Chapter four : Simon’s bad boy
ในตอนนี้แพทริเซียเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าบรรยากาศภายในห้องรับรองแขกขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ควินท์เรลกำลังเย็นลงจนน่าขนลุกนั้นเป็เพราะอากาศเย็นในต้นฤดูใบไม้ผลิหรือเป็เพราะดวงตาคมของอัลฟ่าตรงหน้าที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตากันแน่
หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจในการเจอไซม่อน ควินท์เรลตัวเป็ ๆ ครั้งแรก หลายอาทิตย์ที่เฝ้ารอและคาดหวังทำเอาโอเมก้าตัวเล็กถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูกจนต้องกลับมานั่งเหม่อในห้องรับรองแขกสักพักใหญ่
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หายใจหายคอ เ้าของเสียงฝ่าเท้าหนัก ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าอีกครั้งพร้อมเ้าซามอยด์ขนปุยตัวโตที่เดินมาข้างกันเงียบ ๆ ถึงแม้ใจเขาจะไม่ได้อยากพบอีกครั้งก็เถอะแต่สุดท้ายยังไงอีกสิบเดือนต่อจากนี้ก็ต้องเจอกันทุกวันอยู่ดี เขาลุกขึ้นยืนก้มหัวให้เล็กน้อยพร้อมส่งรอยยิ้มอย่างเป็มิตรให้อัลฟ่าตัวสูงตรงหน้า แต่ก็เหมือนเดิม สิ่งที่ได้รับมามีเพียงความเ็าและท่าทีเมินเฉยเท่านั้น
อยากจะหยิกให้หูเขียวสักที ไอ้บ้านี่
เวลาผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงในห้องรับรองแขกขนาดใหญ่ที่เขายังคงเฝ้ารอคุณเจมส์และอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีที่จะกลับมาเลย หากในตอนแรกเขาอยู่คนเดียวคงไม่รู้สึกกระวนกระวายใจขนาดนี้แต่เป็เพราะอัลฟ่าตรงหน้านี่แหละ
“ให้ตายเถอะ..” คนตัวเล็กบ่นในลำคอเบา ๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงจ้องมองตนเองอยู่พลางลูบหัวสุนัขข้างตัวไปด้วยอย่างไม่สนใจใยดีราวกับว่าเขาเป็อากาศภายในห้องยังไงอย่างนั้น
หากปล่อยให้เป็อย่างนี้แพทคงต้องอกแตกตายแน่ ๆ แต่พอจะเริ่มบทสนทนาระหว่างเขากับคนตรงหน้ามันก็ดูหาเื่คุยได้ยากเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วแพทมักจะชวนคนอื่นคุยได้อย่างไม่อึดอัดแท้ ๆ
“มองหน้าทำไม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาขัดความคิดฟุ้งซ่านของแพทจนเ้าตัวชะงักและส่งยิ้มเก้อไปให้ แพทไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาไปมองหน้าอีกฝ่ายั้แ่เมื่อไหร่แต่มันก็คงนานพอที่ทำให้อีกฝ่ายต้องตั้งคำถามที่แฝงความไม่พอใจหน่อย ๆ มาให้แบบนั้น
“ถามว่ามองหน้าทำไม?” เขาถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
โอเมก้าช่างจ้อที่มักจะต่อล้อต่อเถียงกับทุกคนได้อย่างไม่กลัวใคร ในตอนนี้กลับปิดปากเงียบสนิทเพียงเพราะแค่เสียงนิ่ง ๆ จากอัลฟ่าหนุ่มตรงหน้า แต่การที่แพทริเซียเงียบกลับไม่ได้เงียบเพราะความน่ากลัวของอีกฝ่ายเลย เขาเงียบเพราะคำพูดที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายต่างหาก ไม่อยากจะเชื่อว่าอัลฟ่าที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็ทายาทของตระกูลเก่าแก่และแถมยังเป็ว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลจะไร้มารยาทกับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ถึงขนาดนี้
นี่คงเป็งานหินของเขาจริง ๆ แล้วละ
ใจเย็นเข้าไว้แพท เื่แค่นี้ต้องผ่านมันไปให้ได้
“แพทมองเพราะอยากทำความรู้จักเฉย ๆ ครับ เพราะไหน ๆ แพทก็ต้องสอนคุณไซม่อ-”
“ควินท์เรล”
เสียงหวานที่กำลังเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็นถูกกลืนหายลงไปในลำคอทันทีที่อีกฝ่ายพูดขัดขึ้นมา มือเล็กถูกกำเข้าหากันแน่นเพื่อข่มอารมณ์หงุดหงิดที่อยู่ในใจ
“ครับ?”
“เรียกเราว่าควินท์เรล”
“คือ-”
“ไม่ได้สนิทกัน ห้ามเรียกไซม่อน”
“อ่า.. ครับ”
ไอ้บ้าไซม่อน
ั้แ่ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แพทก็ไม่เคยจะชอบอัลฟ่าหน้าไหนนอกจากพ่อแท้ ๆ ของตัวเองอยู่แล้ว และในตอนนี้การได้มาเจออัลฟ่าอย่างคนตรงหน้ายิ่งทำให้กำแพงอคติที่มีต่ออัลฟ่าของแพทยิ่งสูงขึ้นไปอีก ความคิดเห็นในกระทู้ที่เคยบอกว่าอีกฝ่ายดุร้ายอะไรนั่นมันไม่สู้ความจริงที่เขาได้ยินกับหู ได้เห็นกับตาของตัวเองในตอนนี้เลย
ทั้งห้องรับรองแขกกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง จะมีก็เพียงแค่เสียงก่นด่าอัลฟ่าตายิ้มที่ดังอยู่ในใจแพทก็เท่านั้น ทั้งสองฝ่ายต่างเมินกันราวกับไม่เห็นกันในสายตาทั้งคู่ มีหลายครั้งที่สุนัขตัวโตอย่างแซมมี่พยายามจะเข้าไปทำความรู้จักกับโอเมก้าที่นั่งหน้าเง้าหน้างออยู่แต่ก็ถูกปรามด้วยเสียงทุ้มของเ้าของมันทุกครั้ง
จนกระทั่งเสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แพทก็ได้เงยหน้าขึ้นไปพบกับคุณเจมส์และหญิงชราที่หน้าตาคล้ายคลึงกับไซม่อนเป็อย่างมากกำลังส่งยิ้มใจดีมาให้ แพทเองก็คุ้นชินกับใบหน้าของท่านจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ตนเองนั่งศึกษาอยู่หลายอาทิตย์ก่อนจะยอมเซ็นสัญญาฝึกงาน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเอดมันตันมักจะลงเื่ราวคุณหญิงผู้อยู่เื้ัธุรกิจหลากหลายของควินท์เรล ท่านใส่ชุดเรียบหรูสีดำั้แ่หัวจรดเท้า ริมฝีปากถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด ถึงแม้จะดูอายุเยอะแล้วก็เถอะแต่ความสวยและความน่าเกรงขามก็ไม่ได้ดูลดลงเลย
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่ยิ้มอย่างเป็มิตรคนนี้
จะเป็คุณย่าแท้ ๆ ของไอ้อัลฟ่าบ้านั่น
ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
“คุณแพทริเซีย ผมขอแนะนำอย่างเป็ทางการนะครับ” คุณเจมส์พูดพร้อมผายมือไปทางคุณหญิงแห่งบ้านควินท์เรล อัลฟ่าตัวโตที่เคยนั่งอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นมาทันทีจนได้รับสายตาตำหนิจากผู้เป็ย่าของตัวเองและนั่นก็ทำให้แพทสะใจอยู่ไม่น้อย
“นี่คือคุณผู้หญิงลอร่า ควินท์เรลครับ”
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณผู้หญิง, แพทริเซีย มอร์แกนครับ”
แพทลุกขึ้นอย่างสำรวมพร้อมกับโค้งทักทายหญิงชราตรงหน้าด้วยท่าที่นอบน้อม คุณผู้หญิงแห่งคฤหาสน์ควินท์เรลพยักหน้ารับก่อนจะผายมือเชิญให้แพทนั่งลงที่โซฟาหลังใหญ่ตรงข้าม
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณมอร์แกน ฉันเรียกว่าแพทริเซียได้ใช่ไหม?”
“ได้ครับ เรียกแค่แพทก็ได้”
“เชิญนั่งตามสบายเลยจ้ะ” คุณผู้หญิงส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง
“ขอบคุณครับ”
“เดินทางมาจากคอนตอนเทลแต่เช้าเลยหรือ?”
“ครับคุณผู้หญิง” แพทพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงหลังจากที่เห็นคุณผู้หญิงนั่งลงแล้ว อย่างน้อย ๆ เขาก็ต้องได้ปฏิบัติให้อัลฟ่าตรงหน้าได้เห็นว่ามารยาทที่ดีควรทำอย่างไร และยิ่งหากหญิงชราตรงหน้าถือได้ว่าเป็ผู้ที่มีอำนาจที่สุดของควินท์เรลแล้วละก็ ในฐานะที่ได้มาเป็ครูฝึกสอนของไซม่อน แพทก็ต้องยิ่งระวังเื่มารยาทให้ดีที่สุดและต้องหาวิธีเข้าทางคุณผู้หญิงเพื่อเป็ข้อต่อรองให้กับคนอย่างไซม่อนในอนาคต
แผนการยอดเยี่ยมจริง ๆ แพทริเซีย
“ว่าแต่เจอกันแล้วใช่ไหม? กับไซม่อนน่ะ ไซม่อนทักทายคุณครูเขาหรือยัง?” คุณผู้หญิงหันไปถามไถ่หลานชายคนเดียวของตนเองด้วยเสียงนุ่มนวล
“เจอแล้วครับคุณย่า ..ทักทายแล้วครับ”
“ดีแล้วจ้ะ ทำความรู้จักกันไว้”
“ครับ”
ทักทายกับผีน่ะสิ
แพททำได้แค่คิดในใจเพียงเท่านั้น เขายิ้มพยักหน้าให้คุณผู้หญิงแห่งควินท์เรลอย่างเห็นด้วยกับอีกฝ่าย ถึงแม้ในใจจะอยากะโบอกสิ่งที่หลานชายของหล่อนทำก็เถอะ แต่แพทก็ต้องอดทนไว้ให้ถึงที่สุด
“ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะคุณแพท?”
“เรียบร้อยแล้วครั-”
“คุณย่าครับ ผมขอตัวก่อนนะ”
และนั่นก็เป็อีกครั้งที่แพทถูกขัดจังหวะการพูดจากคน ๆ เดิม คนที่ทำลายบรรยากาศความตื่นเต้นในการก้าวเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่วันแรกจนหมดสิ้น แพทพรูลมหายใจยาวก่อนจะปั้นยิ้มส่งให้
หายใจเข้าช้า ๆ หายใจออกช้า ๆ..
ใจเย็น ๆ ไว้แพท ได้โปรดใจเย็นกับไอ้บ้านี่ก่อน
“จะไปไหนล่ะไซม่อน?”
“มีเรียนการบริหารครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
“เจอกันมื้อเย็นจ้ะ”
อีกฝ่ายหันมามองหน้าเขาผ่าน ๆ ไร้ซึ่งคำบอกลาแบบที่ทำกับคุณย่าของตน คุณผู้หญิงส่งยิ้มให้หลานชายตัวโตก่อนจะถูกไซม่อนโถมเข้ากอดและหอมแก้มทั้งสองข้างจนเกิดเสียงดังฟอดและวิ่งออกไปพร้อมเ้าแซมมี่อย่างอารมณ์ดี ถึงแม้จะถูกคุณผู้หญิงติตามหลังไปบ้าง แต่ภาพที่ได้เห็นเมื่อครู่ก็ทำให้แพทริเซียนิ่งไปชั่วครู่
คุณผู้หญิงมองตามหลังหลานชายไปจนลับตาก่อนจะหันกลับมาถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับส่งยิ้มที่มีนัยแฝงจนเขาพอจะรับรู้ได้
เพราะอย่างนี้ก็เลยจ้างเขามาสอนสินะ
“อย่างที่เห็นนั่นแหละคุณแพทริเซีย”
คุณผู้หญิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถึงแม้จะแอบตำหนิหลานชายไปบ้างแต่ตัวเขาเองก็พอจะดูออกว่าไซม่อนนี่แหละ หลานชายคนโปรดของคุณผู้หญิงเลยละ
“ครับคุณผู้หญิง”
“คุณแพทไม่เคยสอนใครมาก่อนเลยใช่ไหม?”
“ปกติแล้วก็รับงานอบรมทั่วไปเพราะผมมีใบรับรองผ่านการอบรมมาตลอดที่เรียนเลยแต่ถ้าหากรับงานจริงจังแบบรับเงินเดือน ..ที่นี่ก็เป็ที่แรกครับ”
“อายุ 21 ปีแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
“นี่แหละ อีกหนึ่งเหตุผลที่อยากให้มาสอนไซม่อน”
“ครับ?”
“คุณแพทคงสงสัยน่ะสิ ว่าทำไมต้องเป็คุณแพทที่มาสอนไซม่อน”
“ก็แอบสงสัยนิดหน่อยครับ”
ไม่หน่อยเลยละ เขาน่ะสงสัยมากั้แ่ครั้งแรกเลยด้วยว่างานใหญ่ระดับงานแต่งตั้งผู้สืบทอดตระกูลของควินท์เรลแท้ ๆ แทนที่จะหาคนที่เชี่ยวชาญในการสอนด้านนี้มาหรือคนที่ไม่ใช่นักศึกษาฝึกงานอย่างเขามาเป็คนรับหน้าที่นี้ ทำไมถึงต้องเป็เขา
“ดูจากสีหน้าของคุณแพทก็ไม่นิดหน่อยแล้วนะ” คุณผู้หญิงยิ้มแซวพร้อมหัวเราะเบา ๆทำเอาคนที่เก็บสีหน้าไม่อยู่ถึงกับต้องเกาท้ายทอยแก้เขินไปหนึ่งที
“ครับคุณผู้หญิง” แพทริเซียหัวเราะแห้ง ๆ ตอบกลับไป
“คุณแพทกับไซม่อนน่ะอายุเท่ากันเลยรู้มั้ย?”
“..”
“จริง ๆ ไซม่อนน่ะเขาก็มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่หนึ่งคน แต่ถ้าเป็รายนั้นมาสอนก็กลัวว่าจะพากันไปพายเรือที่ทะเลสาบอย่างเดียว”
“..”
“ฉันเลยให้เจมส์ตามหาคนที่อายุใกล้เคียงกันกับไซม่อนและเจมส์ก็ไปบังเอิญเจอกับอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณแพท พอฉันได้เห็นรูปและเรซูเม่ของเธอครั้งแรก ฉันก็เลือกคุณแพทแบบไม่ลังเลเลยละ”
“ขอบคุณครับ”
“เพราะฉันคิดว่าถ้าหากคนที่มาสอนเื่ละเอียดอ่อนแบบนี้เป็คนที่อายุเท่ากันก็คงดีมากเพราะไซม่อนเขาค่อนข้างเข้าถึงยากถ้าเป็เื่ที่นอกเหนือตำรา โดยเฉพาะการประพฤติตัว.. อย่างที่เห็นนั่นแหละจ้ะ”
“ครับคุณผู้หญิง”
เห็นชัดเลยด้วยแหละ เห็นเต็มสองตาเลย
“แต่จริง ๆ แล้วไซม่อนเขาเป็เด็กน่ารักมากเลยนะ เพียงแค่เขาเจอเื่ไม่ดีมาและแสดงออกมาไม่เก่งเท่านั้นเอง”
และหลังจากที่นั่งฟังเื่ราวจากปากคุณผู้หญิงของบ้านควินท์เรล แพทก็ได้คำตอบว่าสิ่งที่เขาคิดทั้งหมดนั้นไม่ผิดเลย ไซม่อนเป็หลานคนเดียวและคนโปรดของคุณลอร่าจริง ๆ เพราะการที่เป็หลานชายคนแรกและเป็อัลฟ่าที่ถูกต้องตามประเพณีบ้านควินท์เรลทุกอย่างจึงทำให้เขาได้รับการทะนุถนอมเป็อย่างดีั้แ่ลืมตาขึ้นมาดูโลก
นอกเหนือจากนั้นยิ่งในตอนที่คุณโรสซีลีน คุณแม่ของไซม่อนนั้นเสียชีวิตในงานครบรอบหนึ่งศตวรรษของสี่ตระกูลแห่งเอดมันตัน ไซม่อนมีอายุเพียงแค่หนึ่งขวบเศษเท่านั้น ดังนั้นทายาทแห่งตระกูลควินท์เรลจึงได้รับการดูแลเป็พิเศษ เขามีพี่เลี้ยงและแม่บ้านส่วนตัว มีหมอประจำตัวที่ไม่ใช่หมอประจำตระกูลเช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ
เพราะได้รับการดูแลเป็พิเศษนั่นแหละมั้ง
จึงทำให้รู้จักแค่การเป็ผู้รับอย่างเดียวและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเลย
แต่จะมัวเอาแต่โทษหรือว่าเขาก็ไม่ได้แล้วละ
เพราะหลังจากนี้เขาจะต้องเปลี่ยนไซม่อน ควินท์เรลเป็คนละคนให้ได้
“ยังไงฉันก็ขอฝากไซม่อนด้วยนะคุณแพทริเซีย”
“ครับคุณผู้หญิง”
หากเปลี่ยนไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเขาว่าแพทริเซีย มอร์แกนอีกเลย
- Simon’s theory -
หลังจากใช้เวลากับการทำความรู้จักคุณลอร่าและฟังเื่ราวของไซม่อนอยู่พักใหญ่ ในที่สุดแพทก็ได้เข้ามาถึงห้องนอนส่วนตัวที่ทางคฤหาสน์จัดให้เสียที
ห้องนอนของแพทตั้งอยู่ชั้นสองฝั่งปีกขวาของคฤหาสน์ ขนาดของห้องใหญ่มากกว่าห้องนอนที่บ้านเขาหลายเท่า เตียงขนาดคิงไซส์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องพร้อมผ้าปูสีเรียบสบายตานั้นทำเอาคนที่เพลียจากการเดินทางั้แ่เช้าแทบอย่างจะล้มตัวลงไปนอนทันทีที่ได้เห็น ห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีสิ่งของอำนวยความสะดวกครบจนเขาแทบไม่ต้องขออะไรเพิ่มเติม ถึงแม้แม่บ้านที่มาส่งถึงห้องจะบอกแบบนั้นมาก็เถอะ รวมถึงห้องน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ที่มีอ่างอาบน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำครบครัน จนแพทเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่เป็คฤหาสน์หรือโรงแรมกันแน่
และสิ่งที่ทำให้แพทรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นก็คือระเบียงขนาดกว้างที่มองเห็นวิวูเาและทะเลสาบสีสวยของเอดมันตันได้จนสุดสายตา ลมเย็นที่พัดเข้ามากระทบใบหน้าสวยทำโอเมก้าตัวเล็กถึงกับต้องหลับตาพริ้มและสูดอากาศบริสุทธิ์นั้นเข้าไปจนเต็มปอด
อยู่ ๆ ก็นึกอิจฉาคนที่ได้เห็นภาพงดงามแบบนี้ทุกวันเสียจริง
ประตูระเบียงถูกเปิดออกกว้างโดยฝีมือเ้าของห้องชั่วคราวทันที แพทลากกระเป๋าใบโตมากลางห้องก่อนจะค่อย ๆ หยิบสัมภาระของเขาออกมาตั้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ของห้อง หากนับ ๆ ดูแล้ว วันนี้น่าจะเป็วันพักผ่อนวันเดียวของเขาที่ไม่ต้องทำแผนการสอนให้คุณเจมส์และเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาของวันนี้ให้คุ้มที่สุดในการสำรวจพื้นที่ในคฤหาสน์ควินท์เรลให้ได้มากที่สุด
หากจะต้องอยู่อย่างนี้ไปอีกสิบเดือน
อย่างน้อย ๆ ก็ต้องหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนละนะ
แพทใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงในการจัดของและเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่ หลังจากชำระร่างกายเสร็จ พลังงานที่เหลืออยู่น้อยนิดก็เริ่มทำให้เปลือกตาสีสวยก็เริ่มหนัก ความอ่อนเพลียที่สะสมจากการนอนน้อยและเดินทางมาเป็เวลานานทำให้ขาเรียวพาตัวเองมาหยุดที่ข้างเตียงขนาดใหญก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่ลังเล และลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทำคนที่ซุกตัวในผ้าห่มผืนใหญ่ผล็อยหลับไปด้วยความเพลียทันที
- Simon’s theory -
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
เสียงเห่าของสุนัขที่ก้องกังวานอยู่บริเวณโถงนอกห้องนอนทำเอาคนที่หลับใหลอยู่ต้องขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เ้าของผมสีอ่อนเอื้อมมือหยิบหมอนใบโตอีกใบมาปิดหูหวังให้กลบเสียงดังนั้นได้
“โฮ่ง!!”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้จมสู่ห้วงนิทราอีกรอบ เสียงเห่าของสุนัขก็ดังเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นจนทำให้แพทต้องลุกขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
เดี๋ยวนะ
เสียงหมาเห่า?
และสุนัขตัวเดียวที่อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้น่าจะมีแค่สุนัขของไซม่อนเท่านั้น แต่ทำไมสุนัขของไซม่อนถึงมาเห่าหน้าห้องเขาได้ล่ะ คนตัวเล็กนั่งคิดอยู่กับตัวเองจนไม่ทันได้สังเกตว่าตัวเองนั้นกำลังอยู่ในห้องที่มีเพียงแต่ความมืด
ชั่วครู่นึงที่แพทนั่งคิดและตัดสินใจว่าจะออกไปดูข้างนอกให้แน่ใจดีหรือไม่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันทีที่เห็นว่าจากท้องฟ้าสีสดใสข้างนอกได้เปลี่ยนเป็สีมืดสนิทซะแล้ว มีเพียงแสงจากดวงจันทร์และโคมไฟเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่รอบตัวคฤหาสน์ที่สาดส่องเข้ามาเท่านั้น ยิ่งแพทหันไปมองนาฬิกาก็ยิ่งทำให้เขาใเขาไปใหญ่
“2 ทุ่ม?! ให้ตายเถอะแพท”
ทันทีที่รู้ว่าเลยเวลาอาหารเย็นไปแล้วก็ทำเอาแพทลมแทบจับเพราะคุณลอร่าเป็คนเอ่ยปากชวนให้เขาไปร่วมมื้อเย็นในวันแรกของการเข้ามาในคฤหาสน์ควินท์เรลและแพทก็พลาดจนได้ ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะงีบแค่ไม่นานด้วยซ้ำ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็บรรยากาศดีซะขนาดนี้
ไว้ไปขอโทษคุณลอร่าต่อหน้าคงจะดีที่สุด
โอเมก้าตัวเล็กเด้งตัวขึ้นจากเตียงใหญ่ทันที เขาเดินไปเปิดไฟจนห้องกว้างสว่างขึ้น ถึงแม้เขารู้ตัวว่าจะไม่ทันมื้อเย็นแล้วแต่อย่างน้อยวันนี้เขาก็ต้องมีอะไรตกถึงท้องสักหน่อยเพราะตัวเขาคงไม่สามารถผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ทั้ง ๆ ที่ท้องยังว่างอยู่หรอกนะ
“โฮ่ง!!”
เสียงเห่าของสุนัขดังขึ้นจนครั้งนี้แพทเริ่มหงุดหงิดใจ คนตัวเล็กคว้าคาร์ดิแกนตัวยาวที่แขวนไว้มาสวมก่อนจะค่อย ๆ ทำใจแง้มประตูออกไปสอดส่องข้างนอกเงียบ ๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววของสุนัขตัวโต
แพทค่อย ๆ เดินย่องตามโถงกว้างอย่างเงียบเชียบ ถึงแม้แม่บ้านจะบอกว่าปีกขวาของคฤหาสน์มีแค่ห้องของเขาเพียงห้องเดียวก็เถอะแต่ยังไงความรู้สึกผิดของการไปกินมื้อเย็นไม่ทันก็ต้องทำให้เขาต้องย่องแบบนี้ไปก่อน
ท่ามกลางความเงียบของคฤหาสน์ทำให้แพทได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นตึกตักราวกับจะหลุดออกมา ในขณะที่อีกไม่กี่ก้าวจะถึงบันไดแล้วแต่เสียงทุ้มที่เอ่ยทักเขาจากมุมมืดก็ทำเขาสะดุ้งจนขาไร้เรี่ยวแรงจนนั่งพับอยู่ที่พื้น
“คุณมอร์แกน”
“พระเ้าช่วยลูกด้วย!”
ไอ้บ้าไซม่อนอีกแล้ว!
“ให้ตายเถอะ คุณไซม่-
เอ่อ คุณควินท์เรล.. ครั้งหน้าช่วยมาแบบให้สุ้มให้เสียงหน่อยได้ไหม? มาแบบนี้ใครเขาจะไม่ใกัน”
“ใครกันแน่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง” อีกฝ่ายบ่นในลำคอก่อนจะนั่งปลดสายจูงของสุนัขตัวโตต้นเหตุของเสียงที่ทำให้เขาตื่นออก เขาเอื้อมมือลูบขนให้แซมมี่อยู่สักพักพร้อมกับมองหน้าเขาไปด้วย
หากจะถามว่ามองหน้ากันทำไมก็จะคิดว่าหาเื่อีก
ลงไปหาอะไรกินเงียบ ๆ ดีกว่าแพท
“คุณควินท์เรลเรียกเราทำไมเหรอครับ?”
“..”
“เอ่อ ถ้าไม่มีอะไร เราขอตัวนะ”
โอเมก้าตัวเล็กลุกขึ้นก่อนจะก้าวถอยหลังช้า ๆ ให้ออกห่างจากอีกฝ่าย ไซม่อนเอาแต่ส่งสายตาขี้สงสัยมาให้โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา และแพทก็คิดว่าการชิ่งหนีตอนนี้นี่แหละดีที่สุด ต้องรีบหนีก่อนที่ท้องของเขานั้น
โครกกก
อยากจะบ้าตาย อยากจะมุดดินหนีซะตอนนี้เลย
เสียงท้องร้องที่ดังขึ้นทำไซม่อนกับสุนัขตัวโตอย่างแซมมี่มองหน้าเขาพร้อมกันทันที ริมฝีปากเล็กเม้มแน่น ใบหน้าของแพทเริ่มร้อนขึ้นไปถึงใบหูอย่างรู้สึกได้ เขามั่นใจว่าในตอนนี้หน้าและหูของเขาจะต้องแดงมากแน่ ๆ นี่มันเป็เื่น่าอายที่สุดในวัย 21 ปีของเขาเลยละ
“คือ..”
“หิว?”
“ไม่ขนาดนั้นครับ”
“ท้องร้องดังกว่าเสียงฟ้าผ่าอีก”
เขาสบถคำว่าไอ้บ้าไซม่อนในใจเป็ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน
และนี่เป็อีกครั้งที่เขาต้องสบถมันออกมา
ไอ้บ้าไซม่อน!!
แพทรู้สึกได้ถึงความเห่อร้อนของใบหน้าและเืที่สูบฉีดจนทำให้หัวใจเต้นรัว อาการแบบนี้เขาเคยอ่านแค่ในบทละครและได้เห็นในหนังที่เขาชอบดู หากแต่ครั้งที่เป็อยู่กลับไม่ได้เป็การเขินอายอย่างที่เขาเคยคาดหวังว่าในครั้งนึงเขาจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้ แต่นี่มันคือการอายที่เรียกได้ว่าอับอายที่สุด
ท้องร้องต่อหน้าคนที่ไม่ชอบก็แย่พออยู่แล้ว
แต่นี่ท้องร้องต่อหน้าคนที่ไม่ชอบและยังถูกย้ำด้วยคำพูดแบบนั้นอีก
ทั้งโกรธทั้งอายจนตัวสั่นไปหมดแล้ว พระเ้าโปรดช่วยลูกด้วย
แพทยืนนิ่งตั้งสติอยู่ครู่นึงปล่อยให้คนที่พูดจาแบบนั้นกับเขาและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น เพียงชั่วครู่ที่เขาพยายามสงบสติอารมณ์ทำใจให้ไม่ไปหยิกหูอัลฟ่าตรงหน้าเพื่อสั่งสอนสักทีอย่างที่ควรจะเป็ แพทพรูลมหายใจยาวก่อนจะส่งยิ้มที่เรียกได้ว่าเป็ยิ้มธุรกิจไปให้อย่างฝืนทน
“งั้นเราขอตัวไปหาอะไรทานก่อนนะครับ”
ทันทีที่พูดจบแพทก็หมุนตัวออกจากตรงนั้นทันทีแบบไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมา เพราะความโกรธในใจยังมีอยู่มาก แพทรู้สึกว่าหัวของเขากำลังเดือดปุด ๆ อย่างไม่เคยเป็มาก่อน แต่ความหิวที่มีอยู่ก็เหนี่ยวรั้งไว้ก่อน ขาเรียวก้าวเดินลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต ปากเล็กบ่นขมุบขมิบถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่อย่างหงุดหงิดใจ
“คุณมอร์แกน” แต่เสียงเรียกจากอีกฝ่ายก็ทำให้สองเท้าของเขาหยุดชะงักอัตโนมัติ
จะเรียกไว้พูดอะไรบ้า ๆ อีกแหละไอ้หมอนี่
แพทหลับตาข่มอารมณ์พร้อมนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจก่อนจะหันกลับไปปั้นยิ้มส่งให้คนที่เรียกเขาไว้จนตาปิด
“ครับคุณควินท์เรล?” เขาขานรับอีกฝ่ายด้วยเสียงหวาน
นี่สินะ นักศึกษาเอกการแสดง
หากการเรียนการแสดงตลอดทั้งสี่ปีของเขานั้นได้เกรดเอทุกตัว การแสดงในตอนนี้ของเขาก็คงเป็เกรดเอบวกที่เขาอยากให้ตัวเองเป็ของขวัญซะเหลือเกิน การข่มอารมณ์และปั้นหน้ายิ้มมาตลอดทั้งวันนั้นมันดูแสดงได้เป็ธรรมชาติมากกว่าการสอบละครเวทีที่ผ่านมาเป็ไหน ๆ
“ครัวปิดแล้ว”
“ครับ?”
“ครัวปิดหนึ่งทุ่ม”
อยู่ ๆ กลิ่นหอมซุปฟักทองของแม่ก็ลอยเข้ามาในจมูก กลิ่นหอมของขนมปังที่อบสดใหม่ทุกวัน กลิ่นอาหารฝีมือแม่ที่มักจะตลบอบอวลในครัว อยู่ ๆ ก็ส่งกลิ่นมาให้เขานึกอยากกลับบ้านทันที
คิดถึงตอนที่จะลงไปหาอะไรกินในครัวเมื่อไหร่ก็ได้จัง
“อ๋อ.. ขอบคุณครับ”
ใจดวงน้อยห่อเหี่ยวซะจนทำอะไรไม่ถูก โอเมก้าตัวเล็กทำแค่เพียงก้มหัวให้ไซม่อนเล็กน้อยเป็การบอกลาทันทีที่อีกฝ่ายจะเดินไปทางปีกซ้ายของคฤหาสน์และปล่อยให้เขายืนอยู่ตรงนั้นลำพัง
อย่างน้อย ๆ คนใจจืดใจดำอย่างไซม่อนก็เตือนเขาก่อนที่จะลากสังขารไปถึงครัวละนะ
คืนนี้กลับไปกินขนมรองท้องก่อนก็ได้เนอะแพท
- Simon’s theory -