ใน่บ่ายแก่ๆ
เหยียนจือ นางคณิกาอันดับหนึ่งแห่งหอร้อยบุปผา กลับจากการซื้อของ แล้วบังเอิญมาพบเข้ากับหนีเจียเอ๋อร์ ซึ่งกำลังนั่งอยู่เพียงลำพังริมสระน้ำ
นางหยุดชะงัก ก่อนสั่งให้สาวใช้นำของไปเก็บที่ห้อง แล้วเดินมาถามทันที “เหตุใดเสี่ยวเสี่ยวถึงมานั่งเหม่ออยู่คนเดียวเช่นนี้?”
เมื่อได้ยินเสียงอันนุ่มนวลดังมาจากด้านหลัง หนีเจียเอ๋อร์ก็เรียกสติกลับมา นางลุกขึ้นเดินไปหา พลางส่งยิ้มทักทาย “เหยียนจือ เ้ากลับมาแล้วหรือ?”
เหยียนจือพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมรอยยิ้มกว้าง หญิงสาวกุมมือหนีเจียเอ๋อร์เบาๆ ทั้งสีหน้าและการกระทำล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“เ้าคิดถึงบ้านใช่หรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ถอนหายใจเล็กน้อย “ข้าคิดถึงท่านแม่กับพี่ชาย พวกเขาคงวุ่นวายกับการตามหาข้าเป็แน่ ตอนนี้ท่านแม่ยิ่งสุขภาพไม่ดีอยู่ด้วย เกรงว่านางอาจจะอยู่ได้ไม่นาน”
เหยียนจือหลุบตาลงซ่อนความเศร้าสร้อย ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ได้แต่บีบมืออีกฝ่ายเป็การให้กำลังใจ
หนีเจียเอ๋อร์สบตาหม่นหมองของนาง พยายามข่มความเศร้าที่สะสมอยู่ในใจ แล้วถามว่า “ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เ้าเก็บเงินได้เยอะแล้ว เหตุใดจึงไม่ไถ่ตัวออกจากที่นี่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่านี้เล่า?”
เหยียนจือปล่อยมือนาง เดินไปริมสระน้ำที่มีปลาว่ายวนเวียน ด้วยสายตาเศร้าโศก
“ตอนที่ข้าอายุสิบสองปี ท่านพ่อติดการพนันจึงขายข้าให้หอร้อยบุปผา พออายุสิบสามข้าก็เริ่มรับแขก ย่างเข้าสิบห้าได้พบรักกับบัณฑิตผู้หนึ่ง เขากำลังเตรียมจะไปสอบขุนนาง พวกเราทั้งสองสาบานรักและสัญญาว่าจะแต่งงานกัน แต่หลังจากนั้น เขาก็ขโมยเงินเก็บทั้งหมดของข้าไป”
“เมื่ออายุยี่สิบ ข้าเก็บเงินได้มากพอที่จะไถ่ตัวและกลับบ้าน แต่พบว่าท่านพ่อยังคงติดการพนัน ส่วนท่านแม่ก็ไม่อาจทนเสียงครหาว่าลูกสาวเป็อดีตนางคณิกา พี่สะใภ้ยังตั้งข้อรังเกียจที่ข้าสกปรกโสมม หาว่าข้าเป็คนที่เอาแต่สร้างความอับอายขายหน้าไปวันๆ สุดท้ายพวกเขาก็ร่วมมือกันหลอกเอาเงินข้าไป ก่อนขายข้าคืนมาที่นี่”
“ยามนี้ข้าอายุยี่สิบหกปี ไร้สามี ไร้บ้าน สตรีคนเดียวจะมีหนทางใดให้ก้าวเดินอีก ไม่ว่าที่ใดก็ไม่ต้อนรับนางคณิกา สุดท้ายก็ต้องหวนกลับมายังหอร้อยบุปผาแห่งนี้”
หลังจากได้ยินความเป็มาของเหยียนจือ หนีเจียเอ๋อร์ก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ แววตาเ็าคล้ายจะอ่อนลง แต่นางก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็คำปลอบโยนที่อบอุ่นเพียงใด ก็คงไม่อาจลบล้างรอยแผลที่ฝังลึกในใจของอีกฝ่ายได้
หนีเจียเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้า ตบลงบนไหล่เล็กของนางเงียบๆ
เหยียนจือยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วหันมายิ้มกว้าง “ดูสิ! เดิมทีข้าตั้งใจจะปลอบเ้า แต่พูดไปพูดมา กลับทำให้เ้ารู้สึกหดหู่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”
เมื่อมองสายตาขอโทษขอโพยของนาง หนีเจียเอ๋อร์ก็ส่ายหน้าและยกยิ้ม “ไม่หรอก”
สายลมพัดผ่านแขนเสื้อของเหยียนจือ กลิ่นหอมพลันโชยเข้าจมูก ทำให้หนีเจียเอ๋อร์หวนนึกถึงเว่ยอี๋เหนียงขึ้นมาอีกครั้ง จึงถามไปว่า “เหตุใดสาวๆ ที่นี่ ถึงใช้เครื่องหอมกลิ่นเดียวกันหมดเลยเล่า?”
เหยียนจือตอบว่า “มิใช่แค่หอร้อยบุปผาของเราเท่านั้น แต่สตรีทุกคนในโคมเขียวต่างก็ใช้เครื่องหอมกลิ่นนี้”
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว พลางนึกสงสัย “เหตุใดถึงต้องเป็กลิ่นนี้ มีอะไรเป็พิเศษหรือไม่?”
เหยียนจือหลุบตามองหน้าท้องตัวเอง ก่อนตอบพึมพำ “เครื่องหอมชนิดนี้ทำมาจากขั้วลูกพลับแห้ง[1] มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของหญิงสาว และคุมกำเนิด”
หนีเจียเอ๋อร์หรี่ตาลง ดวงตาคมกริบแวววับ นั่นก็หมายความว่า ที่สวีซื่อส่งของเช่นนี้มาให้เว่ยอี๋เหนียง เพราะมีเจตนาซ่อนเร้นสินะ?
นางจึงสอบถามเหยียนจือ ถึงผลข้างเคียงที่ตกค้างในร่างกาย หลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว ก็พบว่าขั้วลูกพลับแห้งเป็เครื่องเทศธรรมดาที่ไม่เป็อันตรายต่อร่างกายมนุษย์
แต่เมื่อผสมบางอย่างเพิ่มเข้าไป สรรพคุณย่อมแปรเปลี่ยน ทำให้สตรีรู้สึกหดหู่ หากสูดเข้าไปมากๆ ก็จะทำลายอวัยวะภายใน รวมทั้งส่งผลให้อายุขัยสั้นลง
เดิมที ร่างกายของเว่ยอี๋เหนียงก็อ่อนแออยู่แล้ว หากสูดดมกลิ่นนี้ทั้งวันทั้งคืน มันก็น่าจะเป็พิษต่อร่างกาย ใช่หรือไม่?
หนีเจียเอ๋อร์กระแทกถุงหอมในมือลงกับโต๊ะ ั์ตาโชนแสง แทบอยากจะปรี่ไปฉีกอกสวีซื่อออกเป็ชิ้นๆ!
…
แสงอาทิตย์แผดเผา จนอากาศแทบจะลุกเป็ไฟ แม้แต่สายลมที่พัดผ่านเข้ามา ก็ยังร้อนอบอ้าว
ทว่า ภายในใจของหนีเจียเอ๋อร์กลับร้อนเสียยิ่งกว่า นางเทน้ำขึ้นมาดื่ม แม้จะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ความกังวลใจกลับมิได้ลดน้อยถอยลง... คงได้เวลาที่จะต้องลงมือเสียที
นางจึงใช้ข้ออ้างว่าอากาศร้อนเกินไป ถือโอกาสเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อปรุงซุปถั่วเขียว
เมื่อหนีเจียเอ๋อร์ยกซุปถั่วเขียวออกมา เดินผ่านด่านคนเฝ้าประตู พวกเขาก็ทั้งร้อนทั้งเหงื่อไหลโซมกาย นางจึงตักแบ่งไปให้คนละชาม
“พวกท่านทั้งสองทำงานหนัก ก็สมควรดื่มอะไรเย็นๆ เพื่อบรรเทาความร้อน”
หนีเจียเอ๋อร์มีหน้าตางดงาม ดูบริสุทธิ์สูงส่งราวกับยอดเขาสูงชันอันห่างไกล ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้พิศโฉมสะคราญ ที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดในระยะใกล้ ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้างามที่เรียบเฉยอยู่เป็นิจ ก็ดูอ่อนหวานนุ่มนวลชวนลุ่มหลงยิ่งนัก
คนเฝ้าประตูทั้งสอง เหม่อมองใบหน้าของนางอยู่นาน ก่อนจะลูบหน้าตัวเองอย่างแรงด้วยความขัดเขิน พลางส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ แล้วใช้สองมือประคองถ้วยซุปขึ้นมาดื่มจนหมดในรวดเดียว
ขณะที่หญิงสาวรับชามกลับมา ก็ได้ยินคำพูดตอบกลับของคนทั้งสอง “ขอบคุณเสี่ยวเสี่ยว”
หนีเจียเอ๋อร์ลอบยิ้ม พลางมองบุรุษทั้งสอง ที่มีอาการดั่งเห็นดอกท้อเบ่งบานท่ามกลางสายลมแห่งวสันต์ จึงแสร้งทำเป็ก้มหน้าเขินอาย “พวกเราทุกคนล้วนทำงานเพื่อพี่ฮวา นี่มิใช่เื่ง่ายเลย หวังว่าพวกพี่ใหญ่ทั้งหลาย จะช่วยดูแลพวกเราเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะเ้าคะ”
ว่าแล้ว ก็คลี่ยิ้มบางๆ ก่อนผละจากไป
คนเฝ้าประตูราวกับตกสู่ห้วงภวังค์แห่งความลุ่มหลง ได้แต่มองตามหลังไปจนพ้นสายตา
…
ตกค่ำ ก็เป็่เวลาแห่งการประชันทักษะการขับร้อง แเื่พากันรื่นเริง ส่งเสียงโห่ร้องกระหึ่มไปทั่วโถงอย่างมีชีวิตชีวา
พอใกล้จะจบงาน หนีเจียเอ๋อร์ก็อ้างกับพี่ฮวาว่ารู้สึกไม่สบาย จึงขอตัวไปพักก่อน
ซึ่งเหยียนจือเอง ก็ไม่ทราบว่าเพราะเห็นถึงความตั้งใจของหนีเจียเอ๋อร์หรือไม่ จึงออกตัวช่วยโน้มน้าว ว่าหญิงสาวทำงานมาั้แ่่บ่ายแล้ว ขอพี่ฮวาได้โปรดเห็นใจให้นางได้พักผ่อนบ้าง
พี่ฮวาดูเหมือนจะไม่ติดใจสงสัย ซ้ำยังถามไถ่ด้วยความเป็ห่วง ทั้งยังบอกว่าหาก้าหมอ ก็ให้เรียกได้เลย แต่หนีเจียเอ๋อร์เอ่ยว่าแค่อยากพักผ่อนสักหน่อยเท่านั้น พี่ฮวาจึงปล่อยนางไป
แน่นอนว่า หญิงสาวมิได้กลับไปพักผ่อนจริงๆ แต่ทำทีเป็เดินผ่านประตูไป ในขณะที่ยังมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามา
เพราะต่อไป หอร้อยบุปผาจะมีการป้องกันที่แ่ายิ่งขึ้น
ตอนที่จะผ่านประตู หนีเจียเอ๋อร์ก็อ้างว่า้าจะไปซื้อยาที่ร้าน ซึ่งอยู่ตรงหัวมุมบนถนนฝั่งตรงข้าม เพราะรู้สึกไม่สบายท้อง คนเฝ้าประตูแสดงท่าทีปฏิเสธ แต่หญิงสาวก็เสนอให้เขาคนใดคนหนึ่งไปด้วยกันกับนาง
คนเฝ้าประตูเห็นว่านางมีน้ำใจแบ่งปัน ทั้งยังภักดีต่อพี่ฮวา คงไม่คิดจะหนีเป็แน่...
พอข้ามถนนไปแล้ว หนีเจียเอ๋อร์ก็หลอกให้อีกฝ่ายตายใจ และอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ ลอบหลบหนี
แต่ใครเล่าจะคาดคิด ว่าการที่นางแจ้งว่าไม่สบาย แล้วได้รับอนุญาตให้ไปพักอย่างง่ายดายนั้น แท้จริงเป็เพียงแผนการตลบหลัง...
หนีเจียเอ๋อร์หนีไปได้แค่สองสามก้าวเท่านั้น กุ้ยกงที่ตามมาั้แ่ต้น ก็พุ่งเข้าไปรวบนางเอาไว้
หญิงสาวถูกพากลับไปยังหอร้อยบุปผาอีกครั้ง ทั้งยังถูกนำตัวไปกักขังไว้ในห้องลงทัณฑ์ เพื่อดัดนิสัยทันที
------------------------------------
[1] ขั้วลูกพลับแห้ง (柿子蒂) คนจีนสมัยโบราณ เชื่อกันว่าการกินขั้วลูกพลับแห้งเผาไฟจะสามารถคุมกำเนิดได้
ซึ่งจากการศึกษา พบว่าในขั้วลูกพลับมีกรด Oleanolic และสารอื่นๆ ที่แพทย์แผนจีนมักนำมาใช้ทำยาต่างๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้