เซี่ยโม่ถามต่อ “คุณอาคะ ทำไมใต้เตียงคุณถึงมีกองไม้เยอะจังเลยล่ะคะ”
“ก็เอาไว้ก่อไฟยังไงล่ะ ไม้ยิ่งหนักยิ่งเผาไหม้ได้ดี” หญิงวัยกลางคนพูดโอ้อวด
“อ๋อค่ะ” เธอพยักหน้ารับทราบ รู้สึกเสียดายและเศร้าใจแทนไม้พวกนี้เหลือเกิน ไม้พวกนั้นมีอายุหลายร้อยปี บางชนิดมีอายุเป็หมื่นปีด้วยซ้ำ แต่กลับต้องมาถูกคนที่ไม่รู้คุณค่าของมันเข้าใจว่าเป็เพียงแค่ไม้ธรรมดา
คาดว่าม้วนภาพวาดพวกนั้น หญิงวัยกลางคนผู้นี้คงเก็บไว้ใช้ทำฟืนด้วยเช่นกัน
แต่ลูกอมนมหลายเม็ดที่เธอให้ ได้เปลี่ยนความคิดของหญิงวัยกลางคนผู้นี้
เธอนึกดีใจที่ตัวเองได้มาร้านขายของเก่า ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะเอาม้วนภาพวาดไปทำเป็ฟืน
เธอหยิบม้วนภาพวาดใต้เตียงขึ้นมาดู สายตาไม่วายเหลือบมองกองไม้เป็ระยะ ด้วยความที่อดใจไม่ไหว เซี่ยโม่แอบหยิบไม้จินซือหนานกับไม้จันทน์แดงเข้าไปไว้ในโกดังสินค้า
ใต้เตียงมีไม้กองอยู่เยอะแยะมากมาย เอาไปใช้ทำเป็ฟืนน่าเสียดายแย่ เธอแอบหยิบไปเช่นนี้หวังว่าหญิงวัยกลางคนจะไม่รู้นะ
เวลาที่หยิบภาพวาดขึ้นมาดู เธอก็จะแอบหยิบไม้ห้าหกท่อนยัดใส่ในโกดังสินค้าไปด้วย ไม่นานเธอก็คลานออกมาจากใต้เตียง พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี “คุณอาคะ พอมีกระสอบเก่าๆ ไหมคะ ฉันอยากเอามาใส่ภาพวาดพวกนี้”
“มี เดี๋ยวฉันไปเอามาให้นะ แต่เธออย่าเอาไปบอกใครล่ะ”
“ฉันไม่บอกใครแน่นอนค่ะ”
หญิงวัยกลางคนเอามือตบที่ศีรษะตัวเองไม่แรงนัก ก่อนจะเอ่ยว่า “ม้วนภาพวาดพวกนี้มีบางอันที่เป็ตัวอักษร ฉันบอกเอาไว้ก่อน เธอจะได้ไม่มาว่าฉันทีหลัง”
มีที่เป็ตัวอักษรด้วย ดีจริงๆ เลย!
เธอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจริงใจ “มีที่เป็ตัวหนังสือด้วยก็ดีค่ะ ฉันกำลังฝึกเขียนตัวอักษรอยู่ เอาแขวนไว้ที่กำแพงจะได้ช่วยฉันประหยัดเงิน ไม่ต้องไปซื้อภาพตัวหนังสือมาแขวน”
“ดีเลย” หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างวางใจก่อนจะเดินออกไป
ไม่นานหญิงวัยกลางคนก็กลับมาพร้อมถุงกระสอบเก่าๆ เธอนำม้วนภาพวาดใส่ในถุงกระสอบแล้ววางไว้ที่ริมกำแพงหน้าบ้าน “จริงสิ ฉันยังอยากได้หนังสืออีกสักสี่ห้าเล่ม”
เธอเดินกลับไปยังร้านของเก่า คงต้องรีบทำเวลา ต้องให้ได้ของทุกอย่างก่อนที่พี่ซ่งจะกลับมารับ จะได้มีเวลาเอาถุงกระสอบที่ใส่ภาพวาดโบราณไปเก็บในโกดังสินค้า เธอจะให้ชายหนุ่มรู้เื่นี้ไม่ได้เด็ดขาด
รอจนหญิงวัยกลางคนเลื่อนประตูลูกกรงร้านของเก่าขึ้น เมื่อเดินเข้าไปข้างใน เธอก็ต้องตาโตด้วยความตกตะลึง ข้างในมีหนังสือเต็มไปหมดจนแทบไม่มีทางเดิน
ร้านของเก่าในตำบลเทียบไม่ได้เลย
เธอหาจนเหงื่อไหลเต็มหน้าผากถึงได้หาหนังสือวิชาคณิตฯ เรขาคณิต และฟิสิกส์ ซึ่งอยู่ในชุดหนังสือเรียนคณิตฯ ฟิสิกส์ เคมีเจอ
เซี่ยโม่มองกองหนังสือซึ่งสูงเท่าูเาที่กองอยู่เต็มห้องก็รู้สึกปวดหัว ไว้วันหลังมีโอกาสค่อยมาดูใหม่ดีกว่า
ขณะกำลังจะลุกขึ้นยืน สายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือเก่าๆ ซึ่งมีขนาดเท่ากระดาษเอสี่เสียก่อน
ตอนไปร้านของเก่าที่ตำบลเมื่อคราวก่อน เซี่ยโม่เจอหนังสือวิชาแพทย์ล้ำค่าหายากสองเล่ม เธอเืลมพลุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าหนังสือหนาๆ เล่มนี้จะนำพาความตื่นเต้นใดมาให้เธออีก
ออกแรงไปไม่น้อยกว่าจะนำมันออกมาจากกองหนังสือได้ หนังสือเล่มนี้หนักจริงๆ
หญิงวัยกลางคนกลับไปนั่งพักอยู่ที่หน้าร้านแล้ว เธอจึงรีบเปิดดู พอเปิดหนังสือออกจึงทราบเหตุผล ที่จริงแล้วภายในหนังสือมีช่องเก็บหยกซึ่งมีขนาดเล็กแบนกว่าหนังสือเล็กน้อยซ่อนเอาไว้
ถ้าไม่เปิดดูก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามีของล้ำค่าซ่อนอยู่
เ้าของเก็บหยกชิ้นนี้อย่างพิถีพิถันมาก หลังจากเปิดหน้าปกและพลิกหน้าหนังสือไปอีกสองหน้าถึงจะเป็ช่องสำหรับเก็บหยก
หน้ากระดาษที่อยู่ในหนังสือแห้งมาก อีกทั้งที่มุมยังมีรอยเปื้อนเป็วง หน้ากระดาษเลยปิดทับช่องเก็บหยกได้ไม่สนิท
เพียงแค่เห็นเซี่ยโม่ก็รู้ทันเ้าของหนังสือ
หลังจากตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เธอก็เอาหนังสือเล่มนี้เก็บไว้ในโกดังสินค้า จากนั้นถือหนังสือเรียนสามเล่มพร้อมถุงกระสอบใส่ม้วนภาพวาดที่วางพิงไว้ตรงกำแพงหน้าบ้านพัก แล้วเดินไปหาหญิงวัยกลางคน
เธอเอ่ยอย่างนอบน้อม “คุณอาคะ หนังสือสามเล่มนี้ราคาเท่าไรคะ”
หญิงวัยกลางคนมองหนังสือเรียนทั้งสามเล่มก่อนจะเอ่ยว่า “สาวน้อย เข้าไปหาตั้งนานได้มาแค่นี้เองเหรอ ฉันคิดหนึ่งเหมาก็แล้วกัน”
“ค่ะ” เธอหยิบเงินออกมาจ่ายให้อีกฝ่าย
จ่ายเงินเรียบร้อย เธอเอาหนังสือใส่ในถุงผ้าที่นำมาด้วย “คุณอาคะ ไว้มีเวลาฉันจะมาดูหนังสือใหม่นะคะ ถ้าคุณได้ม้วนภาพวาดมาอีกเก็บไว้ให้ฉันด้วยนะคะ แล้วฉันจะเอาลูกอมนมมาฝาก”
หญิงวัยกลางคนยิ้มแย้มอย่างดีใจ “ได้ เดี๋ยวฉันเก็บไว้ให้ ครั้งหน้าเธอเอาลูกอมนมมาฝากฉันเยอะๆ นะ”
“คุณอาวางใจได้เลยค่ะ ครั้งหน้าฉันจะเอามาฝากหนึ่งกิโลเลย”
“ได้”
เธอเดินออกมาอย่างเบิกบานใจ ยุคนี้พลังของลูกอมนี่ช่างสุดยอดไปเลย
เมื่อเดินมาถึงริมถนน เซี่ยโม่สอดส่ายสายตามองหารถของพี่ซ่ง พบว่ารถของชายหนุ่มจอดอยู่ข้างหน้าไม่ไกลมาก
สีหน้าเซี่ยโม่เปลี่ยนเป็ตื่นใ ทำไมชายหนุ่มถึงทำธุระเสร็จเร็วเช่นนี้ เธอจะทำอย่างไรดี
จะไปหาพี่ซ่งตอนนี้ไม่ได้ เธอหันหลังวิ่งไปอีกทางจนไปถึงทางตัน พอเห็นว่าแถวนี้ไม่มีคน จึงรีบเอาถุงกระสอบเข้าไปเก็บในโกดังสินค้า จากนั้นถึงค่อยวิ่งกลับไปที่รถ
ซ่งมู่ไป๋รออยู่ในรถ เขาเห็นเด็กสาวั้แ่ตอนเดินออกมาจากร้านของเก่าแล้ว ทีแรกนึกว่าอีกฝ่ายจะเดินมาหา ที่ไหนได้กลับวิ่งไปอีกทางเหมือนกระต่ายตื่นตูม พร้อมทั้งหอบหิ้วถุงกระสอบไปด้วย
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะลงจากรถไปช่วยเธอถือของ กลับเห็นเด็กสาววิ่งกลับมา ส่วนถุงกระสอบใบนั้นก็ได้หายไปแล้ว
“ถุงกระสอบที่เธอถือออกมาจากร้านของเก่าด้วยไปไหนเสียล่ะ” รอจนเด็กสาวขึ้นมานั่งบนรถ ถึงค่อยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เด็กสาวตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ “เป็ถุงขยะที่คุณป้าเ้าของร้านฝากให้ฉันช่วยเอาไปทิ้งน่ะค่ะ ฉันปฏิเสธไม่เก่งก็เลยช่วยเอาไปทิ้งให้”
ถุงขยะงั้นหรือ?
เห็นชัดว่าถุงกระสอบใบนั้นมีน้ำหนักเบา แล้วจะเป็ขยะไปได้อย่างไร หากเป็ขยะควรต้องมีน้ำหนักไม่ใช่หรือ?
อีกอย่างตอนเด็กสาวพูดกลับมองไปแต่ทางอื่น ทำไมถึงไม่มองหน้าเขา
หรือว่ากำลังพูดโกหกอยู่?
แต่ทำไมต้องโกหกเขาด้วยล่ะ คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
เขาถอนหายใจพร้อมกับยุติความคิด เด็กสาวต้องมีความลับซ่อนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่อยากบอก เช่นนั้นก็อย่าไปบังคับเลย
ในเวลาเดียวกัน หัวใจเซี่ยโม่ในตอนนี้กระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังไต่สะพานเชือกบนหน้าผาสูงอย่างไรอย่างนั้น น่าหวาดเสียวที่สุด
แต่ถ้าเมื่อครู่นี้ไม่ลองเสี่ยง เธอคงเอาม้วนภาพวาดพวกนั้นเข้าไปเก็บในโกดังสินค้าไม่ทัน นึกถึงราคาของพวกมัน ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เธอมั่นใจว่าพี่ซ่งไม่มีทางถามต่อแน่นอน เพราะชายหนุ่มไม่ใช่คนที่สงสัยอะไรก็โพล่งถาม
เซี่ยโม่ตัดสินใจว่า หลังจากนี้ถ้ามีเวลาเธอจะเข้ามาดูหนังสือในอำเภออีก ไม่แน่อาจจะได้ม้วนภาพวาดกลับไปเพิ่ม
หรือหากตกลงราคากับหญิงวัยกลางคนได้ เธออาจได้ไม้จากเครื่องเรือนเก่าพวกนั้นกลับไปด้วย
นอกจากนี้เธอยังเห็นอีกว่า ที่มุมหนึ่งในร้านของเก่ามีพวกจานชามกระเบื้องเคลือบวางกองอยู่ ไว้มีเวลาเธอค่อยมาดู
ความโลภเริ่มเข้ามาครอบงำ นึกแล้วก็เสียดาย วันนี้มีเวลาน้อยเธอเลยพลาดของดีไปตั้งมากมาย
ความที่คิดเช่นนี้เธอเลยหันไปมองซ่งมู่ไป๋ด้วยแววตาตัดพ้อต่อ ไม่รู้ทำไมพี่ซ่งถึงทำธุระเสร็จเร็วนัก
“พี่ซ่ง พวกเรากำลังจะไปไหนกันคะ”
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ตอนนี้เที่ยงแล้ว ฉันเลยจะพาเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยพาเธอไปทำธุระต่อ”
ได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนี้ถึงค่อยรู้ว่าเวลาผ่านไปครึ่งวันแล้ว เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง “ไม่รู้ว่าอาจารย์จะขายสมุนไพรเสร็จหรือยัง แล้วก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้กินข้าวเที่ยงแล้วหรือยังนะคะ”
ทว่าซ่งมู่ไป๋ไม่สนใจ เขาอยากไปกินข้าวกับเด็กสาวสองต่อสอง ไม่อยากพาใครไปเป็ก้างขวางคอด้วย
“เหล่าจ้าวบอกว่ามีคนรู้จักอยู่ที่ร้านยาิเหรินถังไม่ใช่เหรอ ป่านนี้คงจะไปกินข้าวกับคนรู้จักคนนั้นแล้วละ เธอไม่ต้องห่วงหรอก”
เซี่ยโม่มองชายหนุ่มตาโต พูดอย่างจับผิดว่า “พี่ซ่ง ต่อหน้าพี่เรียกอาจารย์ว่าอาจารย์ แต่ลับหลังกลับเรียกชื่อตรงๆ แบบนี้ใช้ไม่ได้นะคะ”
เขาถึงค่อยรู้ตัวว่าเมื่อครู่เผลอลืมตัวไปชั่วขณะ เลยใช้คำเรียกขานชายชราผิดไป “เธอพูดถูก งั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเป็การไถ่โทษ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้