ในตอนที่หลงอวี้กำลังวิ่งตะบึงไปหาฉือเสียวเสว่นั่นเอง อีกฝ่ายเองก็ย่อมต้องพบเห็นเขาด้วยอยู่แล้วเช่นกัน
“หลงอวี้หรือ?”
เมื่อฉือเสียวเสว่หันหน้ามาแล้วมองเห็นเงาร่างของหลงอวี้ ก็ตื่นตะลึงทันที
ซึ่งคนที่ร่วมทางมากับเขาพอเห็นการแต่งกายของหลงอวี้แล้วในดวงตาก็ฉายแววอำมหิตขึ้นมาทันที
“ทหารกู่เิหรือ?”
คนผู้นั้นเอ่ยถามเสียงเหี้ยม
“ไม่ใช่”
ฉือเสียวเสว่ส่ายหน้า จากนั้นคนที่อยู่ข้างๆ เขาก็สงบลงไม่น้อย
ในพริบตาที่หลงอวี้ััถึงจิตสังหารจากคนที่ยู่ข้างๆ ฉือเสี่ยวเสว่ได้ เขาก็ประเมินอีกฝ่ายทันทีอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
คนผู้นั้นเป็ชายฉกรรจ์ที่เปลือยท่อนบน เผยให้เห็นขนหน้าอกอันดกดำ กล้ามเนื้อทั่วร่างกระตุกขึ้นมา บนใบหน้าอันดุร้ายของอีกฝ่ายมีสีหน้าเ็า แม้ตอนนี้จะสลายจิตสังหารไปแล้ว แต่ก็ยังััได้ถึงความเผ็ดร้อนของชายผู้นี้!
ระดับิญญาแท้ขั้นที่สาม
หลงอวี้มองปราดเดียวก็รู้ระดับพลังของอีกฝ่ายได้ทันที จึงรู้สึกโล่งใจ
คู่ต่อสู้ในระดับนี้ ต่อให้คิดจะลงมือกับเขา เขาก็ยังต่อกรได้สบาย
“ฮ่าฮ่า สหายน้อยหลง ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอเ้าที่นี่”
ฉือเสียวเสว่หยุดเท้าลง บนใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเป็มิตร หันกลับมาพูดคุยกับหลงอวี้
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าเ้าบุกฝ่าเข้าไปในบึงอัสนีซ่อนฟ้าด้วยตัวคนเดียวและจบชีวิตอยู่ภายในนั้น ดูท่าข่าวลือจะไม่เป็ความจริงนะ!”
“สหายฉื่อ”
หลงอวี้เองก็ทักทายไปด้วยรอยยิ้ม
“นี่เ้าจะไปไหนหรือ? แล้วสหายผู้นี้คือ?”
ระหว่างที่พูดอยู่เขาก็มองไปทางชายเปลือยอกครู่หนึ่ง
“นี่คือเติ้งซุ่น สหายข้าเอง”
ฉือเสียวเสว่แย้มยิ้มอย่างร่าเริง เอ่ยแนะนำตัวสหายของเขา
“เ้าน่ะหรือหลงอวี้”
เติ้งซุ่นมองดูหลงอวี้ด้วยแววตาที่ราวกับกำลังยิ้มเยาะเ็า
“ข้าเคยได้ยินลูกพี่พูดถึงเ้า เ้าเป็คนของอาณาจักรต้าถัง เหตุใดถึงใส่ชุดของทหารกู่เิ?”
“ลูกพี่เ้า?”
หลงอวี้ััได้ถึงท่าทีไม่เป็มิตรของอีกฝ่ายจึงขมวดคิ้ว
“สหายน้อยหลงสวมชุดเกราะนี้แฝงตัวเข้าฐานทัพของศัตรูและบั่นหัวของขุนพลเฒ่าหมานอี้กลับมาได้”
ฉือเสียวเสว่อธิบายด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปพูดกับหลงอวี้
“สหายเติ้งมีความแค้นกับพวกทหารกู่เินิดหน่อยน่ะ สหายน้อยหลงอย่างใส่ใจ ส่วนลูกพี่ของสหายเติ้งก็คือหนึ่งในเจ็ดดาววิบัติแห่งแผ่นดินเทียนอวี้ ทะเลดาวเย่หลุน!”
เจ็ดดาววิบัติ ทะเลดาวเย่หลุน!
ชื่อนี้มันแปลกหูหลงอวี้เป็อย่างมาก เป็ชื่อที่อยู่ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ในยุทธจักร อยู่ห่างไกลจากสภาพแวดล้อมเดิมของหลงอวี้เป็อย่างมาก
เพียงแต่ว่า ถึงแม้หลงอวี้จะไม่เคยได้ยินชื่อของเจ็ดดาววิบัติ ทะเลดาวเย่หลุน แต่เขากลับััได้ถึงความน่ากลัวของคนผู้นี้
เจ็ดดาววิบัติ เป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเป็อันดับต้นๆ ของแผ่นดินเทียนอวี้
หลงอวี้คิดว่าเ้าทะเลดาวเย่หลุนผู้นี้ ต่อให้ไม่ใช่ยอดฝีมือระดับคนผสานฟ้าก็ต้องอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงแล้วแน่ๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจว่า หนึ่งในเจ็ดดาววิบัติอะไรนั่น ทะเลดาวเย่หลุนพูดถึงเขาได้อย่างไร? ตามหลักแล้วระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะมีอะไรมาข้องเกี่ยวกันได้สิถึงจะถูก!
“สหายฉือ ไม่รู้ว่าูเาตระกูลหลิงตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง?”
ในเมื่อเติ้งซุ่นไม่เป็มิตร อย่างนั้นหลงอวี้ก็คร้านจะไปสนใจมัน หันไปพูดคุยกับฉือเสียวเสว่ต่อทันที
“ข้ายกให้สหายข้าแล้ว ข้าบอกมันแล้วว่าอย่าทำให้คนในหมู่บ้านูเาตระกูลหลิงต้องลำบากใจ”
ฉือเสียวเสว่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากสหายฉื่อ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน”
หลงอวี้พยักหน้าเตรียมจะเดินจากไป
“สหายน้อยหลง อย่ารีบร้อนนักสิ”
แต่อีกฝ่ายกลับส่งเสียงเรียกเขาเอาไว้ ในดวงตาฉายแววคาดหวังเล็กน้อย
“เ้ากำลังจะเดินทางไปที่หุบเขาปีศาจิญญา์ใช่ไหม?”
“หืม?”
หลงอวี้ถามกลับ
“หรือว่าสหายฉือเองก็จะไปหุบเขานั่นเหมือนกัน?”
“ใช่แล้ว”
ฉือเสียวเสว่หัวเราะ
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าค้นพบรังของอสูรฉางหมานที่ส่วนนอกของหุบเขาปีศาจิญญา์ ในนั้นมีตัวหัวหน้าที่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ด้วย ดังนั้นข้าเลยไหว้วานให้สหายเติ้งรวบรวมคนมาจำนวนหนึ่งเพื่อมุ่งหน้าไปที่รังนั่น หากล่าสำเร็จจะได้รับเน่ยตานระดับล่างหรือระดับกลางอย่างน้อยยี่สิบชิ้นเลยทีเดียว!”
รังของอสูรฉางหมาน!
หลงอวี้รู้สึกสนใจจึงเอ่ยถาม
“เน่ยตานจำนวนมากขนาดนี้ สหายฉือท่านคิดจะจัดการอย่างไร?”
“แบ่งกับผู้คนที่ไปออกล่าด้วยอย่างเท่าเทียม จากนั้นจะใช้ดูดกลืนเองหรือจะนำไปแลกเปลี่ยนก็ตามใจ ตอนนี้มีคนเข้าร่วมทั้งหมดเจ็ดคนแล้ว สหายน้อยหลงเ้าจะไปด้วยหรือเปล่า?”
ฉือเสียวเสว่ตาเป็ประกายคาดหวัง เขาอยากเห็นความสามารถของหลงอวี้มานานแล้ว
“ขออภัยด้วยสหายฉือ ครั้งนี้ข้ายังมีธุระที่ต้องจัดการอยู่นิดหน่อย คงไม่สะดวกร่วมทางกับเ้าแล้ว”
หลงอวี้ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นก็เอ่ยถามต่อ
“สหายฉือ เ้ารู้ไหมว่าใกล้ๆ นี้มีที่ไหนที่เป็แหล่งค้าขายขนาดใหญ่บ้าง? ข้าอยากลองไปชมดูก่อนน่ะ!”
เมื่อถูกหลงอวี้ปฏิเสธแล้ว ฉือเสียวเสว่ก็ดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น
พอเขาได้ยินคำถามของหลงอวี้แล้วก็ตอบกลับทันที
“ข้างหน้านี้ราวๆ แปดร้อยลี้ ตรงชายแดนก่อนถึงหุบเขาปีศาจิญญา์ มีเมืองที่ชื่อว่าเมืองฮุ่นยินตั้งอยู่ เป็จุดศูนย์รวมของผู้ฝึกยุทธ์จากทั้งสามอาณาจักรที่้าจะไปล่าสัตว์อสูรที่หุบเขาปีศาจ ตลาดค้าขายของที่นั่นคึกคักมากเลยล่ะ”
“เมืองฮุ่นยิน ขอบคุณมากสหายฉือ”
หลงอวี้จดจำสิ่งที่ฉือเสียวเสว่บอกไว้ในใจ จากนั้นก็บอกลากับอีกฝ่าย เร่งเร้าปีกจันทราขึ้นมา ตัวเขาพลันพุ่งทะยานออกไปจนกลายเป็ประกายแสงสีเทาดำสายหนึ่งทันที
เพียงไม่นาน หลงอวี้ก็หายไปจากสายตาของฉือเสียวเสว่กับเติ้งซุ่นแล้ว
“ฉือเสียวเสว่ นี่เ้าคิดจะเชิญไอ้หนูระดับิญญาแท้ขั้นสองคนหนึ่งเข้าร่วมกลุ่ม ทั้งยังคิดจะแบ่งของกับมันอย่างเท่าเทียมด้วยอีกหรือ แบบนี้มันจะไม่ให้เกียรติสหายคนอื่นมากไปหรือเปล่า”
เติ้งซุ่นเห็นหลงอวี้จากไปแล้วก็เอ่ยพูดขึ้นอย่างเ็าทันที
“ข้ากล้ารับประกันเลยว่าความแข็งแกร่งของหลงอวี้ผู้นี้ไม่ใช่แค่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สองอย่างแน่นอน”
ฉือเสียวเสว่หรี่ตาลงแล้วเอ่ยพูดขึ้น
“แล้วจะทำไม มันเป็คนที่ถูกลูกพี่เพ่งเล็ง เป็คนที่ต้องถูกฆ่า ข้าว่าเ้าอย่าไปข้างเกี่ยวกับมันจะดีกว่า”
เติ้งซุ่นกระแทกเสียงเ็า
“ไปเถอะ คนที่ลูกพี่ส่งมาน่าจะรออยู่ที่เมืองฮุ่นยินแล้ว เราไปรวมตัวกับพวกนั้นก่อนค่อยออกเดินทางไปกวาดล้างรังของสัตว์อสูรฉางหมานกัน”
ฉือเสียวเสว่พยักหน้ารับ จากนั้นทั้งสองก็ได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองฮุ่นยิน
เพียงแต่ในใจของฉือเสียวเสว่กลับรู้สึกสนใจในตัวของหลงอวี้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
ฉือเสียวเสว่รู้ดีว่า ในโอสถทองคำัทะยานที่จั่วหวังเหย่แห่งอาณาจักรต้าถัง ฉู่เฉาเซิง มอบให้กับหลงอวี้นั้นต้องมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลแฝงอยู่ด้วยแน่ๆ
แต่เดิมเขายังคิดว่าหลงอวี้ไม่สามารถหนีรอดจากกับดักของฉู่เฉาเซิงได้ ถูกบีบให้ต้องบุกฝ่าเข้าไปฆ่าตัวตายอยู่ในบึงอัสนีซ่อนฟ้า
แต่จากที่เห็นตอนนี้แล้ว หลงอวี้ไม่เพียงแต่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น กระทั่งระดับวิถียุทธ์ยังเพิ่มสูงขึ้นจนมีระดับิญญาแท้ขั้นที่สูงแล้ว!
ฉือเสียวเสว่ย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าทำไมหลงอวี้ถึงได้ติดอยู่ในบัญชีต้องฆ่าของทะเลดาวเย่หลุน แต่เขามีความรู้สึกว่าเ้าหลงอวี้นี่ไม่มีทางถูกฆ่าตายง่ายๆ แบบนี้แน่!
......
เพียงไม่นานหลงอวี้ที่วิ่งตะบึงอยู่ก็เริ่มมองเห็นเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งค่อยๆ ปรากฏด้านหน้าของทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ผืนนี้
เมืองฮุ่นยินนั้นตั้งอยู่ที่ชายแดนของหุบเขาปีศาจิญญา์ เป็เมืองที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรของอาณาจักรต้าถัง กู่เิและตงยื่อมารวมตัวกัน อีกทั้งผู้ที่จะมาเมืองฮุ่นยินส่วนมากมักเป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขึ้นไปทั้งสิ้น
เพราะสัตว์อสูรที่อยู่ในหุบเขาปีศาจิญญา์ส่วนมากก็เป็ตัวตนที่สร้างิญญาแท้ได้แล้วเช่นกัน! หากคิดจะเข้าไปล่าสัตว์อสูรในนั้น ถ้าแข็งแกร่งไม่พอไม่มีทางรอดชีวิตกลับมาได้แน่
นี่ก็คือเมืองที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่ไร้ผู้ปกครอง
ทั้งสามอาณาจักรนั้นไม่มีฝั่งไหนอยากมายุ่งกับเมืองนี้ เพราะภายในเมืองนี้เองก็มีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งทรงพลังสุดขีดกลุ่มหนึ่งก่อตั้งขึ้นโดยเหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรด้วยเช่นกัน
ต่อให้มีอาณาจักรไหนอยากจะยึดครองเมืองนี้ อาณาจักรนั้นก็ต้องเตรียมใจที่จะเกิดความเสียหายครั้งใหญ่ขึ้นกับอาณาจักรตัวเองด้วยเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น อีกสองอาณาจักรที่เหลือเองก็ย่อมไม่มีทางนิ่งเฉยอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เอง เมืองฮุ่นยินจึงกลายเป็ดินแดนที่ไร้ซึ่งผู้ปกครอง เป็เมืองที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรระดับิญญาแท้อยากไปเพื่อยกระดับพลังของตัวเอง อีกทั้งยังไม่ถูกกดดันรังแกมากด้วย มีอิสระไม่น้อยเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เอง แม้หลงอวี้เพิ่งจะมองเห็นเมืองฮุ่นยินจากไกลๆ แต่รอบๆ เขาตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับพเนจรเดินทางเข้าออกเมืองฮุ่นยินจำนวนไม่น้อย
เมืองฮุ่นยินนี้มีขนาดใหญ่กว่าเมืองอวี้กวนสิบเท่าเป็อย่างน้อยเลยทีเดียว!
หลงอวี้รู้สึกพรั่นพรึงในใจ เจ็ดสำนักลัทธิใหญ่ในต้าถังนั้น เมื่อเทียบกับเมืองฮุ่นยินแล้วก็ไม่เหลือความสูงส่งอะไรเลย เกรงว่าแม้แต่ประมุขอย่างไป๋อวิ๋นจงก็ยังไม่อาจเป็ใหญ่ในที่แห่งนี้ได้
แม้ว่าทั้งสามอาณาจักรจะไม่ได้ปกครองเมืองนี้ แต่ภายในเมืองนี้ก็มีระบบการปกครองอยู่ โดยผู้ที่ปกครองเมืองฮุ่นยินนั้นเป็กลุ่มของผู้ฝึกยุทธ์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดของเมือง คอยเก็บภาษีค้าขายและค่าผ่านทางจากเหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรที่เข้าเมือง
หากคิดจะเข้าเมือง ต้องจ่ายเงิน!
หากคิดจะค้าขายภายในเมือง ต้องจ่ายเงิน!
เงินตราที่ใช้ในแผ่นดินเทียนอวี้นั้น หลักๆ แล้วจะแบ่งออกได้ทั้งหมดสองประเภท หนึ่งคือเงินตราที่อาณาจักรต่างๆ สร้างขึ้นมาเองโดยใช้โลหะเช่นเงินหรือทองเป็ต้น โดยเงินตราเหล่านี้จะเป็สิ่งที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ยังไม่มีิญญาแท้ใช้งานกันเป็หลัก
เงินตราแบบนี้เป็เพียงเงินตราที่ใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น มูลค่าค่อนข้างน้อย สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับิญญาแท้แล้วแทบจะไม่มีค่าเลยด้วยซ้ำ
อย่างเช่นโอสถระดับธรรมดาขั้นล่างหนึ่งเม็ดที่เป็โอสถคุณภาพต่ำสุดที่เฟิงฉางเกอซื้อให้กับหลงอวี้ก่อนหน้านี้ ต้องใช้ทรัพย์สินของตระกูลเฟิงก้อนโตเลยทีเดียวกว่าจะได้มา ทรัพย์สินก้อนนี้ก็คือเงินตราสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน มีอำนาจซื้อต่ำมาก
ส่วนอีกแบบหนึ่งนั้นถูกเรียกว่าเงินตราฝึกฝน
เงินตราฝึกฝนนั้นสามารถใช้ได้ในทั่วทั้งแผ่นดินเทียนอวี้ โดยสร้างขึ้นมาจากสินแร่ต่างๆ ที่แฝงไว้ด้วยคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวบางอย่าง เช่น หินแร่จันทราที่ก่อนหน้านี้ขุดได้จากแหล่งแร่จันทราบนูเาตระกูลหลิง สามารถนำมาใช้สร้างเป็เงินตราฝึกฝนได้
เงินตราฝึกฝนแบบนี้ โดยทั่วไปแล้วมักจะมีเศษเสี้ยวของพลังกฎเกณฑ์จากแผ่น์แฝงอยู่เสี้ยวหนึ่ง หากเก็บสะสมได้มากพอจะสามารถนำมาใช้บรรลุพลังกฎเกณฑ์ระดับลัญจกรดินที่อยู่ภายในนั้นได้
ไม่เพียงแต่มีประโยชน์กับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตระดับิญญาแท้เท่านั้น ต่อให้เป็ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตคนผสานฟ้าแล้วก็ยังใช้ประโยชน์ได้ไม่น้อยเลยเช่นกัน!
การจะสร้างเงินตราฝึกฝนขึ้นมาได้สักเหรียญหนึ่งมีความยากสูงสุดขีดเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น การใช้หินแร่จันทราที่ได้มาจากแหล่งแร่จันทรานั้น กว่าจะสร้างเป็เงินผลึกจันทราหนึ่งเหรียญได้เกรงว่าต้องใช้หินแร่จันทราขนาดเท่าคนหนึ่งคนเลยทีเดียว อีกทั้งพลังกฎเกณฑ์จันทราที่แฝงอยู่ภายในนั้นเองก็ค่อนข้างจะน้อยมากเลยด้วย
วัตถุดิบที่ใช้สร้างเงินตราฝึกฝนนั้น โดยทั่วไปแล้วล้วนเป็สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไร้รับผลกระทบจากแผ่น์ทั้งสิ้น
พลังสายฟ้าที่อยู่ภายในบึงอัสนีซ่อนฟ้านั้นก็ได้ถูกหลงอวี้ดูดกลืนเข้าไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงพื้นดินและก้อนหินทั้งหลายที่ถูกฟ้าผ่าใส่มานานหลายปีเท่านั้น ซึ่งพื้นดินก้อนหินเหล่านี้สามารถนำมาใช้สร้างเป็เงินตราฝึกฝนได้เป็จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว มันถูกเรียกว่า เงินผลึกอัสนีซ่อน
บนโลกนี้มีกฎเกณฑ์ฟ้าดินอยู่มากถึงเก้าพันชนิด รูปแบบของเงินตราฝึกฝนเองก็ย่อมต้องมีมากมายหลากหลายชนิดเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็เงินตราฝึกฝนชนิดไหนก็สามารถเรียกมันว่า “เงินผลึก” ได้ทั้งสิ้น
พวกโอสถระดับธรรมดาขั้นล่างหรือขั้นกลางนั้น เพียงเงินผลึกหนึ่งเหรียญก็สามารถซื้อได้เป็กองแล้ว ไม่นับว่ามีค่าเลยแม้แต่น้อย
เพราะโอสถระดับธรรมดานั้นแทบจะไม่มีผลอะไรกับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขติญญาแท้แล้ว
มีเพียงโอสถหรือยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีค่าพอใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนในเมืองฮุ่นยินได้!
โอสถหรือยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นล่างหนึ่งชิ้นล้วนมีมูลค่าอยู่ที่ราวๆ สิบเหรียญผลึก
และหากคิดจะเข้าไปในเมืองฮุ่นยินล่ะก็ จำเป็ต้องจ่ายค่าผ่านทางเป็จำนวนหนึ่งเหรียญเงินผลึก ซึ่งจำนวนหนึ่งเหรียญนั้นไม่ใช่จำนวนที่น้อยๆ เลยไม่ว่ากับผู้ฝึกยุทธ์พเนจรคนไหนก็ตาม!
และเมื่อหลงอวี้มาถึงเมืองฮุ่นยินแล้ว เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเงินผลึกอยู่เลยแม้แต่เหรียญเดียว
