วูบ!
หลังจากซ่อมหลังคาเสร็จข้าก็ะโลงมาแล้วปัดๆ มือก่อนจะพูดขึ้น “เรียบร้อยแล้วขอรับ ท่านผู้าุโ”
ท่านผู้าุโได้ยินแล้วก็หยุดมองข้าด้วยสายตาที่เปล่งประกายและเพียงชั่วพริบตาเดียวข้าก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเก็บซ่อนเอาไว้ในร่างกายของตัวเองได้ถูกท่านผู้าุโผู้นี้มองจนทะลุปรุโปร่ง
หลังจากที่ท่านผู้าุโมองข้าอยู่นานเกือบครึ่งนาทีก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น“น่าเสียดายจริง...ทั้งที่เ้ามีทั้งความสามารถและพลังของกระดูกลายเวทอยู่กับตัวแต่กลับไม่มีปราณิญญาที่แข็งแกร่งและดีพอภายนอกดูเป็คนที่ยังไงก็ได้ไม่เื่มากแต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตายและแรงอาฆาตเ้าเคยเดินทางไปพร้อมกับความตายและเคยใช้พลังิญญาที่ดุร้ายถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนพวกมันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจเ้าอยู่ตลอด...”
ข้ายืนชะงักอยู่กับที่พร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ“อย่าพูดอีกเลยขอรับท่านผู้าุโ ขนาดตัวข้าเองยังไม่อยากจะพูดถึงเื่เก่าๆแล้วทำไมท่านต้องพูดถึงมันขึ้นมาอีกกันเล่าขอรับ”
ท่านผู้าุโมองข้าด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ในเมื่อเ้าได้สิ่งที่้าแล้วก็กลับไปเถอะแต่ข้าก็อยากจะฝากไว้สักเื่หนึ่ง...”
“ว่ามาเลยขอรับ ท่านผู้าุโ”
“จงใช้พลังที่แม้แต่เ้ายังไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างระมัดระวังไม่อยากนั้นเ้าอาจจะถลำลึกเข้าไปจนเกินแก้และถ้าเ้ารอดก็จะถือเป็ความโชคดีของอาณาประชาราษฎร์ แต่ถ้าเ้าตายก็จะกลายเป็หายนะของอาณาประชาราษฎร์เช่นกันเข้าใจหรือยัง?”
“ขอบคุณที่ชี้แนะขอรับ ท่านผู้าุโ!”
ข้าโค้งคำนับเพื่อรับคำสอนก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้น
เมื่อเดินลงมาถึงชั้นกลางของหอเก็บตำราก็พบว่าซูเหยียนได้เลือก‘เคล็ดวิชากลีบเมฆาลับ’ ซึ่งเป็ตำราพลังภายในออกมาและนั่นก็เป็สิ่งที่ทำให้ข้าต้องประหลาดใจ “ซูเหยียนเ้าก็มีพลังของวิชาลมหายใจัเป็กำลังภายในอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงทำไมถึงยังเลือกตำราม้วนนี้ออกมาอีกล่ะ?”
นางเก็บตำราม้วนนั้นไว้ในแหวนกระดูกจักรภพก่อนจะว่าพลาง“ก็เ้าบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าวันข้างหน้าพวกเราจะสร้างสำนักวรยุทธ์ด้วยกันถ้าพวกเราอยากจะสร้างมันขึ้นมาจริงๆก็ต้องมีกำลังภายในประจำสำนักด้วยยังไงล่ะ...แต่เพราะวิชาลมหายใจัเป็วิชากำลังภายในของสำนักหมื่นิญญาดังนั้นเราก็ต้องมีของตัวเองบ้างข้าก็เลยเลือกตำราม้วนนี้ไปศึกษาและเขียนขึ้นมาด้วยภาษาของตัวเองและเพื่อใช้เป็กำลังภายในพื้นฐานของสำนักวรยุทธ์ของพวกเรายังไงล่ะเ้าเห็นด้วยหรือเปล่า?”
ข้าอดไม่ได้ที่จะมองนางอย่างชื่นชมก่อนจะพูดขึ้น“เมื่อก่อนข้ามองเ้าผิดจริงๆ”
“ฮึ...ลงไปหาเชวียหรานกันดีกว่า”
“อืม”
เมื่อข้ากับซูเหยียนเดินลงมาก็พบว่าถังเชวียหรานกำลังยืนรอพวกเราอยู่หน้าประตูพร้อมกับถือตำราม้วนหนึ่งที่มีพลังิญญาเปล่งประกายออกมาอย่างมหาศาลในมือ ลมเย็นๆที่พัดผ่านทำให้ไอน้ำรอบๆ ตัวลอยมาเกาะบนผิวของนางจนเงาวาวดั่งหยกชั้นดีนางยืนแล้วเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าด้วยเรียวขาที่ยาวได้สัดส่วนคงเพราะนางสูงกว่าซูเหยียนไปอีกประมาณสองเิเจึงทำให้รูปร่างผอมเพรียวกว่านิดหน่อยส่วนพวกทหารองครักษ์ที่คอยคุ้มกันหอเก็บตำราแห่งนี้อยู่ต่างก็พากันปรายตามองเป็ระยะๆเพราะรู้ดีว่าหลังจากนี้คงจะไม่ได้เห็นของสวยๆ งามๆ แบบนี้อีกนานเลยดีเดียว
“เชวียหรานเ้าเลือกตำราอะไรออกมาเหรอ...เท่าที่ดูเหมือนว่ามันจะเป็พวกวรยุทธ์การป้องกันตัวใช่หรือเปล่า?”ข้าถาม
เชวียหรานเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น“อืม เป็เพราะอาวุธิญญาของข้าเป็ประเภทโจมตีทางไกลก็เลยอยากฝึกฝนพวกวรยุทธ์ระยะประชิดไว้สักหน่อยไม่อย่างนั้นถ้าถูกศัตรูเข้าประชิดตัวมีหวังข้าได้กลายเป็แกะรอเชือดแน่ๆข้าไม่อยากให้มันเป็แบบนั้นหรอกนะ ดูสิ...มันเป็ตำราวรยุทธ์ิญญาที่มีชื่อว่าเคล็ดวิชากำแพงวายุ ซึ่งใช้พลังิญญาเพื่อสร้างกำแพงป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้”
“ไม่เลวเหมือนกันนี่!”
ซูเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆว่าแล้วเบิกตาโพลงก่อนจะหันมาถามข้า “จริงด้วยสิเ้าคนกินจุแล้วนี่เ้าเลือกตำราอะไรออกมาล่ะ?”
“อ้อ ข้าเลือกอันนี้ออกมาน่ะ”
ข้าว่าพลางล้วงเอาม้วนตำราเพลงกระบี่ดินแดนหิมะออกมาถึงแม้มันจะมีผ้าไหมสีทองห่อไว้อีกชั้นหนึ่งก็ยังสามารถััได้ถึงพลังิญญาที่เย็นเยือกแผ่ซ่านออกมาจางๆและนั่นก็ทำให้คนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากหอเก็บตำราอย่างมู้เซวี่ยน ฟางชิงยวนซือคงอี้และคนอื่นๆ ต่างก็มองมาด้วยสายตาที่อิจฉาริษยา แต่ก็เป็เื่ปกติเพราะใครๆก็อยากจะได้ตำราวรยุทธ์ิญญาของชั้นบนสุดของหอเก็บตำราแห่งนี้ทั้งนั้น
“มันเป็ตำราวรยุทธ์ิญญาขั้นสูงที่มีชื่อว่าเพลงกระบี่ดินแดนหิมะ” ข้าบอก
ซูเหยียนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินก่อนจะพูดขึ้น“ข้ารู้สึกเหมือน...เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่ง...”
ถังเชวียหรานยิ้มไหวไหล่ก่อนจะพูดขึ้น“จะที่ไหนอีกล่ะ? ก็ในตำราพื้นฐานการใช้กระบี่ของสำนักจวี๋ฉียังไงล่ะในตำราเขียนไว้ว่าแผ่นดินใหญ่หลงหลิงแห่งนี้เคยมีเพลงกระบี่ชั้นสูงเกิดขึ้นมากมายแต่สุดท้ายก็ค่อยๆ สาบสูญไปจนหมด ส่วนตำราเพลงกระบี่ดินแดนหิมะเล่มนี้ก็เป็หนึ่งในเพลงกระบี่ชั้นสูงพวกนั้นเหมือนกัน...นึกไม่ถึงเลยว่าปู้อี้เชวียนจะหาตำราของเพลงกระบี่ที่เคยสาบสูญไปแล้วจนเจอไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่นา”
ข้าเก็บตำราเพลงกระบี่ดินแดนหิมะเอาไว้ในแหวนกระดูกจักรภพเหมือนเดิมก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น “ไม่ขนาดนั้นหรอกข้าก็แค่ไปเจอโดยบังเอิญก็แค่นั้น”
ถังเชวียหรานยกยิ้มก่อนจะพูดต่อ“และที่มันไม่ธรรมดาไปกว่านั้นก็คือ...เ้าดูนู่นสิมีสาวงามท่านหนึ่งกำลังยืนรอเ้าอยู่ที่ริมบึงนู่นน่ะ”
“ฮะ?”
ข้าและซูเหยียนต่างก็มองตามทางที่เชวียหรานบอกพร้อมๆกัน และก็เห็นว่ามีสาวงามนางหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆและนางก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็ไอลาที่ข้าเคยช่วยชีวิตนางไว้ตอนที่อยู่ในจักรภพธารานั่นเอง่ก่อนไม่มีโอกาสได้เจอนางเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้นางกลับมารอข้าเสียอย่างนั้น
“นางมาหาข้าเหรอ?”
“เ้าคิดว่าไงล่ะ?” ซูเหยียนบุ้ยปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ“เ้าไปหานางเถอะไว้รอให้พวกเ้าสองคนคุยกันจบแล้วข้ากับเชวียหรานค่อยตามไปแล้วกัน”
“แบบนี้...จะดีเหรอ?”
“รีบไปสิ!”
พอได้ยินแบบนั้นข้าก็รีบเดินเข้าไปหาไอลาทันทีและก็เป็ไปตามคาดเมื่อนางกำลังรอพบข้าอยู่จริงๆนางยืนกอดอกพร้อมกับมองข้าด้วยดวงตาที่มีน้ำคลออยู่เล็กน้อยแล้วพูดขึ้น“ปู้อี้เชวียน ทำไม...ทำไมตอนที่อยู่ในจักรภพธาราเ้าถึงเข้ามาช่วยข้า...จริงๆแล้วข้า ข้าคิดกับเ้า...”
“ก็เพราะเ้าเป็ศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาไงล่ะไม่ว่าใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นข้าก็เลือกจะยื่นมือเข้าไปช่วยทั้งนั้นแหละ”
“อ่อ แบบนี้เองสินะ...”
นางแสดงความรู้สึกผิดหวังออกมาทางสายตาชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้น“ข้าขอโทษเป็เพราะข้าจึงทำให้เ้าถูกฟางชิงยวนทำร้ายจนเกือบต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้ตรงนั้นมันเป็ความผิดของข้าเอง ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ...”
“จะไปโทษเ้าได้ยังไงกัน...”
ข้าว่าแล้วขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดต่อ“มันเป็เพราะฟางชิงยวนอิจฉาริษยาข้าเองต่างหาก”
“ถ้าอย่างนั้น...ข้าพอจะทำอะไรเพื่อเ้าได้บ้างล่ะ?”
ไอลามองตรงมาที่ข้าเหมือนอยากจะพูดบางอย่างจากนั้นจึงพูดขึ้นหลังจากผ่านไปนาน “จะให้ข้าทำอะไรก็ได้เพราะไม่อย่างนั้นข้าคงจะรู้สึกไม่สบายใจที่ติดหนี้ชีวิตเ้าแบบนี้”
ข้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแบบเขินๆแล้วถามขึ้น “นี่เ้า...คงไม่ได้คิดที่จะเอาตัวเข้าแลกอีกรอบใช่ไหม?”
ไอลาได้ยินแล้วถึงกับหน้าแดงก่อนจะพูดขึ้น“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย...ข้ารู้ว่าเ้าไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนั้นและข้าก็ไม่มีทางทำเื่โง่ๆ แบบนั้นอีกแน่นอนถ้าอย่างนั้น...เ้าพอจะมีอะไรให้ข้าช่วยบ้างไหมล่ะ?”
ข้ายิ้มรับความหวังดีของนางก่อนจะชี้มือไปทางซูเหยียนแล้วพูดขึ้น“สิ่งที่เ้าช่วยข้าได้มากที่สุดตอนนี้ก็คือรีบกลับลงไปเถอะไม่อย่างนั้นถ้ามีคนหึงหวงขึ้นมาจะต้องแย่แน่ๆ”
“อ้อ นี่เ้า...เ้ากับซูเหยียนกำลังคบหากันอยู่เหรอ?”
“เ้าหมายถึงคบหาแบบไหนล่ะ?”
“นาง...ตกลงยอมเป็คนรักของเ้าแล้วเหรอ?” ไอลาถามเสียงเบา
“ไม่ใช่สักหน่อย นางไม่ได้...”
ข้าลูบจมูกตัวเองด้วยความเขินอายก่อนจะพูดต่อ“จริงๆ แล้วความสัมพันธ์ของข้ากับซูเหยียนแค่ต่างคนต่างก็มีความรู้สึกดีๆต่อกันเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะ...”
“ข้าเข้าใจ...”
ไอลายิ้มบางก่อนจะพูดต่อ“ซูเหยียนถือว่าเป็เด็กดีคนหนึ่งเลยล่ะ ขอให้เ้าสมหวังก็แล้วกัน”
“ข้ารู้ ไว้เจอกันที่สำนักหมื่นิญญานะ”
“อืม ข้าขอตัวก่อนนะ”
นางว่าแล้วก็รีบเดินลงเขาไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมาและตอนนี้ทั้งซูเหยียนและถังเชวียหรานก็เดินเข้ามาพร้อมๆ กัน
“อะแฮ่ม ข้าเหมือนจะได้ยินอะไรเข้าสักอย่างแล้วล่ะ”เชวียหรานพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึง
พอได้ยินข้าก็นึกได้ทันทีว่านางมีััการได้ยินที่ดีกว่าคนทั่วไปอย่างมากบางทีนางอาจจะได้ยินสิ่งที่ข้าพูดกับไอลาเมื่อครู่ด้วยก็ได้ฉะนั้นเมื่อคิดได้ก็เลยรู้สึกกังวลแปลกๆ เลยถามขึ้น“เมื่อกี้ข้าไม่ได้พูดอะไรไม่ดีไปใช่ไหม?”
“ไม่หรอก”
ถังเชวียหรานว่าแล้วกระทบไหล่ของก่อนจะพูดต่อ“ลงเขากันเถอะ ขืนช้าคงไปไม่ทันกลับเมืองหลินเสี่ยเฉิงแน่ๆ”
...
พอรถไฟประจำตำแหน่งของซูซีเฉิงเคลื่อนตัวออกไปใน่บ่ายรถไฟขบวนที่พวกเราจะนั่งกลับไปยังเมืองหลินเสี่ยเฉิงก็เคลื่อนผ่านป่าไม้ที่เขียวชอุ่มของวิหารศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในชานชาลา
พี่เสวียนยินในชุดคลุมของเทพศาสตราวุธถามขึ้น“เสี่ยวเชวียน เ้าเลือกตำราวรยุทธ์ม้วนไหนมาล่ะ?”
“ข้าเลือกเพลงกระบี่ดินแดนหิมะ” ข้าตอบ
“หืม?”
นางชะงักเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ“เท่าที่ข้ารู้มาว่าชั้นบนสุดของหอเก็บตำรามีวรยุทธ์เกี่ยวกับกระบี่อยู่เพียงเล่มเดียวเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? นี่เ้าคงจะตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเดินทางสายกระบี่แล้วสินะแต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันแหละ...”
ปรมาจารย์ิญญาหลัวเสียนที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้นมาบ้าง “ปู้อีเชวียนเ้ารู้หรือเปล่าว่าทำไมถึงมีเพียงไม่กี่คนที่ศึกษาและฝึกฝนตำราเพลงกระบี่ดินแดนหิมะม้วนนี้”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะมันเป็ตำราวรยุทธ์ที่แฝงไปด้วยความซับซ้อน เร้นลับ และฝึกฝนได้ยากหากไม่ใช่คนที่มีความสามารถและเข้าใจตำราอย่างถ่องแท้ก็จะไม่มีทางได้อะไรจากมันเลยแม้แต่น้อย”
หลัวเสียนเว้น่หายใจก่อนจะพูดต่อ“เมื่อสามพันปีก่อนเพลงกระบี่ดินแดนหิมะเคยเป็เพลงกระบี่ที่โด่งดังไปทั่วแผ่นดินแต่ความร้ายกาจและชื่อเสียงของมันก็โด่งดังได้ไม่นาน...เมื่อแปดร้อยปีก่อนเคยมีจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจที่ได้ชื่อว่าเป็อัจฉริยะในรอบพันปีที่ชื่อว่าหลันยู่หวังใช้เวลาฝึกฝนถึงสามปีแต่ก็ฝึกฝนไม่สำเร็จจึงต้องยอมแพ้...เมื่อสามร้อยปีก่อนคนของตระกูลซูซึ่งได้รับฉายาว่าอัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกชื่อว่าซูยู่เหมิ๋งเขาได้ฝึกฝนเพลงกระบี่ดินแดนหิมะถึงครึ่งปีแต่ก็ไม่ได้สักอย่างก็เลยโมโหแล้วเผาตำราของมันทิ้งจึงทำให้มันหายไปและไม่มีคนฝึกฝนอีกเลย”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเพลงกระบี่ดินแดนหิมะจะมีประวัติแบบนี้อยู่”ข้าว่าแล้วก้มหน้ามองม้วนตำราในมือก่อนจะยิ้มบางๆซึ่งนอกจากจะไม่มีแรงกดดันจากคำพูดของหลัวเสียนแล้วในทางกลับกันยังรู้สึกท้าทายและสนใจตำราม้วนนี้มากขึ้นอีกต่างหาก
ขณะคลี่ม้วนตำราออกมาเพื่อพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาจากนั้นพลังในตำราก็มีแสงสีน้ำเงินเข้มพุ่งขึ้นมาจากตำราม้วนนั้นแล้วแทรกซึมเข้าไปในหัวของข้าทันทีจากตำราที่เคยส่องแสงเปล่งประกายจะค่อยๆ กลายเป็สีหม่น
พรึ่บๆๆ!
ภาพเหตุการณ์นับพันลอยวนอยู่ในหัวรวมไปถึงเงาของคนมากมายนับไม่ถ้วนที่ทับซ้อนกันเป็ชั้นๆก่อนจะมีลายเส้นอะไรสักอย่างคดเขี้ยวเปลี่ยนรูปร่างไปมาอย่างหลากหลายและมันก็คือวิธีการฝึกฝนเพลงกระบี่ดินแดนหิมะนั่นเองทว่าภาพของมันเกิดขึ้นเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีก็เลือนหายไปพร้อมๆกับพลังของเพลงกระบี่ที่ค่อยๆ จางลง กลุ่มพลังที่เคยส่องสว่างกลายเป็เพียงก้อนพลังสีดำทมิฬเหมือนก้อนเหล็กอันหนักอึ้งซึ่งทำให้ข้าจนปัญญาที่จะเรียนรู้เพื่อเข้าถึงใจกลางและความลับของพลัง
ข้าขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะถอนหายใจเพราะยอมแพ้ไปชั่วขณะ
หลัวเสียนที่เหมือนจะดูออกว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่จึงพูดด้วยรอยยิ้ม“ก้อนพลังสีดำในหัวเ้าตอนนี้มีชื่อว่า หลุมดำแห่งขุมพลังซึ่งหลันยู่หวังและซูยู่เหมิ๋งต่างก็ถูกเ้าหลุมดำนี่สกัดไม่ให้เข้าถึงแก่นแท้ของพลังจนต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับพลังของเพลงกระบี่ดินแดนหิมะเพราะหมดปัญญาจะฝึกฝนต่อ”
คราวนี้เป็พี่เสวียนยินที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์บ้าง “หลัวเสียน เ้านี่จริงๆ เลยทำไมต้องคอยสร้างความไม่มั่นใจให้เสี่ยวเชวียนของข้าด้วยนะ!”
“ข้าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นสักหน่อยถึงอย่างไรเพลงกระบี่ดินแดนหิมะก็ไม่ได้ง่ายจริงๆ”
ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น“อืม ดูเหมือนจะไม่ง่ายจริงๆ ด้วย!”
คราวนี้ปู้เสวียนยินกลับยิ้มบางก่อนจะพูดต่อ “ท่านปรมาจารย์หลัวเสียนข้ามั่นใจในความสามารถของเสี่ยวเชวียนว่าจะต้องทำได้อย่างแน่นอนข้าว่าเรามาพนันกันไหมล่ะ? ข้ากล้าพนันได้เลยว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนเสี่ยวเชวียนจะต้องฝึกฝนเพลงกระบี่ดินแดนหิมะนี่สำเร็จอย่างแน่นอน!”
หลัวเสียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น“ถ้าท่านรองเ้าสำนัก้าแบบนั้น ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะว่าแต่ท่านจะพนันเป็อะไรดีล่ะ?”
“ยาบำเพ็ญิญญาห้าร้อยเม็ดเป็ไง?”
“ห้ารอยเม็ด?”
หลัวเสียนชะงักไปพักหนึ่งถึงแม้ว่ายาบำเพ็ญิญญาจะเป็เพียงยาชั้นกลางแต่การจะรวบรวมให้ถึงห้าร้อยเม็ดก็ไม่ใช่เื่ง่ายเพราะไม่ว่าอย่างไรสมัยนี้นักทำยาก็หายากขึ้นทุกวันและการทำยาชนิดนี้ยังต้องใช้พลังิญญาจำนวนมากในการหลอมเป็ยาตัวนี้ขึ้นมาเนื่องจากมันมีสรรพคุณช่วยเพิ่มพลังิญญาและเพิ่มความเร็วในการบำเพ็ญได้จึงทำให้พวกตระกูลใหญ่ๆ ต่างก็เสาะแสวงหาและกว้านซื้อไปหมดดังนั้นการรวบรวมยาบำเพ็ญิญญาจึงไม่ใช่เื่ง่าย
แต่ถึงกระนั้นหลัวเสียนก็ยังกัดฟันครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น“อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน ถึงอย่างไรพวกลั่วเหยียนและคนอื่นๆก็ใกล้จะกลับจากการฝึกฝนที่เหน็ดเหนื่อยแล้ว ถ้าได้ยาบำเพ็ญิญญาทั้งห้าร้อยเม็ดเป็ของรางวัลก็คงจะดีไม่น้อยในเมื่อท่านรองเ้าสำนักใจดีขนาดนี้ข้าก็ต้องขอบคุณแทนลั่วเหยียนลั่วหว่านและช่างหรงล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน”
ปู้เสวียนยินได้ยินแล้วก็ยิ้มบางๆก่อนจะพูดขึ้น “ตราบใดที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะท่านก็อย่าเพิ่งรีบดีใจไป...ไปขึ้นรถกันเถอะ!”
“อืม!”
...
หลังจากขึ้นมาบนรถข้าก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“ท่านพี่ ลั่วเหยียน ลั่วหว่านและช่างหรงที่หลัวเสียนพูดคือใครกัน?”
“พวกนั้นเป็หนึ่งในกลุ่มศิษย์แนวหน้าของสำนักหยุนต้งและยังเป็ศิษย์ที่หลัวเสียนภูมิใจมากอีกด้วย”
พี่เสวียนยินหยุดเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ“และพวกนั้นก็ยังเป็คู่ต่อสู้ของเ้าในวันข้างหน้าด้วย!”
นางยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่ข้ากลับไม่รู้เื่อะไรสักอย่าง
ช่างเถอะข้าเลิกสนใจท่านแล้วพยายามเข้าถึงแก่นแท้ของเพลงกระบี่ดินแดนหิมะต่อดีกว่า!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้