พวกฉินเสวี่ยและหลงอวี่ทั้งสี่คนต่างหันศีรษะไปพร้อมกัน แต่กลับเห็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาเคร่งขรึม ฉินเฟิงและฉินหย่งเดินเข้ามาอย่างก้าวร้าว
เมื่อฉินเสวี่ยเห็นฉินหย่ง ร่างกายของนางก็สั่นขึ้นเล็กน้อย นางรู้สึกกลัวฉินหย่งขึ้นมาเล็กน้อยโดยสัญชาตญาณ ในขณะที่ใบหน้าที่สวยงามของหลงอวี่ซึ่งเหมือนปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง ได้จ้องไปที่ฉินเฟิง พลางกล่าวว่า “ฉินเฟิง เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อฉินเฟิงได้เห็นหลงอวี่ เขาก็ใเช่นกัน เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าหลงอวี่จะอยู่ที่นี่ และในตอนนี้ ฉินหย่งจึงกล่าวอย่างเ็า “องค์หญิงสิบสาม นี่เป็เื่ภายในครอบครัวของตระกูลฉิน โปรดอย่าแทรกแซง”
“เื่ครอบครัว? แต่ตอนนี้อยู่ในแคว้นอู่ และข้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปแทรกแซงทุกเื่ที่เกิดในแคว้นอู่” แม้ว่าหลงอวี่จะอายุไม่มากนัก แต่เขาก็มีไหวพริบที่ยอดเยี่ยมนัก
“แคว้นอู่? ฮึ ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้อารักขาแคว้นอู่มาจากที่ใด? มีสองคนจากสำนักเทียนหั่วของข้า องค์หญิงสิบสาม นี่เป็เื่ของครอบครัว ท่านกลับไปเถอะ” ชุยซั่วจ้องไปที่หลงอวี่อย่างเ็า โดยไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะรากเหง้าของตระกูลชุยอยู่ในแคว้นอู่ คงคงจะรีบจัดการไปเสียให้พ้นทางแล้ว
สำนักเทียนหั่ว?
ดวงตาของหลงอวี่หรี่ลงเล็กน้อย นางปรารถนาที่จะเขาฝึกฝนในสำนักเซียนอย่างมาก แต่ความสามารถของนางนั้นยังธรรมดาเกินไป แต่สิ่งนี้สามารถทำลายความตั้งใจของนางได้ นางจึงรู้จักสำนักทางตะวันออกของเขตแดนฟ้าชิงเหลียนเกือบจะทุกสำนักเป็อย่างดี
สำนักเทียนหั่วแห่งนี้ เป็สำนักที่มีชื่อเสียงทางตะวันออกของเขตแดนฟ้าชิงเหลียน ตามที่ชุยซั่วได้กล่าวไปแล้ว มีคนจากสำนักเทียนหั่วสองคนได้เป็ผู้อารักขาแคว้นอู่
หลงอวี่ไม่นึกมาก่อนว่าฉินเฟิงจะขอความช่วยเหลือจากยอดฝีมือของสำนักเทียนหั่ว หลังจากมองเข้าไปใกล้ๆ จึงพูดขึ้นว่า “เ้าคือ... ชุยซั่วแม่ทัพใหญ่จากตระกูลชุย?”
ชุยซั่วที่ดูจองหองและเ็าได้พูดขึ้น “ข้าเอง ขอองค์หญิงสิบสามอย่าได้มายุ่งกับเื่นี้เลย” ชุยซั่วก็รู้สึกมีความคับแค้นอยู่ในใจ เมื่อห้าวันก่อนตอนที่เขากำลังคุยโวอยู่ต่อหน้าเหล่าผู้าุโระดับสูงของตระกูลชุย กลับถูกจื่อซวินเอ๋อข่มขู่จนกลัวแทบฉี่ราด มันทำให้เขารู้สึกเสียหน้าจนหงุดหงิดมากอยู่ในใจ และเมื่อรู้ว่าเื่ทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากฉินอวี่ เขาจึงรู้สึกเพียงจะต้องฉีกร่างฉินอวี่ให้เป็ชิ้น เพื่อระบายความโกรธของเขา
“ใช่ องค์หญิงสิบสาม ท่านอย่าได้เข้ามายุ่งเลย นี่เป็เื่ของตระกูลฉิน” ฉินเฟิงกล่าวอย่างรวดเร็ว ความชื่นชมของเขาที่มีต่อหลงอวี่นั้นมาจากหัวใจ และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่้ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับหลงอวี่
“ข้าคิดว่าพี่เฉินพูดถูก เขาโอหังอวดดี กำเริบเสิบสานและหยิ่งผยอง ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจผิดไป และแม้แต่น้องชายของตนเองก็ยังรังแกได้ เื่วันนี้ข้าจะจัดการเอง” หลงอวี่กล่าวอย่างเ็า
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา หลงอวี่และฉินเสวี่ยได้พูดคุยกันมากมาย และทั้งสองคนก็เริ่มมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันมากขึ้น ดังนั้นนางจึงไม่สามารถนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้ แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือเหตุผลจากพี่เฉิน
แม้ว่าคุณสมบัติของหลงอวี่จะธรรมดา แต่ก็นับว่าฉลาดเป็พิเศษ นางรู้สึกได้ว่าพี่เฉินและฉินเสวี่ยจะต้องมีความเกี่ยวข้องกัน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ยอมตัดแขนทั้งสองข้างของฉินหย่งเพื่อจะช่วยชีวิตฉินเสวี่ย หากจะบอกว่าพี่เฉินทำไปเพราะเมตตาธรรมละก็ หลงอวี่คิดว่าคงไม่ใช่เช่นนั้น นอกจากนี้ ไม่มีใครยอมสร้างปัญหาให้ตนเองเพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ นางยังสังเกตเห็นว่าสายตาที่พี่เฉินมองฉินเสวี่ยนั้นแตกต่างออกไป สิ่งนี้ยิ่งทำให้หลงอวี่แน่ใจว่าพี่เฉินจะต้องมาหาฉินเสวี่ยอย่างแน่นอน
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา หลงอวี่ก็้ารับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพี่เฉินจากฉินเสวี่ย แต่ฉินเสวี่ยกลับไม่รู้อะไรเลย ซึ่งทำให้หลงอวี่รู้สึกสับสนเป็อย่างมาก
ชุยซั่วพ่นลมอย่างเ็าและพูดว่า “เ้าคิดว่าสถานะองค์หญิงสิบสามของเ้ามีเกียรติสูงส่งอย่างเทียบไม่ได้เชียวหรือ? ในสายตาของข้า เ้าก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรพิเศษไปกว่าคนอื่น!” พูดจบ ชุยซั่วก็เดินเข้าไปในสวนพำนัก และใช้มือข้างหนึ่งคว้าตัวหลงอวี่ที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า เหวี่ยงนางออกไปข้างหนึ่ง
หลงอวี่อยู่ในขั้นยุทธ์ระดับสอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขั้นปราณเสถียรระดับต้นอย่างชุยซั่ว นางจะเอาแรงที่ไหนมาต้านทานเขาได้?
หลงอวี่ล้มลงห่างออกไปไม่กี่จ้าง และพูดด้วยความโกรธเคืองและอึดอัดใจ “ชุยซั่ว ตระกูลชุย้าก่อฏหรือ?”
“ฏ? ถ้าเ้าจะเอาไปขู่คนอื่นก็เื่ของเ้า แต่ข้าเป็ศิษย์สำนักในของสำนักเทียนหั่ว เ้าไม่มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับข้าได้ หากเ้ากล้าที่จะขวางข้า เกิดอะไรขึ้นมาก็อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน” ชุยซั่วพูดเตือน ทันใดนั้น ก็มองไปที่ฉินเสวี่ยซึ่งขวางอยู่ข้างหน้าเขา และพูดกับนางอย่างเยือกเย็น “ไสหัวออกไป!”
ใบหน้าของฉินเสวี่ยซีดเผือด ร่างกายที่บอบบางของนางไม่สามารถหยุดสั่นได้ นางเป็คนมีความสามารถพิเศษ แต่นางไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้ที่แท้จริง นอกจากนี้ นางยังััได้ถึงรังสีอันน่าสะพรึงกลัวของชุยซั่ว ก่อนจะส่ายหน้าอย่างแรงและพูดว่า “พี่... พี่ชุยซั่ว ถ้าท่านโกรธก็ทุบตีข้าเถอะ ได้โปรดอย่าทำร้ายพี่ชายของข้าได้หรือไม่?”
ชุยซั่วตบออกไปทันที ฉินเสวี่ยไม่สามารถจะสกัดกั้นฝ่ามือของชุยซั่วได้ จึงถูกตบกระเด็นออกไป พ่นเืคำใหญ่ขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง
ชุยซั่วพ่นลมหายใจที่เ็าออกมา ก่อนจะรีบก้าวเดินเข้าไปในห้องพักของฉินอวี่ทันที แม้ว่าตอนนี้เสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาจะกลัวมาก แต่พวกนางก็รีบโผเข้าไปกอดขาของชุยซั่วอย่างไม่ลังเล
“รนหาที่ตาย!” ดวงตาของชุยซั่วจ้องมองอย่างดุเดือด และสะบัดขาเตะเสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาที่อยู่ตรงขาแต่ละข้างกระเด็นออกไปทันที
“อย่านะ!” ฉินเสวี่ยลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว จ้องมองด้วยดวงตาที่แน่วแน่
การแสดงออกของชุยซั่วนั้นเ็าและเย่อหยิ่ง และเขาก็ได้เตะฉินเสวี่ยออกไปเช่นกัน
แต่นึกไม่ถึงว่าฉินเสวี่ยจะปีนลุกขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งโดยทันทีที่ตกลงถึงพื้น
“ไม่รู้จักเจียมตัว ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าเป็ผู้หญิง ข้าจะฆ่าเ้าให้ตายไปแล้ว” ชุยซั่วหมดความอดทน และเตะอย่างรุนแรงไปทางช่องท้องของฉินเสวี่ย
ในขณะที่เท้ากำลังกระแทกเข้าไป ไม่รู้ว่าฉินเสวี่ยได้รับความแข็งแกร่งจากที่ไหน นางสกัดขาขวาของชุยซั่วไว้ อ้าปากของนางและกัดเข้าที่ต้นขาของชุยซั่วอย่างดุเดือด ฉินเสวี่ยที่กำลังโกรธจัดได้กัดเข้าไปอย่างหนักเป็พิเศษ จนชิ้นเนื้อส่วนหนึ่งของต้นขาของชุยซั่วถูกกัดออกมาทันที
โดยไม่ทันได้เตรียมตัว ชุยซั่วกรีดร้องออกมาด้วยสีหน้าที่เ็ป และมีแสงสีส้มปนเหลืองจางๆ อยู่ภายในร่างกายของเขา เขายกเท้าขวาขึ้นและเหวี่ยงฉินเสวี่ยออกไปอย่างรุนแรง พลางะโเสียงดัง “ในเมื่อเ้ายืนกรานที่จะรนหาที่ตายเช่นนี้ ข้าจะช่วยเ้าเอง”
ชุยซั่วก้าวต่อไปอย่างดุเดือด ราวกับสัตว์ร้ายที่ออกมาจากกรง และเตะฉินเสวี่ยที่กระเด็นออกไปอย่างไม่ลดละ
“ปัง!” เสียงดังสนั่น ฉินเสวี่ยกระเด็นเข้าไปในห้องของฉินอวี่ราวกับอุกกาบาต
“ปึง ปึง!”
ประตูถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ฉินเสวี่ยกระเด็นเข้าไปในห้อง กระแทกใส่ม่านแสงของกลเวทป้องกันจนกระอักเืออกมาอย่างแรง
ชุยซั่วเดินไปข้างหน้าอย่างเ็า เมื่อเขาเห็นม่านแสงกลเวท ชุยซั่วก็ตกตะลึง ในฐานะที่เป็ศิษย์ของสำนักเทียนหั่ว เขาต้องเคยเห็นกลเวทเช่นนี้มาก่อน แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงคือในห้องของคนไร้ค่าเช่นนี้จะมีกลพลังเวทด้วย?
เดี๋ยวนะ
นี่คือ... เตาปรุงยา?
ชุยซั่วใเล็กน้อย มองไปที่เตาปรุงยาขนาดสูงเท่าครึ่งหนึ่งของมนุษย์ เป็เตาปรุงยาที่มีเปลวอัคคีสีแดงเื ความประหลาดใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ชุยซั่วไม่รู้ว่าในเตาปรุงยาที่กำลังสู้บุกบั่นกับเปลวอัคคีสีแดงเื ดวงตาสีแดงเืคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขา
ขณะที่ชุยซั่วกำลังเดินเข้าไปในห้อง ฉินเสวี่ยก็ปีนขึ้นไปอีกครั้ง และกอดขาทั้งสองข้างของชุยซั่วไว้แน่น ใบหน้าของชุยซั่วบึ้งตึงขึ้น ความอำมหิตของเขาก็ะเิออกมาจากดวงตา มือขวาของเขาปรากฏลำแสงสีแดงออกมาทันที จากนั้นก็ฟาดออกไปทางฉินเสวี่ยที่อยู่บนพื้น
นี่คือพลังปราณที่แข็งแกร่งของชุยซั่ว เมื่อถูกฉินเสวี่ยเข้ามายุ่งถึงสองสามครั้ง ชุยซั่วก็รู้สึกโกรธอย่างมาก
“หึ่ง!” เสียงดังหึ่งดังขึ้นในทันใด เตาปรุงยานั้นเริ่มปริออก ม่านแสงกลเวทนั้นก็แตกออกตามกัน มือที่แดงก่ำไปด้วยเปลวเพลิงคว้าจับข้อมือของชุยซั่วไว้ทันที
ชุยซั่วใอย่างยิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เห็นเพียงลำแสงหมัดของสีแดงเืพุ่งตรงออกมา
“พลังปราณคุ้มกาย!”
“ตูม!” หมัดสีแดงเืพุ่งเข้าใส่พลังปราณของชุยซั่ว รู้สึกได้ว่าพลังปราณนั้นแทบจะแตกออก ชุยซั่วอกสั่นขวัญแขวนเป็อย่างมาก เขาคิดว่าการสังหารฉินอวี่คงจะง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาพบกับยอดฝีมือเช่นนี้
ชุยซั่วก่นด่าฉินเฟิงและฉินหย่ง รวมถึงชุยหลิ่วอยู่ในใจ ชุยซั่วจึงรีบเรียกกระบี่สีแดงเพลิงเล่มหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เขาฝึกฝนมาคือวิชาอัคคีโชติ่ของสำนักเทียนหั่ว ในพลังปราณจะมีร่องรอยของเปลวไฟ เขาเหวี่ยงกระบี่ออกไป ฟันไปทางเงาร่างอันผอมบางตรงหน้าพร้อมเปลวไฟที่ลุกโชติ่
“ตูม ตูม ตูม!”
หมัดสีแดงเืสาดพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำ ทำให้ชุยซั่วรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับทะเลขนาดใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็ยอดฝีมือขั้นปราณเสถียร ในร่างกายของเขาเกิดแสงล้นออกมา รวมเป็ลำแสงสายหนึ่งตรงด้านหน้าของเขา และร่างกายก็ถอยกลับอย่างรวดเร็วและออกจากห้องไป
ฉินอวี่ไม่ได้ฉวยโอกาสจากชัยชนะตามไปโจมตี ตอนนี้เขาััได้ถึงเืที่พลุ่งพล่านในร่างกายของเขา และเขายังรู้สึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในหัวใจ เขารู้สึกว่าเืลมกำลังเผาไหม้กลายเป็พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด และช่วยเติมเต็มร่างกายของเขาทั่วทั้งร่าง
“นี่คือการปริวรรตที่หนึ่งของวิชาปีศาจคลั่งหรือ?” ฉินอวี่พึมพำ เขาหยิบเสื้อคลุมออกมาคลุมร่างกายของตนเอง เมื่อเขาเห็นฉินเสวี่ยที่อยู่บนพื้นกำลังจ้องมองเขาอย่างใจลอย เมื่อเห็นฉินเสวี่ยที่มีรอยฝ่ามือแดงอยู่บนใบหน้า ม่านตาของฉินอวี่ก็หดตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมความรู้สึกเ็ปในหัวใจ
เขาค่อยๆ นั่งลงและหยิบยาเม็ดจากวงแหวนมิติออกมา ซึ่งเป็ตัวยาที่ฉินอวี่ได้รับจากจื่อซวินเอ๋อ วางไว้ตรงริมฝีปากของฉินเสวี่ยและกระซิบเบาๆ “เสวี่ยเอ๋อ มีพี่ชายอยู่ตรงนี้ จากนี้ไปจะไม่มีใครรังแกเ้าได้อีก พี่สัญญากับ... ท่านแม่ ว่าจะดูแลเ้าอย่างดี” พูดจบ ฉินอวี่ก็ดันเม็ดยาเข้าไปในปากของฉินเสวี่ย พร้อมลูบศีรษะของฉินเสวี่ยอย่างอ่อนโยนและลุกขึ้นช้าๆ
ฉินเสวี่ยจ้องมองไปยังฉินอวี่ที่กำลังเดินออกไปจากห้องอย่างตกตะลึง น้ำตาก็ไหลรินจากดวงตาของนาง สุดท้ายนางก็ร้องไห้โฮออกมา
นางได้รับความทุกข์ทรมานจากการกระทำที่รุนแรงของชุยซั่ว แต่นางก็ไม่ร้องไห้ สามารถทนต่อความเบื่อหน่ายได้ทุกวันของการฝึก แม้ว่าจะรู้สึกกลัวฉินหย่งแต่ฉินเสวี่ยก็ไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี่ ฉินเสวี่ยก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป จึงปลดปล่อยความคับข้องใจและความทุกข์ทรมานของนางตลอดหลายปีที่ผ่านมาออกมา
ถึงอย่างไรนางก็เป็เพียงเด็กคนหนึ่ง