ชายาองค์รัชทายาทโจวอี้เฟย

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

“เหตุใดจึงทำเช่นนี้ ท่านมิควรลดเกียรติคุกเข่าให้กับคนแก่ใกล้ตายอย่างข้า”

“ข้าเพียงคุกเข่าเพื่อขอร้องท่าน มิถือเป็๞การลดเกียรติแต่อย่างใด หนทางที่จะช่วยชีวิตผู้คนในนครใหญ่ ให้รอดพ้นจากพิษของดอกเฟิ่งเซียนทิพย์ เป็๞สิ่งที่ข้าควรทำ” คำพูดขององค์รัชทายาท แม้เป็๞วาจาที่ราบเรียบชายชรากลับรู้สึกถึงความจริงใจและตั้งมั่นนั้น ก่อนค่อย ๆ เคลื่อนกายเข้าไปจูงพระหัตถ์ขององค์รัชทายาท พาเดินเข้ามายังที่พักอีกส่วน ที่อยู่ด้านในลึกเข้าไป สองเท้าของชายหนุ่มเดินผ่านลำธารใสไปได้สักระยะ คิ้วสองข้างก็ขมวดติดกัน

“ภายในถ้ำเช่นนี้ เหตุใดจึงมีลำธารไหลเป็๲สายตลอดเวลา อีกทั้งภายในก็กว้างใหญ่” ชายชรายิ้มอ่อนแล้วหันมาบอกกับองค์รัชทายาทด้วยน้ำเสียงเมตตา

“ถ้ำนี้เป็๞ถ้ำที่ศิษย์ชั่วของข้าเสกขึ้นมา ใช้วิชาเวทขั้นแปดรวมกับขั้นหก ทุกอย่างจะอยู่คงถาวรเช่นนี้สืบไปนานแสนนาน” องค์รัชทายาทมองถ้ำที่วิจิตรด้วยสายตาแน่นิ่ง ไม่แปลกใจทำไมศิษย์ของท่านผู้เฒ่าหานตงจึงหลงทำชั่ว เพราะฤทธิ์ของวิชาเวทขั้นแปดนั้นยิ่งใหญ่สุดพรรณนาได้ เมื่อสำเร็จแล้วจะส่งผลให้วิชาเวทขั้นอื่น ๆ มีพลังมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

องค์รัชทายาทหวนนึกถึงวิชาเวทขั้นหกของตัวเองที่ว่าวิเศษหนักหนานั้น ยังเสกได้เพียงกระท่อมเล็ก ๆ และสิ่งของที่ไม่ใหญ่มาก แต่เมื่อใดที่สำเร็จวิชาเวทขั้นแปดแล้ว จึงสามารถมีพลังเสกสิ่งของได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ทุกสิ่งเป็๲ไปตามที่ตำรากล่าวไว้ไม่มีผิด สองเท้ายังคงเดินตามชายชราไปอย่างต่อเนื่อง ไม่นานนักก็มาถึงสวนด้านใน ซึ่งเป็๲แหล่งกำเนิดลำธารใสนั้น คือน้ำตกที่ไหลมารวมกันเป็๲แอ่งกว้าง มีปลาแหวกว่าย และดอกบัวเกิดขึ้นในแอ่งน้ำอย่างสวยงาม

“ข้าจะสอนแนวทางการสำเร็จวิชาเวทขั้นแปดให้กับท่าน และหากข้าทำผิดพลาดอีก ผลกระทบจะยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนเป็๞พันเท่า เพราะท่านมีทั้งอำนาจล้นฟ้าด้วยฐานันดร อีกทั้งวิชาเวทที่กล้าแกร่ง สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วหากท่านหลงผิดคิดชั่วแบบศิษย์ข้าล่ะก็ ทั่วทั้งใต้หล้าจะไม่มีใครหยุดท่านได้ และเมื่อถึงเวลานั้น ท่านจงสังหารข้าเสีย” ชายชราหันมาพูดกับองค์รัชทายาทด้วยสายตาตั้งมั่น ก่อนหันไปหยิบกระดาษสีขาวลงหมึกจดบันทึกคำกล่าวของเขาเอาไว้ แล้วนำไปแปะที่ผนังถ้ำ การกระทำแปลกประหลาดของท่านผู้เฒ่าหานตงทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย

“ท่านทำอันใด”

“คำสั่งเสีย”

“เหตุใดต้องสั่งเสีย” ชายชราแปะกระดาษแผ่นนั้นเสร็จจึงหันใบหน้าเคร่งขรึมกลับมายังองค์รัชทายาท

“ขั้นตอนการฝึกวิชาเวท ที่ตำรามิได้บันทึกไว้ ก็คือการคลายวิชาเวทขั้นหนึ่งถึงขั้นเจ็ดออกให้หมด ต่อจากนั้นพลังที่ฝึกเข้าไปใหม่จะทำลายความจำให้หายไป” ชายหนุ่มชะงักครู่หนึ่งแล้วถามต่อด้วยเสียงสั่นเครือ

“หมายความว่าความจำของข้าจักหายไปเช่นนั้นฤา” ชายชราพยักหน้าแล้วเดินกลับมายังโต๊ะหิน

“การจะคลายวิชาเวทขั้นหนึ่งถึงขั้นที่เจ็ดออกนั้น ต้องใส่กระแสสมาธิอันบริสุทธิ์เข้าไปคลายพลัง” ชายหนุ่มยังคงขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะในตำราที่เขาอ่านมานั้น ไม่มีตำราใดกล่าวว่าต้องคลายพลังเวทเก่าออกทั้งหมด

“หากท่านไม่คลายพลังเวทขั้นหนึ่งถึงเจ็ดออกก่อน พลังทั้งหมดจักตีกันปั่นป่วน เสมือนกับสิ่งที่ละเอียดอ่อนเข้าไปเจอกับทรายหยาบ ในเมื่อพื้นฐานไม่เหมือนกันก็จักต่อต้านกัน แลยังเป็๲ผลเสียทำให้พลังสับสนวุ่นวาย ร้ายที่สุดคือมิสามารถลำดับขั้นของพลังเวทตัวเองได้” ชายชราอธิบายช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในขณะที่องค์รัชทายาทฟังอย่างตั้งใจ

“ในส่วนของการคลายพลังเวทเก่าออกนี้ ด้วยพลังสมาธิอันละเอียดอ่อนและบางเบาจะเข้าไปปรับระบบภายในของผู้ฝึกให้มีความละเอียดอ่อนเท่าเทียมกัน จึงจะรวบกำลังเป็๞พลังเวทขั้นแปดได้ ในระยะแรก การฝึกของท่านจะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดห้ามผู้ใดรบกวน เมื่อระบบภายในถูกสมาธิอันบริสุทธิ์ปรับให้ละเอียดอ่อนเท่ากันแล้ว ความจำในส่วนลึกนับเป็๞สิ่งหยาบ คล้ายกับทรายหยาบก็จักถูกปรับให้ละเอียดลง ขั้นตอนนี้ท่านก็จะสูญเสียความทรงจำไปโดยปริยาย ระยะแรกท่านจักจำอันใดมิได้ แม้แต่ข้าท่านเองก็อาจจะลืมเลือน” ชายหนุ่มนั่งฟังด้วยแววตาแน่นิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินมายังแอ่งน้ำ แล้วทอดสายตาทบทวนบางอย่างด้วยความไม่มั่นใจ

“เช่นนั้นแล้ว....” สายพระเนตรส่อแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้าเขาใช้เวลาหมดไปกับตำราพวกนั้นมาอย่างยาวนาน ครั้นเมื่อเจอท่านผู้เฒ่าหานตงแล้ว กลับต้องแลกด้วยความทรงจำที่ว่างเปล่า จึงจักสำเร็จวิชาเวทขั้นแปดได้

ในห้วงเวลาความคิดกลับปรากฏเป็๞ใบหน้าแสนอ่อนหวานของซูเจิน ไม่ว่าเป็๞กิริยา น้ำเสียง ตามด้วยท่าทาง ทุกอิริยาบถของนาง ปรากฏชัดในความทรงจำขององค์รัชทายาท

“ข้าจักลืมทุกอย่างเช่นนั้นฤา” เขาถามย้ำกับชายชราอีกครั้ง

“ท่านมิต้องกังวล ความจำจะค่อย ๆ ทยอยกลับมาทีละน้อย และ เมื่อใดที่ท่านจำได้ว่าท่านเป็๞ใคร มีจุดประสงค์อย่างไรแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจักวางใจให้ท่านกลับนครใหญ่ได้ เพื่อทำตามจุดมุ่งหมายต่อไป” พูดจบชายชราจึงเดินไปหยิบพู่กัน นำมาวางที่แท่นหินแล้วหมุนสามรอบ โถงหินด้านในค่อย ๆ เปิดออก โถงนี้ใช้เป็๞ที่เก็บตัวได้เป็๞อย่างดี

“แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนนั้น ท่านต้องฝึกสมาธิอันบริสุทธิ์ให้ได้ก่อน มันใช้เวลายาวนาน ตามแต่ความสามารถของผู้ฝึก ขั้นตอนนี้มิมีผู้ใดกำหนดได้” ชายชรากล่าวพูดพร้อมกับเดินนำชายหนุ่มเข้าไป

แคว้นจ้านหลิวในยามนี้ องค์๹า๰าเริ่มกลับมาดำเนินงานราชการ หลังจากใช้เวลารักษาเยียวยาจิตใจอยู่นานพอสมควร เสียงขลุ่ยของซูเจียวเป่าแว่วอยู่ในสวนเหมยเต็ง ทำให้พระ๹า๰าเดินตามเสียงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเห็นราชธิดาประทับอยู่กับซือซิง นางตั้งมั่นตั้งใจฝึกฝนฝีมือตัวเองอยู่ทุกวี่วัน จนพระ๹า๰าประทับใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขายืนมองจับจ้องไปยังธิดาพร้อมความหวัง

“ท่านพ่อ” ซูเจียววางขลุ่ยลงแล้วเดินเข้ามาหาราชบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ซือซิงเ๯้าออกไปก่อน” องค์๹า๰าหันพระพักตร์สั่งเนื้อเสียงเข้ม ด้วยมีความบางอย่างต้องเจรจา ทำความเข้าใจกับซูเจียวเป็๞การส่วนตัว

“เพคะ” ให้หลังนางกำนัลแล้ว พระ๱า๰าจึงพาราชธิดาซูเจียวเดินมายังจุดเก็บบันทึกโบราณที่ซอกหิน ก่อนพลังเวทที่มือวูบขี้นเพื่อปลดพันธนาการ แล้วเผยให้เห็นบันทึกโบราณดังกล่าวปรากฏชัดเจน

“นี่มันเป็๞บันทึกสำคัญที่ท่านพ่อ...ถึงกับ...ลงมือฆ่าลี่เซียน” หญิงสาวพูดพลางแววตาระริก หวนนึกถึงเหตุการณ์อันน่าสะใจในครานั้น ด้วยบันทึกนี้เป็๞สาเหตุให้ชีวิตของซูเจิน ต้องประสบกับความยากลำบาก จนอาจถึงกับไร้ลมหายใจท่ามกลางป่าเขาไปแล้วก็เป็๞ได้

“ใช่” พระ๱า๰ายอมรับ แล้วค่อย ๆ ดึงบันทึกนั้นขึ้นมาแล้วคลี่ออกช้า ๆ พลันหันพระพักตร์มองใบหน้าของราชธิดาซูเจียวครู่หนึ่ง บัดนี้นางเติบโตมากพอที่ควรรู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงในชีวิตเขา มือหนายื่นบันทึกโบราณนั้นให้กับซูเจียว

เ๯้าจงอ่านให้ขึ้นใจ” น้ำเสียงราบเรียบพูดเป็๞คำสั่ง

“หะ ให้ข้าอ่านเช่นนั้นฤา บันทึกนี้สำคัญกับท่านมาก เหตุใจจึง..”

“ข้าอนุญาตให้เ๯้าอ่าน” ซูเจียวเห็นความตั้งมั่นของราชบิดาจึงรับบันทึกนั้นมาเปิดอ่าน

“ในบันทึกกล่าวว่า ดอกเฟิ่งเซียนทิพย์ เคยทำให้นครใหญ่ปั่นป่วน” หญิงสาวตั้งใจอ่านต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้ามองราชบิดา

“แม่นางเหมยเซินล่ะท่านพ่อ นางเป็๞ใคร” หญิงสาวกล่าวด้วยวาจาใคร่รู้

“นางหายสาบสูญไปอย่างที่บันทึกกล่าวไว้ แต่จุดประสงค์หลักของข้าไม่ได้อยู่ตรงนั้น” ซูเจียวขมวดคิ้วไม่เข้าใจบางอย่าง พลางหรี่ตามอง

“ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเพคะ” พระ๹า๰าเดินเบี่ยงวรกายไปทางด้านซ้ายของสวนเหมยเต็ง

“สิ่งที่ข้ารอมานานแสนนาน หาใช่คำตอบว่าแม่นางเหมยเซินเป็๲ผู้ใด หายสาบสูญได้อย่างไร แต่สิ่งที่ข้ารอนั่นคือ การล่มสลายของแคว้นก่งเหว่ย” หญิงสาวดวงตาเบิกกว้าง

“หากถึงคราวล่มสลายแล้ว ข้าหวังเป็๞อย่างยิ่งว่าแคว้นจ้านหลิวของเราจะสามารถขึ้นเป็๞นครใหญ่แทนที่แคว้นก่งเหว่ยได้ ลูกหลานของเราก็จะมีอำนาจเต็มมือ”

“แคว้นก่งเหว่ยจะล่มสลายได้อย่างไร ในเมื่อเป็๲นครใหญ่มานานหลายแสนปี”

“เมื่อแม่น้ำเปลี่ยนสี กฎของเบื้องบนกล่าวว่าเมื่อใดที่แม่น้ำเปลี่ยนสี อำนาจของแคว้นก่งเหว่ยก็จะจบลง ดังนั้นพิษของดอกเฟิ่งเซียนทิพย์จะทำให้น้ำเปลี่ยนเป็๞สีดำ” ชายชราหวนนึกถึงอดีต เขาเคยแอบได้ยินบางอย่างที่ไม่ควร ย้อนกลับไปนานแสนนานครั้งที่ทุกแคว้นต้องจัดให้ส่งบรรณาการไป เขาเป็๞หนึ่งในคณะที่ถูกพระราชบิดา ส่งตัวให้ไปเยี่ยมชมความงามของนครใหญ่