เรือเสวียนอู่มีขนาดใหญ่มาก ใหญ่จนคนบนเรือเหมือนกับมดฝูงหนึ่ง
อยู่บนเรือไม่ขาดแคลนเื่อาหารการกิน อาหารบนเรือเพียงพอที่จะกินได้เป็ปีๆ
เรือเสวียนอู่หรูหราเป็อย่างมาก คนที่สามารถโดยสารเรือลำนี้ได้ใครบ้างที่ไม่มีเงินหลายล้านเหรียญทอง
ส่วนโจรสลัดอากาศนี้เป็อาชีพหนึ่งซึ่งเป็การรวมกลุ่มกันขึ้นมา
พวกเขาจะปล้นเฉพาะเรือเสวียนอู่เท่านั้น หากว่าโชคดีอาจมีกินมีใช้ไปอีกนาน
พวกเสิ่นเสวียนเดินตามเริ่นเสี้ยวเทียนขึ้นไป้าของเรือเสวียนอู่ พวกเขาเดินขึ้นบันไดไป เสียงฝีเท้าดังตึกๆ ส่วนคนอื่นๆ ในเรือเสวียนอู่ตอนนี้กำลังวิ่งไป กลัวว่าหากไปช้าอาจกลายเป็คนสุดท้ายได้
โจรสลัดอากาศมิอาจล้อเล่นด้วยได้ หากไม่ทำตามคำสั่งอาจถึงตาย
เพียงไม่นานพวกเสิ่นเสวียนก็กลายเป็กลุ่มสุดท้ายที่เดินไปถึง
“ยังมีคนอื่นอีกไหม หากพวกข้าจับตัวได้จะไม่แค่ตายเท่านั้น”
หลังจากที่เดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ เสียงนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้น
้าสุดของเรือเสวียนอู่เป็ลานกว้างว่างเปล่า ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครขึ้นมาที่นี่ แม้้าจะมีม่านพลังป้องกันอยู่รอบด้าน แต่เนื่องจากอยู่สูงจากพื้นโลกมากกว่าสามพันจั้ง ทะเลเมฆหมอกกว้างใหญ่ไพศาลที่รายล้อมทำให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน
ทว่าตอนนี้กลับมีคนยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเต็มไปหมด
บนเรือเสวียนอู่มีห้องทั้งหมดหกร้อยหกสิบหกห้อง การเดินทางครั้งนี้ขายตั๋วได้สามร้อยเจ็ดสิบสองห้อง มีผู้โดยสารสี่ร้อยเจ็ดสิบหกคน หากรวมลูกเรือเข้าไปด้วยจะมีคนทั้งหมดห้าร้อยสี่สิบคน ตอนนี้ในที่นี้มีคนอยู่ทั้งหมดห้าร้อยสามสิบห้าคน ที่ขาดไปก็คือพวกเสิ่นเสวียนอีกห้าคนที่ยังเดินมาไม่ถึง ส่วนผู้คุ้มกันที่เฝิงเป่าเป่าจ้างมาก่อนหน้านี้มารวมตัวอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว
และตรงหน้าคนเหล่านี้มีบางอย่างขนาดใหญ่ยืนอยู่หลายตัว
มันมีหัวเป็อินทรี มีร่างเป็สิงโต ปีกสีดำขนาดใหญ่ มันยืนอยู่ตรงนั้นสูงมากกว่าเก้าฉื่อ สี่ขาของมันมีกรงเล็บยาวแหลมคม
มันคือสัตว์วิเศษขั้นหก ‘ซือจิ้ว[1]’
ซือจิ้วตัวนี้เป็สัตว์วิเศษประเภทบินขั้นหก เมื่อโตเต็มวัยจะสามารถต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิได้
และตอนนี้มีซือจิ้วอยู่ทั้งหมดสิบสามตัว พลังของพวกมันอยู่ในขั้นหกระดับต้น
บนซือจิ้วสิบสามตัวมีคนนั่งอยู่สิบสามคน
คนที่นั่งอยู่บนหลังซือจิ้วสิบสามคนนี้มีไอพลังน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากร่าง กระตุ้นทุกคนในที่นี้อยู่ตลอดเวลา แสดงให้เห็นถึงพลังที่แข็งแกร่งของพวกเขา
ไอพลังเ่าั้ทำให้ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวสิ่งใดออกมา
ทว่าคนเหล่านี้มีพลังยุทธ์เฉลี่ยอยู่ในขั้นบรรพบุรุษ โดยเฉพาะผู้คุมเรือสามคนที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็จอมยุทธ์ขั้นราชันระดับกลางกันแล้ว อย่าเห็นว่าพวกเขาขึ้นบินจากเมืองเสียเยว่ ความจริงแล้วผู้คุมเรือทั้งสามคนรวมไปถึงเรือเสวียนอู่ลำนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของเมืองเสียเยว่ แต่พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของเมืองหลวง ซึ่งคนเหล่านี้ขึ้นกับเมืองหลวงโดยตรง หากอยู่ในเมืองเสียเยว่ตามปกติพวกเขาคนใดคนหนึ่งเรียกได้ว่าเป็ยอดฝีมือ แต่ตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ทำให้สถานการณ์ต่างออกไป
ขั้นบรรพบุรุษในเมืองอวี่ฮว่าก็เรียกได้ว่าเป็ยอดฝีมือเช่นกัน แต่อยู่ที่นี่กลับกลายเป็คนธรรมดา เสิ่นล่างมีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุด แต่ความรอบรู้ของเขาจำกัดอยู่ภายในแคว้นเท่านั้น
คนที่ยืนอยู่ตรงกลางในสิบสามคนนั้นก็คือผู้นำ ซือจิ้วที่ขี่อยู่ก็เป็ตัวที่ใหญ่ที่สุด มีสีขาวดำปะปนกันไปดูน่าเกรงขามยิ่งนัก เพียงแค่พลังของซือจิ้วก็น่าจะเกือบถึงขั้นหกระดับสูงสุดแล้ว
เขาแต่งกายดูค่อนข้างดุดัน พาดผ้าสีน้ำตาลเอาไว้บนร่างกึ่งเปิดกึ่งปิด เขามีผิวคล้ำ บนหัวมีขนนกเส้นหนึ่งปักอยู่ ดูจากสีของขนนกเส้นนั้นแล้ว มันคือขนของซือจิ้วตัวที่เขาขี่อยู่นั่นเอง
เขานั่งอยู่ตรงนั้นไม่กล่าวอะไร พลางมองทุกคนด้วยแววตาน่าเกรงขาม ราวกับว่าเขาคือาาของที่นี่
“เ้าออกมานี่ นับจำนวนให้ข้า หากนับผิดไปแม้แต่คนเดียวข้าจะฆ่าเ้า”
บุรุษร่างกำยำคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ผู้นำคนนั้นะโใส่ทุกคนด้วยเสียงดังก้อง ซึ่งเป็เสียงเดียวกับก่อนหน้านี้
“ขอรับๆ โปรดรอสักครู่”
ผู้คุมเรือใจนหน้าถอดสี แม้เขาจะมีพลังยุทธ์ขั้นราชันระดับกลางแล้ว แต่เมื่อเทียบกับพวกเขา พลังยังคงต่างกันมากอยู่ดี
เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนเรือเสวียนอู่ การไม่เจอโจรสลัดอากาศนับเป็เื่ดี หากเจอแล้วการเชื่อฟังคือทางรอดเพียงหนึ่งเดียว ส่วนความเสียหายที่เกิดกับเรือเสวียนอู่นั้นเรียกได้ว่าน้อยมากเลยทีเดียว แม้เงินจะโดนปล้นไปแต่ก็เป็เงินของผู้โดยสารเหล่านี้ทั้งนั้น
ผู้คุมเรือค่อนข้างเชื่อฟัง เขายืนนับทุกคนไปเรื่อยๆ เขารู้ว่าในเรือนี้มีคนอยู่เท่าไร แต่หลังจากนับจบแล้วหนึ่งรอบกลับต้องรีบนับใหม่อีกรอบ แม้จะนับไปแล้วสองรอบจำนวนคนก็ยังไม่ครบอยู่ดี ทำให้เขาเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา
ความจริงแล้วโจรสลัดอากาศเหล่านี้รับมือได้ง่ายมาก ขอเพียงเอาเงินออกมาให้ แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้าหากมีคนตั้งใจไม่มาที่นี่แสดงว่าไม่เคารพคนเหล่านี้ จะก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ต่างออกไป
“เ้าตัวน้อยของข้าหายไปไหน”
ผู้คุมเรือนับจำนวนคนไปแล้วสามรอบ แต่ขาดไปห้าคน
“ชักช้ารีรออะไรอยู่ แค่ให้นับจำนวนยังวุ่นวายขนาดนี้ อยากตายหรือไร”
บุรุษร่างกำยำผู้นั้นมองผู้คุมเรือนับวนไปแล้วหลายรอบราวกับกำลังยื้อเวลา ทำให้เขาอารมณ์เสียเป็อย่างมาก จึงะโออกไป
“ท่าน... ท่าน... คือ... คือว่า...”
“คือว่าบ้าบออะไร ว่ามา”
“หาย... หายไปห้าคน”
ตอนที่ผู้คุมเรือกล่าวออกไป บนใบหน้าของเขาเหงื่อไหลย้อยออกมาไม่หยุด เป็ไปได้ว่าห้าคนนี้อาจทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วย
ความจริงแล้วหากคนเหล่านี้รวมตัวเป็หนึ่งเดียวกัน พลังของพวกเขามิอาจดูถูกได้เลย แม้อีกฝ่ายจะมีพลังยุทธ์ขั้นราชันกันแล้ว แต่คนเหล่านี้ก็มีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษและยังมีมากถึงหลายร้อยคน จำนวนมากมายเช่นนี้หากต้องสู้อย่างถึงที่สุดจริงๆ ใครจะแพ้หรือชนะก็ยังมิอาจบอกได้
แต่ไม่มีใครที่กล้าหาญขนาดนั้น ยังไม่ต้องกล่าวถึงสู้กันจริงๆ เลย พวกเขาหลายร้อยคนอาจตายไปแล้วกว่าครึ่ง เพียงแค่พลังน่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของโจรสลัดเ่าั้ก็ทำให้พวกเขาเลิกคิดจะต่อสู้ และนี่คือเหตุผลที่โจรสลัดเ่าั้แสดงพลังออกมา
“โอ้ หายไปห้าคนอย่างนั้นหรือ”
บุรุษร่างกำยำผู้นั้นได้ยินก็ดีใจขึ้นมาทันที
หลายปีมานี้น้อยมากที่จะได้ยินเื่แบบนี้ นี่คือการดูถูกโจรสลัดอากาศอย่างพวกเขา!
“เ้ารู้ไหมว่าเ้ากำลังพูดอะไรออกมา”
บุรุษร่างกำยำหันไปถามผู้คุมเรือสามคนนั้น ผู้คุมเรือทั้งสามคนตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ควรตอบกลับไปอย่างไร
กล่าวได้ว่าหากล่วงเกินโจรสลัดอากาศต้องมีจุดจบที่น่าสังเวช กระทั่งสำนักงานใหญ่ของพวกเขายังทำสัญญาปากเปล่ากับโจรสลัดอากาศอีกด้วย หากคนในเรือเชื่อฟังคำสั่ง โจรสลัดจะไม่ฆ่าใคร และจะไม่เกิดเื่อะไรขึ้น แต่ถ้าหากใครฝ่าฝืนกฎอาจทำให้โจรสลัดอากาศเหล่านี้ขุ่นเคืองใจได้
“ไปตามหาตัวห้าคนนั้นมา เ้าจะเสียแขนหนึ่งข้างแล้วทุกอย่างจะจบ ไม่อย่างนั้นพวกเ้าต้องตายทั้งหมด”
บุรุษร่างกำยำออกคำสั่ง ทุกคนต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น พวกเขาต่างก่นด่าอยู่ในใจ พวกไหนกันที่ตาบอดกล้าทำให้พวกโจรสลัดขุ่นเคืองใจในตอนนี้
“เ้าไปตามหาพวกเขาให้เจอ ไม่อย่างนั้นจะโดนโทษเดียวกัน”
บุรุษร่างกำยำชี้ไปยังผู้โดยสารคนหนึ่ง ผู้โดยสารคนนี้พลังยุทธ์ยังไม่ถึงขั้นบรรพบุรุษ เป็เพียงขั้นแม่ทัพเท่านั้น
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็ผู้คุ้มกันของเฝิงเป่าเป่าก่อนหน้านี้ และยังเป็คนที่โดนเริ่นเสี้ยวเทียนตบอีกด้วย เขาได้ยินคำของบุรุษร่างกำยำผู้นั้นก็เข่าอ่อน คุกเข่าลงไปที่พื้นทันที
“ท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ไว้ชีวิตข้าด้วย”
เขาไม่เคยเห็นยอดฝีมือขั้นราชันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยังไม่ทันได้ฟังคำของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนก็คิดว่าอีกฝ่ายจะฆ่าเขา จึงคุกเข่าลงอ้อนวอนในทันที
หลังจากเห็นอีกฝ่ายหวาดกลัวขนาดนั้น บุรุษร่างกำยำจึงกลอกตามองในทันที ทำไมตนเองถึงเจอคนขี้ขลาดแบบนี้ได้ แล้วคนขี้ขลาดแบบนี้ยังโดยสารเรือเสวียนอู่ได้อีกหรือ
“ข้าให้เ้าไปตามหาพวกเขาให้เจอ ยังไม่รีบไปอีก หากไม่ไปข้าจะทำให้เ้ากลายเป็จุณเสียตอนนี้เลย เ้าเชื่อไหม” บุรุษร่างกำยำกำหมัดแน่น ทำให้ผู้คุ้มกันคนนั้นตื่นกลัวจนล้มลงไปที่พื้น
บุรุษร่างกำยำปรายตามองแล้วก็รู้สึกว่ามิอาจล้อเล่นเช่นนี้ต่อไปได้ หากกล่าวกับคนผู้นั้นอีกอาจทำให้ตนเองต้องเสียหน้าจริงๆ ขณะที่คิดลงมือจัดการอีกฝ่าย ผู้คุ้มกันคนนั้นพลันนึกอะไรขึ้นมาได้จึงกล่าวออกไปเสียงดัง
“ข้ารู้ว่าพวกเขาเป็ใคร คนผู้นั้นมีเงินมหาศาล เป็นายน้อยตระกูลเฝิงแห่งเขตตะวันตก”
........................................................
[1] ซือจิ้ว สัตว์วิเศษมีหัวเป็อินทรี มีลำตัวเป็สิงโต มีลักษณะคล้ายกริฟฟินในเทพนิยายตะวันตก