นอกหุบเขาค่างปีศาจ เศษซากไม้และกิ่งก้านแตกหักที่มองเห็นได้อย่างคลุมเครือ อันเป็ผลกระทบจากการต่อสู้แสนหฤโหดเมื่อไม่นานนี้ยังไม่จางหายไปอย่างสมบูรณ์ ฝูงสัตว์อสูรวานรทั้งหมดในหุบเขาค่างปีศาจยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง
เจิ้งหย่งฟูมองดูหุบเขาค่างปีศาจจากที่ห่างไกล ท่ามกลางม่านหมอกของป่าทึบ หุบเขาค่างปีศาจดูเร้นลับยิ่งนัก แม้จะมีการเตรียมพร้อมแล้ว เจิ้งหย่งฟูก็ยังคงมิกล้าชะล่าใจ ถึงแม้จะทราบข่าวที่แน่นอนมาแล้วก็ตาม ทราบว่าสัตว์อสูรราชันวานรในหุบเขามีความแข็งแกร่งขอบเขตระดับราชันาระดับห้าดาว และสัตว์อสูรวานรในหุบเขาทั้งได้รับาเ็กับล้มตายหลายสิบตัวในการต่อสู้ครั้งก่อน แต่สัตว์อสูรวานรไม่กลัวตาย ยามนี้ยังคงมีจำนวนมากร่วมร้อยตัว พลังขนาดนี้เพียงพอเทียบได้กับตระกูลขนาดกลางของราชวงศ์ต้าเหยียนเลยทีเดียว
“ใน่เวลานี้ฝูงสัตว์อสูรวานรในหุบเขาค่างปีศาจกระสับกระส่าย ยากที่จะลักลอบแทรกซึมเข้าไป เพื่อสำรวจสถานการณ์จริงๆ” จี้เซี่ยงหนานพูดอย่างอับจนปัญญาช่วยอะไรไม่ได้
ครั้งนี้ตระกูลจี้ยังคงมีส่วนร่วมในการดำเนินการ ภายใต้การนำของตระกูลเจิ้ง การประสานงานของตระกูลจี้ ครั้งก่อนรากฐานตระกูลจี้ได้การสูญเสียอย่างหนัก ไม่้าประสบความเสียหายอีก แน่นอนว่าตระกูลจี้ไม่ได้เตรียมตัวเพื่อมารับดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์จำนวนมากน้อยเท่าไรนัก ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเจิ้ง ตระกูลจี้สามารถปันน้ำแกงส่วนหนึ่งได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ดังนั้นจึงให้จี้เซี่ยงหนานนำชนชั้นสูงจากตระกูลกว่าสิบคนติดตามมา
ตระกูลเจิ้ง้าความร่วมมือของตระกูลจี้ ถึงอย่างไรตระกูลจี้ก็เติบโตในเมืองมู่เหย่ คุ้นเคยกับป่าสัตว์อสูรยิ่งนัก สามารถเป็ผู้นำที่ดีมาก และทราบสถานการณ์ในหุบเขาค่างปีศาจดีที่สุด ดังนั้นเจิ้งหย่งฟูค่อนข้างเห็นชอบกับจี้เซี่ยงหนาน แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็เพียงปรมาจารย์นักยุทธ์ขั้นสูงสุดเท่านั้น
“มีวิธีการที่ดีหรือไม่?” เจิ้งหย่งฟูถาม
“ข้ามีความคิดดีๆ อย่างหนึ่ง แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนัก” ดวงตาของจี้เซี่ยงหนานกลอกครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“ลองกล่าวดู” เจิ้งหย่งฟูไม่รีบร้อน อย่างไรก็ตามตนไม่เร่งรีบอยู่แล้ว
“หุบเขาค่างปีศาจเป็สถานที่ที่คุ้นเคยที่สุดของสัตว์อสูรวานร หากเรารีบร้อนถลำเข้าไป พวกเราจะต้องเสียเปรียบมากอย่างแน่นอน มิสู้เราปรับเปลี่ยนวิธีการเสียใหม่โดยสิ้นเชิง ล่อหลอกให้สัตว์อสูรวานรออกมาจากหุบเขาให้มากที่สุด พวกเราหมอบซุ่มอยู่ตรงนอกหุบเขา พอเป็เช่นนี้พวกเรายึดครองเป็ฝ่ายรุก ย่อมสามารถลดการสูญเสียให้น้อยลง รอจนพวกเรากำจัดสัตว์อสูรวานรที่ออกมาจากหุบเขาพอสมควรแล้ว ค่อยบุกตรงเข้าไป”
“อืม วิธีนี้การนี้ใช้ได้ แต่ว่าจะใช้วิธีการใดล่อหลอกสัตว์อสูรวานรให้ออกจากหุบเขาเล่า?”
“เื่นี้มอบให้ข้าจัดการ แต่การวางกับดักซุ่มโจมตีนอกหุบเขา คงต้องมอบให้เป็หน้าที่ของนายท่านรองเจิ้งแล้ว รอจนกระทั่งทุกอย่างนอกหุบเขาจัดการพร้อมเสร็จสรรพเราค่อยลงมือ” จี้เซี่ยงหนานพูดอย่างมั่นใจ
“ประเสริฐ!” เจิ้งหย่งฟูหัวเราะแล้ว ตระกูลจี้จัดการเื่ราวอย่างเอาใจใส่ พวกเขาเตรียมการหมอบซุ่มอยู่ด้านนอก ตระกูลจี้ล่อหลอกศัตรูออกมา ย่อมต้องเผชิญการโจมตีของสัตว์อสูรวานรก่อน จากมุมมองนี้ตระกูลจี้้าร่วมมือกับตระกูลเจิ้งอย่างจริงใจ จี้เซี่ยงหนานคนนี้รู้จักการวางตัวจริงๆ เพียงแต่เขาไม่เห็นตอนที่จี้เซี่ยงหนานหันตัวไป บนใบหน้าผุดรอยยิ้มเย็นเยียบขึ้นวูบ ทุกอย่างล้วนกำลังดำเนินการไปตามแผนการของเ้านาย
……
การเคลื่อนไหวของฝูงสัตว์อสูรวานรในหุบเขาค่างปีศาจเริ่มขึ้นแล้ว เมื่อเจิ้งหย่งฟูและพวกมาถึงทางเข้าหุบเขาค่างปีศาจ สาเหตุหลักคือสัตว์อสูรวานรน้อยได้กลิ่นหอมเมรัยยั่วยวนใจโชยมา ดังนั้นมันจึงส่งเสียงร้องขึ้น สัตว์อสูรวานรกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันทันที กลิ่นหอมเมรัยนี้โชยมาจากนอกหุบเขาตลอดทางอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้ทำให้สัตว์อสูรราชันวานรตระหนกแล้ว
เมื่อสัตว์อสูรราชันวานรมาถึง มันบันดาลโทสะแล้ว โจรขโมยเมรัยที่น่าเกลียดชัง นี่มันเมรัยวานรที่ตนหมักขึ้นเองชัดๆ เ้าหัวขโมยเมรัยน่ารังเกียจนั่นกลับทำหกเรี่ยราดทั่วพื้น และกำลังหลบหนีออกไปทางนอกหุบเขา เช่นนี้จะไม่ให้มันโกรธเคืองได้อย่างไร ครั้งก่อนเพราะหัวขโมยเมรัยคนนั้น ไม่เพียงแต่ตนต้องสูญเสียหินอัคคีิญญา แม้แต่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ก็ถูกขโมยไปแล้ว ลูกๆ ของตนก็ถูกฆ่าตายและาเ็จำนวนมิน้อยเช่นกัน เป็ความแค้นสุดแสนลึกล้ำดุจดั่งมหาสมุทร คราวที่แล้วมีคนโชคดีรอดชีวิตไปหลายคน ไม่คิดว่าวันนี้พวกมันจะมาที่นี่อีกแล้ว ท่านป้าทนได้ แต่ท่านอาทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นสัตว์อสูรราชันวานรจึงคำรามเสียงดังลั่นยาวนานขึ้นครั้งหนึ่ง แล้วฝูงสัตว์อสูรวานรที่รังสีสังหารเต็มเปี่ยมก็พากันกระโจนออกจากหุบเขาติดตามกลิ่นหอมของเมรัยมาตลอดทาง
ชนชั้นศักดินาผู้ติดตามตระกูลเจิ้งน่าเวทนา เริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว ยามนี้พวกที่ตัดต้นไม้ก็ตัดต้นไม้ไป ขุดหลุมก็ขุดหลุมไป ย้ายก้อนหินก็ย้ายก้อนหินไป นอกจากนี้ยังมีผู้ถือเข็มทิศและวาดแผนผังค่ายกล…สรุปแล้วกระจายออกตามจุดต่างๆ กำลังตั้งอกตั้งใจจัดเตรียมค่ายกลวางหลุมพรางกับดัก พวกเขากำลังเตรียมให้สัตว์อสูรวานรแห่งหุบเขาค่างปีศาจได้รับบทเรียนแสนสาหัส ตระกูลเจิ้งและตระกูลจี้มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ตระกูลเจิ้งจัดเตรียมวางหลุมพรางกับดักและหมอบซุ่มโจมตี การเสี่ยงชีวิตล่อหลอกสัตว์อสูรวานรมอบให้คนตระกูลจี้ ดังนั้นผู้ที่ทำงานจึงล้วนเป็คนตระกูลเจิ้ง และคนตระกูลจี้ทั้งหมดล้วนกำลังนอนหลับอยู่ทางด้านหลัง
เมื่อเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากทางป่าทึบนอกหุบเขา ทุกคนจึงได้พบว่า ฝูงสัตว์อสูรวานรไล่ล่าสังหารมาถึงตรงหน้าแล้วดุจดั่งเทพมรณะก็มิปาน โดยเฉพาะสัตว์อสูรราชันวานรและวานรเฒ่าระดับสี่สามตัว ไล่ล่าสังหารผู้คนดุจสับแตงหั่นผักก็มิปาน คนตระกูลเจิ้งที่ยังเตรียมการต่อต้านยังไม่เสร็จสิ้นดีก็ถูกลิงสองตัวรุมฆ่าตายหนึ่งคน สามตัวรุมฆ่าหนึ่งคน เสียชีวิตไปมากกว่าสิบคน
กว่าเจิ้งหย่งฟูจะสกัดกั้นสัตว์อสูรวานรเฒ่าตัวหนึ่งสำเร็จ ชนชั้นสูงของตระกูลเจิ้งก็สูญเสียไปแล้วกว่าครึ่ง ครั้งนี้ตระกูลเจิ้งพาคนมาร่วมสี่สิบคน ระดมเหล่าบรรดายอดฝีมือทั้งหมดจากหัวเมืองและมณฑลใกล้เคียงหลายแห่ง เพื่อปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง หากได้รับดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์จริงๆ ตระกูลเจิ้งจะต้องสามารถบ่มเพาะจักรพรรดิาสำเร็จเพิ่มขึ้นหลายคนอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้วตระกูลเจิ้งก็จะสามารถยกระดับขึ้นเป็ตระกูลชั้นหนึ่งของแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียนทันที ตลอดจนยังสามารถได้รับพระราชทานศักดินาจากบรรดาราชวงศ์ต่างๆ ดังนั้นหลังจากที่เจิ้งหย่งฟูแจ้งให้ทางตระกูลทราบแล้ว ก็จัดการระดมยอดฝีมือทั้งหมดจากหัวเมืองใกล้เคียงโดยรอบ แต่สัตว์อสูรวานรปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเกินไปแล้ว เห็นอยู่ชัดเจนว่าเมื่อครู่หุบเขายังเงียบสงบยิ่งนัก
ด้วยนิสัยของสัตว์อสูรวานร ถ้ามิมีผู้ใดไปกระตุ้นยั่วยุ เป็ไปไม่ได้ที่พวกมันจะเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ นี่เป็เหตุผลที่เจิ้งหย่งฟูจัดวางหลุมพรางกับดักรูปแบบต่างๆ นานานอกหุบเขาอย่างวางใจไม่รีบร้อน
ชายชราที่ติดตามเจิ้งหย่งฟูมามีพลังการบ่มเพาะสูงสุด บรรลุราชันาระดับสี่ดาวแล้ว เขาร่วมมือกับราชันาสองดาวของตระกูล จึงสามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์อสูรราชันวานร สัตว์อสูรวานรร่วมร้อยตัวบุกกระหน่ำโจมตีเข้ามา ยามนี้คนตระกูลเจิ้งเหลือเพียงสิบกว่าคน ถึงแม้ว่าจะยังมีราชันาหนึ่งดาวถึงสามคน เสียดายที่ตอนแรกกำลังคนอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ไม่สามารถรวมตัวป้องกันได้ทันท่วงที ทำให้ขาดพลังการช่วยเหลือเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน รอจนทุกคนมารวมตัวกันสร้างแนววงกลมป้องกันขึ้นมา ก็มีคนเสียชีวิตลงอีกหลายคน
เจิ้งหย่งฟูบันดาลโทสะแล้ว ความแข็งแกร่งของราชันาระดับสามดาวของมัน ยกเว้นสัตว์อสูรราชันวานรแล้ว สัตว์อสูรวานรชราตัวอื่นล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของตน เจิ้งหย่งฟูลงมือสังหารสัตว์อสูรวานรระดับสามและระดับสองอย่างเหี้ยมโหดอำมหิต นี่จึงเริ่มสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสัตว์อสูรวานร แต่พลังโจมตีของสัตว์อสูรวานรดุร้ายมิกลัวตายหลายสิบตัวก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเช่นกัน แม้ราชันาหลายคนของตระกูลเจิ้งจะจัดกำลังพลกว่าสิบคนสร้างเป็แนวการป้องกันลักษณะวงแหวน ก็ยังคงพะว้าพะวังเช่นเดิม ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก าเ็สาหัสยิ่ง
ขณะผู้ติดตามตระกูลเจิ้งคนหนึ่งฟันใส่ตรงหน้าท้องของสัตว์อสูรวานรเฒ่าระดับสาม สัตว์อสูรวานรเฒ่าตัวนี้ก็กัดคอผู้ติดตามขาดในคำเดียว ผู้ติดตามอีกคนแทงทะลุหน้าอกสัตว์อสูรวานรตัวหนึ่งในทวนเดียว ก็ยังถูกสัตว์อสูรวานรใกล้ตายลื่นไถลด้ามทวนพุ่งเข้ามา ฉีกกระชากแหวกอก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แทบจะเป็ตาต่อตาฟันต่อฟัน วิธีการต่อสู้ที่ใช้ชีวิตแลกชีวิต รูปแบบการโจมตีของสัตว์อสูรชนิดนี้ ทำให้ชนชั้นศักดินาของตระกูลเจิ้งที่คุ้นเคยกับการต่อสู้ของตระกูลพากันสยองจนเข่าอ่อนแทบทรุดฮวบลง
สัตว์อสูรราชันวานรััถึงกลิ่นอายลมหายใจแห่งความตายของลูกสมุน ภายใต้เพลิงโทสะความเดือดดาละเิเป็พลังพร์เหนือธรรมชาติอีกครั้ง กระหน่ำโจมตีจนสองราชันาตระกูลเจิ้งะโโลดเต้นขึ้นลง อาบเืั้แ่หัวจรดเท้า ยามนี้จึงได้ตระหนักถึงพลังโจมตีของสัตว์อสูรราชันวานรแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ครั้งก่อน ทายาทว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปของตระกูลจี้จึงเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ผู้าุโใหญ่ก็ได้รับาเ็สาหัสจนต้องหลบหนีไป
ขณะเจิ้งหย่งฟูโกรธจัดสังหารสัตว์อสูรวานรเฒ่าระดับสี่ขั้นต้นตายสามตัว สัตว์อสูรราชันวานรก็บิดศีรษะของราชันาสองดาวของตระกูลเจิ้งจนขาด ฟาดตบราชันาระดับสี่ดาวของตระกูลเจิ้งกระเด็นเหินออกไป ด้วยทักษะพร์เนตรคิงคองพิโรธของสัตว์อสูรราชันวานรแปรเปลี่ยนเป็ลูกบอลสายฟ้าสีดำ ะเิขึ้นกลางแนวป้องกันวงกลมของตระกูลเจิ้ง พลันทำลายการป้องกันของราชันาหนึ่งดาวตระกูลเจิ้งลงทันที สลายกลายเป็เถ้าธุลีฟุ้งกระจายลอยขึ้นโดยตรง
เจิ้งหย่งฟูคำรามลั่นด้วยโทสะ ไม่คำนึงถึงระยะห่างของพลังระหว่างตนกับสัตว์อสูรราชันวานร ทะยานร่างเข้ารับศึก โชคดีที่ราชันาระดับสี่ดาวที่าเ็สาหัสแต่ก็ยังมีพลังสามารถต่อสู้ได้ ทั้งสองร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อต่อต้านสัตว์อสูรราชันวานรที่กำลังคลุ้มคลั่ง
เมื่อจี้เซี่ยงหนานมาถึงก็พบเจอความเละเทะยุ่งเหยิงในยุทธภูมิ เศษซากศพแขนหักมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซากศพสัตว์อสูรวานรกระจัดกระจายอยู่ทุกที่ นอกจากเจิ้งหย่งฟูและราชันาสี่ดาวตระกูลเจิ้งแล้ว ยังมีสามราชันาและสี่ปรมาจารย์นักยุทธ์ มีเพียงสองราชันาเท่านั้นที่ยังมีพลังสามารถต่อสู้ได้ ปรมาจารย์นักยุทธ์แทบไม่ได้รับาเ็ เพราะเมื่อปรมาจารย์นักยุทธ์ได้รับาเ็ พลังการต่อสู้จะลดฮวบลงและจะถูกลากตัวออกจากแนวป้องกันวงแหวนโดยสัตว์อสูรวานรแล้วจัดการฆ่าทิ้ง
สัตว์อสูรวานรก็ล้มตายและาเ็สาหัสจำนวนมากเช่นกัน ในหมู่สัตว์อสูรวานรเฒ่าระดับสี่เหลือเพียงสัตว์อสูรราชันวานรเพียงตัวเดียว ยังมีสัตว์อสูรวานรระดับสามอีกเจ็ดหรือแปดตัว อีกสามสิบตัวที่เหลือเป็ระดับสองทั้งหมด บ้างได้รับาเ็ บ้างก็พิการครึ่งหนึ่ง สรุปแล้วพลังของสัตว์อสูรวานรทั้งหมดในหุบเขาค่างปีศาจแทบจะสูญสิ้นไปแล้ว
เมื่อครู่ชนชั้นสูงของตระกูลจี้กำลังพักผ่อนอยู่ด้านหลัง ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เข้ามาในเวลานี้พร้อมพลธนูหน้าไม้หน่วยหนึ่ง กวาดล้างสัตว์อสูรวานรระดับสองหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับสัตว์อสูรวานรระดับสาม ลูกศรหน้าไม้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนัก แต่มีสองราชันาตระกูลเจิ้งร่วมมือต่อสู้อย่างหนัก มีสัตว์อสูรวานรระดับสามเพียงสองหรือสามตัวเท่านั้นที่สามารถแยกออกเพื่อจัดการกับตระกูลจี้ ตระกูลจี้จัดการกับพวกมันอย่างง่ายดาย
ชนชั้นสูงตระกูลจี้ออกศึก คลายความกดดันอย่างมากให้กับคนที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนักของตระกูลเจิ้งทันที ถึงแม้จะออกมาช้าไปหน่อย แต่สุดท้ายก็ทำให้สถานการณ์มีความมั่นคงขึ้น การโจมตีของสัตว์อสูรวานรยังคงดุร้ายโเี้มาก ใช้วิธีาเ็แลกกับาเ็ที่หลีกเลี่ยงยาก ตระกูลเจิ้งไม่สามารถทำแบบเดียวกับตระกูลจี้ ต่อสู้ระยะไกลหน่วยละห้าคน สามคนป้องกัน สองคนโจมตี ร่วมกับลูกศรหน้าไม้โจมตีระยะไกล ทำให้สัตว์อสูรวานรเข้าใกล้ได้ลำบาก
……
นอกหุบเขาค่างปีศาจ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดเืพล่าน กลิ่นคาวเืฟุ้งสุดเปรียบปาน จ้านอู๋มิ่งกลับกำลังกินเนื้อย่างบนยอดชะง่อนหินผา นอกหุบเขาค่างปีศาจ ปากมันเยิ้มพร้อมกับดื่มเมรัยเล็กน้อย สะดวกสบายใจยิ่งนัก
หลิ่วหว่านอวี๋รินเมรัยให้จ้านอู๋มิ่งด้วยสีหน้าหงุดหงิดขุ่นข้อง แทบอดไม่ไหวที่จะเตะหนักๆ ลงบนใบหน้าที่ภาคภูมิใจของบุรุษผู้นี้สักหลายๆ ครั้ง
“ยินดีเดิมพันก็ต้องยอมรับพ่ายแพ้ อย่าได้ทำสีหน้าที่มิยอมรับความพ่ายแพ้ ยิ้มสักครั้งให้กับข้าคุณชายหน่อย แล้วข้าจะให้รางวัลเ้าด้วยเนื้อย่างสักคำ!” จ้านอู๋มิ่งพูดเย้าหยอกอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
เหยียนควนและเจี่ยชิงอยากหัวเราะแต่ก็มิได้หัวเราะออกมา พวกเขามิ้าถูกหลิ่วหว่านอวี๋ระบายโทสะอาละวาดใส่ นายน้อยสี่ตระกูลจ้านที่ไม่เคารพผู้าุโตรงหน้าพวกเขานี้ ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกลึกซึ้งเกินหยั่งคาดชนิดหนึ่ง คอยบงการคุณหนูตระกูลหลิ่วที่มีผู้อารักขาราชันาระดับสองดาวสองคนะโสั่งทำโน่นนี่นั่น โดยมิรู้สึกกังวลแม้แต่น้อยว่าจะโดนสั่งสอน ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาเอาความเชื่อมั่นมาจากที่ใด แต่พวกเขากลับรู้สึกชื่นชมชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้จริงๆ
“ข้ามิ้าเนื้อย่างกลิ่นเหม็นของเ้า ขอเพียงเ้าบอกข้าว่าเ้าทำให้สัตว์อสูรวานรพวกนั้นโจมตีตระกูลเจิ้งอย่างคลุ้มคลั่งสติฟั่นเฟือนได้อย่างไรก็ใช้ได้แล้ว” สีหน้าหลิ่วหว่านอวี๋เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนหน้านี้นางเดิมพันกับจ้านอู๋มิ่ง นางมิเชื่อว่าจ้านอู๋มิ่งจะทำให้สัตว์อสูรวานรแห่งหุบเขาค่างปีศาจต่อสู้กับตระกูลเจิ้งได้ ผลปรากฏว่านางพ่ายแพ้แล้ว เดิมพันก็คือช่วยรินเมรัยให้จ้านอู๋มิ่ง ััรับรู้ประสบการณ์การเป็หญิงรับใช้สักครั้ง
หลิ่วหว่านอวี๋โกรธเคืองมาก แต่ยินดีเดิมพันก็ต้องยอมรับพ่ายแพ้ นางกลับมีความรับผิดชอบในส่วนนี้ แค่นางรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมา จ้านอู๋มิ่งแค่ไปที่หุบเขาค่างปีศาจเพื่อเดินวนรอบหนึ่ง สัตว์อสูรวานรแห่งหุบเขาค่างปีศาจก็ต่อสู้แลกชีวิตกับตระกูลเจิ้งขึ้นมา ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เกรงว่าผ่านศึกนี้ไป ชนชั้นสูงที่ตระกูลเจิ้งพามาในครั้งนี้จะต้องตายตกอยู่ที่นี่แล้ว
“ความจริงแล้วง่ายดายอย่างยิ่ง ครั้งก่อนข้าคุณชายไม่ระวังบังเอิญไปที่หุบเขาค่างปีศาจและขโมยเมรัยเลิศรสของสัตว์อสูรวานรเฒ่านั่นมา ทำให้สัตว์อสูรวานรเฒ่าโมโหจนคลุ้มคลั่ง ครั้งนี้ตอนที่ข้าเข้าไป ข้าทำเมรัยที่ขโมยมาหกเรี่ยราดตลอดทางออกมาจากหุบเขา สัตว์อสูรวานรเฒ่าย่อม้าจับหัวขโมยเมรัยเพื่อเป็การแก้แค้นสักครั้ง ผลลัพธ์พวกเขาเห็นตระกูลเจิ้ง คนเหล่านี้แต่งตัวเหมือนกับคนที่โจมตีหุบเขาค่างปีศาจครั้งล่าสุด แล้วจะไม่ต่อสู้แลกชีวิตกันอีกได้อย่างไร” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว
“อา ที่แท้เ้าเป็หัวขโมยเมรัย…” หลิ่วหว่านอวี๋พอฟังจบ อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เื่ราวกลับง่ายดายเช่นนี้
“สัตว์อสูรวานรเฒ่าจะรู้จักเสพสุขที่ไหนกัน ทิ้งเมรัยดีๆ ไว้ให้พวกมันดื่มเป็การสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงฉวยมา”
“มิทราบไฉนคุณชายจึง้าจัดการตระกูลเจิ้ง?” เหยียนควนสนใจอยากรู้ยิ่งนัก ชายหนุ่มคนนี้ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด แต่อยู่ในป่าสัตว์อสูรแห่งนี้เฉกเช่นมัจฉาอยู่ในวารีก็ปาน
“เฮอะ เพราะตระกูลเจิ้งหยิ่งผยองเกินไป อยู่แต่ในเมืองหลวงดีๆ ไม่ได้หรือไร ต้องมาถึงเมืองมู่เหย่ ฟาดงวงฟาดงาอวดบารมีของมัน กำเริบเสิบสานถึงตระกูลจ้านของข้า ดังนั้นข้าก็เลยต้องสั่งสอนพวกมันสักเล็กน้อย ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลิ่วในเมืองหลวงก็ขัดแย้งกับตระกูลเจิ้งเช่นกัน ไม่ทราบว่าท่านพี่ควนมาจากตระกูลหลิ่วในเมืองหลวงหรือเปล่า?” พลันจ้านอู๋มิ่งถามกลับ
สีหน้าเหยียนควนแปรเปลี่ยนไป เหลือบมองชายหนุ่มตรงหน้าหลายครั้งทันที แม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะดูท่าทางทะเล้นไม่แยแสใดๆ แต่รู้ทุกเื่ทะลุปรุโปร่งไปหมด ตระกูลหลิ่วและตระกูลเจิ้งบาดหมางกันราวน้ำกับไฟจริงๆ แต่ว่าอำนาจอิทธิพลของตระกูลหลิ่วมิสามารถเทียบได้กับตระกูลเจิ้ง จึงตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบเสมอมา
ล่าสุดไม่นานมานี้ ได้ยินว่าตระกูลเจิ้งมักไปเมืองมู่เหย่เพื่อระดมกำลัง ตระกูลหลิ่วรู้สึกสงสัยมากจึงได้มาเพื่อลองสืบข่าวสารเื่นี้ และตรวจสอบการเคลื่อนไหวของตระกูลเจิ้ง มิคาดคิดว่ากองกำลังของตระกูลเจิ้งมาเมืองมู่เหย่ก็เพื่อหุบเขาค่างปีศาจแห่งนี้ กลับถูกชายหนุ่มคนนี้เล่นงานตลบหนึ่งอย่างไร้ร่องรอย แทบจะกวาดล้างจนสิ้นตระกูลเจิ้ง แน่นอน เขาไม่ทราบว่าครั้งก่อนที่นายท่านสามเจิ้งและพรรคของเขาถูกฆ่าทำลายหมดสิ้น ก็เกิดจากฝีมือจ้านอู๋มิ่งเช่นกัน มิฉะนั้นพวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะกล้าตามจ้านอู๋มิ่งมาแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้