‘ฟู่วววว ~~ / เห้อออออ ~~’ เสียงถอนหายใจของป้านีกับฉันดังขึ้นพร้อมกันทันทีหลังจากที่ยัยอดีตแม่เลี้ยงได้หนีกลับบ้านไป
‘เป็อะไรหรือเปล่าลิน / ป้า...’ พี่รามหันมาถามฉันกับป้านีด้วยความเป็ห่วงก่อนที่จะจับไหล่ฉันหมุนไปมาเพื่อสำรวจหาความเสียหาย
‘มะ...ไม่เป็ไรค่ะ’ ฉันรีบตอบพี่รามกลับไปด้วยเสียงสั่น เพราะยังโมโหที่มันพูดจากับป้านีแบบนั้นโดยที่ฉันทำอะไรมันไม่ได้
ส่วนป้านีที่เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย สายตาของท่านที่มองกวาดไปแล้วพบว่ามีผู้คนมากมายต่างออกมามุงดูตามประสาชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็น ก็รีบเรียกให้ทั้งฉันและพี่รามเข้าบ้านทันที
‘ปะ...เราเข้าบ้านกันดีกว่า มีอะไรไปคุยกันในบ้าน คนเริ่มออกมาดูกันเยอะแล้ว’ ป้านีจูงมือฉันข้าง จูงมือพี่รามข้างแล้วพาเดินเข้าไปในบ้าน
หลังจากนั้นเราสามคนก็ตั้งวงสนทนากันถึงเื่ราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่ฉันก็ตัดสินใจยินยอมที่จะไปเซ็นยกบ้านให้ยัยแม่เลี้ยงหน้าด้านนั้นไปเพราะไม่อยากให้มามีปัญหาจนลามมาเดือดร้อนถึงป้านีเหมือนในวันนี้อีก และถึงแม้ว่าพี่รามจะเอ่ยปากยินดีจะช่วยฉันถ้าหากฉันอยากได้บ้านหลังนั้นกลับคืนมาจริง ๆ ก็ตาม แต่เพราะด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ฉันตัดสินใจไปแบบนั้น เพราะว่าฉันก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะได้บ้านหลังนั้นกลับคืนมาอีกแล้ว อีกทั้งยังรู้สึกว่าไม่อยากจะอยู่ในสถานที่เดิม ๆ ที่ที่ให้ความรู้สึกเดิม ๆ จนมันกลับมาทำร้ายตัวเองอีก เพราะฉะนั้นฉันจึงเลือกที่จะตัดใจปล่อยอดีตไปแล้วเริ่มต้นใหม่สักที
และนอกจากเหตุผลด้านความรู้สึกที่ฉันมีต่อบ้านแล้ว ก็ยังมีอีกเหตุผลที่ฉันคิดมาสักพักก่อนที่จะเรียนจบ นั่นก็คือฉันตั้งใจว่าหลังจากที่ฉันจบการศึกษา ฉันจะตามพี่รามไปเมืองหลวงด้วย ฉันอยากจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสถานที่ใหม่ อยากจะไปทำงาน อยากไปลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เพราะถ้าหากว่าฉันยังอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ โดยที่ข้างบ้านยังเป็บ้านเก่าของตัวเองแบบนี้แล้วละก็ ฉันก็คงไม่มีวันที่จะปลงได้อย่างแท้จริง...
ฉันตัดสินใจในคราวเดียวกันบอกถึงความปรารถนาให้ป้านีกับพี่รามฟัง แม้ว่าป้านีจะดูเศร้าใจในตอนแรก แต่ท่านก็เข้าใจฉันดีและก็ยินดีที่ฉันจะไปมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น ไม่ต้องมาเสียใจจมปลักอยู่กับความรู้สึกเก่า ๆ โดยที่ท่านก็ได้ฝากฝังฉันไว้กับพี่ราม ส่วนกำหนดการที่จะไปเมืองหลวง ฉันวางแผนเอาไว้ว่าคงจะเป็หลังจากที่จัดการสะสางธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันค่อยตามพี่เขาไป...
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ~~
‘เดินทางปลอดภัยนะลูก...หนูลิน / แกด้วยนะตารามดูแลน้องดี ๆ ด้วยล่ะ’ ป้านีที่เดินออกมาส่งฉันกับพี่รามหน้าบ้านได้เอ่ยปากกำชับพี่รามพร้อมกับพูดอวยพรฉันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเนื่องจากตอนแรกฉันตั้งใจจะนั่งรถบัสไปเอง แต่ด้วยความที่พี่รามเขาเป็ห่วงฉัน เขาจึงยอมหยุดงานแล้วมารับฉันด้วยตัวเอง
‘ค่ะ...ป้านีก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เดี๋ยวลินจะกลับมาเยี่ยมป้านีบ่อย ๆ นะคะ’ ฉันบอกผู้ใหญ่ที่ฉันทั้งรักและเคารพด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไม่ต่างกัน
‘เราก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก ถ้าไม่สบายใจก็กลับบ้านเรานะ’ ป้านีที่พยายามฝืนตัวเองเอาไว้ไม่ให้ร้องไห้แม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะแดงก่ำไปแล้วก็ตาม ก่อนที่มืออันอบอุ่นจะยื่นมาลูบเรือนผมดำขลับยาวสลวยของฉันไปด้วยความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
‘ฮึก ฮึก ค่ะป้านี’
ทั้งฉันและป้านีต่างโอบกอดร่ำลากันอยู่นาน ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างหักห้ามใจปล่อยอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้ไป โดยที่ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรเราสองคนจะได้กลับมากอดกันอีก
หลังจากที่ฉันขึ้นรถพี่รามมา สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่กระจกมองหลังเพื่อมองไปยังร่างของผู้หญิงที่ดีกับฉันเหลือเกิน กระทั่งรถที่แล่นออกไปเรื่อย ๆ จนฉันมองป้านีตัวเล็กลงทุกทียิ่งทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ สั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน แต่เพราะว่าธรรมชาติทำให้ทุกการพานพบก็ต้องมีพลัดพราก และด้วยการจากลาครั้งนี้ก็เพื่ออนาคตของฉันเอง
ตลอดระยะเส้นทางที่เดินออกมาจากอดีตมุ่งสู่อนาคตของฉัน แม้ว่าเมืองหลวงที่ไปนั้นจะไม่ได้ไกลจากบ้านเก่าที่ฉันเคยอยู่สักเท่าไรนัก แต่ทว่า...ในวันนี้ฉันกลับรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้มันช่างยาวนานเหลือเกิน...
พี่รามใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็เข้าเขตความเจริญ และก่อนที่พี่รามจะพาฉันไปส่งยังหอพักที่เขาจัดหาเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้ เขาก็พาฉันมาหาอะไรกินก่อน
‘หิวหรือยังครับ น้องลิน’ พี่รามเอ่ยถามหลังจากที่ฉันเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเผลอหลับไปก่อนหน้านี้
‘นิดหน่อยค่ะ พี่รามหิวแล้วหรือยังค่ะ’ ฉันถามกลับ
‘นิดหน่อยเหมือนกันครับ งั้นเรามาหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าแล้วค่อยเข้าที่พัก’ พี่รามบอกพร้อมกับสอดสายตาหาร้านอาหารที่น่ากิน
‘ได้ค่ะ เดี๋ยวมื้อนี้ลินเลี้ยงพี่รามเองนะคะ’ (^-^) ฉันยิ้มกว้างเอ่ยบอกด้วยความเกรงใจและอยากจะขอบคุณเขาด้วยในเวลาเดียวกัน
‘โอเคงั้นเดี๋ยวเราไปกินที่ร้านนั้นกัน’ พี่รามบอกพร้อมกับชี้ไปทิศทางที่ร้านตั้งอยู่ เขาที่แม้ว่าไม่อยากให้ฉันเลี้ยงข้าวมื้อนี้ แต่เป็เพราะว่าเขารู้จักนิสัยฉันดีเขาจึงเลือกที่จะไม่ปฏิเสธน้ำใจของฉัน
จากนั้นเราสองคนก็จัดการอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยง ก่อนที่พี่รามจะพาฉันมาส่งยังหอพักที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว
‘ขอบคุณนะคะพี่ราม ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย’ ฉันยกมือไหว้ขอบคุณผู้ชายที่แสนดีตรงหน้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ
‘ไม่เป็ไรเลยครับ พี่ยินดี...’ เขายิ้มหวานละมุนกลับมาให้ มันเป็ยิ้มที่ฉันดูออกว่าเขาหมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ
‘แล้วนี่เราถือขึ้นไปไหวไหม ดูท่าน่าจะหลายรอบอยู่นะ แล้วพี่ก็ขึ้นไปส่งไม่ได้ด้วยซิ หอนี้มันหอหญิงล้วนนี่น่า’ พี่รามที่แสดงสีหน้าไม่สบายใจที่ช่วยฉันได้ไม่สุดทาง
‘แค่นี้สบายมากค่ะ พี่รามไม่ต้องเป็กังวลนะคะ แล้วก็...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างอีกครั้งค่ะ นี่ก็ค่ำมากแล้วพี่รามกลับบ้านเถอะค่ะ’ ฉันเอ่ยบอกให้คนตรงหน้าสบายใจ ก่อนที่ฉันจะบอกให้เขากลับบ้านไปได้แล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะยืนรอจนกระทั่งฉันขนของรอบสุดท้ายเสร็จ
‘กลับไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ’ ฉันยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง
‘ครับ...งั้นพี่กลับก่อนนะครับ...ฝะ...ฝันดีนะ’ พี่รามเอ่ยอำลา ก่อนที่ท้ายประโยคจะพูดออกมาอย่างไม่เต็มปาก
‘ค่ะ เดินทางกลับดี ๆ นะคะ ถึงแล้วโทรหรือส่งข้อความมาบอกลินด้วยนะคะ’ (^-^) ฉันส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งพร้อมกับกำชับให้เขาบอกเมื่อถึงบ้านด้วย
หลังจากส่งพี่ราม ฉันที่กลับขึ้นมายังห้องพักก็ได้อาบน้ำก่อนที่จะมานั่งจัดของให้เข้าที่
หอพักหรือห้องเช่าที่พี่รามหามาให้ ค่อนข้างสะอาดและดูดีเลยทีเดียวเผลอ ๆ น่าจะดูดีพอ ๆ กับพวกคอนโดที่ปล่อยขายด้วยซ้ำ ฉันที่รู้สึกชอบห้องใหม่ห้องนี้มากช่างเป็ห้องที่ส่งความรู้สึกให้มีพลังที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่และทำให้ฉันกระตือรือร้นที่อยากจะมุ่งสู่วันพรุ่งนี้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้