เยว่เฟิงเกอพูดถูก ปานสีแดงที่หน้าอกของนางมีแต่องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้เท่านั้นที่จะมีได้
และม่อหลิงหานเองก็ได้เห็นปานนั้นอย่างชัดเจนแล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแต่งเติมเข้าไปในภายหลังได้อย่างแน่นอน
อีกทั้ง ก่อนที่เยว่เฟิงเกอจะแต่งเข้ามา ม่อหลิงหานได้สืบเื่ราวของนางจนทะลุปรุโปร่งแล้ว
ทว่า มีเพียงเื่เดียวที่สืบไม่ได้ นั่นก็คือนางเป็วรยุทธ์
เหตุที่เขาเริ่มระแคะระคายในตัวนางก็เป็เพราะเมื่อวานนี้ที่นางลงมือกับเขา
ทว่า แล้วปานแดงนั่นเล่า จะอธิบายอย่างไร หากนางไม่ใช่องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้ แต่เป็ผู้อื่นที่ปลอมตัวมา เหตุใดถึงได้มีปานเช่นเดียวกับที่องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้มีได้เล่า
ในตอนที่ม่อหลิงหานกำลังคิดอย่างใจลอยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเยว่เฟิงเกอดังลอยมา “หากว่าท่านอ๋องไม่มีเื่ใดแล้ว หม่อมฉันขอตัวก่อน เพราะยังมีเื่อีกมากให้ต้องจัดการ”
เยว่เฟิงเกอพูดจบก็หมุนกายเตรียมจะจากไป
นางไม่อยากอยู่กับเ้าก้อนน้ำแข็งนี่ต่อไปแล้ว ยามอยู่ต่อหน้านาง ชายคนนี้เอาแต่วางท่า ทำหน้าไม่สบอารมณ์ราวกับว่านางไปติดหนี้ทองคำเขาแปดล้านตำลึงอย่างไรอย่างนั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้” ม่อหลิงหานพูดพร้อมพุ่งตัวมาทางเยว่เฟิงเกอ
เขายื่นมือออกมาข้างหนึ่งในลักษณะที่คล้ายจะยื่นไปบีบคอเยว่เฟิงเกอ
ทว่า เยว่เฟิงเกอผละถอยหลังไปสองสามก้าวได้ทัน ทำให้สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของม่อหลิงหานไปได้
อย่างไรก็ตาม ม่อหลิงหานไม่ลดละ เขายื่นมือไปทางเยว่เฟิงเกออีกครั้ง ท่าทางยามนี้เหมือนกำลังบอกว่า หากไม่ได้บีบนางให้ตายคามือ เขาจะไม่ยอมหยุด
เยว่เฟิงเกอสีหน้าดำคล้ำขณะยังคงพยายามหลบเลี่ยงต่อไปเรื่อยๆ เพียงแต่ในใจกลับกำลังก่นด่าการโจมตีที่คล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุดของม่อหลิงหาน
บุรุษก้อนน้ำแข็งน่าตายนี่ เขา้าจะทำอันใดกันแน่?
เมื่อก่อนตอนที่เ้าของร่างเดิมยังไม่ตาย เขาก็หาได้สนใจไยดีอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
ทว่า ในตอนนี้พอเป็นางที่มาใช้ร่างกายนี้ เขากลับมีท่าทีเหมือนอยากจะบีบนางให้ตายอย่างไรอย่างนั้น
นี่นางไปสังหารบิดามารดาเขามาหรือไร หรือว่านางไปขโมยของสำคัญอะไรของเขามา ถึงได้ต้องทำกันถึงเพียงนี้
เดี๋ยวนะ ขโมยของสำคัญ!
ชั่วขณะนั้น จู่ๆ ในสมองของเยว่เฟิงเกอก็มีอะไรบางอย่างแวบขึ้นมา
หรือว่า ม่อหลิงหานจะรู้เื่ที่เมื่อวานนางไปขโมยกางเกงในเขา?
คิดถึงตรงนี้ เยว่เฟิงเกอถึงได้เข้าใจ
มิน่าเล่าวันนี้ม่อหลิงหานถึงได้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก รอนางรับอาหารเช้าพร้อมกัน ทั้งยังเรียกนางมาที่นี่ ถามว่านางเป็ใคร
ดูท่าที่ทำเป็ถามนั่นนี่ที่จริงคงเป็เพราะเื่นี้กระมัง
เยว่เฟิงเกอยึดมั่นในความเชื่อตน ยามนี้เชื่อว่าม่อหลิงหานคิดเช่นนี้
และเพราะเหตุนี้ทางหนึ่งนางจึงยังคงหลบการโจมตีของม่อหลิงหาน อีกทางหนึ่งยิ้มกล่าวขึ้น “ท่านอ๋อง สำหรับเื่เมื่อคืนนี้ หวังว่าท่านเป็ผู้ใหญ่จะไม่ถือสาเอาความผู้น้อย ปล่อยหม่อมฉันไปสักครั้งเถิด”
“อย่างไรเสีย หม่อมฉันก็หาได้ทำอันใดพระองค์ เพียงแค่นำกางเกงในท่านไปแขวนไว้เหนือหลังคาให้ลมพัดพลิ้วก็เท่านั้น”
“อีกอย่าง เมื่อคืนก็ดึกดื่นค่ำมืดเพียงนั้น เื่ที่กางเกงในท่านถูกแขวนไว้เหนือหลังคาย่อมต้องไม่มีผู้ใดรู้เห็นเป็แน่ ท่านก็อย่าได้ติดใจเอาความเื่นี้ต่อไปเลย”
อันที่จริงเยว่เฟิงเกอไม่พูดเื่นี้ขึ้นมาเสียยังจะดีกว่า เพราะพอพูดขึ้นมา สีหน้าม่อหลิงหานถึงได้ประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาว
สตรีน่าตายนี่ หากนางไม่พูดไม่จาก็ไม่มีใครหาว่านางเป็ใบ้
ม่อหลิงหานหงุดหงิดยิ่ง ยามลงมือกับเยว่เฟิงเกอจึงรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ถานอี้ที่แอบอยู่ในมุมมืดเพื่อเฝ้ารอฟังบัญชาของท่านอ๋องอยู่ทุกเวลา ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ มุมปากเขาจึงอดกระตุกขึ้นลงไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้ท่านอ๋องถึงได้ทำกับพระชายาเช่นนี้
ั้แ่ที่พระชายาแต่งเข้ามาในจวนนี้ ท่านอ๋องไม่เคยมองพระชายาให้เต็มตาเลยสักครั้ง
แต่วันนี้ท่านอ๋องไม่เพียงเรียกพระชายามาพบที่นี่ ซ้ำร้ายยังถึงขั้นลงไม้ลงมือโจมตีนางอีก
เดิมถานอี้คิดว่าท่านอ๋องคิดจะทดสอบวรยุทธ์ของพระชายาเท่านั้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะ้าแก้แค้นเื่เมื่อคืนมากกว่า
ม่อหลิงหานรู้สึกอึดอัดคับข้องในอก เขาถลึงตาใส่ถานอี้ในมุมมืดไปทีหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นถานอี้ถึงได้รีบปิดหูปิดตาแล้วหายตัวไปในทันที
เขาไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
ยามนี้ท่านอ๋องและพระชายาสองสามีภรรยากำลังทะเลาะกัน เขาไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าสีหน้าม่อหลิงหานไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม กระนั้นนางก็รู้ตัวดีว่าตนสู้อีกฝ่ายไม่ได้ จึงทำเพียงออกกระบวนท่าหลอกล่อแล้วหมุนกายวิ่งหนี
เพียงแต่นางยังวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ก็รับรู้ได้ว่าเอวตนคล้ายจะถูกอะไรบางอย่างเหนี่ยวรั้งไว้
นางก้มลงมองและเห็นว่ามีแส้สีเงินพันรอบเอวนางไว้อยู่
เยว่เฟิงเกอยังไม่ทันดึงสติกลับมาได้ก็ถูกแรงกระชากลอยขึ้นเหนืออากาศ ก่อนที่ร่างกายจะพุ่งปะทะเข้ากับกำแพงมนุษย์
“ขโมยกางเกงในของเปิ่นหวาง? เ้าคิดจะใช้คำพูดแค่ไม่กี่ประโยคมาสั่งให้เปิ่นหวางยอมความหรือ” ม่อหลิงหานพูดพลางใช้มืออีกข้างกุมลำคอของเยว่เฟิงเกอไว้
บนร่างเขาปรากฏกระไอเย็นออกมา ทำเอาเยว่เฟิงเกออดตัวสั่นไม่ได้
เยว่เฟิงเกอรู้สึกหายใจลำบาก นางจับมือของม่อหลิงหานไว้ด้วยคิดจะดึงออกไป
“ท่านอ๋อง ท่านอย่าเอะอะก็เอาแต่บีบคอข้าจะได้หรือไม่ ตัวข้านี้อ่อนแอนัก หากวันใดท่านเกิดพลั้งมือทำข้าตายขึ้นมาจริงๆ ท่านก็จะกลายเป็ฆาตกรที่สังหารองค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้เชียวนะ หากทำให้เกิดาระหว่างแคว้นขึ้นมา ถึงตอนนั้นคนที่ต้องมาพลอยรับเคราะห์ไปกับเื่นี้ด้วยย่อมต้องเป็ราษฎรของทั้งสองแคว้น”
เยว่เฟิงเกอพูดไปเรื่อย แท้ที่จริงแล้วนางไม่ได้สนใจราษฎรสองแคว้นอะไรนั่นหรอก ตอนนี้นางแค่อยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ม่อหลิงหานแค่นเสียงเ็าทีหนึ่ง จากนั้นถึงได้ยอมปล่อยมือที่บีบคอนางอยู่แล้วผลักนางออกไป
เยว่เฟิงเกอพูดถูก หากเขาทำนางตาย คงได้เกิดาระหว่างแคว้นขึ้นแน่
แม้เขาจะไม่ได้กลัวการทำากับแคว้นเสวี่ยอวี้ แต่เขาต้องคำนึงถึงราษฎรก่อนเป็อันดับแรก
เหตุที่ม่อหลิงหานได้เป็จั้นอ๋องที่มีชื่อเสียงแห่งเป่ยชวน เป็ที่รักใคร่และเคารพนับถือของชาวประชาก็เพราะเขามีใจปกป้องราษฎรให้ไม่ต้องทนทุกข์กับภัยา
และเพราะม่อหลิงหาน ไม่ว่าจะเป็าใดก็ล้วนกำชัยมาได้ทั้งสิ้น จึงทำให้แคว้นเป่ยชวนเป็หนึ่งในสี่แคว้นที่ไม่น่าหาเื่ด้วยมากที่สุด
คำพูดเมื่อครู่ของเยว่เฟิงเกอทำให้ม่อหลิงหานเป็ต้องเก็บความมุทะลุที่หวังจะบีบคอนางให้ตายกลับมา เขากลับไปมีท่าทีเ็าเช่นเดิม
ยามที่เยว่เฟิงเกอลอบถอนใจโล่งอก ในใจนางก็คิดว่าตนจะเป็เช่นนี้ต่อไปไม่ได้
นางต้องรีบพัฒนาระดับวรยุทธ์ของตนให้สูงขึ้นไปอีกขั้น เช่นนี้จะได้ไม่ต้องไร้หนทางรับมือยามที่ถูกม่อหลิงหานโจมตีอีก
ในฐานะผู้สืบทอดลำดับที่สามของตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณ เยว่เฟิงเกอกลับไม่ชอบเรียนการต่อสู้มาตลอด แต่นางชื่นชอบกิจกรรมประเภทอื่นมากกว่า เช่น วิชาปลอมแปลง วิชาแพทย์ การพนัน และภาษาต่างประเทศที่หลากหลาย
หากไม่ใช่เพราะวันวันพี่ชายทั้งสองของนางเอาแต่จับตาดูนางร่ำเรียนการต่อสู้ เกรงว่านางคงปล่อยตัวปล่อยใจเป็อิสระหนีไปเที่ยวรอบโลกนานแล้ว
น่าเสียดาย นางที่เชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศหลายภาษากลับไม่สามารถนำมาใช้ที่นี่ได้
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าม่อหลิงหานไม่มีทีท่าว่าจะโจมตีนางอีก ก็รีบถอยหลังหมุนกายแล้ววิ่งหนีไปทันที
นางวิ่งหนีอย่างเร็วด้วยกลัวว่าม่อหลิงหานจะตวัดแส้มารวบตัวนางกลับไปอีก
ม่อหลิงหานเห็นเยว่เฟิงเกอวิ่งหนีเอาตัวรอด ในดวงตาปรากฏแววนึกสนุก
เมื่อครู่เขาเพียงทดสอบระดับวรยุทธ์ของเยว่เฟิงเกอ หากให้สู้กับชาวยุทธ์ทั่วไปที่ฝีมือไม่ร้ายกาจมาก นางอาจยังพอรับมือได้ แต่หากต้องรับมือกับคนที่วรยุทธ์ค่อนข้างสูงส่งและล้ำลึกเช่นเขา เกรงว่าคงมีแต่ต้องถูกจับเท่านั้น
ดูท่าวรยุทธ์นางก็ไม่เท่าไร ถึงแม้จะค่อนข้างว่องไว แต่ดูอย่างไรก็เป็แค่วรยุทธ์แมวสามขา ไม่น่ากลัวอะไร
คิดถึงตรงนี้ ม่อหลิงหานก็หมุนกายไปจากศาลาพักร้อนเพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนอิ่งเซวียน
สิ่งที่ม่อหลิงหานไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้วเยว่เฟิงเกอถูกพี่ชายทั้งสองควบคุมการฝึกฝนอย่างเข้มงวดจึงทำให้ระดับวรยุทธ์ของนางร้ายกาจไม่เบา
เหตุที่นางไม่ได้แสดงออกมาต่อหน้าม่อหลิงหานเป็เพราะไม่้าให้เขาล่วงรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้