ห้องทดลอง
ดวงตาเรียวสวยรูปทรงอัลมอนด์จ้องไม่กระพริบไปยังหนูตัวสีขาวสองตัวตรงหน้าที่ถูกจับมาอยู่รวมกันภายในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนัก พวกมันกำลังสุขสมกับการผสมพันธุ์มาเป็ระยะเวลาหลายชั่วโมงก่อนที่เธอกับพี่ชายจะมาถึงยังห้องทดลองแห่งนี้เสียอีก
“หลังจากที่เราได้ตัวยาล่าสุดก็เริ่มทำการทดลองั้แ่เมื่อคืน่สามทุ่มเลยครับ คุณเซบ…คุณเฟรย่า”
นักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางเดินออกมาจากห้องทดลองพร้อมกระดาษเอสี่สองแผ่นในมือยื่นให้กับสองพี่น้องตระกูลแบรดลีย์ เขาส่งผลการทดลอง และค่าเฉลี่ยระยะเวลาการผสมพันธุ์ที่ยาวนานมากกว่าปกติ จากตัวยาที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อนำไปใช้ในธุรกิจของสาวสวยหุ่นอวบอัดเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่ในห้องนี้
“อืม ไม่มีผลข้างเคียง หรืออันตรายหลังจากได้รับยานั่นเข้าไปใช่ไหม? ต่างจากตัวยาของฉันมากรึเปล่า”
เสียงทุ้มเข้มดังออกมาจากชายหนุ่มคิ้วถาก นิ้วมือข้างที่มีรอยสักประจำกลุ่มไล่ไปตามตัวอักษรบนหน้ากระดาษเพื่ออ่านมันให้ละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
“ไม่มีครับ ไม่มีสารตกค้างด้วย แต่ตัวยาจะเข้มข้นกว่าตามที่ระบุมาว่าใช้กับผู้ชายเป็หลัก ทางเราเลยต้องเพิ่มปริมาณของสารบางอย่างเข้าไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และออกฤทธิ์ยาวนาน”
“งั้นก็โอเค ตอนนี้เริ่มผลิตตัวยาจริงรึยัง? หรือมีให้ฉันเอาไปทดลองใช้ก่อนไหม”
เฟรย่าพับหน้ากระดาษที่ถืออยู่ในมือเข้าหากันแล้วเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อสบสายตากับนักวิทยาศาสตร์หนุ่มที่เป็ผู้รับผิดชอบโปรเจกต์ในครั้งนี้
“ตัวยาจริงเริ่มผลิตแล้วครับคุณเฟรย่า คาดว่าจะได้ครบตามจำนวนที่แจ้งเข้ามา ประมาณอีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์…ส่วนอันนี้ผมแบ่งไว้ให้สำหรับทดลอง”
หัวเรือหลักที่ทำงานให้กับตระกูลแบรดลีย์ส่งขวดแก้วที่มีเม็ดเจลสีฟ้าบรรจุอยู่ในนั้นให้กับมือของสาวสวย เฟรย่ารับมันมาพลางหมุนดูรอบ ๆ จากด้านนอกก่อนจะผุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ออกฤทธิ์ประมาณกี่ชั่วโมงนะ”
เซบแย่งขวดแก้วในมือน้องสาวของตัวเองไปดูบ้าง ทำให้สาวมั่นอย่างเฟรย่าถึงกับจิ๊ปากออกมาที่อยู่ดี ๆ เธอก็ถูกผู้เป็พี่ทำตัวไร้มารยาทใส่ แต่สาวสวยก็ไม่สนใจหันมานั่งไขว่ห้างกอดอกรอฟังคำตอบจากผู้คิดค้นตัวยาแทน เพราะพี่ชายหล่อร้ายของเธอได้ถามคำถามที่เธอกำลังอยากรู้อยู่พอดี
“อืมม ค่าเฉลี่ยที่ทดลองมาประมาณสิบชั่วโมงครับ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงร่างกายของผู้ที่ได้รับตัวยาเข้าไปด้วย ถ้าแข็งแรงมากก็อาจจะนานกว่านั้น บวกลบสองถึงสามชั่วโมง”
นักวิทยาศาสตร์หนุ่มพูดออกมาด้วยความมั่นใจในข้อมูลที่ตนเองได้ทำการทดลองเองกับมือ มาเป็ระยะเวลาร่วมสามเดือน เขามองสองพี่น้องตรงหน้าพยักหน้าขึ้นลงราวกับกำลังคิดวิเคราะห์อะไรบางอย่างอยู่ในหัว ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะเลื่อนเข้ามากุมกันเมื่อเห็นว่าสาวสวยทำท่าเหมือนจะเอ่ยถามอะไรออกมาอีก
“โอเค ไปเถอะ ยังไงถ้าได้ตัวยาจริงแล้วก็แจ้งมา ฉันจะส่งคนมารับมัน”
เฟรย่าเอ่ยบอกผู้ทำการทดลองเมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอไม่น่าจะมีคำถามอะไรเพิ่มเติมแล้ว
“ครับผม ได้เลยครับ”
นักทดลองหนุ่มเ้าของโปรเจกต์รับคำแล้วก้มหัวให้สองพี่น้องตระกูลแบรดลีย์อีกครั้งก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินออกไปจากห้อง
“ธุรกิจที่ว่า…พร้อมแล้วเหรอ”
เซบ แบรดลีย์หมุนตัวเล็กน้อยเพื่อหันมาคุยกับน้องสาวของตนเอง เขานั่งกอดอกมองผู้หญิงสวยตรงหน้าที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกัน
“ใช่ เหลือแค่เปิดทำการเลยค่ะพี่ชาย หนุ่ม ๆ ก็พร้อมแล้วด้วย ยาก็มีแล้ว”
เสียงหวานติดเผด็จการเล็ก ๆ เอ่ยออกมา เธอยื่นมือของตัวเองออกไปคว้าเอาขวดแก้วที่ถูกแย่งไปมาไว้กับตัว
“ระวังตัวด้วยละกัน เห็นว่าที่ดินที่ไปซื้อมาตรงนั้นเป็ของนักการเมืองหนิ อีกอย่างธุรกิจหอนายโลมอะไรนั่นก็ต้องคลุกคลีกับผู้ชาย ยังไงเราก็เป็ผู้หญิง…”
“นี่พี่จะเป็พ่อรึไง พอเลย ๆ รู้แล้วน่าว่าเป็ห่วง แต่น้องสาวคนนี้ดูแลตัวเองได้สบายมากค่ะ อ้อ! ว่าแต่พี่เถอะสรุปจะไปอยู่อิตาลีเหรอ?”
เฟรย่ารีบขัดพี่ชายหล่อร้ายของตัวเองทันที เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าตั้งท่าจะทำตัวเป็พ่ออีกแล้ว เธอหันเหความสนใจแล้วเปลี่ยนไปคุยเื่ของเขาแทน ซึ่งเซบก็ทำได้แค่ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วก็ได้แต่ยอมน้องสาวอย่างไม่มีทางเลือก
“อืม ยังไงก็มีธุรกิจที่นั่นอยู่แล้ว จะอยู่นานแค่ไหนค่อยคิดอีกที”
เขาตอบเสียงเอือมเพราะทุกครั้งที่พูดเื่นี้ในหัวก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่โดนฮอปกินส์ถล่มโกดังขึ้นมา แม้มันจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอดหัวเสียไม่ได้อยู่ดี…
“ลืม ๆ ไปเถอะน่า ประเทศไทยก็ไม่ได้น่าอยู่ขนาดนั้นสักหน่อย ร้อนก็ร้อน อยู่อิตาลีดีละอากาศดี หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นกับน้องสาวซะเลยสิ”
สาวหุ่นดีจ้องหน้าพี่ชายพลางยักคิ้วส่งไปให้พร้อมประโยคทีเล่นทีจริงของเธอ
“ไว้คิดดูอีกทีละกัน ไม่แน่”
เสียงทุ้มเข้มตอบกลับมาพลางยักไหล่หนาแล้วหรี่ตาลงเหมือนคนกำลังชั่งใจอะไรอยู่ในหัว มาเฟียร่างสูงยันตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วคว้าให้น้องสาวลุกขึ้นมากับเขาด้วย
“พี่จะไปแล้วเหรอ”
“อืม เดี๋ยวบินกลับเลยมีงานต้องกลับไปเคลียร์ที่นั่นต่อ ส่วนเราก็ดูแลตัวเองดะ..”
“ค่าาาา รู้แล้วค่า ไว้ว่าง ๆ จะบินไปหานะค้า เดินทางปลอดภัย จุ๊บ!”
เฟรย่าเป็ฝ่ายขัดขึ้นอีกตามเคย เธอจับไหล่ของผู้เป็พี่แล้วเขย่งปลายเท้าเพื่อจูบแก้มสากแทนการร่ำลาก่อนจะหมุนตัวเดินโยกย้ายส่ายสะโพกออกไปจากห้องด้วยท่าทางชวนมอง
“กูควรเป็ห่วงน้องกู หรือเป็ห่วงคนที่ทำงานกับน้องกูก่อนดี”
มาเฟียหนุ่มส่ายหัวแล้วสอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลันสาวเท้าเดินตามหลังเฟรย่าออกไปติด ๆ
