เซวียเสี่ยวหรั่นสีหน้าเปลี่ยนตาม
เหลียนเซวียนไม่เคยเสียกิริยา สิ่งที่ทำให้คนสุขุมเยือกเย็นตลอดเวลาเช่นเขาหน้าถอดสีได้ต้องไม่ใช่เื่เล็กเป็แน่
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งเข้าไปโดยไม่ลังเล
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้สูง จดจ้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
เหลียนเซวียนหยิบลูกดอกซัวเปียวจากช่องลับที่แขนเสื้อออกมา สายตาจ้องไปยังด้านหน้าฝั่งซ้ายเขม็ง
"อะไรหรือ? เสือ เสือดาว หรือหมาป่า?"
เซวียเสี่ยวหรั่นล้วงสเปรย์พริกออกมาจากเสื้อชั้นในเปิดฝาออก ขณะเดียวกันก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมป้องกันตัว
ในป่าลึก หมาป่าเสือ และเสือดาวคือสัตว์ป่าที่อันตรายที่สุดตามธรรมชาติ
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกภาวนาในใจ ขออย่าให้เป็ฝูงหมาป่าเลย หากเป็เสือหรือเสือดาว สู้ตัวต่อตัว เหลียนเซวียนยังพอรับมือได้ แต่หากต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าหิวกระหายทั้งฝูง ผลลัพธ์ก็ยากคาดคะเน
เหลียนเซวียนสีหน้าเคร่งขรึมสั่นศีรษะน้อยๆ ไม่ใช่พวกนั้น
กลิ่นสาบจางๆ โชยมาตามกระแสลม เสียงฝีเท้าหนักแต่เนิบช้าแว่วมาจากทางซ้ายด้านหน้า แล้วไหนจะเสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยแตกตื่นไปทั่ว
"โฮก..." เสียงคำรามกราดเกรี้ยวกึกก้องไปทั่วผืนป่า
"ฉิบหายแล้ว หมีดำั์ ดวงซวยจริงๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นหวาดผวาขนลุกซู่สั่นไปทั้งตัว
สัตว์ป่าดุร้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็งู เสือ หมาป่า หรือหมีล้วนดาหน้าออกมาให้พวกเขาได้พบ
หมีดำที่อาศัยในป่าลึกทั้งสูงใหญ่และดุร้าย ยามนี้กำลังแยกเขี้ยวคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
แค่ได้ยินเสียงคำราม เหลียนเซวียนก็รู้ว่าการรับมือกับเ้าั์ใหญ่ตัวนี้ไม่ง่ายนัก
เขาย่นคิ้วก้าวถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว หันไปหาเซวียเสี่ยวหรั่น รีบโบกมือให้เธอไปหลบซ่อนตัว กลัวแต่ไม่รู้จักวิ่งหนี จะรอให้เ้าบอดดำตัวนั้นบุกมาถึงก่อนหรือไร?
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกดวงตาไร้ประกายของเขาถลึงใส่ได้สติกลับมา รีบถอยไปด้านหลังสองสามก้าว แต่พอย้อนนึกอีกทีก็ปราดเข้ามาอีกพลางเอ่ยถามอย่างวิตกกังวล "แล้วท่านจะทำอย่างไร"
เหลียนเซวียนโมโหในความยืดยาดของเธอ ชูลูกดอกซัวเปียวขึ้นมา
แม้จะรู้ว่าเขามีอาวุธลับป้องกันตัว แต่เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยังไม่วางใจ นั่นน่ะ หมีดำเชียวนะ แค่ลูกดอกเอาชีวิตมันไม่ได้อยู่แล้ว ตรงข้ามอาจยั่วยุให้มันบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม
ขาของเหลียนเซวียนเคลื่อนไหวไม่สะดวก ยากจะหลีกเลี่ยงการโจมตีของหมี
แต่ถึงเธอจะอยู่ข้างๆ ก็ช่วยเขาไม่ได้ กลับจะทำให้เขาห่วงหน้าพะวงหลัง
เซวียเสี่ยวหรั่นมองดูสถานการณ์รอบด้าน ก่อนกัดฟันตัดสินใจย่องไปที่หลังพุ่มไม้ด้านซ้าย แล้วย่อตัวลงนั่งยองๆ ใช้พุ่มไม้เป็เครื่องกำบัง
เหลียนเซวียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง ล้วงลูกดอกซัวเปียวดอกที่สองออกมาจากแขนเสื้ออย่างช้าๆ
อารมณ์ของเขาขุ่นมัว ตามการคาดคะเนเดิม แม้ความเร็วในการเดินทางจะช้ามาก แต่หากเดินตามกระแสน้ำสักสองเดือนก็น่าจะออกจากป่าได้แล้ว แต่ผลที่ได้รับ เดินมาสองเดือนแล้ว แม้แต่ฟืนไฟจากครัวเรือนก็ยังไม่เห็น เดิมทีก็อัดอั้นตันใจมากอยู่แล้ว ยามนี้เ้าหมีตาบอดยังโผล่ออกมาคุกคามอีก
เหลียนเซวียนเคยตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยว้าวุ่นใจขนาดนี้มาก่อน รู้สึกไม่ดีเป็อย่างยิ่ง
เขาหลุบตารวบรวมกำลังไปที่ฝ่ามือ ด้วยกำลังภายในของเขาตอนนี้ ซัดลูกดอกซัวเปียวได้สองดอกก็สุดขีดจำกัดแล้ว
การต่อกรกับหมีตาบอดเป็เื่เกินกำลัง เหลียนเซวียนรู้สภาพร่างกายของตนเองดี ดังนั้นจึงขยับถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ
การเผชิญหน้าโดยตรงไม่เป็ผลดีต่อตัวเขา หมีดำสูงใหญ่แรงกระแทกขณะอาละวาดมิใช่เบา
ขณะที่เขาขยับได้เพียงสองก้าว หมีดำก็คำรามแล้ววิ่งตรงพุ่งเข้ามาหา เขารูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ในที่โล่งแจ้งย่อมตกเป็เป้าสายตา หมีใหญ่เห็นปราดเดียวก็กำหนดเป้าหมายโจมตีทันที
เหลียนเซวียนคำนวณระยะเรียบร้อย ก็ซัดลูกดอกซัวเปียวดอกแรกออกจากมือ
"ฉึก" เข้าเป้าพอดี ลูกดอกเสียบเข้าตาซ้ายของหมีดำ เืสาดกระจายไปทั่ว
"โฮก..." เสียงของหมีดำร้องครวญคราง หยุดอยู่ห่างจากเหลียนเซวียนสิบกว่าเมตร ปัดป่ายกรงเล็บไปมาอย่างบ้าคลั่ง คำรามขึ้นฟ้าอย่างเกรี้ยวกราดด้วยความเ็ป
เสียงคำรามดังสนั่นทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ใล้มก้นจ้ำเบ้า
ลูกดอกซัวเปียวไม่มีตา ความเ็ปรุนแรงทำให้หมีดำอาละวาด น้ำลายไหลย้อยจากปากของมัน ตาขวาซึ่งยังเห็นเป็ปรกติ จดจ้องไปทางเหลียนเซวียนอย่างมาดร้าย แล้ววิ่งพุ่งเข้าหาเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เสียงฉึกดังขึ้นอีกครั้ง ตาขวาของหมีดำะเิโพละ ความมืดมิดอันไร้ขอบเขตประกอบกับความเ็ปรุนแรง กลับทำให้มันยิ่งอาละวาดหนัก
วิ่งพุ่งเข้ามาไม่หยุด ด้วยความโกรธจัดยิ่งทำให้ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว
"เหลียนเซวียน รีบหลบ"
เซวียเสี่ยวหรั่นตะกายขึ้นมาจากพื้น เห็นหมีดำพุ่งเข้าโจมตีเหลียนเซวียนก็ใจนดวงตาเบิกโพลง
หลังซัดลูกดอกที่สองออกไป เหลียนเซวียนก็หมดแรง แทบจะประคองตัวในท่ายืนไม่ได้
เขาคาดไม่ถึงว่าหมีที่ตาบอดทั้งสองข้างจะยังไม่ยอมหยุดเท้า กลับวิ่งพุ่งเข้าหาอย่างบ้าคลั่งกว่าเดิม
เสียงกรีดร้องของแม่นางผู้นั้นผ่านเข้ามาในหู เหลียนเซวียนพยายามฝืนขยับไปด้านขวา คิดฉวยโอกาสนี้หลบเลี่ยงการปะทะกับหมีดำ
แต่เขาเคลื่อนไหวช้าเกินไป ไม่ทันท่วงที หมีดำคลั่งพุ่งเข้าชนไหล่ซ้ายของเขาอย่างแรง
พลังนั้นรุนแรงมาก เพียงชั่วพริบตาเหลียนเซวียนก็กระเด็นออกไปไกลถึงห้าเมตร กลิ้งกับพื้นหลายตลบ จนกระทั่งชนกับหินก้อนใหญ่
เหลียนเซวียนร้องลั่นออกมาคำหนึ่ง อกด้านซ้ายถูกชนจนเืลมติดขัด ลำคอเริ่มร้อน โลหิตไหลย้อยจากมุมปาก
กำลังภายในของเขาไม่เหลือแล้ว อยู่ต่อหน้าหมีดำ เขาก็เหมือนกับเด็กน้อยที่ไม่มีแม้แต่กำลังป้องกันตัว แรงกระแทกมหาศาลทำให้เขาแทบหมดสติ
แต่ที่ยังไม่สลบ เพราะหน้าแข้งขวาชนโขดหิน ความเ็ปรุนแรงทำให้ยังครองสติไว้ได้
เหลียนเซวียนซึ่งมักสงวนท่าที และเยือกเย็นอยู่เสมอ ถึงกับสบถถ้อยคำหยาบคายในใจ
นี่เขาถูกผีเข้าสิงร่างรึ?
แม้แต่หมีตาบอดพุ่งเข้าชนยังหลบไม่พ้น
ความเ็ปรุนแรงที่ขาขวาทำให้เขารู้สึกได้ถึงสถานการณ์เลวร้าย
"ว้าย เหลียนเซวียน ท่านไม่เป็อะไรนะ?"
พอเห็นเหลียนเซวียนถูกชนปลิวออกไปราวกับตุ๊กตาผ้า หัวใจเซวียเสี่ยวหรั่นก็เต้นอย่างบ้าคลั่ง
เห็นหมีดำตัวนั้นสะบัดกรงเล็บอย่างไร้ทิศทาง ขยับเข้าใกล้เหลียนเซวียนมากขึ้นทุกที เซวียเสี่ยวหรั่นก็ตื่นตระหนกจนเส้นผมแทบลุกเป็ไฟ
เธอชูสเปรย์พริกอาวุธป้องกันตัวเพียงอย่างเดียววิ่งเข้าหาหมีดำตัวนั้นอย่างสุดชีวิต
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยบนต้นไม้ก็ใไม่แพ้กัน แต่มันไม่กล้าลงจากต้นไม้ ได้แต่ขย่มกิ่งไม้จนสั่นะเืแล้วเปล่งเสียงกรีดร้องสารพัดแบบ หมายดึงดูดความสนใจของหมีดำ
หมีดำมีเืออกจากดวงตาตลอดเวลา มันเจ็บจนแยกทิศทางไม่ออก ร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราดไม่หยุด ตวัดกรงเล็บตะปบไปมั่วซั่ว แต่ยังคงมุ่งเดินไปข้างหน้า
เข้าใกล้เหลียนเซวียนซึ่งมิอาจขยับกายเข้าไปทุกที
"เ้าหมีั์ ข้าอยู่นี่แล้ว มาทางนี้... " เซวียเสี่ยวหรั่นหยุดอยู่ห่างจากมันห้าก้าว เริ่มต้องะโเรียกเสียงดัง "เ้าหมีโง่ ปัญญาอ่อน มาทางนี้สิ"
เสียงร้องะโอย่างตั้งใจขนาดนั้นสามารถดึงดูดความสนใจของหมีดำได้ไม่ยาก
และแล้วหมีดำที่กำลังบ้าเืก็หันกลับมาคำรามอย่างขุ่นเคือง แล้ววิ่งโซซัดโซเซพุ่งเข้าหาเซวียเสี่ยวหรั่น
เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นเต้นจนหัวใจแทบกระดอนออกมาจากคอหอย แต่แค่หมีดำไม่ไปทางเหลียนเซวียนอีก เธอก็มีความกล้าเพิ่มขึ้น
