เพราะหลิงป้ามองเห็นว่า ที่นิ้วมือข้างซ้ายของิอวี่นั้นกำลังนำแหวนสีดำวงหนึ่งขึ้นมาสวม
หรือว่า ...
ลมปราณในร่างกายของิอวี่พลุ่งพล่านขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปในแหวนสีดำ เขาผสานมือและขยับโดยไม่หยุดเลย ในตอนที่เขาหยุดลงก็เหมือนกำลังท่องคาถาอะไรอยู่
วินาทีต่อมา รอบข้างของิอวี่ก็เกิดลายเส้นอักขระสีแดงรายล้อมขึ้นมา มันค่อยๆ แดงขึ้นเรื่อยๆ ตามที่ิอวี่ท่องคาถา จากนั้นลายอักขระเ่าั้ก็เริ่มเผาไหม้!
พริบตาเดียว ลายเส้นสีแดงทรงกลมก็ค่อยๆ ลอยตัวขึ้น!
หมัดสีเืของผู้กล้าหกคนกำลังจะชกเข้ามา ิอวี่ก็สร้างลายเส้นอักขระเส้นสุดท้ายเสร็จพอดี เขาคุกเข่าลงแล้วกดแหวนสีดำที่มือลงกับพื้น!
“ะเิ”
ทันใดนั้นเอง ลายเส้นสีแดงอันงดงามก็ปะทุพลังงานธาตุไฟออกมารอบๆ แล้วดับลง แสงสีทองประกายแดงปรากฏขึ้นมาแทน แล้วก็ะเิไปสามร้อยหกสิบองศา!
“ตู้ม!”
คลื่นอันทรงพลังกระจายไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็หลิงป้าหรือว่าลู่หยวนคง รวมถึงคนอื่นๆ ต่างต้องถอยร่นไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อเลี่ยงคลื่นพลังงานนั้นชั่วคราว
เปลวเพลิงคงสภาพอยู่อย่างนั้นต่อเนื่องสามถึงสี่นาทีจึงได้สลายหายไป ทุกคนต่างมองเห็นว่าท่ามกลางเปลวไฟที่ะเินั้น บริเวณจุดศูนย์กลางยังคงอยู่ในสภาพเดิม ิอวี่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย
แต่ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกทั้งหกคนนั้นต่างถูกไฟเผาไหม้จนกลายเป็เถ้าถ่าน แต่ละคนนอนอยู่กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้แต่จะส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปยังทำไม่ได้เลย ลมหายใจของพวกเขาหมดสิ้นไปแล้ว
ลู่หยวนคงอึ้งไป หลวงจีนยุทธ์ทั้งสามคนตกตะลึง แม้แต่หลิงป้าเองก็ใเหมือนกัน
มีแค่เฮยจีคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มออกมา เพราะค่ายกละเิเพลิงนี้นางเป็คนสอนิอวี่เองกับมือ
ถูกต้อง เมื่อครู่ิอวี่ใช้ค่ายกละเิเพลิง ยิ่งเขาใช้ลมปราณมากขึ้นเท่าไร ค่ายกละเิเพลิงก็จะมีอานุภาพร้ายแรงขึ้นเท่านั้น
ครั้งนี้ิอวี่ใช้ลมปราณสองในสามส่วน ก็แทบจะไปถึงระดับสูงสุดของค่ายกละเิเพลิงแล้ว
เป็เพราะอยู่ในวงล้อมของค่ายกละเิเพลิง จึงทำให้ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นหกถึงแก่ชีวิต!
ถ้าจะบอกว่าใครที่ตกตะลึงมากที่สุด ก็น่าจะเป็ลู่หยวนคงแล้ว!
เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน เขาคิดว่าิอวี่ไม่มีความสามารถในการรับมือกับสายสืบในร้านตลาดมืด ที่แท้ิอวี่กลับมีความสามารถมากขนาดนี้ อีกทั้งยังสามารถสร้างลายเส้นอักขระได้อย่างแข็งแกร่งขนาดนี้ จะเล่นงานเ้าโจรพวกนั้นย่อมทำได้ง่ายๆ เลย
ดังนั้น สิ่งที่ิอวี่พูดนั้นมันเป็จริงทุกประการ คนพวกนั้นคิดจะฆ่าเขาจริงๆ!
ลู่หยวนคงยังบอกิอวี่ไปอีกว่า ควรอภัยให้คนอื่น ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปแล้วมันน่าขำสิ้นดี?
เขายังบอกอีกว่าิอวี่แรงอาฆาตแรงมาก แต่ว่าพวกเขาเพิ่งจะพบกันแท้ๆ ิอวี่กลับยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ถือว่าเป็คนที่ใจดีมากทีเดียว
พอคิดได้แบบนี้ ลู่หยวนคงก็หน้าแดง
เมื่อหันกลับไปดูหลิงป้า สีหน้าของเขาดูแย่มาก
การล้อมโจมตีอย่างกะทันหันไม่เพียงไม่สำเร็จ แต่ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกทั้งหกคนของเขากลับถูกิอวี่สังหารหมด พรรคเืพยัคฆ์ตอนนี้เหลือแค่หลิงป้าคนเดียวแล้ว
หลิงป้าเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าิอวี่จะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ค่ายกละเิเพลิงมันเพียงพอที่จะทำให้เขาตกตะลึง ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนี้เ้าหนูนี่จะมีไม้ตายที่น่ากลัวอะไรอีกไหม?
ถ้าเป็ลู่หยวนคง หลิงป้าไม่ค่อยกลัวเท่าไร แต่ตอนนี้มีิอวี่เพิ่มมาอีกคน หลิงป้าก็ไม่ได้มีความมั่นใจที่จะต่อสู้ต่อไปอีกแล้ว เขาเลยตัดสินใจที่จะหนีโดยไม่ลังเล
วินาทีที่หลิงป้าขยับ ลู่หยวนตงก็ตามไปในทันที แต่หลิงป้าใช้กำลังทั้งหมดในการวิ่ง เมื่อเขาหันกลับมามองก็พบว่าลู่หยวนคงนั้นตามเขาไม่ทัน
“คิดหนีหรือ?”
แต่ในเวลาเดียวกัน หลิงป้าก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหน้า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองก็พบเงาคนคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้
เป็ชายหนุ่มผมยาวรูปงามคนหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาท่ามกลางหิมะ เขาสวมชุดสีดำซึ่งเด่นชัดมากเมื่ออยู่ท่ามกลางหิมะสีขาว ในมือของเขาถือง้าวเล่มใหญ่สีทองเหลืองอร่าม!
“หลีกไป” หลิงป้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็ามาก เขาซัดหมัดออกไป
ใครจะคิด ชายคนนั้นกลับะโลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ปลายเท้าเหยียบไปที่หลังหมัดแล้วยืนอยู่กลางอากาศเหนือหลิงป้า
“รนหาที่ตาย!”
หลิงป้ายิ้มแสยะ แล้วซัดหมัดออกไปอย่างรุนแรง แต่ว่ากลับได้ยินเสียง “ตู้ม!” ขึ้นมา กลับเป็ชายคนนั้นที่เหยียบอยู่บนคลื่นอากาศเหมือนเขายืนอยู่บนกำแพงที่มองไม่เห็น แล้วทะลวงไปด้านหลังของหลิงป้า
หลิงป้าใมาก “เป็ไปได้อย่างไร ...”
เขาเพิ่งจะหันหลังกลับมามอง แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นกลับเป็ง้าวศึกที่แหลมคมไร้ความปราณี ง้าวเล่มนั้นแทงทะลุหัวใจของหลิงป้าจนโผล่ออกมาด้านหลัง
โจมตีทีเดียว ตายทันที!
ชายคนนั้นตบไปที่หัวไหล่ของหลิงป้า แล้วพูดว่า “ต่อให้เ้าไม่ตาย ข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้เ้าหนีไปได้หรอกนะ”
พูดจบ ก็ใช้ฝ่ามือผลักไปที่หน้าอกของหลิงป้า ดึงเอาง้าวศึกที่เปื้อนเืออกมาแล้วเหวี่ยงออกไปทางด้านข้าง ทำให้เืสาดลงไปบนกองหิมะ
และในเวลานี้เอง ก็มีคนสวมชุดสีดำอีกหลายคนเดินมา มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “คุณชาย ขออภัยที่ข้าไร้ความสามารถ มาช้าไป ทำให้ท่านต้องลงมือด้วยตัวเอง”
ระหว่างที่พูด คนที่อยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนก็คุกเข่าข้างเดียวตาม เหมือนเป็การขอขมา
“ไม่ต้องคิดมาก สำหรับคน ข้าจัดการไปแล้ว”
ชายหนุ่มผมยาวผู้นั้นโบกมือ แล้วพูดว่า “พวกเ้าค้นตัวศพอย่างละเอียด หาหัวหยวนจือให้เจอ หลัวจี เ้าตามข้ามา”
พูดจบเขาก็พาชายวัยกลางคนเดินมาหาพวกของิอวี่ เขากวาดสายตาไปรอบหนึ่ง แล้วคำนับจากนั้นก็พูดว่า “ทุกท่าน ข้าน้อยหานเฟิง ส่วนนี่ พ่อบ้านของข้า หลัวชี”
“เรียนทุกท่านตามตรง ข้ามาเพราะหัวหยวนจือ เมื่อครู่ตอนที่เรามาถึง น้องชายผู้นี้กำลังสู้อยู่กับคนของพรรคเืพยัคฆ์ เห็นว่าหลิงป้ากำลังจะหนีข้าเลยเข้าไปขวาง ข้าเห็นว่าเขากำลังจะลงมือข้าเลยฆ่าเขาทิ้ง ทุกท่านคงไม่ถือสาใช่หรือไม่?”
ลู่หยวนคงและหลวงจีนยุทธ์อีกสามคนส่ายหัว ถึงแม้พวกเขาจะไม่ฆ่าใคร แต่เมื่อครู่ตกอยู่ในอันตรายเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลิงป้าตายก็สมควรแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือเห็นใจอะไรนัก
“น้องชายท่านนี้ล่ะ?” เห็นิอวี่ไม่ตอบ หานเฟิงก็มองมาแล้วยิ้มถาม
ิอวี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ถือสาอยู่แล้ว”
ถึงแม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่ในใจของิอวี่กลับนิ่ง
ั้แ่เมื่อครู่ หานเฟิงมองทุกคนเหมือนกันหมด ดูปกติมาก แต่ที่จริงแล้วมันไม่ปกติเลย
มองจากมุมคนนอก ด้วยความงามของเฮยจี ไม่ว่าผู้ชายคนไหนต่อให้ไม่คิดอะไรกับนาง แต่เพียงแวบแรกที่เห็นนางอย่างไรก็อดไม่ได้ที่จะต้องมอง ต่อให้เป็แค่การมองแบบผ่านๆ สายตาก็ยังคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้เป็คนธรรมดาหน้าตาทั่วไป จากท่าทางที่ดูมีมารยาทอย่างหานเฟิง อย่างไรก็ต้องเอ่ยปากทักทายบ้าง แต่ว่าเฮยจีที่งดงามเช่นนี้ หานเฟิงกลับไม่แม้แต่จะมองเลย!
เวลาคนเรา้าปกปิดซ่อนเร้นอะไรเอาไว้ ต้องดูจากที่สิ่งที่เขาคนนั้นไม่ได้พูด ไม่ใช่ดูจากสิ่งที่เขาพูด!
ลู่หยวนคงพูดขึ้นมาอย่างมีมารยาทว่า “ประสกหานเฟิง ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้น เกรงว่าหลิงป้าคงหนีไปได้อย่างแน่นอน”
“ไม่เป็ไร” หานเฟิงโบกมือแล้วยิ้ม
แต่ในเวลานี้เอง ชายชุดดำคนหนึ่งก็วิ่งมาแล้วก้มหน้าคำนับพร้อมพูดว่า “คุณชายหาน เราค้นตัวของหลิงป้าจนทั่วแล้ว แต่ไม่พบหัวหยวนจือเลยขอรับ”
“หือ?” หานเฟิงหน้านิ่งขึ้นมาทันที “พวกเ้าทำงานกันอย่างไร ไม่รู้จักไปค้นหาที่อื่นด้วยหรืออย่างไร?”
“ที่อื่นก็ค้นจนทั่วหมดแล้วขอรับ ไม่เจอหัวหยวนจือเลย” ลูกน้องคนนั้นตอบด้วยความตื่นใ
หานเฟิงชี้ไปที่ศพที่ถูกเผาหกศพ แล้วก็ผู้กล้าที่ถูกลู่หยวนคงตีจนสลบไป จากนั้นพูดว่า “ทางนั้นเ้าค้นแล้วหรือยัง?”
“ขอ ... ขอรับ ข้าน้อยสะเพร่า จะไปค้นเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
ลูกน้องคนนั้นรีบนำคนไปค้นอย่างหวาดกลัว แต่ว่า ถุงเก็บของและแหวนเก็บของทั้งหมดพวกเขาค้นจนทั่วแต่ก็ไม่เจอหัวหยวนจือเลย
“เอ่อ ...”
ทันทีทันใดนั้น พวกของลู่หยวนคงเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา หรือว่าข่าวที่ได้มานั้นเป็ข่าวปลอม? แต่ว่ามันไม่น่านะ หากบนตัวของหลิงป้าไม่มีหัวหยวนจือ เขาก็ไม่น่าจะมาถึงปากทางขึ้นเขาหิมะแบบนี้
ทุกคนเริ่มค้นหา ซูหยวนจิ้งที่ถูกิอวี่โยนขึ้นไปไว้บนต้นไม้ก่อนหน้านี้ก็ตามมา เขาไม่กล้าสบตาิอวี่เลย แล้วก็เริ่มค้นหาไปพร้อมกับทุกคน
แต่ว่าเมื่อผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ทุกคนค้นจนทั่วก็ไม่เจอหัวหยวนจือเลย แต่ละคนจึงรู้สึกหดหู่มาก
แต่ว่าหานเฟิงกลับให้กำลังใจทุกคนว่า “ช่างเถอะ ต่อให้ไม่มีหัวหยวนจือ แต่ว่าในเมื่อทุกคนต่างเดินทางกันมาตั้งไกล คงไม่อยากกลับไปแบบนี้ใช่ไหม?”
“ก่อนหน้านี้ข้าได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้ วิธีการนี้อาจจะพอต้านความหนาวเย็นบนยอดเขาเซิงหานได้สักพัก เพียงแค่ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ดีมาก หากทุกท่านไม่รังเกียจก็เอาไปใช้ได้นะ”
พูดจบเขาก็สั่งให้ลูกน้องของเขาหยิบกล่องหยกสีแดงออกมาสองกล่อง แล้วยื่นให้กับิอวี่กับลู่หยวนคง เมื่อเปิดกล่องหยกออกดูก็พบว่าภายในเป็ยาสีแดงเื
“นี่คือยาชื่อหัวเกา เมื่อทาลงบนิัมันจะแผ่ความร้อนที่รุนแรงออกมา สามารถต้านทานความหนาวเย็นได้ เวลาขึ้นไปบนยอดเขาเซิงหาน เราก็จะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น” หานเฟิงอธิบาย
“แบบนี้ก็ดีน่ะสิ”
ลู่หยวนคงคำนับขอบคุณ “ขอบคุณประสกน้อย”
หลวงจีนยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังต่างก็ยินดี เดิมคิดว่าคงไม่มีอะไรช่วยให้ขึ้นไปบนยอดเขาเซิงหานได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหานเฟิงจะให้วิธีแก้ไขปัญหาแบบนี้มา
หานเฟิงไม่ได้จะเก็บเอาไว้ใช้คนเดียว แต่กลับนำวิธีแบบนี้มาบอกทุกคน เขาเป็คนใจกว้างจริงๆ
แต่ิอวี่กลับนิ่ง ครึ่งชั่วยามก่อนเขาครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เหมือนเขาจะคิดได้แล้ว ที่จริงการที่หัวหยวนจือหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ มันน่าจะอยู่บนตัวของหานเฟิง!