“วูบ!” เสียงประหลาดพลันดังขึ้น นาทีต่อมาผู้คนเห็นเงาดาบปรากฏที่ด้านหลังพลเหล็กกล้า ทั้งยังปลดปล่อยพลังดาบอันไร้จุดสิ้นสุด มิหนำซ้ำยังเปล่งแสงเป็ประกายราวกับมาจากยุคโบราณก็ไม่ปาน
“ิญญาาแห่งดาบขั้นเขียว แข็งแกร่งมาก!” ผู้คนต่างใพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เย่เฟิงบีบให้พลเหล็กกล้าต้องปลดปล่อยิญญาา ดูท่าพลเหล็กกล้าจะโมโหขึ้นมาจริง ๆ แล้ว คิดว่าเย่เฟิงคงจบไม่สวยเป็แน่!” ผู้คนดูออกว่าพลเหล็กกล้าพิโรธแล้ว เขาเป็ถึงสี่มหาพลแห่งอาณาจักรเว่ย สังหารศัตรูในสนามรบมานับไม่ถ้วน บัดนี้กลับถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่คนหนึ่งบีบมาถึงจุดนี้ แล้วจะไม่ทำให้พลเหล็กกล้าพิโรธได้อย่างไร?
“ตายซะเถอะ!” ไอสังหารปะทุออกจากร่างพลเหล็กกล้า ก่อนจะผลักดันิญญาาแห่งดาบบุกโจมตีเย่เฟิง พร้อมกับสายลมโหมกระหน่ำทั่วเวทีประลอง
เงาดาบมหึมานั้นคล้ายครอบคลุมท้องฟ้า หากฟันร่างเย่เฟิง เย่เฟิงอาจกลายเป็ผุยผงและสลายไปทันที
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อถอยหลัง ในขณะเดียวกันเงาเทพัปรากฏตัวด้านหลังเขาก่อนจะบินอยู่รอบกาย
“โฮก!” เทพัแผดเสียงคำราม ห้วงอากาศราวกับแข็งตัว
“นี่มัน...” ผู้คนเห็นเงาเทพันั่นต่างก็ใ พวกเขาััได้ถึงกลิ่นอายบนตัวเงาเทพัที่ไร้เทียมทาน
“ขั้นคราม ิญญาาเทพัที่เย่เฟิงปลุกอยู่ขั้นคราม แข็งแกร่งมาก พร์ของเย่เฟิงคนนี้คงใช้คำว่าฝืนลิขิตไม่ได้แล้ว” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงคนหนึ่งััได้ถึงกลิ่นอายของิญญาาเทพั จึงอุทานออกมาด้วยความใพร้อมตัวสั่นสะท้าน
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ต่างก็ใเช่นกัน พวกเขาส่วนใหญ่เคยได้ยินข่าวลือเื่เย่เฟิงมาบ้างแล้ว แต่เท่าที่ได้ยินมา ิญญาาของเย่เฟิงเป็เทพัจริง ๆ แต่กลับอยู่ขั้นเขียว บัดนี้กลิ่นอายจากตัวเทพับนฟากฟ้านั่นเหนือกว่าขั้นเขียวไปมาก กระทั่งแกร่งกว่าิญญาาขั้นครามโดยทั่วไป นี่มันช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“ที่แท้เย่เฟิงปกปิดพลังของิญญาาตนมาตลอด ซึ่งิญญาาขั้นครามในอาณาจักรจ้าวมีไม่เกินห้าคน แม้แต่ทั่วทั้งแดงชิงอวิ๋น ผู้ปลุกิญญาาขั้นครามได้ก็ถือว่าเป็อัจฉริยะชั้นยอดแล้ว!”
“ใช่แล้ว หากผู้ใดปลุกิญญาาขั้นครามก็จะได้รับการยกเว้นการทดสอบ แต่จะเข้าสำนักชิงอวิ๋นได้ทันที และเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษในฐานะศิษย์สายใน!” ผู้คนกระซิบกระซาบ จนถึงตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ว่าเย่เฟิงคืออัจฉริยะขั้นยอดผู้ปลุกิญญาาขั้นคราม แม้แต่จ้าวซินอี๋และฉินเยียนหรานที่รู้จักเย่เฟิงก็ยังใ พวกนางคิดมาตลอดว่าเย่เฟิงมีิญญาาเทพัขั้นเขียว แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกนางจะประเมินเย่เฟิงต่ำไป
“โฮก!” เทพัแผดเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องพร้อมกับพลังน่าเกรงขามปะทุออกจากร่างอันใหญ่ั์ จากนั้นกรงเล็บเข้าตะครุบิญญาาแห่งดาบของพลเหล็กกล้าก่อนจะถูกฉีกกระชากเป็ชิ้นเล็ก ๆ แล้วสลายหายไป
พลเหล็กกล้าดูตื่นตระหนก เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ิญญาาแห่งดาบที่เขาภูมิใจมาตลอดกลับถูกบดขยี้ เช่นนั้นิญญาาเทพัขั้นครามของเย่เฟิงแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่? แต่ทุกอย่างนี้พลเหล็กกล้าไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด ิญญาาถูกทำลาย ฉะนั้นเขาจึงได้รับผลกระทบอย่างมาก บริเวณมุมปากก็ยังมีเืไหลออกมา
ขณะเดียวกันพลเหล็กกล้าถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เขาพยายามหลบการโจมตีของิญญาาเทพั แต่เมื่อเขาจะถอยหลัง พลันรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาทั้งสองข้าง จึงอดล้มลงกับพื้นไม่ได้ เข่าทั้งสองข้างถูกรังสีหอกของเย่เฟิงแทงทะลุ เืสาดกระเซ็น ความเ็ปทำให้เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง พลเหล็กกล้าไม่สนใจความเ็ปใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เพราะเงาเทพักำลังพุ่งมาเขมือบเขา แต่ขาของเขาใช้การไม่ได้จนไร้ซึ่งทางหนี
“ไม่นะ!” หลังจากส่งเสียงร้องอย่างไม่เต็มใจ ร่างพลเหล็กกล้าถูกเงาเทพัเขมือบกินจนกระทั่งไม่เห็นเงาร่างของตัวเขา
“นี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใจเต้นโครมคราม สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว กระทั่งมีหลายคนตั้งตัวไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็จบลงแล้ว ร่างพลเหล็กกล้าถูกิญญาาเทพัเขมือบกินจนหายวับไปกับตา
“ิญญาาขั้นครามทรงพลังตามคาด พลเหล็กกล้าที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 ดูเปราะบางไปเลย เขาถูกเขมือบกินจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” ผู้คนยังคงใไม่หาย กระทั่งมีบางคนไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างนี้เป็ความจริง จึงขยี้ตาตัวเองไปมาไม่หยุด พวกเขาเพิ่งรู้ว่าิญญาาสามารถเขมือบร่างผู้ฝึกยุทธ์ได้ด้วย
เย่เฟิงเก็บิญญาาเทพักลับไป โดยมีพลังบริสุทธิ์จากร่างิญญาาเทพัแทรกซึมเข้าสู่ร่างและไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลังบริสุทธิ์นี้แข็งแกร่งมาก ทำให้ตบะของเย่เฟิงยกระดับเป็จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 8 ในพริบตา หากเย่เฟิงหลอมพลังที่เหลือทั้งหมด แม้จะทะลวงขั้นรวมชี่ที่ 9 ไม่ได้ แต่ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
“ิญญาาเทพัมีพลังกลืนกิน พลังสายนั้นต้องมาจากพลเหล็กกล้าเป็แน่ เมื่อพลเหล็กกล้าถูกกลืนกิน ร่างกายจึงถูกแปรเปลี่ยนเป็พลังงาน หลอมละลายผ่านร่างิญญาาเทพัแล้วเข้าสู่ร่างข้า ตบะของข้าเลยถูกยกระดับขึ้น” เย่เฟิงตาเป็ประกาย เขารู้ทันทีว่าแหล่งที่มาของพลังงานนั้นมาจากไหน
“ผู้าุโจากสำนักชิงอวิ๋นเลวมาก กระทั่งใช้คนของเจ็ดอาณาจักรมาจัดการข้า บัดนี้ข้าเย่เฟิงยืนอยู่บนเวทีประลองแล้ว พวกเ้าทั้งเจ็ดอาณาจักร หากใครอายุต่ำกว่า 25 ปีก็เชิญขึ้นมาท้าข้าได้เลย ข้าเย่เฟิงรับรองว่าจะทำให้คนผู้นั้นมิมีชีวิตรอดกลับไปเด็ดขาด!”
แสงสีเืปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง แม้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์จากเจ็ดอาณาจักรแห่งแดนชิงอวิ๋น เขาก็ยังคงไร้ซึ่งความเกรงกลัวใด ๆ
“เย่เฟิงคนนี้โอหังนัก เขาคนเดียวท้าผู้ฝึกยุทธ์จากเจ็ดอาณาจักรที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี จำต้องมีความกล้าแค่ไหนกันนะถึงจะพูดเช่นนี้ออกมาได้?” ผู้คนต่างใจเต้นระรัว พวกเขาพบเจอคนโอหังมาไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครโอหังเท่าเย่เฟิงผู้นี้ กระทั่งไม่เห็นเจ็ดอาณาจักรแห่งแดนชิงอวิ๋นอยู่ในสายตา
ขณะนั้นที่อัฒจันทร์หลัก ผู้บัญชาการเว่ยเห็นศิษย์ตนจัดการเย่เฟิงไม่ได้ สีหน้าของเขาพลันอึมครึมขึ้นมาทันที ส่วนสีหน้าของผู้าุโเฉียนก็เปลี่ยนไป พร้อมกับกล่าวว่า “พลเหล็กกล้าพ่ายแพ้ ไม่ทราบว่ามีใครจะออกมาอีกหรือไม่?”
ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งเจ็ดอาณาจักรได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขาต่างมองหน้ากัน แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นเวทีประลอง เย่เฟิงฆ่าได้แม้กระทั่งพลเหล็กกล้า หากพวกเขาขึ้นไป ก็เท่ากับส่งตัวเองไปตาย
“พวกสวะ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่คนเดียวก็จัดการไม่ได้ เห็นทีข้าคงต้องออกโรงเองแล้ว!”
ผู้าุโเฉียนเห็นไม่มีใครกล้าออกมาก็เผยสีหน้าอึมครึม เย่เฟิงมีพร์ล้ำเลิศ หากปล่อยให้โตไปมากกว่านี้อาจกลายเป็ความหายนะได้ ดังนั้นผู้าุโเฉียนจึงตัดสินใจว่าจะกำจัดเย่เฟิงให้จงได้ แม้ต้องเสียหน้าเสียชื่อเสียง แต่จำเป็ต้องทำ เพื่อกันไม่ให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
เมื่อสิ้นเสียง ผู้าุโเฉียนก็หายตัวไปจากที่นั่ง ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเย่เฟิงในนาทีต่อมา พร้อมกับปลดปล่อยฝ่ามือั์บดบังฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง ด้วยการโจมตีนี้เพียงพอที่จะบดขยี้ร่างเย่เฟิงให้แหลกเป็ผุยผงได้อย่างง่ายดาย
“เย่เฟิงจบเห่แล้ว ผู้าุโเฉียนลงมือเอง มีหรือเขาจะรอดไปได้?” ผู้คนเห็นผู้าุโเฉียนสำแดงการโจมตีที่น่ากลัวเพื่อฆ่าเย่เฟิงต่างก็ใ เผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้เช่นนี้ ต่อให้เย่เฟิงมีพร์แกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางต้านทานได้
“เย่เฟิง!” จ้าวซินอี๋และฉินเยียนหรานต่างหน้าถอดสี พวกนางไม่คิดว่าผู้าุโเฉียนจะลงมือฆ่าเย่เฟิงด้วยตัวเองโดยไม่คำนึงถึงฐานะของตน ฉินเจิ้นถิงเองก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี จากนั้นเขาทะยานร่างไปยังเวทีประลองด้วยความเร็วสูง พยายามจะช่วยเย่เฟิง แต่ดูเหมือนจะสายเกินไป ผู้าุโเฉียนลงมือเร็วมาก อีกเพียงนิดเดียวฝ่ามือั์นั่นก็จะบดขยี้ศีรษะเย่เฟิงแล้ว
“จะตายแล้วงั้นหรือ?” เย่เฟิงพึมพำ เขาเกลียดตัวเองที่มีตบะต่ำต้อย หากเขามีตบะขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คงโต้กลับผู้าุโเฉียนไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาอ่อนแอเกินไป ต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ เขาก็เป็แค่มดแมลงตัวหนึ่ง แม้จะต่อต้านก็ยังทำไม่ได้
“ตาเฒ่า เหตุใดเวลานี้ท่านยังเงียบอยู่ได้ หากข้าตายที่นี่ ท่านก็ต้องสลายหายไปเช่นกัน!”
เมื่อถึง่วิกฤต เย่เฟิงใช้พลังจิตสื่อสารกับาามารชื่อเทียนที่ซ่อนอยู่ในส่วนปลายหอกของหอกมาร คราวก่อนเย่เฟิงใช้หอกมารสู้รบกับผู้ฝึกยุทธ์สามตระกูลด้วยตัวคนเดียว ตอนนั้นาามารชื่อเทียนต้องสูญเสียพลังไปมากเพื่อที่จะช่วยเย่เฟิงในการข่มพลังของหอกมาร ดังนั้นใน่ที่ผ่านมาเขาจึงฟื้นฟูพลังิญญาในหอกมารมาตลอด
“จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ หากให้ข้าฟื้นฟูพลังอีกสักส่วน คงบดขยี้เขาให้ตายได้ง่าย ๆ” พลันเสียงาามารชื่อเทียนดังขึ้นในหัว
“ตาเฒ่า อย่าเพิ่งโม้เลย ตอนนี้ข้าอยากจัดการคนคนนี้ ช่วยข้าคิดวิธีจัดการเร็วเข้า” เย่เฟิงกล่าวด้วยความร้อนใจ แน่นอนว่าเขาไม่อยากตายที่นี่
“ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก เพราะมีคนมาช่วยเ้าแล้ว!” าามารชื่อเทียนกล่าว ก่อนจะหายไป
“ตาเฒ่านี่นะ เจอวิกฤตขนาดนี้ก็ยังซ่อนตัวอยู่ได้!” เย่เฟิงก่นด่าาามารชื่อเทียนในใจ
อย่างไรก็ตามเป็ไปตามที่าามารชื่อเทียนกล่าวไว้เช่นนั้น ทันทีที่สิ้นบทสนทนาของทั้งสองคน เย่เฟิงก็เห็นเงาร่างชายชราปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเขา พร้อมกับม่านแสงคุ้มกันจากชายชราแผ่ปกคลุมร่างเย่เฟิง
“ตูม!” เสียงะเิดังสนั่น ผู้คนจำนวนไม่น้อยหลับตาลง เพราะทนดูเย่เฟิงถูกฝ่ามือของผู้าุโเฉียนบดขยี้ไม่ได้ แต่มีเพียงผู้าุโเฉียนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ามือของเขาไม่ได้โจมตีอย่างที่ผู้คนคิดเช่นนั้น แต่ฝ่ามือกลับถูกม่านแสงคุ้มกันหยุดยั้งไว้
ภายในม่านแสงคุ้มกัน ชายชรายืนมองผู้าุโเฉียนด้วยท่าทีเฉยชา “ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ ข้าไม่คิดเลยว่าเ้าจะลงมือจัดการผู้ที่อยู่ขั้นรวมชี่แค่คนหนึ่งอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เ้าไม่ละอายใจบ้างหรือ?”
น้ำเสียงของชายชรานิ่งเรียบ แต่กลับแฝงด้วยความเกรงขาม รัศมีจากร่างชายชรายังเปล่งประกายยิ่งกว่าผู้าุโเฉียนหลายเท่า ซึ่งชายชราผู้นี้ก็คือคนผู้นั้นจากเจดีย์เชื่อมฟ้าชั้นที่ 9 ท่านปู่ของหลิงเอ๋อร์ คงจะไม่มีใครคาดคิดว่าคนผู้นี้จะลงมือช่วยเย่เฟิงในยามวิกฤต
“เ้าเป็ใคร? เหตุใดถึงมาขวางทางข้า?”
ผู้าุโเฉียนได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ไม่ได้บันดาลโทสะในทันที
“ขวางทางงั้นหรือ?”
ชายชราได้ยินคำพูดของผู้าุโเฉียนก็เหยียดยิ้ม ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เย่เฟิงคือศิษย์ข้า แล้วเ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาเยี่ยงนี้กับข้า? เ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์นั้นหรือ?”
