“ค่ายกลป้องกันตระกูล”
ภายในหอประชุม เสิ่นล่างมองท้องฟ้าภายนอกด้วยแววตาเป็ประกาย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ทันทีที่สิ้นเสียง คนตระกูลเสิ่นที่เฝ้าอยู่ทั้งสี่ทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก ต่างเข้าประจำตำแหน่ง และพวกเขาทั้งสี่ก็ใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ผลึกสีฟ้าตรงหน้าเพื่อกดผลึกก้อนนั้นลงไป
ทันใดนั้นเองลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากทั้งสี่ทิศของตระกูลเสิ่น จากนั้นเกิดโดมครึ่งวงกลมปกคลุมอยู่เหนือท้องฟ้าตระกูลเสิ่น
ลำแสงสีฟ้าทั้งสี่สายพุ่งขึ้นไปรวมกัน แล้วลำแสงสว่างจ้าแสบตาก็พุ่งกลับจากท้องฟ้าลงมายังที่นั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลภายในหอประชุม
เสิ่นล่างเดินขึ้นไปตรงที่นั่งตำแหน่งผู้นำตระกูล จากนั้นเขาก็ตบฝ่ามือลงไปบนเก้าอี้อย่างรุนแรง พลังแผ่กระจายออกไปจากใจกลางฝ่ามือของเขาปกคลุมไปทั่วเก้าอี้
เมื่อมีพลังนั้นเข้ามาเสริม ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นค่อยๆ เคลื่อนที่ลงไป
ด้านล่างของเก้าอี้ตัวนั้นคือส่วนที่สำคัญที่สุดของค่ายกลป้องกันตระกูล เมื่อเก้าอี้เคลื่อนที่ลง อัญมณีก็ถูกกระตุ้น
ทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าที่สว่างยิ่งกว่าเดิมพุ่งออกไปจากหอประชุม และหลอมรวมเข้ากับลำแสงพลังทั้งสี่สายบนท้องฟ้า เป็เหตุให้มีระลอกคลื่นพลังแผ่กระจายออกไปจากตำแหน่งที่ม่านแสงสีฟ้าก่อตัวขึ้น ปกคลุมตระกูลเสิ่นเอาไว้ทั้งหมด
“เฮอะ แค่พวกมดไร้น้ำยา หลังจากนี้อีกหนึ่งชั่วยามข้าจะจัดการพวกเ้าทั้งหมด”
หลังจากกระตุ้นค่ายกลป้องกันตระกูลขึ้นมาแล้ว เสียงเย็นะเืของอีกฝ่ายพลันดังขึ้น เหมือนกับว่าค่ายกลป้องกันตระกูลนี้เปราะบางมากสำหรับเขา
“ขั้นราชัน”
เสิ่นล่างยืนอยู่ภายในหอประชุม กล่าวขึ้นเสียงเย็น
ขั้นราชัน กล่าวกันตามตรงเขาไม่มีทางสู้ได้เลย แม้เสิ่นเสวียนจะมีพร์แข็งแกร่งและมากความสามารถ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังระดับนี้ยังคงเปราะบางมาก
เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งโดนสำนักไท่อีเพ่งเล็งมา เขาจึงทำได้เพียงซ่อนตัว ตอนนี้เขาจำเป็ต้องยืนหยัดต่อไป ไม่เช่นนั้นตระกูลเสิ่นต้องพินาศลงอย่างแน่นอน
“ทุกคนที่อายุต่ำกว่าสามสิบปีเข้าไปในวังปฐี เสิ่นโจว เ้ามีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย หากไม่มีคำสั่งของข้าห้ามออกมาไม่ว่าใครก็ตาม”
“ขอรับ”
เสิ่นโจวยืนขึ้นรับคำของเสิ่นล่าง จากนั้นก็ออกไปจัดการเื่ต่างๆ อย่างรวดเร็ว ั้แ่เสิ่นเหวินเทาลงจากตำแหน่งผู้ดูแลใหญ่ของตระกูลไป เสิ่นเสวียนก็ให้เสิ่นโจวรับหน้าที่แทน ในเมื่อเสิ่นเสวียนให้ความสำคัญกับเสิ่นโจว แสดงว่าเสิ่นโจวเชื่อถือได้จริงๆ
เพียงไม่นาน คนตระกูลเสิ่นก็เข้าไปในวังปฐีตามการดำเนินการของเสิ่นโจว มีคนหนุ่มสาวบางคนที่อยากออกไปต่อสู้ แต่ก็โดนเสิ่นโจวกล่าวเตือนจนต้องถอยกลับไป
ตระกูลเสิ่นกำลังอยู่ใน่ความเป็ความตาย วังปฐีคือสถานที่ที่คนตระกูลเสิ่นยากจะเข้ามาได้ ภายในนี้เต็มไปด้วยสิ่งของจำนวนมาก เพียงพอที่จะให้คนนับพันใช้ชีวิตได้ถึงสามปี
ั้แ่สร้างวังปฐีขึ้นมายังไม่เคยใช้งานมาก่อนเลย นี่นับเป็ครั้งแรกที่ได้เปิดใช้
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วยาม
ตอนนี้ในตระกูลเสิ่นยังมีคนอยู่อีกประมาณห้าสิบกว่าคน คนเหล่านี้มีพลังต่ำสุดคือขั้นปรมาจารย์ระดับสูงสุดและอยู่ในขั้นแม่ทัพมากกว่าครึ่ง นี่คือพลังสูงส่งของตระกูลเสิ่น เรียกได้ว่าเป็รากฐานที่ทำให้ตระกูลเสิ่นเชิดหน้าชูตาในเมืองอวี่ฮว่าได้
ทุกคนในตระกูลอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมต่อสู้ เพื่อรับมือกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
เสิ่นล่างนั่งอยู่อย่างสงบ เฝ้าระวังค่ายกลป้องกันตระกูล เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
กาลเวลาผันผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ครบหนึ่งชั่วยาม
“คิดดีแล้วหรือยัง ส่งตัวเสิ่นเสวียนออกมา”
หลังจากหมดเวลาหนึ่งชั่วยาม เสียงของคนผู้นั้นพลันดังขึ้นอย่างชัดเจน
การกระตุ้นค่ายกลป้องกันตระกูลเสิ่นขึ้นมา นอกจากเสียงของพลังที่รุนแรงแล้วไม่มีเสียงอื่นอีกเลย
เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงอื่นดังออกมา เสียงของคนผู้นั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ อย่างนั้นก็ตายเสียเถอะ!”
เสียงนั้นเคล้าความเหยียดหยามเอาไว้ เย่อหยิ่งเหมือนกับผู้สูงส่งมองดูคนต่ำต้อย
คนตระกูลเสิ่นครึ่งหนึ่งยืนอยู่ภายในหอประชุม ผู้าุโทั้งหลายรวมตัวกันอยู่ข้างๆ เสิ่นล่าง พวกเขาต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด เสิ่นล่างทาบฝ่ามือโคจรพลังส่งเข้าไปในอัญมณีด้านล่าง รักษาระดับความแข็งแกร่งของค่ายกลป้องกันตระกูลเอาไว้
ตูม!
ขณะนั้นเองมีก้อนพลังพุ่งเข้ามาจากทางทิศตะวันตก โจมตีเข้าใส่ค่ายกลป้องกันตระกูลเสิ่นอย่างแม่นยำก่อให้เกิดเสียงดังก้อง คลื่นพลังแผ่กระจายออกไปทุกทิศทางทำให้เกิดแรงสั่นะเืไปทั่วในรัศมีสองลี้
คนที่อยู่ละแวกนี้เคลื่อนย้ายกันออกไปนานแล้ว เพราะกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย
“เฮือก!”
ภายในหอประชุม เสิ่นล่างกระอักเืออกมากองใหญ่ สีหน้าซีดเผือดลงไปมาก
“ผู้าุโใหญ่!”
“ร่วมมือกัน”
เสิ่นล่างเช็ดเืที่มุมปากพลางกล่าว จากนั้นคนอื่นๆ ในหอประชุมจึงโคจรพลังถ่ายทอดเข้าไปยังร่างของเสิ่นล่าง ทำให้พลังภายในร่างของเขาปะทุออกมาในพริบตาเดียว
“หึ! ข้าอยากรู้นักว่าเ้าจะทนได้อีกนานแค่ไหน”
เมื่อเห็นว่าม่านพลังของค่ายกลป้องกันตระกูลไม่พังทลาย ทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจเล็กน้อย
จากนั้นก็มีลูกไฟสีแดงเพลิงพุ่งโจมตีใส่ค่ายกลป้องกันตระกูลอีกครั้ง
ตูม!
ยังไม่ถูกทำลายอยู่ดี
ตูม! ตูม! ตูม!
ก้อนพลังสีแดงเพลิงโจมตีใส่ค่ายกลป้องกันตระกูลอย่างบ้าคลั่ง ทำให้พื้นที่รอบๆ ตระกูลเสิ่นกลายเป็ทะเลเพลิง
ส่วนภายในหอประชุม นอกจากเสิ่นล่างที่ยังฝืนอดทนอยู่ได้ คนอื่นๆ ต่างล้มลงไปกับพื้น กระอักเืออกมาอย่างน่าสังเวช
เสิ่นล่างในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก เพื่อที่จะยืนหยัดส่งพลังเข้าไปในค่ายกลป้องกันตระกูลทำให้เขาเสียพลังไปมาก แต่ถ้าไม่ใช้ค่ายกลป้องกันตระกูลแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีเข้ามาถึงด้านใน ตระกูลเสิ่นคงจบสิ้นแล้วจริงๆ
ตามการคาดเดาของเขา อีกฝ่ายนอกจากขั้นราชันคนหนึ่งแล้ว ยังมีผู้แข็งแกร่งขั้นบรรพบุรุษระดับสูงอีกสองคน
สามคนนี้เพียงพอที่จะทำลายล้างตระกูลเสิ่นได้
“จงพินาศ”
เสียงดังขึ้นจาก้า ตามมาด้วยลูกไฟขนาดใหญ่กว่าเดิม
ตูม!
ม่านพลังสีฟ้าของค่ายกลป้องกันตระกูลพังทลายลงด้วยพลังโจมตีของลูกไฟดวงนั้น สะเก็ดไฟมากมายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นใส่สิ่งก่อสร้างของตระกูลเสิ่นเบื้องล่าง ทำให้ไฟเริ่มลาม
ในเมืองอวี่ฮว่า อำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหลายกำลังเฝ้าดูอยู่ ส่วนตระกูลอื่นๆ ก็กำลังตกตะลึง ตระกูลเสิ่นเพิ่งมีผู้นำตระกูลที่แข็งแกร่ง เหตุใดถึงโดนโจมตีเช่นนี้!
เสิ่นเสวียนแห่งตระกูลเสิ่นผู้นั้นสามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งหานเฟิงที่มีพลังขั้นบรรพบุรุษ แต่เมื่อเห็นพลังน่ากลัวบนท้องฟ้า พวกเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าตระกูลเสิ่นอาจพินาศลงจริงๆ ก็ได้
ณ ยอดหอคอยตระกูลหาน ผู้นำตระกูลหานหนานเทียนนั่งดื่มชาอยู่บนนั้น
ข้างกายเขายังมีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างร่าเริง
“ตระกูลเสิ่นจบสิ้นแน่แล้ว”
หานหนานเทียนดื่มชา เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
“วางใจได้ ข้าจัดการเื่ใดไม่เคยไม่สำเร็จ นี่แค่ตระกูลเสิ่นเท่านั้น”
คนผู้นี้ไม่สูงมาก อายุประมาณสี่สิบกว่าปี ไว้หนวด จมูกเหมือนหนู ดูท่าทางเหมือนโจรใจเหี้ยม
“อย่าทิ้งร่องรอยใดๆ เด็ดขาด” หานหนานเทียนกล่าว
“วางใจได้ นับแต่วันนี้ที่ตรงนั้นจะกลายเป็เพียงเศษซาก”
แล้วคนผู้นั้นก็หัวเราะเสียงดัง
หลังจากม่านพลังบนท้องฟ้าเหนือตระกูลเสิ่นพังทลายลง ร่างเงาทั้งสามก็ค่อยๆ เหาะไปอยู่เหนือตระกูลเสิ่น
“เ้า...ออกมารับความตาย”
คนที่เป็ผู้นำสวมชุดสีดำ ทว่าใบหน้าของเขาถูกปกปิดด้วยหน้ากากิญญา มองไม่ชัดว่ามีหน้าตาเป็อย่างไร รวมไปถึงอีกสองคนด้านหลังด้วย พวกเขาปกปิดตัวตนอย่างมิดชิด
ทันใดนั้นเสิ่นล่างกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยร่างสั่นเทิ้ม สบตากับพวกเขาทั้งสามคน
“ไม่เลวเลยทีเดียว สามารถรับมือพลังโจมตีของข้าได้มากมายขนาดนั้น”
คนที่เป็ผู้นำมองเสิ่นล่างพลางกล่าวเสียงเรียบ
“พวกเ้าเป็ใครกัน”
“เ้าคู่ควรที่จะถามอย่างนั้นหรือ”
เมื่อสิ้นเสียง เขาใช้มือข้างหนึ่งยื่นออกไป แรงดึงดูดที่รุนแรงกระชากร่างของเสิ่นล่างเข้ามาทันที
คนที่เป็ผู้นำคว้าเข้าที่คอของเสิ่นล่างแล้วยกขึ้นสูง
“ลงไปจัดการคนที่เหลือให้หมด”
เขาจับตัวเสิ่นล่างเอาไว้ แล้วกล่าวกับอีกสองคนด้านหลัง
“ขอรับ”
ทั้งสองคนกล่าวรับคำพร้อมกัน ทว่าขณะที่ทั้งสองคนเหาะออกไปยังไม่ถึงสามจั้ง พลันมีลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้! พวกเ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน”
สิ่งที่ตามมาด้วยคือความเหยียดหยามจากผู้ที่เหนือกว่า