บทที่ 167 ของเมื่อปีนั้น
อะไรคือคนชั่วย่อมมีคนชั่วจัดการ?
หมายถึงตอนนี้นี่เอง!
เหอเสวี่ยฉินสมัยก่อนหยิ่งยโสในหมู่บ้านแค่ไหน แต่ตอนนี้ล่ะ? ดูสิ ถูกอันฉินตอกหน้าแบบนั้น อยากโมโหแต่ไม่กล้า ดูแล้วสะใจจริงๆ
สมน้ำหน้า!
แต่คนตระกูลลู่กลับนิ่งเฉย ทำสิ่งที่ควรทำไปตามปกติ
ไม่กี่วันให้หลัง ลู่หวยเฟิงก็กลับมา
งานโรงเรียนเขาลาออกแล้ว การหย่ากระทบเขาหนักมาก เขามึนงง แววตาที่เคยสดใสหายไป
“แม่ครับ ผมอยากออกไปข้างนอก” ลู่หวยเฟิงจ้องมือของตัวเอง “ผมอยากไปดูทางใต้หน่อยครับ”
“คิดดีแล้วเหรอ?” หญิงชรามองลูกชายคนเล็ก
ลู่หวยเฟิงพยักหน้า “ความจริงก่อนหน้านี้ผมอยากไปอยู่แล้ว แต่หล่อนไม่ยอม”
ั้แ่ได้ยินข่าวการปฏิรูป เขาตื่นเต้นมาก แต่เริ่นอิ๋งอิ๋งขัดขวางสุดตัว จนทะเลาะกันหลายครั้ง
เริ่นอิ๋งอิ๋งถึงขั้นบอกว่า ถ้าลู่หวยเฟิงลาออก เธอจะตาย เลยทำให้ลู่หวยเฟิงรู้สึกว่าเริ่นอิ๋งอิ๋งเลือกเขาเพราะงาน
“ผมตัดสินใจแล้ว” ลู่หวยเฟิงพูดต่อ “แม่ครับ ผมจะไปสร้างตัวให้ได้ แล้วกลับมาให้แม่ดู”
หญิงชราโบกมือ “อยากไปก็ไปดู แกยังหนุ่มแน่น เื่นี้ไม่ใช่เื่ใหญ่ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แค่จำไว้ว่าไปไหนให้ยืดอกเข้าไว้” หญิงชราพูดเสียงเข้ม “ไปที่ไหนก็อย่าลืมตระกูลลู่ และอย่าลืมว่าแกเป็ลูกชายของฉัน”
“ผมจำไว้แล้วครับแม่” ลู่หวยเฟิงตาแดงก่ำ คุกเข่าลง “ลูกอกตัญญูอยู่ดูแลคุณแม่ไม่ได้แล้ว”
“ลุกขึ้น” หญิงชรายิ้ม “แม่แกยังแข็งแรง ถ้าแกสบายดี อยู่ข้างนอกจะดีหรือแย่ จำไว้ว่าบ้านของแกอยู่ที่นี่ และแม่จะรอแกอยู่ด้านหลังเสมอ”
คำพูดนี้ทำลู่หวยเฟิงน้ำตาไหล พุ่งกอดเธอแล้วร้องไห้
ลูกชายคนนี้ไม่เคยทำให้เธอหนักใจ ตอนที่เขากอดเธอแล้วร้องไห้แบบนี้ หญิงชราจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อไหร่
หลังจากวันนั้น ลู่หวยเฟิงก็ออกเดินทาง รู้เพียงเขาไปทางใต้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน
ส่วนหญิงชรา ั้แ่เขาจากไป สภาพจิตใจก็เซื่องซึม
สวี่จือจืออดนึกถึงความฝันไม่ได้ เธอรู้สึกกังวล
เธอหาวิธีทำให้หญิงชรายิ้ม แต่ไม่ค่อยได้ผล
วันนี้เธอกำลังคุยกับหญิงชรา ก็ได้ยินเสียงโวยวายจากบ้านข้างๆ
“วันๆ เอาแต่ทะเลาะ ไม่รู้ว่าเื่อะไร” หญิงชราหงุดหงิด “ฉันว่าสักวันจะต้องเกิดเื่แน่”
ต้องบอกว่า ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด
ไม่กี่วันหลังหญิงชราพูด บ้านข้างๆ ก็เกิดเื่จริงๆ
วันนั้นสวี่จือจือพาลู่จิ่งซานไปหมู่บ้านเป่ยสุ่ย ไปเยี่ยมสองสามีภรรยาเฒ่าตระกูลสวี่
ั้แ่สวี่จือจือหายไป ตระกูลลู่บอกว่าเธอไปหาลู่จิ่งซาน แต่หวังซิ่วหลิงโวยวาย สองสามีภรรยาเฒ่ากังวลมาก คราวนี้พอเห็นตัวเป็ๆ ก็วางใจลง
“ย่าคะ” สวี่จือจือถามโจวซื่อ “ย่าจำได้ไหมคะว่าตอนที่หนูเกิดมาเป็ยังไง?”
โจวซื่อส่ายหัว “หลานเกิดในโรงพยาบาล ย่าไม่ได้อยู่ด้วย”
“ไม่รู้?” สวี่จือจือสงสัย
ปกติคนในหมู่บ้านคลอดลูก แทบจะไม่ไปโรงพยาบาล ส่วนใหญ่คลอดกันที่บ้าน และเรียกคนที่ทำคลอดเป็ในหมู่บ้านช่วย
ตระกูลสวี่ไม่ร่ำรวย หวังซิ่วหลิงไม่น่าจะมีความคิดไปโรงพยาบาล
“ตอนนั้นแม่หลานเป็แม่บ้านให้คนอื่นไม่ใช่เหรอ?” โจวซื่อบอก “บอกว่านายจ้างดี ไม่ให้ไปไหน พอคลอดก็ส่งโรงพยาบาล พอพวกเรารู้หลานก็ถูกแม่ของหลานห่อผ้ากลับมาแล้ว”
ตอนนั้นหวังซิ่วหลิงรังเกียจที่เป็ลูกสาว บอกว่าสวี่จือจือเอาเท้าออก ทำเธอเกือบตาย ถึงขั้นไม่อยากได้ลูกคนนี้
โจวซื่อทนไม่ไหวขอมาเลี้ยงเอง นี่คือเหตุผลที่สวี่จือจือเติบโตมากับปู่ย่าในตอนเด็ก
ต่อมาพอสวี่จือจือโตพอจะช่วยงานได้ หวังซิ่วหลิงก็รับกลับไป
“ตอนคลอด พ่อหนูไม่อยู่ด้วยเหรอคะ?” สวี่จือจือเบิกตากว้าง
“ไม่อยู่” โจวซื่อบอก “หลานคลอดก่อนกำหนด พวกเราเลยไม่รู้”
คลอดก่อนกำหนด?
“ทำไมแม่ไม่เคยบอกเลย?” สวี่จือจือสงสัย
“เพราะตอนห่อกลับมา ดูไม่ออกว่าเป็เด็กที่คลอดก่อนกำหนด” โจวซื่อบอก “พวกเราเลยลืม”
แต่ต่อมาหวังซิ่วหลิงรังเกียจ ไม่ยอมเลี้ยงดีๆ เด็กขาวอวบอ้วนกลายกลายเป็ผอมแห้งอย่างรวดเร็ว
โจวซื่อกลัวเด็กจะตาย เลยรับมาเลี้ยงด้วยน้ำข้าว
สวี่จือจือกับลู่จิ่งซานมองหน้ากัน
เธออยากถามว่า ‘แล้วคุณย่าแน่ใจยังไงว่าหนูเป็ลูกของตระกูลสวี่?’
แต่เห็นสายตาอบอุ่นของโจวซื่อ เธอก็กลืนคำพูดนั้นลงไป
“ย่ารู้ว่าหลานอยากพูดอะไร” โจวซื่อกลับมองทะลุปรุโปร่ง แล้วยิ้ม “ถ้าหลานไม่ถาม ย่าก็จะไม่ให้ของพวกนี้”
ให้อีกฝ่ายเป็ลูกของตระกูลสวี่อย่างสงบ แต่งงานกับลู่จิ่งซาน และใช้ชีวิตให้ดี
แต่ตอนนี้สวี่จือจือสงสัยเื่ชาติกำเนิด ของพวกนั้นก็เอาออกมาได้
คุณย่าเท้าเล็กเดินเข้าห้องไป นานกว่าจะออกมาพร้อมกับห่อผ้า
“ของสิ่งนี้ ย่าซ่อนไว้ในกำแพง” โจวซื่อบอก “เมื่อก่อนไม่กล้าเอาออกมา ถ้าถูกคนเจอคงไม่ดี”
ความจริงคือห่อผ้าและเสื้อผ้าตอนที่สวี่จือจือเกิด
โจวซื่อเคยเป็สาวใช้ตระกูลใหญ่ สายตาเฉียบแหลม มองปราดเดียวก็ดูออกว่าของพวกนี้ไม่ธรรมดา
หวังซิ่วหลิงบอกว่านายจ้างที่อีกฝ่ายเป็แม่บ้านให้มา แต่โจวซื่อรู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา พอหวังซิ่วหลิงให้เผาเสื้อผ้า เธอก็เก็บไว้ไม่เผา และคิดว่าสักวันเด็กคนนี้จะได้ใช้
“คนมากมาย” โจวซื่อถอนหายใจ “ไม่รู้จะหายังไง”
“คุณย่าครับ” ลู่จิ่งซานพูด “คุณย่ารู้ไหมว่าโรงพยาบาลที่จือจือเกิดคือที่ไหน?”
ถ้ารู้โรงพยาบาล ก็จะเป็จุดเริ่มต้น
โจวซื่อส่ายหัว “เื่นี้นอกจากหวังซิ่วหลิงก็ไม่มีใครรู้หรอก”
โจวซื่อรู้สึกผิด “ย่าน่าจะถามให้มากกว่านี้”
เห็นได้ชัดว่าสงสัยอยู่แล้ว
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือยิ้ม ส่ายหัว “ความจริงตอนนี้ก็ดีแล้ว หนูไม่ได้อยากตามหาแม่แท้ๆ ขนาดนั้น”
ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ ชาติก่อนเธอเองก็กำพร้า บางทีเธออาจจะไม่มีวาสนากับแม่ก็ได้
ลู่จิ่งซานจับมือเธอ ปลอบโยนอย่างเงียบๆ
พอกลับถึงตระกูลลู่ ก็ได้ยินเสียงความวุ่นวายจากบ้านข้างๆ
.............................