงียบๆ คอยเสียสละให้คุณมาตลอดหลายปี เวลาที่คุณใช้ร่วมกับแม่ยังไม่มากเท่ากับเวลาที่คุณใช้ร่วมกับรวยรวยเลย คุณเป็เกย์เหรอ?” ฟางหยวนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ระวังคำพูดของเธอหน่อย! ฉันเป็พ่อเธอนะ เธอเป็ลูกสาวฉัน พูดจาน่ารังเกียจอย่างนี้ได้ยังไง” ฟางซื่อเฉวียนโมโหจนลุกขึ้นยืน
“กล้าทำแต่ไม่กล้าให้คนว่าอย่างนั้นหรือ? คนอย่างคุณไม่สมควรมีภรรยา ไม่สมควรมีลูกด้วยซ้ำ คุณควรจะไป FUCK กับกองใบหุ้น ใบสัญญาโน่นไป!”
เพียะ! เสียงตบดังเข้าที่บ้องหูของฟางหยวน น้ำตาของเธอไหลริน แต่ไม่ใช่เพราะความเ็ปที่แก้ม