“งานประกาศรางวัลภาพยนตร์ทองคำประจำปี” คือ งานที่ได้รับความสนใจจากวงการภาพยนตร์ภายในประเทศ พิธีประกาศรางวัลนั้นครึกครื้นและเต็มไปด้วยแสง สี เสียง แขกในงานส่วนใหญ่ล้วนเป็นักลงทุน ผู้ผลิตภาพยนตร์ และนักแสดงในวงการ
ชายหญิงมากกว่าหนึ่งพันคนในเครื่องแต่งกายสวยงามรวมตัวอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ละคนมีท่าทางผ่อนคลาย รูปร่างสะโอดสะอง และมีออราที่ไม่ธรรมดา แม้การรักษาภาพลักษณ์เช่นนี้จะทำให้ไม่สบายตัวสักเท่าไร แต่พวกเขาก็ไม่สามารถลดท่าทีลงได้ เนื่องด้วยกล้องมากมายกำลังจ่อมาที่พวกเขา หากเผลอปล่อยไก่ออกมาก็จะกลายเป็ที่ขบขันทันที
หลังจากประกาศ “จักรพรรดิจอเงิน” คนใหม่เสร็จสิ้นไปได้ไม่นาน ผู้ชายในชุดสูทสีขาวราคาแพงผู้หนึ่งเดินออกจากโต๊ะด้วยท่าทางนิ่งเฉย คนผู้นั้นมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปาก ท่วงท่าผ่าเผย
ขณะที่เขาลุกออกมา ก็มีทีมงานเข้ามาถามไถ่ในทันที “คุณ้าอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ผมอยากไปห้องน้ำ”
“พอออกจากประตูและเลี้ยวขวาก็จะเห็นป้ายแล้วค่ะ หรือให้ฉันพาคุณไปไหมคะ?”
“ไม่ต้องหรอก ขอบคุณ” ดาาายตอบอย่างมีมารยาท ขายาวๆ ก้าวออกมาจากสถานที่จัดงานประกาศรางวัลอย่างไม่รีบร้อน และเดินผ่านทางเดินยาวเข้าไปในห้องน้ำของสถานที่จัดงาน
ภายในห้องน้ำสวยงามและกว้างขวาง ประดับด้วยแสงไฟสีเหลืองอบอุ่นที่ทำให้จิตใจผ่อนคลาย มีกำแพงอิฐแก้วแบ่งพื้นที่ภายในและภายนอก ใกล้ๆ ประตูมีอ่างล้างมือและกระจก ผู้คนสามารถเติมเครื่องสำอาง และจัดระเบียบรูปลักษณ์ของตัวเองได้ นอกจากนี้ด้านในยังมีห้องสุขาสำหรับการจัดการธุระของร่างกาย
ภายในห้องน้ำที่ตกแต่งอย่างหรูหราแต่เรียบง่ายนี้ สามารถได้ยินเสียงจากเวทีดังมาแว่วๆ ว่าพิธีการได้ดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์แล้ว ตอนนี้นักร้องยอดนิยมกำลังร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังหลายเพลงอย่างสุดความสามารถ ผู้คนในงานต่างก็ตั้งตารอ “จักรพรรดินีจอเงิน” คนใหม่ที่กำลังจะปรากฏตัวขึ้น
เมื่อเห็นว่าในห้องน้ำไม่มีผู้อื่นอยู่ ดาาายในชุดสูทสีขาวก็ถอนหายใจ และคลายรอยยิ้มการค้าลง ใบหน้าของเขาเหลือเพียงความเหนื่อยล้าและความเบื่อหน่าย เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็แค่อยากหลีกหนีจากกล้องเพื่อสูดอากาศสักเล็กน้อย
“ฉีลั่วอิ่ง” เข้ารอบชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมมาสามครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ล้วนพลาดไปอย่างน่าเสียดาย เขาจึงไม่อยากรักษาท่าทางไม่สนใจไยดีในที่ตรงนั้นอีกต่อไป
เขาเดบิวต์ตอนอายุสิบห้าปีและเริ่มมีชื่อเสียงจากบทบาทของ “อู๋เชวีย” ในภาพยนตร์เื่《บทเพลงถึงพระจันทร์》ด้วยความสามารถและรูปลักษณ์ภายนอก ทำให้เขาได้เป็นักแสดงมากประสบการณ์เข้าสู่ปีที่สิบแล้ว มีผลงานครอบคลุมทั้งจอเล็กและจอใหญ่ และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังเคยได้รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมและรางวัลนักแสดงสมทบมามากมาย ขาดก็เพียงแต่ “รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” เท่านั้น
ฉีลั่วอิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเปิดหน้าโซเชียลมีเดียทางการของตนขึ้นมา โพสต์ล่าสุดที่ผู้จัดการส่วนตัวโพสต์แทนเขา คือ ภาพที่เขาเดินพรมแดงตอนค่ำวันนี้พร้อมกับคำบรรยายประกอบว่า “รางวัลภาพยนตร์ทองคำ ฉันมาแล้ว”
ด้านล่างของโพสต์เป็ข้อความให้กำลังใจจากแฟนคลับของเขา ซึ่งภายในนั้นก็มีข้อความดูถูกถากถางปนอยู่ด้วย
แฟนคลับที่ชอบเขานั้นมีจำนวนมาก แต่แอนตี้แฟนที่เกลียดเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
แอนตี้แฟนเหล่านี้ทนไม่ได้ที่เขาประสบความสำเร็จและมักจะปรากฏตัวอยู่ในสื่อต่างๆ บ่อยครั้ง บางคนเป็แอนตี้ั้แ่่แรกๆ ที่เขาเดบิวต์ด้วยซ้ำ เนื่องจากเหล่าแอนตี้รู้สึกว่าเขาพูดจาตรงไปตรงมามากเกินไป ซึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำผิดหรือเป็ศัตรูกับใคร เขาเคยพยายามอธิบายให้กลุ่มแอนตี้ฟังแล้ว แต่ผลที่ได้ก็มักจะกลับตาลปัตร สุดท้ายผู้จัดการก็สั่งห้ามเขาไม่ให้ตอบกลับข้อความเ่าั้อีก
ผู้จัดการของฉีลั่วอิ่งพูดเพียงว่า “มีแต่คนที่ไม่ดังเท่านั้นที่จะไม่มีแอนตี้แฟน” ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจอ่านความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตน้อยลง เพราะไม่อยากจะเอาคำพูดของแอนตี้มาใส่ใจ
หลายปีมานี้ผู้จัดการของเขาจะเป็คนโพสต์ในบัญชีทางการแทบทั้งหมด โดยเนื้อหาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการโปรโมตงาน การร่วมมือทางธุรกิจ และการปรากฏตัวในสื่อ แม้จะดูเป็ทางการและแข็งทื่อ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาง่ายๆ
หลังจากที่ฉีลั่วอิ่งโพสต์น้อยลง เขาก็ค่อยๆ กลายเป็ผู้ชมที่คอยมองดูแฟนคลับให้กำลังใจเขา แล้วก็มองแอนตี้แฟนที่ชี้หน้าด่าเขาอย่างไร้เหตุผล
เมื่อไถหน้าจอโทรศัพท์ลงไปเรื่อยๆ เขาก็เจอกระทู้ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลที่อัปโหลดเมื่อหลายวันก่อน รูปภาพประกอบเป็ภาพนิ่งจากภาพยนตร์เื่หนึ่งที่ได้เข้าชิงรางวัล พร้อมข้อความเขียนว่า “ได้รับเลือกอย่างแน่นอน”
ได้รับเลือกอย่างแน่นอน?
หากฉีลั่วอิ่งเป็คนโพสต์ เขาจะไม่มีทางเขียนคำพูดปากว่าตาขยิบอย่างนี้แน่
ใครจะอยากเป็เพียงรายชื่อเข้าร่วมกัน? เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้เข้าชิงคนอื่นๆ จะไม่อยากได้รางวัล
ข้อความแบบนี้ก็เป็เพียงคำปลอบใจที่คนไม่ได้รางวัลเขาใช้กันทั้งนั้น และมันก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนที่ได้เข้าชิงและตกรอบมาสามครั้งอย่างเขาแล้ว
เพจข่าวบันเทิงที่ฉีลั่วอิ่งติดตามอยู่ มีแจ้งเตือนเกี่ยวกับจักรพรรดิจอเงินคนใหม่ เขาจึงเลื่อนไปเปิดอ่านส่วนความคิดเห็นด้านล่างอย่างคล่องมือ
“เดาผิดแล้ว ฉันคิดว่าครั้งนี้จะเป็ฉีลั่วอิ่ง”
“ฉีลั่วอิ่งอายุยังน้อย ไม่ต้องรีบหรอก คนอื่นที่เข้าชิงอีกสี่คนต่างก็อายุมากกว่าเขาหมด”
“ถึงเมนต์บน ฉันคิดว่ารางวัลภาพยนตร์ทองคำคัดเลือกจากทักษะการแสดงมาตลอด ที่แท้ก็คัดจากอายุงั้นหรือ?”
“ฉีฉีของบ้านฉันพลาดรางวัลอีกแล้ว ปวดใจ (ร้องไห้)”
ฉีลั่วอิ่งหยุดอ่านคอมเมนต์นี้ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าแฟนคลับปวดใจเพราะตัวเอง เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉีลั่วอิ่งก็แค่อาศัยหน้าตาไม่ใช่หรือไง? ในแง่ทักษะการแสดงฉันชอบการแสดงของเมิ่งเชวี่ยไป๋ในเื่《ฮิปสเตอร์ของเธอและฉัน》มากกว่า ฉากร้องไห้ของเขาและอวี๋ม่านม่านทำให้ฉันประทับใจมากเลย!”
“เมิ่งเชวี่ยไป๋หล่อก็จริง แต่เขาดูห่างเหินเกินไป”
“เมิ่งเิเิคือเทพบุตรของฉัน ถึงจะดูเ็าแต่ก็มีความมึนๆ น่าเอ็นดู น่ารักมั่กๆ (กรีดร้อง)!”
ทำไมแฟนคลับของ “เมิ่งเชวี่ยไป๋” ถึงมาคอมเมนต์เกี่ยวกับไอดอลของตัวเองใต้โพสต์เื่จักรพรรดิจอเงิน? พวกเธอมาผิดที่หรือเปล่า?
ฉีลั่วอิ่งใช้โอกาสตอนที่ไม่มีคนอยู่รอบๆ กลอกตามองบนอย่างไม่เกรงใจ
ฉีลั่วอิ่งรู้จักเมิ่งเชวี่ยไป๋คนนี้ เขาเป็นักแสดงชายหน้าใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์ปีนี้และโด่งดังในชั่วพริบตา ด้วยภาพยนตร์รักในรั้วโรงเรียนเื่《ฮิปสเตอร์ของเธอและฉัน》ที่กวาดรายได้เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์จากบ็อกซ์ออฟฟิศ่วันหยุดฤดูร้อน และเป็คลื่นลูกใหม่ที่ได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้ ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์เขาจะพูดไม่เยอะ และมักทำให้ผู้สัมภาษณ์กระอักกระอ่วน ไม่รู้จะต้องพูดอะไรต่อ จนได้ฉายาว่า “เทพบุตรเ็า”
จากการวิเคราะห์ของฉีลั่วอิ่ง หน้าตาและการแสดงของเมิ่งเชวี่ยไป๋นั้นก็ใช้ได้ แต่ชาวเน็ตกลุ่มนี้เอาเขาไปเปรียบเทียบกับหน้าใหม่ที่เพิ่งถ่ายหนังแค่เื่เดียวงั้นหรือ? ใครเขาว่ากันว่าพวกผู้ชมตาแหลมกัน?
“ฉันดูการแสดงของฉีลั่วอิ่งแล้วอึดอัดมาก ดูแล้วก็นึกถึงแต่อู๋เชวียน้อยในอดีต ทำยังไงก็ไม่อินเลย”
“จริงๆ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ใครให้บทบาทอู๋เชวียน้อยสลักลึกอยู่ในใจของคนมากเกินไปกันเล่า”
ฉีลั่วอิ่งรู้สึกสับสนขึ้นมา ผลงานเดบิวต์ที่แสดงได้ดีเกินไปนั้นเป็ความผิดของเขาหรือ? ผ่านมาตั้งสิบปีแล้ว พวกเธอยังลืมบทนั้นไม่ได้อีกหรือ?
“ขอโทษนะฉีฉี ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้ฉันคือคุณนายเมิ่งแล้ว”
“สนับสนุนให้เิเิของบ้านฉันได้รางวัลจักรพรรดิจอเงิน!”
“ฉีลั่วอิ่งก็แค่พึ่งหน้าตาไม่ใช่หรือ? ทักษะการแสดงก็ธรรมดา ดูมาสิบปีจนเอียนแล้ว สนับสนุนให้หน้าใหม่ได้แสงมากกว่านี้! จักรพรรดิจอเงินก็ส่งให้นักแสดงเก่าๆ ที่ยังไม่เคยได้เถอะ ฉีลั่วอิ่งก็รอต่อไปก่อนแล้วกัน!”
“หลายปีมานี้ฉีลั่วอิ่งก็หาเงินได้มากแล้วนี่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิจอเงินหรอก!”
“เมิ่งเชวี่ยไป๋ได้รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในปีนี้ก็เหมาะสมแล้ว ความสามารถไร้ขีดจำกัด พอผ่านไปสองปีก็ค่อยรับรางวัลจักรพรรดิจอเงิน ส่วนฉีลั่วอิ่งไปเข้านอนแต่หัวค่ำจะดีกว่า!”
ฉีลั่วอิ่งอ่านคอมเมนต์ไปหนึ่งรอบก็โกรธมาก เขาพยายามพัฒนาทักษะการแสดงจนได้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ทองคำ แต่ก็ยังมีคนบอกว่าเขาอาศัยหน้าตาอีกหรือ? แค่เข้าชิงสามรอบและไม่เคยได้รับรางวัลก็ท้อมากพออยู่แล้ว ยังต้องโดนคนพวกนี้เอาไปเปรียบเทียบกับหน้าใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกว่าเมิ่งเชวี่ยไป๋แสดงได้ดีกว่าเขาอีก?
ไม่มีเหตุผลจริงๆ!
“แม่มึงเถอะ!” เขาทนไม่ไหวจึงเตะถังขยะเหล็กที่อยู่ด้านข้างไปครั้งหนึ่ง
เสียงกระแทกโครมดังขึ้นมาอย่างชัดเจนในห้องน้ำที่เงียบสงบ
ฉีลั่วอิ่งเจ็บเท้าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าได้ระบายอารมณ์โกรธออกมาเล็กน้อยแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
มีคนอยู่?
เขาแอบสบถคำหยาบออกมาชุดใหญ่ ก่อนจะแสดงสีหน้าที่ดูเรียบเฉย
ผู้ที่เดินออกมานั้นรูปร่างสูงโปร่ง ขายาว สวมชุดสูทสีดำสามชิ้นซึ่งตัดเย็บมาอย่างพอดีตัว ขับเน้นรูปร่างสามเหลี่ยมคว่ำ[1]ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้บริเวณ่เอวก็ออกแบบมาได้อย่างเหมาะสม ทำให้ดูสมส่วนยิ่งกว่าเดิม ส่วนใบหน้านั้นแทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก ดวงตาล้ำลึก ขอบตาแคบและยาว องค์ประกอบบนใบหน้าที่งดงาม ทั้งยังมีความสง่าผ่าเผยในทุกท่วงท่าและการเคลื่อนไหว──เขาผู้นี้คือเมิ่งเชวี่ยไป๋!
----------
ความในใจของฉีลั่วอิ่ง : “อยากทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหนีไป...”
………………………………
[1] รูปร่างสามเหลี่ยมคว่ำ หมายถึง รูปร่างที่ไหล่และแผ่นหลังกว้าง แต่เอวสอบ ซึ่งเป็รูปร่างในอุดมคติของผู้ชายตามค่านิยมของจีน