“เฮ้ย ไอ้ภัทร เย็นนี้เลิกเรียนแล้วไปเล่นเกมที่ร้านคอมฯ เปิดใหม่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนกันไหมวะ?”
“ทำไมต้องรอถึงเลิกเรียนล่ะ คาบต่อไปอังกฤษใช่ไหม โดดเลยเถอะ มันน่าเบื่อจะตายไป”
“แน่ใจเหรอวะ?”
“หรือว่าอยากเรียนล่ะ?”
ธนภัทร พงษ์เนตรรัตน หรือที่เพื่อนเรียกกันสั้นๆ ว่า ภัทร เลิกคิ้วถามเพื่อนสนิทชื่อ เต้ พลางยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน เพราะเขาจำได้ดีว่าเต้เองก็ไม่ถูกกับวิชานี้ไม่ต่างกัน
“เออ ไปก็ไป เดี๋ยวกูไปชวนคนอื่นด้วย”
“เฮ้ย ไม่ต้องไปชวนไอ้สี่ตัวนั้นหรอก เดี๋ยวถ้ามันอยากเรียนขึ้นมา จะมาห้ามเราอีก เสียเวลาว่ะ ไปกันสองคนเนี่ยแหละง่ายสุด”
“แน่ใจเหรอ?”
“เออ! จะคิดเยอะทำไม ไปเถอะ!” ว่าแล้วก็โผเข้าคล้องคอเพื่อนรักอย่างเคยชิน พาเดินลัดเลาะไปยังรั้วด้านหลังของโรงเรียนที่ค่อนข้างลับตาคน เส้นทางที่ใครๆ ในกลุ่มก็รู้ว่า ธนภัทร เชี่ยวชาญที่สุดเวลาจะ “แว่บ” ออกนอกโรงเรียน
กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ตรงประตูร้านดังขึ้นเบาๆ ทันทีที่ประตูถูกผลักเปิด
หญิงสาวเ้าของร้านคอมฯ คาเฟ่วัยยี่สิบสี่ปีที่เพิ่งเปิดร้านวันแรกถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ลูกค้ารายแรกมาแล้ว!
“สวัสดีค่ะ ณชิตาคาเฟ่ยินดีต้อนรับนะคะ”
แต่รอยยิ้มนั้นก็ชะงักไปทันทีเมื่อเห็นว่า... ลูกค้ารายแรกเป็เด็กนักเรียนที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศ บ่ายโมงครึ่งแบบนี้... ไม่ต้องเดาให้มากความว่าโดดเรียนมาแน่ๆ
ภัทร เดินดุ่มๆ มาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนสั่งเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ “ชั้นสองเป็ร้านเกมใช่ไหมครับ? เอาแบบห้าชั่วโมงครึ่งเครื่อง แล้วก็... ไอติมสตรอว์เบอร์รีสองลูก ไม่เอาท็อปปิ้ง กับน้ำเฮลบลูบอยผสมน้ำเปล่าหนึ่งแก้วครับ”
“ของผมสามชั่วโมงครับพี่สาว หมดแล้วค่อยต่อเวลาใหม่นะ แล้วก็ขอชานมเย็นแก้วนึงครับ!” เต้ พูดเสริมทันทีด้วยท่าทางเป็มิตรและร่าเริงเต็มที่
แต่คำตอบที่ทั้งสองได้รับกลับมาคือ...
“ขอโทษด้วยนะคะน้องๆ ตอนนี้ยังอยู่ในเวลาเรียน พี่คงให้ใช้บริการร้านไม่ได้ เอาไว้หลังเลิกเรียนสักสี่โมงเย็น ค่อยมากันอีกทีนะคะ”
“หา!? ป้า! ก็โรงเรียนปล่อยแล้ว ทำไมต้องรอด้วย?” ภัทรขึ้นเสียงทันทีอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกไม่พอใจที่ถูกปฏิเสธง่ายๆ ซะงั้น ทั้งที่ตั้งใจจะไม่ใช้คำว่า “ป้า” ด้วยซ้ำ เพราะเ้าของร้านก็ดูอายุประมาณยี่สิบกลางๆ ห่างจากพวกเขาไม่กี่ปีเท่านั้นเอง แต่พอเจอท่าทางแบบนี้... เด็กแสบอย่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะแหย่ให้เ้าของร้านหัวเสียเล่น
แต่ดูเหมือนว่า... ไม่ได้ผล
หญิงสาวยังคงยิ้มอย่างใจเย็น “น้องบอกว่าโรงเรียนปล่อยแล้ว แต่พี่ยังไม่เห็นนักเรียนคนอื่นเดินออกมาสักคนเลย ตอนนี้เป็เวลาเรียนจริงๆ ถ้าใครมาเห็นเข้า แล้วแจ้งโรงเรียน หรือแจ้งความ พี่เดือดร้อนแน่นอน กลับไปเรียนก่อนนะ แล้วค่อยมาหลังเลิกเรียน”
เธอพยายามรักษาน้ำเสียงให้สุภาพที่สุด แม้ในใจจะแอบตลกเบาๆ ที่โดนเรียกว่าป้าเร็วขนาดนี้...
ยิ่งเห็นว่าเ้าของร้านไม่ยอมโมโห แถมยังตอบด้วยรอยยิ้ม ภัทร ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดหนักกว่าเดิม
เอาสิ... ถ้าเล่นดีๆ ไม่ได้ ก็ต้องเล่นแบบไม่แคร์แล้ว!
ภัทรเดินตัวปลิวออกมานอกร้าน เต้เห็นเพื่อนเดินหัวเสียก็รีบตามแทบไม่ทัน
“เฮ้ย มานั่งตรงหน้าร้านแบบนี้เลยเหรอวะ?” เต้ถามขึ้นทันที เมื่อเห็นเพื่อนทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิหน้าประตูร้านเหมือนไม่สนใจโลก
“เออ ไม่ให้เข้าใช่ไหม กูกับมึงก็นั่งรออยู่ตรงนี้เลย สี่โมงปุ๊บก็เข้าไปทันที!”
“เดี๋ยวสิวะ ถ้าครูฝ่ายปกครองผ่านมาเจอจะทำไง นี่มันอยู่แค่เยื้องๆ โรงเรียนเองนะเว้ย!”
“มาเลยดิ! ทำอย่างกับว่ากูไม่เคยเข้าห้องปกครอง!”
“กูไม่เท่าไหร่ เคยเข้าครั้งเดียว โดนแค่ครูบ่น... แต่มึงน่ะ โดนทำทัณฑ์บนไปแล้ว เพราะไปมีเื่กับรุ่นพี่มอหกเมื่อเดือนก่อน ถ้ามีอีกครั้งนี่โดนไล่ออกจริงนะเว้ย!”
“ไล่ก็ไล่ไปดิ กูก็ไม่ได้อยากเรียนอยู่แล้ว”
“พูดบ้าอะไรของมึงวะ แล้วพ่อมึงล่ะ ไม่กลัวโดนด่าหรือไง?”
คำถามนั้นทำเอาเต้เงียบไปครู่หนึ่ง เพราะในหัวดันย้อนกลับไปถึงวันที่ พ่อของภัทร ถูกเรียกมาพบที่ห้องปกครอง วันนั้นเขากับเพื่อนอีกสี่คนรอฟังข่าวหน้าห้องอยู่ด้วย
พอประตูห้องเปิดออก มือของผู้เป็พ่อก็ฟาดลงบนหน้าของเพื่อนรักเสียงดังจนทุกคนเงียบกริบ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดุด่าที่ฟังแล้วแทบสะอึกแทน...
ภาพวันนั้นยังติดตาเต้จนวันนี้
“กลัวทำไมล่ะ?” ภัทร พูดเรียบๆ ทั้งที่แววตาดูเหงาแปลกๆ “ต่อให้กูตั้งใจเรียน ไม่โดดเรียน ไม่มีเื่กับใคร ยังไงก็โดนด่า โดนตีเหมือนเดิมอยู่ดี”
น้ำเสียงนั้นฟังดูนิ่ง... แต่กลับแฝงความเจ็บไว้ลึกๆ จนเต้รู้สึกจุกในอกแทน
เพื่อนรักคนนี้... อาจไม่ได้้าแค่ความสนุกจากการโดดเรียนหรอก แต่บางที... เขาแค่อยากหนีจากโลกที่ไม่มีใครเข้าใจ แค่นั้นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้