มู่เฟิงเดินตรงเข้าไปหาแอ่งหินหนืดขนาดเล็กซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงสองเมตร คาดว่าแอ่งหินหนืดนี้คงจะถูกสร้างขึ้นโดยเจียวคุนเพื่อทำใช้ในการหล่อเลี้ยงต้นบัวอัคนี
ในฝักบัวอัคนีมีเม็ดบัวอัคนีจำนวนมากกว่าสิบเม็ด นอกจากนี้ในฝักบัวยังมีรูที่ว่างเปล่าอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเจียวคุนจะเก็บเม็ดบัวอัคนีบางส่วนไปใช้แล้ว แต่มันยังมีเหลืออยู่อีกมากกว่าครึ่งหนึ่ง
มู่เฟิงหยิบกล่องไม้ออกมา ทว่าขณะที่เขากำลังจะเก็บเม็ดบัวอัคนีนั้น
หวืด!
ทันใดนั้นคลื่นพลังสีแดงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มู่เฟิงเคลื่อนกายหลบหลีกอย่างว่องไว ส่งผลให้พลังนั้นพุ่งกระแทกเข้ากับกำแพงหินที่อยู่ด้านข้างจนเป็หลุมบ่อ
จากนั้นเงาร่างของคนหลายคนก็เดินออกมาจากห้องหิน อีกฝ่ายจ้องมองมาทางมู่เฟิงอย่างเ็า
มู่เฟิงจ้องกลับอย่างคาดไม่ถึง เพราะพวกคนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็เผ่าปีศาจ และทุกคนล้วนเป็สตรี
พวกนางมีกันทั้งหมดสี่คน แต่ละคนล้วนมีใบหน้าสวยพริ้มเพรา เพียงแต่ั์ตาของพวกนางเป็สีทองเข้มและบนแขนก็มีเกล็ดสีแดง
“มีผู้บุกรุก ฆ่ามัน!”
สตรีผู้หนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเ็า จากนั้นหญิงสาวทั้งสี่ต่างก็ถืออาวุธมีคมไว้ในมือและกระโจนเข้าหามู่เฟิงพร้อมกัน
ระดับวรยุทธ์ของสตรีจากเผ่าปีศาจเหล่านี้ไม่ได้สูงมากนัก วรยุทธ์ของพวกนางอยู่เพียงระดับจื่อฝู่เท่านั้น และพวกนางก็เป็เพียงทาสกามอารมณ์ของเจียวคุน
มู่เฟิงกระชับดาบในมือ จ้องมองพวกนางที่กำลังพุ่งเข้ามาเพื่อสังหารเขาอย่างเ็า จากนั้นเด็กหนุ่มก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าพร้อมกับวาดกระบวนดาบออกมา พลังปราณของเขาถูกควบแน่นเอาไว้ที่ดาบในมือ
“ดาบพยัคฆ์หาญ!”
ทันทีที่ออกดาบ เสียงของคมดาบที่แหวกผ่านอากาศก็ดังขึ้นราวกับเสียงคำรามของพยัคฆ์ ปราณดาบสีทองกวาดออกไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
ฉัวะ!
กระบี่ของหญิงสาวนางหนึ่งถูกฟันขาด ในขณะที่ร่างของนางก็ถูกตัดเป็สองท่อนอย่างไร้ความปรานี เืสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
เมื่อร่างของสตรีจากเผ่าปีศาจผู้นั้นถูกแยกส่วน พลังปีศาจสีแดงก็พลันหลั่งไหลออกมาจากร่างของนางก่อนจะสลายหายไป และคาดไม่ถึงว่าร่างมนุษย์ของนางจะเปลี่ยนกลับเป็ซากงูเหลือมในพริบตา!
ดาบเมื่อครู่ของมู่เฟิงสังหารสตรีจากเผ่าปีศาจผู้นั้นอย่างโเี้ และภาพนั้นก็ทำให้สตรีจากเผ่าปีศาจที่เหลือไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้เขาอีก
“อย่าบีบให้ข้าต้องสังหารสตรีอีก”
มู่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
สตรีทั้งสามต่างรีบถอยกรูดออกไปในทันที จากนั้นร่างของพวกนางก็พลันเปล่งแสงสีแดงออกมา ไม่นานร่างมนุษย์ก็กลับกลายเป็ร่างของงูเหลือมั์สามตัวที่มีความยาวกว่าสิบเมตร จากนั้นงูเหลือมทั้งสามก็คอยมองการเคลื่อนไหวของมู่เฟิงอย่างระแวดระวัง
มู่เฟิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างเ็า เขาหันกลับไปเก็บเม็ดบัวอัคนีต่อ เด็กหนุ่มนำเม็ดบัวอัคนีจำนวนมากกว่าสิบเม็ดใส่ลงไปในกล่องไม้
ส่วนดอกบัวอัคนีมู่เฟิงไม่ได้สนใจ เนื่องจากดอกบัวอัคนีนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป หลังจากเขานำเตาหลอมโอสถใส่เข้าไปในแหวนเฉียนคุนแล้ว ภายในแหวนเฉียนคุนก็ไม่เหลือพื้นที่ให้บรรจุสิ่งของขนาดใหญ่เข้าไปได้อีก นอกจากนี้สิ่งที่หลิ่วอีเสวี่ย้าก็มีเพียงเม็ดบัวอัคนีเท่านั้น
หลังจากมู่เฟิงเก็บเม็ดบัวอัคนีเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองสำรวจไปยังห้องหินอีกหลายห้อง
เนื่องจากที่แห่งนี้คือถ้ำพำนักของงูเจียวไฟ ดังนั้นภายในก็คงจะมีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย
มู่เฟิงเดินไปยังห้องหินห้องหนึ่ง เมื่อผลักประตูหินเข้าไป แสงสีทองอร่ามก็พลันส่องประกายออกมาจากภายในห้อง
“สุดยอดเลย!”
เมื่อได้เห็นสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในห้อง มู่เฟิงก็ตะลึงงันไปในทันที เพราะภายในห้องนี้ถูกบรรจุไว้ด้วยเหรียญตำลึงทอง!
เหรียญตำลึงทองกองพะเนินเป็ูเา เกรงว่าทั้งหมดนี้คงมีไม่ต่ำกว่าแสนเหรียญตำลึงทอง นอกจากนี้ยังมีทองคำแท่งอีกจำนวนมาก
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้เขาไม่สามารถนำออกไปได้
“ไอหยา นี่มันหินเทวะ!”
ท่ามกลางเหรียญตำลึงทองที่กองพะเนินมีบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของมู่เฟิงได้เป็อย่างดี สิ่งนั้นคือหินผลึกหลากสีจำนวนหนึ่งที่ถูกวางไว้ในห้องหิน
หินผลึกเหล่านี้มีขนาดเท่ากำปั้นและมีกลิ่นอายพลังฟ้าดินอันเข้มข้นแผ่ออกมา
นี่คือหินเทวะ เป็ก้อนหินที่บรรจุไว้ด้วยพลังฟ้าดินจำนวนมหาศาล สามารถใช้ในการบ่มเพาะวรยุทธ์ สร้างค่ายกล หลอมเครื่องมือและอีกสารพัดประโยชน์ได้ หินเทวะนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหลายพันเหรียญตำลึงทอง และหากเป็หินเทวะที่มีคุณภาพสูงอาจมีมูลค่าเป็หมื่นเหรียญตำลึงทอง
เมื่อได้พบสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ มู่เฟิงย่อมรู้สึกยินดีเป็อย่างมาก เขารีบหยิบหินเทวะขึ้นมาพิจารณามอง มันคือหินเทวะของจริงเป็แน่
นี่คือของหายากที่มีมูลค่าสูง และไม่สามารถหาได้ในตลาดทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นเหมืองหินเทวะเพียงแห่งเดียวในอาณาจักรหนานหลิงก็อยู่ในมือของพวกราชวงศ์
ภายในห้องหินแห่งนี้มีหินเทวะจำนวนมากกว่าสิบก้อน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนเหรียญตำลึงทอง
มู่เฟิงรีบเก็บหินเทวะเ่าั้ลงไปในแหวนเฉียนคุนอย่างรวดเร็ว ส่วนเหรียญตำลึงทองและทองคำแท่งเขาไม่ได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย
หลังจากได้รับหินเทวะมาแล้ว มู่เฟิงก็ไปยังห้องหินห้องถัดไป ห้องหินห้องนี้มีคัมภีร์จำนวนมากบรรจุอยู่ภายใน เมื่อมู่เฟิงเปิดอ่านก็พบว่ามันเป็ตำราเกี่ยวกับทักษะพลังปราณ
“ทักษะพลังปราณระดับนิลกาฬขั้นต่ำ คมดาบอัคคี”
“ทักษะพลังปราณระดับธาตุทองขั้นสูง หมัดเพลิง”
มู่เฟิงพลิกหน้าตำราหลายเล่มติดต่อกัน จากเนื้อหาที่ผ่านตาเขา ทักษะพลังปราณระดับนิลกาฬขั้นกลางเป็ระดับสูงสุดและมีทักษะพลังปราณระดับธาตุทองขั้นต่ำเป็ระดับต่ำสุด ซึ่งตำราเหล่านี้เป็สิ่งของที่งูเจียวไฟรวบรวมเอาไว้หลังจากสังหารมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็ตำราทักษะพลังปราณในรูปแบบใด มู่เฟิงล้วนยิ้มรับมันเอาไว้ทั้งหมดด้วยความยินดี เด็กหนุ่มนำเตาหลอมโอสถออกมา จากนั้นก็นำตำราเ่าั้ใส่เข้าไปในหม้อ และเก็บมันกลับเข้าไปในแหวนเฉียนคุนเหมือนเดิม
เนื่องจากพื้นที่ภายในแหวนเฉียนคุนของเขานั้นเล็กเกินไป ไม่อาจบรรจุสิ่งของได้มากกว่านี้แล้ว
ปีศาจงูเหลือมทั้งสามตัวเฝ้ามองมู่เฟิงปล้นชิงของไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้
ความแตกต่างระหว่างเผ่าปีศาจกับอสูรร้ายอยู่ที่พลังปีศาจ หากว่าอสูรร้ายตนใดสามารถกำเนิดพลังปีศาจขึ้นมาได้ อสูรร้ายตนนั้นก็จะสามารถแปลงกายเป็มนุษย์และถูกนับว่าเป็เผ่าปีศาจ เพียงแต่สิ่งนี้เป็สิ่งที่มีติดตัวมาั้แ่กำเนิด ดังนั้นจึงมีอสูรร้ายบางจำพวกที่ถึงแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่ก็ไม่อาจถูกนับว่าเป็เผ่าปีศาจได้ ในทางกลับกัน แม้จะเป็อสูรร้ายที่มีระดับพลังต่ำ แต่ตราบใดที่มีพลังปีศาจภายในร่าง ก็จะถูกนับว่าเป็เผ่าปีศาจ
หลังจากมู่เฟิงรับเอาตำราการฝึกทักษะพลังปราณไปแล้ว เขาก็ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่นาน เด็กหนุ่มจึงรีบออกจากโพลงหินนี้กลับไปยังเส้นทางของถ้ำหินที่เขาเข้ามาอย่างรวดเร็ว
คงกลายเป็เื่น่าเศร้าหากว่าเขาไม่สามารถหลบหนีออกไปก่อนที่งูเจียวไฟจะกลับมาได้
มู่เฟิงใช้ดาบสองเล่มปีนไต่ขึ้นไปตามกำแพงหินเพื่อออกจากปล่องูเาไฟ หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาที ในที่สุดเขาก็สามารถปีนออกจากปากปล่องูเาไฟได้
มู่เฟิงมองไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลออกไป เขาพบว่าคนทั้งสองยังคงต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือด ในขณะที่พื้นูเาด้านล่างก็ถูกพวกเขาพังทลายจนราบเป็หน้ากลอง ตอนนี้เจียวคุนได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของตัวเองแล้ว
“โฮก!”
เปลวเพลิงสีแดงถูกพ่นออกมาจากปากของงูเจียวไฟ มันถูกควบแน่นขึ้นเป็รูปร่างัไฟก่อนจะพุ่งทะยานเข้าหาหลิ่วอีเสวี่ยอย่างรวดเร็ว
หลิ่วอีเสวี่ยเหวี่ยงตวัดคมกระบี่ออกมา ผ่าร่างัไฟตัวนั้นจนขาดออกเป็สองส่วน
แต่ในระหว่างนั้นงูเจียวไฟก็ได้ใช้หางอันทรงพลังของมันฟาดไปยังร่างของหลิ่วอีเสวี่ยอย่างแรง ความแข็งแกร่งของหางนี้สามารถกวาดทำลายูเาได้เลยทีเดียว และมันก็กระแทกเข้ากับร่างอันบอบบางของหลิ่วอีเสวี่ยอย่างจัง
อัก!
หลิ่วอีเสวี่ยกระอักเืออกมาทันที ร่างของนางถูกฟาดจนลอยไปกระแทกกับโขดหินก้อนใหญ่ ซึ่งแรงปะทะนั้นรุนแรงมากจนทำให้หินก้อนนั้นแตกกระจุย
“ฮ่าๆ ๆ ๆ หลิ่วอีเสวี่ย ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกเ้าแล้วว่าเ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ดังนั้นจงเชื่อฟังและมาเป็เมียอีกคนของข้าแต่โดยดีเถอะ”
งูเจียวไฟหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะพ่นคำพูดหยาบโลนออกมา
หลิ่วอีเสวี่ยกระชับกระบี่ในมือเอาไว้แน่น ก่อนจะทะยานร่างบินขึ้นมาอีกครั้ง ยังคงมีเืไหลออกจากมุมปากของนาง ตอนนี้กระดูกหลายส่วนในร่างของนางแตกหักไปแล้ว นอกจากนี้นางยังได้รับาเ็ภายในอย่างรุนแรงอีกด้วย
แต่ทันใดนั้น พลังปราณทั้งหมดภายในร่างของหลิ่วอีเสวี่ยก็พรั่งพรูออกมา มือทั้งสองของนางจับกระบี่เอาไว้มั่น สายตาของนางยังคงจ้องมองงูเจียวไฟอย่างเ็า พลังปราณสีน้ำเงินทั้งหมดถูกรวบรวมไว้บนกระบี่ในมือ
“วิชากระบี่สมุทรสีคราม!”
หลิ่วอีเสวี่ยะโออกมาเสียงดัง ขณะวาดกระบี่ที่ถูกอัดแน่นไว้ด้วยพลังปราณออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่สีน้ำเงินนี้ดูราวกับเกลียวคลื่นของมหาสมุทรที่กวาดซัดไปทางงูเจียวไฟอย่างรุนแรง
อานุภาพพลังของกระบวนยุทธ์นี้เป็สิ่งที่น่าตกตะลึงเป็อย่างยิ่ง นี่คือกระบวนยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหลิ่วอีเสวี่ย เป็ทักษะพลังปราณระดับนิลกาฬขั้นสูงที่นางฝึกฝนจนสามารถใช้ออกมาได้ในระดับสมบูรณ์
เมื่อเห็นดังนั้นดวงตาของงูเจียวไฟพลันไหววูบ เขาพ่นเปลวเพลิงัออกมาทันที และเปลวเพลิงนี้ก็ได้ก่อตัวขึ้นเป็ชั้นกำแพงไฟตรงหน้าเขา
เปรี้ยง!
หลังจากกำแพงไฟถูกปราณกระบี่สีน้ำเงินพุ่งจู่โจม มันก็ไม่สามารถต้านทานอานุภาพพลังของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ ทำให้ปราณกระบี่สามารถเจาะทะลวงผ่านชั้นกำแพงไฟและพุ่งเข้าจู่โจมร่างของงูเจียวไฟโดยตรง
“โฮก!”
งูเจียวไฟแผดเสียงคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ปราณกระบี่เล่มนี้ทำให้ร่างกายของมันได้รับาเ็ แต่การโจมตีไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อปรากฏาแเปิดกว้าง คลื่นพลังจากปราณกระบี่ยังคงพุ่งซัดเข้าสู่าแของงูเจียวไฟ ทำให้อาการาเ็ของมันรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
“โฮก”
งูเจียวไฟกรีดร้องโหยหวนออกมา ร่างอันใหญ่โตของมันร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกเข้ากับพื้นด้านล่างอย่างรุนแรง ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณ กระทั่งพื้นดินยังเกิดการสั่นะเื
อึก!
เนื่องจากการโจมตีนี้จำเป็ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี ทำให้หลิ่วอีเสวี่ยที่ได้รับาเ็สาหัสอยู่ก่อนแล้วพ่นเืออกมาอีกครั้ง ใบหน้าของนางซีดเผือด พลังปราณภายในร่างแห้งเหือด ไม่นานร่างของนางก็ล่วงตกลงไปในเขตของป่าสนสีเหลือง