Chapter three : Simon R. Quintrell
เช้าวันแรกของฤดูใบไม้ผลิในคอตตอนเทลช่างแสนสดใส ลมเย็นพัดผ่านมาพร้อมกับกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ที่หอมอย่างมีเอกลักษณ์ ท้องฟ้าโปร่งเป็สีฟ้าใสตัดกับต้นไม้สีเขียวชอุ่มและดอกไม้ที่กำลังผลิบานอยู่ตามสวนเล็ก ๆ ของแต่ละบ้าน บรรยากาศแบบนี้ช่างเหมาะกับการเริ่มต้นใหม่เสียจริง ๆ
แพทที่กำลังยืนตัดดอกไม้ไปใส่แจกันเป็ครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องจากบ้านหลังน้อยไปฝึกงานที่คฤหาสน์ควินท์เรลก็มัวแต่ยืนเหม่อจินตนาการถึงคฤหาสน์ที่อยู่ตั้งห่างจากตัวเมืองไปไกล ถึงแม้เขาพอจะรู้มาบ้างว่าทางไปคฤหาสน์ควินท์เรลนั้นต้องผ่านย่านคนรวยอย่างย่านเพอรี่เวลที่เคยมีคนบอกว่าแค่เฉียดไปใกล้ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นความรวย
และคนที่บอกเขาก็ไม่ใช่ใคร เพราะเื่เพ้อฝันแบบนี้
มีแค่เพื่อนสนิทอย่างบลูเท่านั้นแหละที่ทำได้
ถึงจะรู้สึกตื่นเต้นกับย่านเพอรี่เวลแค่ไหนแต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคฤหาสน์บนพื้นที่ 100 ไร่ติดทะเลสาบอย่างคฤหาสน์ควินท์เรลหรอก หลังจากที่แพทศึกษาเื่เกี่ยวกับคฤหาสน์นั้นมาก็พบว่า ในคฤหาสน์นั้นมีสาวใช้ร่วมร้อยคน ไม่รวมคนครัว คนสวน และคนขับรถอีก คฤหาสน์นั่นกว้างเท่ามหาวิทยาลัยของเขาด้วยซ้ำมั้ง และอีกหนึ่งความจริงที่เขาได้รับรู้ก็คือตระกูลควินท์เรลนั้นเป็ผู้สนับสนุนหลักร่วมกับตระกูลแมคคอยด์ในการก่อสร้างมหาวิทยาลัยที่เขากำลังเรียนอยู่
ถ้าชีวิตนี้ไม่ออกจากเอดมันตัน เขาเชื่อว่าเขาคงหนีไม่พ้นนามสกุลนี้อย่างแน่นอน
ยังไม่ทันที่แพทจะก้าวขากลับเข้าไปในบ้าน เสียงเครื่องยนต์ของรถที่ไม่คุ้นเคยทำให้แพทต้องหันกลับไปมองที่รั้วหน้าบ้านทันที และรถคันนั้นทำให้แพทต้องชะงักและปล่อยดอกไม้ที่ตั้งใจเก็บมากับมือร่วงลงพื้นทั้งหมด
“พระเ้าช่วย อย่างกับในหนังแน่ะ..”
คำพูดเพ้อ ๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากสวยทันทีที่ได้เห็นรถลีมูซีนสีดำคันหรู โชคดีที่ในตอนนี้ยังเป็เวลาเช้าตรู่จึงไม่ค่อยมีเพื่อนบ้านคนไหนออกมาใและะโเรียกกันให้ลั่นหมู่บ้านอย่างที่ควรจะเป็
พนักงานขับรถเปิดประตูพร้อมก้าวขาลงจากรถก่อนจะถอดหมวกแล้วโค้งให้แพทหนึ่งครั้งเป็การทักทาย แพทที่ใทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่โค้งกลับไปอย่างไม่ได้สติ
“คุณแพทริเซีย มอร์แกน, ถูกต้องไหมครับ?”
“ค.. ครับ ถูกต้องครับ”
“ผมโอลิเวอร์ครับ เป็คนขับรถที่จะพาคุณมอร์แกนไปส่งวันนี้”
“ครับ”
“ไม่ทราบว่าคุณแพทริเซียเตรียมของแล้วหรือยังครับ?”
แพทนิ่งไปสักพักเพื่อทวนคำถามกับตัวเองและรีบพยักหน้าตอบรับคุณโอลิเวอร์ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปเอากระเป๋าเดินทางที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น โชคดีเหลือเกินที่เมื่อเช้าเขาได้หอมแก้มลาคุณพ่อคุณแม่แล้วก่อนท่านจะออกไปทำงานที่ต่างเมือง แพทมองรอบ ๆ บ้านอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าตัวเองจะไม่ลืมอะไรที่จำเป็ อย่างเช่น
ผ้าพันคอของแม่, เสื้อกันหนาวของพ่อ, ผ้าห่มผืนโปรด,
และสุดท้าย เทียนกลิ่นโปรดที่ไม่ว่าจะใช้ที่ไหนก็จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
คนตัวเล็กสะพายกระเป๋าใบเล็กบนไหล่และกระชับมือจับหูกระเป๋าอีกครั้งเพื่อความมั่นใจก่อนจะผลักประตูบานที่คุ้นเคยและส่งยิ้มให้กับคุณโอลิเวอร์ที่ยืนรอเก็บกระเป๋าให้ั้แ่มาถึง หวังว่าการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้ของเขาจะสดใสเหมือนกับท้องฟ้าในฤดูใบไม้ผลิ หวังให้จิตใจเขาได้เบิกบานเหมือนดอกไม้ที่กำลังผลิดอกอย่างแข็งขัน อย่าให้ไฟในการทำงานครั้งนี้ของเขามอดลงไปเลย
“คุณโอลิเวอร์ แพทพร้อมแล้วครับ”
“ยินดีต้อนรับไปสู่คฤหาสน์ควินท์เรลครับคุณมอร์แกน”
- Simon’s theory -
ตลอดเส้นทางที่ผ่านจากคอตตอนเทลไปยังตัวเมืองเอดมันตันนั้นก็ไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ มีเพียงดอกทิวลิปหลากหลายสีที่ถูกปลูกอยู่ข้างทางที่ช่วยดึงความสนใจ ทำให้ความประหม่าที่มีอยู่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อไหร่ที่เขาได้เห็นดอกทิวลิปในฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ก็ทำให้เขาได้คิดถึง่ชีวิตวัยเด็กเสมอ
ตลอดชีวิตของแพทนั้นคุ้นเคยกับหมู่บ้านแถบนอกเมืองและในตัวเมืองเอดมันตันอย่างดีอยู่แล้ว ในตอนเด็ก ๆ ทั้งเขาและบลูต่างพากันปั่นจักรยานไปรอบคอตตอนเทล ทั้งไปปาหินที่ทะเลสาบเล็ก ๆ หลังคอตตอนเทล ขี่จักรยานข้ามไปอีกหมู่บ้านหนึ่งเพื่อซื้อขนมปังทอด หรือประสบการณ์ที่ต้องจูงจักรยานจากในตัวเมืองเอดมันตันมาถึงคอตตอนเทลเพราะยางจักรยานแตกทั้งสองล้อก็เถอะ จะมีก็แต่ย่านเพอรี่เวลและฝั่งคฤหาสน์ควินท์เรลนั่นแหละที่ยังไม่เคยไป เพราะหากต้องปั่นจักรยานไปถึงขนาดนั้น มีหวังขากลับได้ขาลากไม่ก็หลับกลางทางอย่างแน่นอน
นอกนั้นเขากับบลูน่ะ ผ่านมาทุกอย่างแล้วละ
เมื่อเข้าสู่ตัวเมือง แพทนั่งมองเมืองเอดมันตันที่เขารักผ่านกระจกบานใสของลีมูซีนคันหรูอย่างตั้งใจ ถึงแม้จะไม่ค่อยกล้าขยับตัวเท่าไหร่ก็เถอะแต่การเท้าแขนไว้ที่ประตูรถคงไม่ได้ทำให้รถเสียหายหรอกใช่ไหมล่ะ
เอดมันตันในตอนเช้าตรู่นั้นสวยงามพอ ๆ กับตอนกลางคืนที่จะถูกประดับด้วยแสงไฟดวงเล็ก ๆ เหมือนกับดวงดาว แต่ในตอนกลางวันทุก ๆ สิ่งก่อสร้างของเอดมันตันนั้นสวยงามเหมือนถอดแบบออกมาจากรูปวาด ในฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ทั้งเมืองก็จะถูกตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ให้ความรู้สึกสดชื่น นี่คือเสน่ห์อย่างนึงของเอดมันตันเลยละ
หลังจากผ่านพ้นตัวเมืองเอดมันตันมาสักพัก รอบข้างก็กลายเป็ูเาและลำธารที่ไม่คุ้นเคยเพราะนี่เป็เส้นทางลัดไปเพอรี่เวล เส้นทางที่เขาไม่เคยแม้แต่จะผ่านมาก่อน มากสุดก็มีแค่มานั่งสูดอากาศที่ริมลำธารเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้น ทางไปย่านที่ไม่รู้จักมันดูแปลกใหม่ไปหมดแบบนี้นี่เอง
ถ้าหากต้องยอมรับตรง ๆ เมื่อคืนแพทน่ะนอนแทบไม่หลับเลยละ ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์สลัดความกังวลทิ้งไปจนเกือบจะหมดอยู่แล้วแต่พอได้มาอยู่คนเดียวในคืนก่อนวันเดินทาง ความเครียดที่เคยสะสมทั้งหมดก็กลับะเิออกมาอีกครั้งจนเรียกน้ำตาจากคนร้องไห้ยากอย่างแพทได้ง่าย ๆ เลย
ทุกการเปลี่ยนแปลงมันก็ต้องน่ากลัวเป็เื่ธรรมดานั่นแหละ
เขาพยายามปลอบใจตัวเองซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นทั้งคืน
แต่ก็ยังดีที่มีคุณพ่อและคุณแม่เข้ามาช่วยกอดไว้ได้ทัน
“คุณมอร์แกนร้อนไหมครับ?”
“ครับ? อะไรนะครับ?”
เสียงของคุณโอลิเวอร์เรียกให้แพทหลุดจากภวังค์ทันที เขาเหลือบมองแพทผ่านกระจกมองหลังแล้วลอบยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางตื่น ๆ ของคนตัวเล็ก ก่อนจะเอ่ยอย่างสุภาพและใจเย็นอีกครั้ง
“ผมถามว่าคุณมอร์แกนร้อนไหมครับ?”
“ไม่เลยครับคุณโอลิเวอร์ แอร์เย็นมากครับ”
“ไม่เย็นไปใช่ไหมครับ?”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” แพทยิ้มตอบกลับผ่านกระจกรอจนกว่าเขาจะพยักหน้ารับอีกครั้งและหันไปทอดสายตามองป้ายข้างที่เขียนไว้ว่าอีก 2 กิโลเมตรจะถึงเพอรี่เวล นั่นก็ทำให้แพทยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตั้งกล้องรอทางเข้าย่านเพอรี่เวลที่บลูโม้นักหนาว่าสวยเหมือนกับได้เห็น์บนดิน ทั้ง ๆ ที่เ้าตัวก็ไม่เคยได้ไปเห็นกับตาตัวเองเลยสักครั้ง
และในตอนที่มาถึงทางเข้าย่านเพอรี่เวลจริง ๆ ก็ทำแพทตกตะลึงจนเกือบกดบันทึกวิดีโอไปฝากเพื่อนสนิท ซุ้มทางเข้าที่โค้งกว้างครอบถนนทั้งขาเข้าและขาออก ซุ้มที่ทำจากไม้เลื้อยและประดับด้วยดอกไม้สีสันสวยงามอย่างประณีต ข้างทางถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หายากและวิวทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอดมันตันก็ได้เริ่มต้นจากทางเข้าย่านเพอรี่เวล บ้านทุกหลังถูกล้อมด้วยรั้วเหล็กและดูมีพื้นที่มากกว่าบ้านที่หมู่บ้านเขาสามสี่หลังรวมกันซะอีก ไหนจะสวนสาธารณะที่กว้างสุดลูกหูลูกตานั่นอีก ทุกอย่างมันช่างดูแปลกตา สวยงามเหมือนอย่างที่ว่าไว้จริง ๆ
ย่านที่เป็ดั่ง์บนดินของเอดมันตัน
เมื่อตัวรถเคลื่อนผ่านจากย่านเพอรี่เวลก็ทำเอาแพทอดเสียดายที่ไม่ได้แวะเดินดูสักหน่อยตามประสาคนชอบเที่ยว แต่สุดท้ายเมื่อใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางที่แท้จริงก็ทำให้ความรู้สึกมวนท้องหน่อย ๆ เริ่มกลับมาอีกแล้ว จากข้างถนนที่มีสีเขียวของต้นหญ้า สีฟ้าจากลำธารและทะเลสาบให้ได้เห็นตลอดทั้งการเดินทาง ในตอนนี้มีเพียงถนนแคบ ๆ และูเาหินตามธรรมชาติเท่านั้น บรรยากาศในรถที่เคยเงียบอยู่แล้วก็เงียบมากกว่าปกติเพราะไม่มีเสียงตื่นเต้นหรือดีใจของแพทอีกแล้ว
ขนาดทางเข้ายังน่ากลัวขนาดนี้,
ขอพระเ้าคุ้มครองลูกด้วยเถิด เอเมน
เส้นทางเริ่มสูงชันขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้แพทเริ่มหูอื้อและต้องหลับตาลงเพื่อกันไม่ให้ตัวเองเกิดอาการเมารถ ถ้าหากเขาเกิดอาการเมารถและอาเจียนใส่ลีมูซีนคันนี้คงไม่ใช่เื่น่าประทับใจของบ้านควินท์เรลอย่างแน่นอน แพทได้แต่สูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ และพยายามไม่ให้ตัวเองเกิดความเครียด
“อาจจะเวียนหัวสักหน่อยนะครับคุณมอร์แกน แต่อีกประมาณสิบนาทีก็จะถึงคฤหาสน์แล้วละครับ”
“ครับคุณโอลิเวอร์ แพทขอหลับตาสักครู่นะครับ”
“ตามสบายเลยนะครับคุณมอร์แกน ถ้าหาก้าถุงเพื่อจะอาเจียนก็บอกผมได้เลยเพราะผมเตรียมมาให้คุณมอร์แกนแล้วครับ”
“ขอบคุณครับ”
แพทหลับตาลงเพื่อข่มอาการพะอืดพะอมที่ขึ้นเกิดอีกครั้ง มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนเริ่มซีด ทั้งความเพลียจากการหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืนและตื่นในตอนเช้ามืด ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ทำให้แพทผล็อยหลับได้อย่างง่ายดาย
- Simon’s theory -
“คุณมอร์แกนครับ”
“..”
“คุณมอร์แกนครับ ถึงแล้วครับ”
“..”
“คุณมอร์แกนครับ ขออนุญาตนะครับ”
ประโยคสุดท้ายที่แว่วเข้ามาในหูของคนที่ผล็อยหลับไม่รู้เื่มาพร้อมแรงเขย่าเบา ๆ ที่ต้นขาจนแพทสะดุ้งตื่น ดวงตากลมโตมองรอบ ๆ รถก็พบว่ารถคันหรูนั้นถูกจอดนิ่งแล้ว
“ถึงแล้วครับคุณมอร์แกน”
“ขอโทษนะครับคุณโอลิเวอร์ แพทเพลีย ๆ ไปหน่อย”
“ไม่เป็ไรครับ ใครที่มาคฤหาสน์ครั้งแรกก็ต้องไม่ชินกับทางขึ้นทั้งนั้น เดี๋ยวคุณมอร์แกนได้อยู่สักพักก็คงชินเองละครับ”
“แพทว่า แพทไม่ค่อยขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อยดีกว่าครับ”
แพทหัวเราะแห้ง ๆ ให้ไปแก้เขินก่อนจะต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูฝั่งที่เขานั่งอยู่ถูกเปิดออกจากข้างนอกและคนที่เปิดก็ไม่ใช่คุณโอลิเวอร์ด้วย
“คุณมอร์แกนลงรถได้แล้วนะครับ คุณเจมส์รออยู่ด้านในแล้วครับ” เขาพูดอย่างสุภาพพร้อมส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเดินวนจากฝั่งคนขับมายืนรอที่ประตูที่แพทจะลง
“คุณเจมส์?” แพทถามย้ำอีกครั้งด้วยความสงสัย
“เลขาของคุณหญิงลอร่าครับ”
“อ๋า.. ขอบคุณมากครับ แล้วกระเป๋าของผม”
“แม่บ้านเอาขึ้นไปไว้ที่ห้องรับรองแขกให้แล้วครับ”
แพทพยักหน้ายิ้มรับพร้อมโค้งบอกลาคุณโอลิเวอร์อีกครั้งและในขณะที่เขาละสายตาออกมาจากคุณโอลิเวอร์ เขาก็ต้องตกตะลึงกับความงดงามของรอบคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ หากบอกว่าเพอรี่เวลนั้นสวยเหมือน์ของเอดมันตัน คฤหาสน์ควินท์เรลก็คงเป็์จริง ๆ ที่ไม่ได้อยู่บนดินแล้วละมั้ง
คฤหาสน์หินทรงปราสาทสูงใหญ่ที่มีทั้งปีกซ้ายและปีกขวาอย่างเห็นได้ชัดจากข้างนอก ถูกล้อมรอบด้วยวิวูเาที่งดงามมากกว่าที่หมู่บ้านข้างล่างจะได้เห็น มีสะพานเล็ก ๆ เชื่อมไปยังฝั่งของทะเลสาบ สนามหญ้าทั้งหมดเขียวชอุ่มเป็สีเสมอเท่ากันจนสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ทุกต้นได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน เพียงแค่มองจากใบก็สามารถรับรู้ได้ถึงความอุดมสมบูรณ์แล้ว ทางเดินเข้าหน้าคฤหาสน์ปูด้วยแผ่นหินที่เรียงลายสวยเท่ากันจนไม่สามารถหาตำหนิได้เลย บันไดทางเข้าคฤหาสน์ทั้งสองฝั่งมีรูปปั้นราชสีห์ตั้งอยู่ทั้งสองข้าง ประตูบานสูงใหญ่ที่เขาเคยเห็นแค่ในหนัง ในตอนนี้ได้มาเห็นกับตาตัวเองจริง ๆ แล้ว
แค่ได้เห็นผ่าน ๆ ตายังงดงามขนาดนี้เลย,
นี่สินะ คฤหาสน์ควินท์เรล
แพทเดินตามสาวใช้สองคนอย่างเงียบ ๆ และระมัดระวังในการเดินทุกฝีก้าว ข้างในคฤหาสน์ถูกตกแต่งผสมผสานทั้งแบบปราสาทในยุคเก่าและยุคโมเดิร์นอย่างลงตัว ส่วนใหญ่จะถูกบิวท์อินโดยใช้หินแท้ตามรูปแบบของประสาททั่วไปและตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้กันในปัจจุบัน แต่ของประดับตกแต่งก็ยังเป็ของโบราณหายาก สมกับเป็ตระกูลเก่าแก่ของเอดมันตันอย่างยิ่ง
สาวใช้ทั้งสองคนผายมือเชิญให้แพทนั่งรอที่ห้องรับรองแขกของคฤหาสน์เพียงลำพังและแจ้งว่าอีกสักครู่คุณเจมส์จะตามมา แพทที่ทำได้เพียงแค่พยักหน้าเพราะเกร็งจนเริ่มไม่เป็ตัวเองก็ได้ถอนหายใจยาว ๆ ทันทีเมื่อสาวใช้ทั้งสองคนเดินจากไป
“อึดอัดจะบ้า” แพทบ่นอุบอิบกับตัวเองเบา ๆ
แพทหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหวังเล่นเพื่อฆ่าเวลาแต่ใจดวงน้อยก็ห่อเหี่ยวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตนั้นมาไม่ถึงบนนี้ เขาจึงทำได้เพียงนั่งเลื่อนดูรูปในอัลบั้มให้หายเบื่อเท่านั้น เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เสียงประตูจากทางเข้าห้องรับรองแขกก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับคุณมอร์แกน” เจมส์เอ่ยพร้อมโค้งให้แพท คนตัวเล็กที่กำลังตื่นเต้นก็รีบลุกขึ้นโค้งตอบอย่างลนลานเรียกรอยยิ้มจากเจมส์ได้อย่างง่ายดาย เจมส์ผายมือให้แพทนั่งลงที่เดิมอีกครั้งก่อนตัวเองจะนั่งลงที่โซฟาเล็กตรงข้ามพร้อมวางเอกสารทุกอย่างไว้บนโต๊ะแก้วตรงหน้า
“คุณมอร์แกนรับชาร้อนหรือน้ำเปล่าไหมครับ? หรืออยากเข้าห้องน้ำก่อนเริ่มคุยเื่สัญญาอีกครั้งไหม?”
ถ้ากินตอนนี้มีหวังเขาได้ฉี่ราดกางเกงในวันแรกที่มาคฤหาสน์แน่ ๆ
“ไม่ดีกว่าครับ”
“เพื่อไม่เป็การเสียเวลาและคุณมอร์แกนจะได้ไปพักผ่อนด้วย ผมขอเริ่มการคุยรายละเอียดสัญญาเลยนะครับ” เขาส่งยิ้มมาให้อย่างเป็มิตรจึงทำให้แพทที่กำลังเกร็งอยู่เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
“ครับ”
“ผมขออนุญาตเรียกว่าคุณแพทริเซียได้ไหมครับ?” เจมส์เอ่ยถามอย่างสุภาพ
“เรียกแค่แพทก็ได้ครับ”
“ขอบคุณมากครับ วันนี้เป็วันที่คุณแพทจะได้เซ็นสัญญาว่าจ้างและคุณแพทจะต้องส่งแผนการสอนของเดือนแรกให้ผมภายในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะเป็เวลาอีก 5 วัน คุณแพทสะดวกไหมครับ?”
“สะดวกครับ”
“และในสัญญาแล้ว คุณแพทจะได้เริ่มงานทันทีในวันอังคารหน้านะครับ มีตรงไหนไม่สะดวกหรืออยากขอเลื่อนไหมครับ?”
“อ่า ไม่มีครับ”
ดวงตากลมโตจ้องมองสัญญาฉบับที่ตัวเองเคยพิมพ์ลายนิ้วมือลงไปแล้วก็อดคิดถึงเื่ที่ผ่านมาไม่ได้ กว่าจะได้มานั่งตรงนี้น่ะตัวเขาคิดถี่ถ้วนแล้วจริง ๆ หวังว่าสิ่งที่ตั้งใจทั้งหมดจะไม่สูญเปล่าและเป็าแให้เขาไม่กล้าเริ่มต้นอะไรใหม่ในอนาคตเลยนะ
“ในสัญญาทั้งหมดมีข้อห้ามเื่การพาบุคคลนอกเข้ามา ห้ามนำเื่ในคฤหาสน์หรือบันทึกภาพ วิดีโอในคฤหาสน์ออกไปเผยแพร่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ในข้อนี้คุณแพททำได้ไหมครับ?”
“ทำได้ครับ”
“และข้อห้ามที่สำคัญที่สุดคือห้ามเผยแพร่และบันทึกภาพ วิดีโอ ข้อความเสียงหรืออะไรที่บ่งบอกถึงลักษณะ รูปร่าง เสียง และข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดของนักเรียนที่คุณแพทต้องสอน เพราะนักเรียนที่กล่าวถึงคือทายาทคนสำคัญของตระกูลควินท์เรล”
“ครับ”
“หากคุณแพททำผิดสัญญาในข้อนี้ ทางเราจะขอดำเนินคดีทางกฎหมายโดยที่ไม่มีการยอมความใดใดทั้งสิ้น รวมทั้งคุณแพทจะไม่ได้รับค่าจ้าง สัญญาทั้งหมดเป็โมฆะ ในข้อนี้หากคุณแพททำไม่ได้ สัญญาจะเป็โมฆะั้แ่ตอนนี้เลยครับ”
“แพททำได้ครับ ไม่มีความจำเป็ที่ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
“ขอบคุณมากครับ”
แพทลอบเลียริมฝีปากที่แห้งผากทันทีที่คุณเจมส์ไม่ได้จ้องมองใบหน้าเขาและถามคำถามตึงเครียดอีกต่อไป คุณเจมส์ก้มจัดการเอกสารอยู่พักใหญ่และไม่ได้พูดอะไรกับเขาต่อ แต่จากที่แพทเคยได้อ่านรายละเอียดทั้งหมดไป สัญญาที่สำคัญที่สุดก็มีเพียงแค่ที่คุณเจมส์ระบุมานั่นแหละนะ
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องรับรองใหญ่คลอกับเสียงลำธาร และเสียงร้องของนกอย่างเข้ากันได้ดี เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีแล้วที่คุณเจมส์เอาแต่อ่านเอกสารอยู่ตรงหน้าและไม่ได้พูดอะไรกับเขา ถึงแม้ในใจอยากจะชวนเขาคุยสักหน่อยแต่ถ้าหากโดนดุกลับมาแพทคงจะทำหน้าไม่ถูกแน่ ๆ
อยู่เฉย ๆ คงดีที่สุดแล้วละตัวเรา
“โอเคครับ สัญญาทั้งหมดที่สำคัญจริง ๆ และผม้าที่จะย้ำให้คุณแพททราบก็ได้บอกไปทั้งหมดแล้ว”
“ครับ”
“เดี๋ยวผมต้องไปจัดเตรียมเอกสารอีกหนึ่งชุด ขออภัยที่ต้องให้รออีกครั้งนะครับแต่ผมจะรีบมา”
“ไม่เป็ไรครับ แพทไม่ได้รีบอยู่แล้ว”
“ถ้าหากคุณแพท้าเข้าห้องน้ำและไม่มีสาวใช้อยู่แถวนี้ คุณแพทสามารถเดินตรงไปทางบันไดใหญ่แล้วตรงไปทางปีกซ้ายได้เลยนะครับ อาจจะไกลจากบันไดใหญ่หน่อยแต่ก่อนจะถึงสุดทางที่พบบันไดขึ้นปีกซ้าย จะมีห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ที่นั่นครับ”
แพทพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้คุณเจมส์ เขาเอื้อมมือหยิบเอกสารสามสี่ใบและลุกออกไปตามทางขึ้นบันไดใหญ่ที่เขาได้อธิบายก่อนหน้า ต่อให้ตอนนี้แพทจะปวดอะไรก็คงปวดไม่ลงอีกต่อไปแล้ว แค่ทางเดินไปห้องน้ำยังดูไกลขนาดนั้น มีหวังงานนี้เขาได้น้ำหนักลดเพราะเดินเป็กิโลทุกวันในคฤหาสน์หลังนี้แน่ ๆ
แค่คิดก็ปวดขาแล้วละ
ระหว่างที่แพทนั่งอ่านรายละเอียดสัญญาที่เขาแทบจะจำขึ้นใจอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดเสียงประหลาดดังขึ้นจากทางบันไดปีกซ้ายที่คุณเจมส์ได้บอกไว้
เพล้ง!!!
เสียงที่ตกกระทบพื้นของสิ่งของบางอย่างดังสนั่นสะท้อนห้องโถงจนได้ยินเสียงก้องกังวาน แต่น่าแปลกใจที่ไม่มีสาวใช้สักคนวิ่งไปดูเลยสักคน ลางสังหรณ์ประหลาดของแพทเริ่มทำงานอีกครั้ง อีกใจแพทก็อยากลุกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดว่าต้นตอของเสียงนั้นมาจากไหน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ายังไงมันก็ไม่ใช่บ้านของเรา ถ้าหากเราเดินไปแล้วเกิดมีอะไรเสียหายขึ้นมาแต่โดนโยนความผิดว่าเราเป็คนทำล่ะ
ได้เงินเดือนหลักหมื่นแต่จ่ายเงินค่าของคืนหลักล้านก็ไม่ไหวเหมือนกัน
หรือจะรอคุณเจมส์มาก่อนดีนะ เผื่อมีคนวิ่งเล่นกันแล้วชนของแตกเฉย ๆ
แต่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้คงไม่มีใครใช้เป็สนามวิ่งเล่นหรือเล่นปีนนั่นนี่จนข้าวของแตกกระจายจนเกิดเสียงดังขนาดนั้นหรือเปล่านะ หากเสียงที่เกิดเป็ต้นตอของอุบัติเหตุจริง ๆ แล้วมีคนเกิดเจ็บหนักขึ้นมาล่ะ ถ้าหากเขาหมดสติจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และไปถึงมือหมอช้า เขาจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตไหมนะ
สิ้นสุดความคิดและการอดทนรอคุณเจมส์ก็ทำให้คนตัวเล็กลุกพรวดขึ้นทันที เขาจำได้ว่าต้นเหตุของเสียงเกิดมาจากปีกซ้ายซึ่งห่างจากบันไดใหญ่ที่คุณเจมส์เดินไป แพทก้าวเดินเงียบ ๆไปตามเสียงและคอยสอดส่องว่ามีสาวใช้อยู่แถวนี้หรือไม่ หากมีจะได้พาไปด้วยกันจะได้มีพยาน หากเกิดอะไรขึ้น แต่จนแล้วจนรอดแพทก็ยังไม่พบสาวใช้เลยสักคน
ไหนว่ามีสาวใช้ร้อยคนไง มีให้มันทั่วคฤหาสน์เลยไม่ได้หรือไง
ขาเรียวยาวก้าวไปทางโถงใหญ่ของปีกซ้ายอย่างระมัดระวังและเขาก็ได้ผ่านห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดที่คุณเจมส์บอกมาแล้ว เดินจากห้องน้ำมาไม่กี่ก้าวก็เริ่มเห็นปลายบันไดปีกซ้ายที่น่าจะเป็ต้นตอของเสียงประหลาดที่เกิดขึ้น ในตอนนี้แพทเร่งฝีเท้าขึ้นเร็วทันทีเพราะกลัวว่าจะมีคนได้รับาเ็และไปช่วยไม่ทัน อีกไม่กี่ก้าวแพทก็จะไปถึงปลายบันไดแล้วแต่เพราะเสียงที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้เขาต้องชะงัก
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
เสียงหมา?
เดี๋ยวนะ เสียงหมาในคฤหาสน์ควินท์เรล?
ฝีเท้าของแพทเริ่มเปลี่ยนเป็ย่องช้า ๆ และค่อย ๆ ขยับก้าวไปใกล้ปลายบันได เศษกระเบื้องสีสวยที่แตกกระจายอยู่ตามพื้นและขั้นบันไดนั้นดูอันตรายเหลือเกิน หากใครไม่ได้ใส่รองเท้าแล้วเผลอเข้าไปเหยียบคงจะเป็แผลที่เจ็บน่าดู
แพทค่อย ๆ โผล่หน้าจากกำแพงชั้นล่างสุดเพื่อที่จะสอดส่องไปดูว่าสุดท้ายแล้วมีแค่เ้าหมาที่ส่งเสียงตัวเดียวหรือมีคนอื่นเป็ผู้ร่วมกระทำเหตุการณ์นี้ด้วย แต่เมื่อมองขึ้นไปแพทก็ต้องตาโตทันทีเพราะแผ่นหลังที่คุ้นเคยจากรูปในกระทู้ที่เขาย้อนดูนับสิบครั้ง
ในตอนนี้เ้าของแผ่นหลังกว้างนั่งหันหลังอยู่และเหมือนกับว่าเขากำลังทำอะไรบางอย่างกับเ้าซามอยด์ขนปุยตัวโตที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
“แซมมี่เจ็บไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเ้าสุนัขขนปุยอย่างแ่เบาพลางเอื้อมมือไปข้างหน้าทั้งซ้ายและขวาเพื่อตรวจสอบรอยแผลให้สุนัข ทั้ง ๆ ที่ตนนั้นมีรอยถลอกที่เห็นได้ชัดหลังต้นแขน
หรืออาจจะไม่รู้ตัว?
“ขอโทษนะแซมมี่ เราไม่ระวังเอง” สุนัขตัวโตครางหงิงตอบรับก่อนจะมุดหน้าถูที่ข้างแก้มของชายหนุ่มตรงหน้ามันด้วยความออดอ้อน
แพทที่ยืนแอบอยู่ห่าง ๆ และกำลังสับสนว่าคนตรงหน้าอาจจะไม่ใช่ทายาทบ้านควินท์เรล เพราะจากที่อ่านทุกอย่างมา ทายาทบ้านควินท์เรลควรจะดุร้าย โมโหง่าย และอารมณ์ร้อนมากกว่านี้ และไม่มีทางที่คนที่อ่อนโยนกับสัตว์ได้มากขนาดนี้จะเป็คนดุร้ายแบบนั้นได้หรอก ยังไม่ทันที่จะได้สงสัยอะไรมากกว่านี้ ไวกว่าความคิดก็ปากของแพทนี่แหละ
“เอ่อ..”
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!!” เพียงแค่เปล่งเสียงออกมา เ้าสุนัขที่เคยออดอ้อนอยู่ข้างเ้านายของมันก็เดินบังเ้าของแผ่นหลังกว้างคนนั้นและเห่าเสียงดังใส่แพททันที
“ใจเย็น ๆ นะ คือเราแค่จะมาถามว่านายโอเคไหม? เพราะเสียงมันดังไปถึงห้องรับรองแขกเลยแล้วเราก็ตกใ-”
เสียงของแพทถูกกลืนหายไปทันทีที่อีกฝ่ายหันหน้ากลับมา ใบหน้าหล่อเหลาตัดกับผมสีดำขลับและคิ้วสีเข้ม ตากลมโตฉายแววเ็าใส่เขาอย่างเห็นได้ชัด ไฝใต้ตาที่แต่งแต้มเป็จุดดาวเล็ก ๆ ที่ดวงตาข้างขวา จมูกโด่งเป็สันรับกับริมฝีปากได้รูป
นี่มันพระเ้าเหรอ?
ชั่วครู่หนึ่งที่แพทเผลอจ้องมองใบหน้าของเขาจนเ้าสุนัขขนปุยเริ่มถอนหายใจด้วยความไม่พอใจ แพทจึงเรียกสติตัวเองกลับมาและเอ่ยทักทายไปด้วยความเป็มิตร
“ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวก่อนครับ เราแพทนะ, แพทริเซีย มอร์แกน”
“..”
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
เงียบ
สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแค่แววตาเ็าและเมินเขาไปสนใจเ้าสุนัขที่อยู่ข้าง ๆ ทันที แพทนับหนึ่งถึงสิบข่มอารมณ์ร้อนในใจไว้อย่างใจเย็น หากเขาเป็หนึ่งในตระกูลควินท์เรล ตัวแพทเองที่อยู่ในฐานะผู้รับจ้างก็ไม่ควรจะมีปัญหาอะไร
เอาน้ำเย็นเข้าลูบก่อนดีกว่าเรา
“คุณชื่ออะไรเหรอครับ?”
อีกฝ่ายปรายตามองเมื่อได้ยินคำถามนั้นและกลับไปสนใจสุนัขของตนเองต่อเหมือนกับว่าเขาเป็อากาศที่อีกฝ่ายมองไม่เห็น ถึงในใจแพทอยากจะะโด่าว่าไร้มารยาทสักทีแต่สุดท้ายแล้วแพทก็ทำได้เพียงขอตัวออกมาจากตรงนั้นเงียบ ๆ
อย่างน้อยไม่มีใครเป็อะไรก็ดีแล้วละ
“งั้นขอตัวนะครับ ไว้พบกันใหม่”
และในทันทีที่แพทหมุนตัวจะเดินกลับไปยังห้องรับรองแขก เสียงนุ่มทุ้มที่เคยได้ยินในตอนแรกก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ราวกับไม่อยากให้เขาได้ยินยังไงอย่างนั้น
“..ไซม่อน”
“ครับ?”
“ไซม่อน ควินท์เรล”
“ห๊ะ..”
“ได้ยินแล้วก็รีบออกไปซะ เร็ว ๆ”
เหมือนฟ้าผ่าที่กลางอก แพททำได้เพียงแค่อ้าปากค้างและทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างไม่ได้สติ เขาเดินลากขาช้า ๆ อย่างหมดอาลัยตายอยาก หากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมามันเป็เื่จริง เขาจะต้องสอนเด็กไม่มีมารยาทแบบนั้นน่ะเหรอ
เหตุใดพระเ้าจึงเกลียดลูกได้ถึงเพียงนี้
หรือนี่เป็บททดสอบจากพระองค์ท่าน
หากจะทดสอบแบบนี้ก็ขอบอกไว้เลยว่าลูกไม่ผ่านแน่นอน
เพราะไม่มีทางที่ลูกจะไม่ด่าอัลฟ่าหน้าซามอยด์นั่นหรอก
มันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ลูกไม่ประทับใจั้แ่ครั้งแรกที่ได้พบและมันคงไม่มีความประทับใจเกิดขึ้นอีก
- Simon’s theory -