เื่ราวที่เกิดขึ้นในลานกว้างแท่นศิลาเทียนเสวียนได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่งในสำนักยุทธ์ ทำให้เกิดความผันผวนไม่น้อย นามของเย่เฟิงก็โด่งดังกว่าเดิม คนลือกันว่าเย่เฟิงอยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 เขาปลดปล่อยความเฉิดฉายของตนในวันทดสอบรับศิษย์ใหม่ของสำนักยุทธ์ แม้กระทั่งเอาชนะหนานกงหลิงซวง ในตอนนั้นมีคนส่วนมากที่ไม่ได้เห็น ดังนั้นเื่ที่เกิดขึ้นในวันนั้นจึงไม่ค่อยสร้างความผันผวนเท่าไร แต่เื่ที่เกิดขึ้นที่น้ำตกเทียนเชี้ยนเป็สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงมีชื่อเสียง เขาสร้างวีรกรรมได้เช่นเดียวกับตู๋กูหลง โดยการก้าวขึ้นแท่นหินหยั่งรู้ลำดับห้า
ต่อมาเย่เฟิงยังสังหารกุ่ยเตาผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาที่หน้าน้ำตกเทียนเชี้ยน ทำผู้คนใกันมาก จากนั้นก็เกิดปรากฏการณ์ที่หุบเขาเทียนเสวียน นั่นคือผลเทียนเสวียน มันดึงดูดผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากเข้าร่วมการทดสอบของหุบเขา เย่เฟิงก็เป็หนึ่งในนั้น ทว่าเขาคนเดียวคว้าผลเทียนเสวียนไปได้ถึงแปดผล ทั้งยังได้อันดับที่ 1 มาครอง จึงทำให้ผู้คนต้องใอีกครั้ง
ไม่จบเพียงเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกหุบเขาเทียนเสวียนทำให้เย่เฟิงมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าเดิม หลังจากเย่เฟิงได้ผลเทียนเสวียนมาครองก็มีผู้ฝึกยุทธ์นับสิบล้อมกรอบ เย่เฟิงตัวคนเดียวสังหารคนเ่าั้ได้ จนไม่มีใครกล้าขวางทางเขาอีก
วันต่อมามีงานประลองยุทธ์จัดขึ้นที่พรรคเทียนจี ซึ่งเป็เย่เฟิงอีกครั้ง เขาท้าทายผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาทุกคน แต่เขาก็เอาชนะทุกคนที่ขึ้นเวทีประลองได้หมด ทำลายการบ่มเพาะของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ สังหารเฟิงเฉียนและโจวมู่ไป๋ เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาเข้าสู่รายนามบนแท่นศิลาเทียนเสวียน ทั้งยังแทนที่หวู่เทียนฉีผู้อยู่อันดับที่ 4
เื่ราวเหล่านี้กลายเป็หัวข้อสนทนาของผู้คน เพียงชั่วพริบตาเย่เฟิงก็ถูกผลักดันให้เป็บุคคลร้อนแรงที่สุดของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนใน่นี้ ทว่าเย่เฟิงไม่รู้เื่เหล่านี้ ตอนนี้เขากำลังบ่มเพาะพลังอยู่เงียบ ๆ ภายในห้อง เขาเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปจากขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 จะทะลวงสู่ขั้นที่ 9 ในไม่ช้า
“เย่เฟิง ไสหัวออกมา!” ตอนนั้นเองมีเสียงดังมาจากนอกลานบ้านของเย่เฟิง เสียงนั้นทะลุกำแพงบ้านเข้ามาในหูของเย่เฟิง นี่ทำให้เย่เฟิงลืมตาขึ้นฉับพลันพร้อมกับแสงคมกริบปะทุออกจากดวงตา แต่เขากลับไม่สนใจอีกฝ่ายและบ่มเพาะพลังต่อ เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ถึงสามวัน ทุกวันเ้าของเสียงนั้นจะเรียกเย่เฟิง แน่นอนว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเย่เฟิงแต่อย่างใด ในเวลานี้เขาอยู่ในสภาวะบ่มเพาะพลังอย่างสมบูรณ์
สองวันต่อมา เสียงเงียบหายไป ดูเหมือนคนผู้นั้นจะไปแล้ว ทางด้านเย่เฟิง เขาบ่มเพาะพลังเสร็จพอดี ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ตราบใดที่มีโอกาสและจังหวะเวลา เขาทะลวงขั้นที่ 9 ได้อย่างแน่นอน
“ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในสำนักยุทธ์จะเป็อย่างไรบ้าง?” เย่เฟิงพึมพำ หลายวันที่ผ่านมาเขาอยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน เขาย่อมไม่รู้เื่ราวในโลกภายนอก จากนั้นเย่เฟิงเดินออกจากที่พักและเตรียมจะออกไปข้างนอก พลันมีเสียงเยือกเย็นดังขึ้นที่ด้านหลังเขา
“เ้าสวะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงนี้เต็มไปด้วยความดูแคลน ทำให้เย่เฟิงขมวดคิ้ว เขาหันหลังไปและเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น อีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาเ็า ราวกับมีความแค้นกับเขา ทว่าเย่เฟิงไม่รู้จักคนผู้นี้และไม่รู้ว่าตัวเองไปล่วงเกินอีกฝ่ายตอนไหน
“สองสามวันที่ผ่านมาเ้าคือคนที่เรียกข้าหรือ?” เย่เฟิงเอ่ยถาม เขาฉุกคิดถึงคนที่รบกวนเขาใน่สองสามวันที่ผ่านมา อีกฝ่ายยังไม่ไปไหนและรอคอยเขาอยู่ข้างนอกมาตลอด หากไม่ใช่ว่าชายหนุ่มผู้นี้คอยรบกวนเขา การบ่มเพาะของเขาคงก้าวหน้าไปมากกว่านี้
“ข้าเอง” ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกล่าวต่อ “ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ไม่รู้ว่าสวะอย่างเ้าจะแข็งแกร่งอย่างที่เขาลือกันไหม กล้าสู้กับข้าหรือไม่?”
“เ้ามีสิทธิ์อะไร? ข้าไม่มีเวลามากพอจะมาเล่นกับเ้า ไสหัวไป!” เย่เฟิงขึ้นเสียงใส่ชายหนุ่มผู้นั้น เขาไม่อยากเสียเวลา หากทุกคนในสำนักยุทธ์อยากรู้อยากเห็นพลังของเขา เช่นนั้นชีวิตของเขาคงวุ่นวายขึ้นหลายเท่า จากนั้นเย่เฟิงเตรียมจะออกไป แต่ชายหนุ่มผู้นั้นไม่เลิกราและมาขวางทางเย่เฟิง
“สวะ เ้าไม่กล้าหรือ?” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม และกล่าวต่อ “เ้าไม่อยากสู้ก็ต้องสู้ เพราะข้าอยากเห็นว่าเ้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาอยู่อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาแทนข้า”
ในระหว่างที่กำลังพูดอยู่ ชายหนุ่มผู้นั้นก็ลงมือทันทีโดยไม่รอให้เย่เฟิงพูดอะไร เขาปล่อยฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังจุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาโจมตีเย่เฟิง ห้วงอากาศต้องสั่นคลอน
เย่เฟิงขมวดคิ้ว หลายวันที่ผ่านมาเขาเอาแต่บ่มเพาะพลัง จึงไม่รู้ว่าชื่อตัวเองไปอยู่บนรายนามขั้นบ่มเพาะกายาั้แ่เมื่อไร ทั้งยังอยู่อันดับที่ 4 อีกด้วย
“ดูนั่น มีการต่อสู้ปะทุตรงนั้น พวกเราไปดูกันเถอะ” มีคนเดินผ่านมาเห็นศึกระหว่างชายหนุ่มผู้นั้นกับเย่เฟิง จึงเดินมาดูด้วยความสนใจ ซึ่งการดูศึกต่อสู้ของผู้อื่นจะมีส่วนช่วยในการยกระดับพลังของตน ดังนั้นศึกของเย่เฟิงจึงกลายเป็จุดสนใจของผู้คนมากมายในเวลาสั้น ๆ
“คนนั้นคือหวู่เทียนฉี อดีตอันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ตอนนี้อยู่อันดับที่ 5 เขาคงเกลียดเย่เฟิงที่มาแทนที่เขาแน่ ๆ เพราะงั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง” มีคนจำชายหนุ่มผู้นั้นได้ สำหรับเย่เฟิง ผู้คนในเขตพื้นที่อาศัยของเขาค่อนข้างรู้จักเขาเป็อย่างดี
ฝ่ามือของชายหนุ่มอัดแน่นด้วยพลังมหาศาล ทว่าเย่เฟิงไม่นิ่งดูดาย เขาปล่อยฝ่ามือออกไปเช่นกัน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น หวู่เทียนฉีถูกซัดกระเด็น ทำให้มีสีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย
“ไม่นึกว่าเ้าจะแข็งแกร่งจริง ๆ!” แววตาของหวู่เทียนฉีเผยประกายเยือกเย็น แค่กระบวนท่าเดียวก็ถูกเย่เฟิงซัดกระเด็นแล้ว ทำให้เขารู้สึกขายหน้าเป็อย่างมาก
“มีพลังเท่านี้เองหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มด้วยความดูถูก ตอนนี้พลังของเขาอยู่ขั้นผันแปร ทำให้ทุกการโจมตีของเขาผสานด้วยพลังแห่งอำนาจ อีกอย่างจากการบ่มเพาะพลังใน่ที่ผ่านมา เขาก็บรรลุจุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 พลังจึงก้าวหน้าไปไม่น้อย แข็งแกร่งกว่าตอนวันงานประลองยุทธ์หลายเท่า และด้วยพลังของเขาในตอนนี้ มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาไม่กี่คนที่จะเอาชนะเขาได้
“ชิ้ง!” เมื่อดาบออกจากฝัก รังสีดาบสาดส่อง พร้อมด้วยเสียงะโของหวู่เทียนฉี รังสีดาบพุ่งโจมตีเย่เฟิงหมายสังหาร
“ไอ้สวะ ดูซิว่าเ้าจะรับดาบนี้ยังไง” หวู่เทียนฉีเชื่อมั่นในดาบนี้ของตนเป็อย่างมาก
“ดาบของเ้า ข้าจำเป็ต้องรับด้วยหรือ?” เย่เฟิงกล่าวอย่างไม่สนใจ จากนั้นเขาหยิบหอกัเงินประกายจากด้านหลัง ก่อนจะแทงหอกที่เรียบง่ายออกไป แต่กลับแฝงด้วยพลังอันน่าทึ่ง ซึ่งในนั้นโคจรด้วยอำนาจขั้นผันแปร มันจึงทรงอานุภาพมาก
รังสีหอกทะลวงห้วงอากาศ หวู่เทียนฉียังไม่ทันตอบสนองก็รู้สึกเจ็บที่ไหล่ซ้าย ก่อนจะมีเืพุ่งออกมา เมื่อเขาก้มไปมองก็เห็นปลายหอกของเย่เฟิงแทงที่ไหล่ของเขา ทำให้เขาใมาก หากหอกนี้แทงที่ลำคอของเขา เขาจะรับมันได้จริง ๆ หรือ?
“เย่เฟิงแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ?” ผู้คนรอบข้างต่างประหลาดใจ พวกเขาเห็นเย่เฟิงออมมือ แต่ถึงอย่างนั้นหวู่เทียนฉีก็ยังคงรับไม่ได้ ช่องว่างระหว่างพวกเขาแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
“ช่างอ่อนหัดยิ่งนัก!” เย่เฟิงเย้ยหยัน ทำให้หวู่เทียนฉีโกรธกว่าเดิม เขาคืออดีตผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน จากนั้นเห็นหวู่เทียนฉีแผดเสียงคำรามและคิดจะตวัดดาบอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันตวัดดาบก็ได้ยินเสียงหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ขวา
“อย่าขยับ มิเช่นนั้นข้าไม่รับประกันว่าหอกต่อไปของข้าจะแทงไปยังจุดใด!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น ผู้คนต่างตกตะลึง เย่เฟิงผู้นี้เห็นหวู่เทียนฉีเป็ของเล่นของตัวเอง ช่างบ้าบิ่นมาก
ขณะมองาแตรงไหล่ขวา หวู่เทียนฉีพลันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขาหวู่เทียนฉีคือยอดฝีมือ แต่วันนี้เขาจะพ่ายแพ้ให้กับเย่เฟิงที่เพิ่งรุ่งโรจน์อย่างนั้นหรือ?
“ข้าจะฆ่าเ้าให้จงได้!” แสงชั่วร้ายปะทุออกจากดวงตาของหวู่เทียนฉี พลันแผดเสียงคำรามอีกครั้ง ก่อนจะตวัดดาบออกไป แต่การโจมตีของเขายังไม่ทันถึงตัวเย่เฟิง ก็รู้สึกว่ามีของเย็น ๆ มาจ่อที่ลำคอของตัวเอง ทำให้เขาไม่กล้าขยับเขยื้อน เขารู้ว่านั่นคือปลายหอกของเย่เฟิง หากอีกฝ่ายคิดฆ่าเขา เพียงปลายหอกขยับนิดเดียวก็สามารถปลิดชีวิตเขาได้แล้ว
“อยากฆ่าข้า พลังของเ้ามันยังไม่เพียงพอ” เย่เฟิงกล่าวขณะมองหวู่เทียนฉีด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นก็พูดต่อ “ข้ารู้ว่าการบ่มเพาะพลังมันไม่ง่ายดาย วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าเ้า แต่ถ้าเ้ากล้ายั่วข้าอีก เ้าคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไสหัวไปซะ!”
เมื่อสิ้นเสียง ผู้คนเห็นเย่เฟิงวาดหอก ก่อนจะกระทุ้งไปที่ร่างหวู่เทียนฉี ทำให้หวู่เทียนฉีโอดครวญและร่างกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกระอักเื จากนั้นเย่เฟิงเดินออกไปโดยไม่เหลียวแลหวู่เทียนฉีแม้แต่นิดเดียว
“แกร่งมาก! ไม่แปลกใจที่ชื่อเขาจะไปอยู่บนรายนามขั้นบ่มเพาะกายาได้ หวู่เทียนฉีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา และการที่เขาแทนที่อันดับของหวู่เทียนฉีก็สมเหตุสมผลแล้ว” มีคนหนึ่งกล่าวขณะมองแผ่นหลังของเย่เฟิง
หวู่เทียนฉีได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าบูดเบี้ยวน่าเกลียด สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาเกลียดเย่เฟิงเข้าไส้ และคิดว่าสักวันจะต้องลบล้างความอัปยศในวันนี้ให้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้