นำนิตยสารมาเสนอขายเสื้อผ้า?
ในสมองของเฉินซีเหลียงมีบางอย่างแล่นเข้ามากะทันหันวูบวาบว่องไวจนเขาจับไว้ไม่ทัน
“จ้างคนสวมเสื้อผ้าของพวกคุณถ่ายหน้าปกนิตยสารน่ะผู้ชมชื่นชอบนักแสดงหญิงอย่างเจียงหลีหลีคนนี้ คุณก็หานักแสดงชายหล่อเหลาสักคนส่งเสื้อผ้าของคุณให้เขาใส่ หรือไม่ก็ให้การสนับสนุนนิตยสารพวก《สมัยนิยม》ให้ถ่ายหน้าปกโดยตรง โดยการจัดหาเสื้อผ้าให้ทางนิตยสารเลือกสรรแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ว่านิตยสารจะใช้นักแสดงชายคนไหน พวกคุณก็ไม่มีอะไรเสียหาย”
ความทันสมัยมิใช่อาศัย ‘วงการแฟชั่น’ คอยนำทางหรือ
่แรกของยุค 80 แม้วงการแฟชั่นในประเทศจะฝืดเคืองมากแต่ก็สามารถกล่าวว่าไม่มีอยู่เลยได้ นิตยสารแฟชั่นในประเทศอย่าง《สมัยนิยม》ได้ถูกตีพิมพ์มาหลายปีแล้วนิตยสารประเภท《ภาพยนตร์ดัง》จะใช้ดาาายหญิงขึ้นไปอยู่หน้าปกอยู่บ่อยครั้ง! เครื่องแต่งกายของตัวละครชายหญิงในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่โด่งดังมักเป็จุดเริ่มต้นของกระแสนิยมกระทั่งในอนาคต นางแบบมืออาชีพยังคงเป็ไม้แขวนเสืุ้์ที่ใช้แสดงสินค้าแฟชั่น ทว่าผู้ที่ทำให้สินค้าบางชนิดโด่งดังอย่างแท้จริงยังคงเป็ดาราที่มวลชนทั่วไปรู้จักคุ้นเคยมากกว่า
ประตูบานใหญ่สู่โลกใบใหม่ของเฉินซีเหลียงถูกเปิดออกด้วยคำแนะนำของเซี่ยเสี่ยวหลาน “โฆษณา ที่เธอหมายถึงคือโฆษณาอย่างนั้นหรือ?”
โฆษณามิใช่ของแปลกใหม่อะไร อย่างน้อยในหยางเฉิงก็พบเห็นได้บ่อยๆ ทว่าหยางเฉิงมีโรงงานผลิตเสื้อผ้ามากมายหลายแห่งเช่นนี้ทุกคนล้วนต่างกำลังศึกษาว่าปีถัดไปสิ่งใดจะเป็ที่นิยม แต่กลับไม่มีคนคิดเลยว่าพวกเขายังสามารถ ‘กำหนด’ ความนิยมจากต้นน้ำได้
“ไม่ต่างจากโฆษณามากหรอก ไม่ตรงไปตรงมาเท่าการโฆษณาและไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาล”
เฉินซีเหลียงบ่นพึมพำ “หากสำนักพิมพ์นิตยสารเขาไม่้าเสื้อผ้าของพวกเราจะทำอย่างไรอีกทั้งนักแสดงชายก็อาจไม่ทำตามความคิดของพวกเรานี่นา...”
สำนักพิมพ์นิตยสารและนักแสดงคือสิ่งที่ห่างไกลจากเฉินซีเหลียงพ่อค้าค้าส่งเล็กๆคนนี้เหลือเกิน
ยิ่งไปกว่านั้นนิตยสาร《สมัยนิยม》คือ ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ ที่เฉินซีเหลียงศึกษาเป็ประจำ จะให้เขาปรับเปลี่ยนความคิดทันทีทันใดจากนมัสการ ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ ไปเป็การเปลี่ยนเนื้อหาของ ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ เฉินซีเหลียงย่อมลังเลแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานกลอกตาขาวส่งให้เขา “แน่นอนว่าคุณต้องใช้ความคิดและสนับสนุนค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ ด้วย อย่างไรเสียคุณก็ไม่ได้ขาดเงินจำนวนเท่านี้เสียหน่อย! ว่าแต่ตกลงแล้วคุณมีสินค้าค้างอยู่เท่าไร?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าในปี 84 เฉินซีเหลียงมีสินทรัพย์เท่าไรแล้วเฉินซีเหลียงเป็ผู้ค้าส่งเสื้อผ้า แต่อย่างน้อยเขาก็มั่งคั่งกว่านักธุรกิจอิสระเล็กๆที่เพิ่งค้าขายเสื้อผ้าเก็งกำไรได้เพียงไม่กี่เดือนอย่างเธอ
เฉินซีเหลียงเป็เพียงพ่อค้าส่งเสื้อผ้าในอนาคตไม่มีสิทธิ์คิดจ้างดาาายระดับเดียวกับเจียงหลีหลีช่วยโฆษณาหากใช้คำพูดของยุคหลังอธิบาย เจียงหลีหลีก็คือ ‘ดรุณีแห่งชาติ’ ดาราระดับเดียวกับเธอย่อมเป็ ‘ดรุณแห่งชาติ’แน่นอน อีก 30 ปีให้หลัง รายได้จากการแสดงของดรุณแห่งชาติต้องใช้หลักร้อยล้านมาคำนวณ...ทุกวันนี้น่ะหรือ นักแสดงชายส่วนใหญ่ในปี 84 ล้วนรับเงินเดือนกันทั้งนั้นละครหนึ่งเื่ทำเงินได้เท่าไรกัน? ค่าแรงถ่ายภาพยนตร์ถึงหนึ่งพันหยวนหรือยังเล่า?
ดรุณีแห่งชาติเช่นเจียงหลีหลีผู้นี้ ค่าตัวอาจยังแพงไม่เท่ารายได้ของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยซ้ำ
เหล่านักแสดงยังไม่รู้จักเปลี่ยนชื่อเสียงให้เป็เงินคนที่กล้ารับงานถ่ายโฆษณาจึงได้ค่าตัวแค่หนึ่งพันสองพันหยวนเท่านั้น
แม้ทุ่มเงินฟาดไม่อั้น แต่ ‘โฆษณา’ ที่ไม่จำเป็ต้องให้นักแสดงรับผิดชอบต่อคุณภาพสินค้าแบบนี้จะต้องใช้เงินขนาดไหนกันเชียว? ขอเพียงสวมใส่เสื้อผ้าที่เฉินซีเหลียงจัดเตรียมไว้และถ่ายภาพเท่านั้นตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็คิดว่าจริงๆ แล้วเสื้อนอกนั่นดูดีมากทีเดียว ถึงราคาจะแพงไปสักหน่อยทว่าแม้แต่ในซางตูก็ยังสามารถขายได้ ยิ่งถ้ามีนักแสดงชายสวมขึ้นปก《สมัยนิยม》หรือ《ภาพยนตร์ดัง》ไม่ว่าในมือเฉินซีเหลียงจะมีสินค้าคั่งค้างอยู่เท่าไรก็สามารถขายออกไปได้ทั้งหมด หรือบางทีอาจขายดีถึงขั้นสินค้าขาดตลาดเลยทีเดียว
สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานสงสัยก็คือ เฉินซีเหลียงเป็แค่พ่อค้าส่งรายย่อยเสื้อผ้าแบบเดียวกันนี้คงค้างคลังได้มากที่สุดหลายร้อยตัวสินะ?
ราคารับซื้อสินค้าของเซี่ยเสี่ยวหลานคือ 70 หยวน เฉินซีเหลียงเองยังมีช่องว่างที่จะทำกำไรได้อีก ใช่แล้วเสื้อนอกขนแพะชายหลายร้อยตัวก็ต้องลงเงินไปจำนวนหลายหมื่นหยวน ควรค่าแก่การที่เฉินซีเหลียงจะไปต่อสู้เพื่อนำหน้าปกนิตยสารกลับมาให้ได้
เฉินซีเหลียงพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็คิดว่าวิธีของเซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะได้ผล
ทว่าจะหาคนถ่ายภาพในตอนนี้นั้นคงไม่ทันการแล้วเฉินซีเหลียงต้องใช้เวลาไปติดต่อนักแสดงชายเ่าั้ตอนนี้เข้ากลางเดือนกุมภาพันธ์แม้ขึ้นหน้าปกนิตยสารของเดือนหน้าก็ถือว่าสายเกินไปอยู่ดี ใครจะยัง้าซื้อเสื้อนอกขนแพะกลางเดือนมีนาคมอีก?
วิธีการนี้ใช้ได้ตอนปลายปีเท่านั้น
หรือบางทีไม่ต้องรอถึงปลายปีสามารถใช้เสื้อผ้าแบบอื่นทดลองผลลัพธ์ล่วงหน้า!
เฉินซีเหลียงหัวใจเต้นตึกตัก ถ้าใช้การได้ผลจริงนี่เป็หนทางที่สามารถทำเงินจำนวนมากเลยทีเดียวกลเม็ดทำเงินมากมายอธิบายชัดเจนแล้วก็ไม่ใช่เื่ยาก แค่ต้องดูว่าใครคิดออกก่อนเฉินซีเหลียงทำหน้าพิลึกพิลั่น
“คุณผู้หญิงเซี่ย เคล็ดวิธีนี้ของคุณมีค่ามากกว่านิตยสารหนึ่งกองเสียอีกบอกฉันอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยจะดีหรือ?”
หากเป็คนอื่น เฉินซีเหลียงก็คงรับวิธีนี้ไว้ด้วยความสบายใจอยากผลัดเปลี่ยนนิตยสารบ้างไม่ใช่หรือ มอบนิตยสารให้คุณ ทุกคนพึงพอใจทั้งสองฝ่าย!
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนอื่นนี่นา เฉินซีเหลียงยังไม่แจ่มแจ้งว่าเธอมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่คนที่เชิญมาครั้งก่อนทำเอาเคออีสฺยงหัวหดเฉินซีเหลียงรู้ตัวดีว่ามีน้ำยาสู้เคออีสฺยงไม่ได้ ทว่าคนทำธุรกิจอิสระเล็กๆคนหนึ่งเช่นเขาจะต่อกรกับคุณผู้หญิงเซี่ยเพื่ออะไรเล่าทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้รับผลประโยชน์ไปด้วยไม่ดีกว่าหรอกหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานตรวจนับนิตยสารเสร็จสิ้น “วิธีของฉันนี้มีค่าแน่นอนหนึ่งวิธีสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายไม่ได้ทำเงินแค่กับเสื้อนอกขนแพะชายที่ค้างคลังพวกนั้นเท่านั้น เถ้าแก่เฉินฉันอยากร่วมงานระยะยาวกับคุณ คุณได้ดีทุกคนก็ได้ดี ถูกไหมเล่า?”
เมื่อก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินว่าธุรกิจเสื้อผ้ารายได้งามแต่พอลงมือจริงถึงพบว่าจะต้องทำเงินแบบนี้นั่นเอง
เธอไม่ค่อยพอใจที่เปิดเพียงร้านเสื้อผ้ารายย่อยหนึ่งแห่ง แต่เฉินซีเหลียงสามารถกลายเป็เ้าพ่อกิจการเสื้อผ้าจากผู้ค่าส่งตัวเล็กๆทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานจะทำไม่ได้? ทว่าเธอยังต้องเรียนหนังสือมหาวิทยาลัยในปัจจุบันนี้ดูแลอย่างเข้มงวด ไม่มีทางอนุญาตให้เธอขาดเรียนทุกสัปดาห์แน่เซี่ยเสี่ยวหลานอยากพับแขนเสื้อขึ้นลงมือได้ด้วยตัวคนเดียวในเร็ววันเหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องรอหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยสี่ปี
ก่อนถึงเวลานั้น เธอทำได้เพียงไม่หยุดสะสมเงินทุนเฉินซีเหลียงฝ่าวงล้อมอยู่ด้านหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานคอยตามเก็บผลประโยชน์อยู่ด้านหลังหากไม่ติดตั้งอาวุธแก่เฉินซีเหลียงซึ่งฝ่าฟันอุปสรรคอยู่แนวหน้าให้ดีกว่าจะรอเขากลายเป็เ้าพ่อในยุคมิลเลนเนียลจริงๆ นั่นเป็เื่ในอีกหลายสิบปีข้างหน้า—สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานมันไม่ทันการแล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เสนอว่าจะร่วมหุ้นในตอนนี้เช่นกัน
ถ้าเฉินซีเหลียงได้ลิ้มลองผลประโยชน์และถีบส่งเธอทิ้งเช่นนั้นคนคนนี้ก็ไม่มีความจำเป็ต้องร่วมงานระยะยาวอีกต่อไป
เฉินซีเหลียงจะผิดพลาดซ้ำหรือไม่จะได้ขึ้นหน้าข่าวกฎหมายอีกครั้งหรือเปล่า เกี่ยวข้องอะไรกับเซี่ยเสี่ยวหลาน?
มนุษย์แปรเปลี่ยนอยู่เสมอ อย่างน้อยเถ้าแก่เฉินในตอนนี้ยังมีคุณธรรมถามย้ำไปมาหลายหน “นี่ช่วยเหลือฉันได้มาก ฉันย่อมจดจำไว้แน่นอน”
เถ้าแก่เฉินผู้กำลังซาบซึ้งแนะนำเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิหลากหลายรูปแบบให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน
“ร้านค้าส่งของหยางเฉิงที่ได้สินค้าฤดูใบไม้ผลิในเวลานี้มีไม่มากหลังตรุษจีนโรงงานส่วนใหญ่ยังไม่เริ่มงาน จะมีสินค้าที่ไหนกัน?”
นอกจากโรงงานยังไม่เริ่มทำงาน ผู้ค้าส่งที่ตั้งแผงลอยเ่าั้ก็ยังไม่ดำเนินการเปิดร้านสินค้าของเฉินซีเหลียงดีเลิศขนาดไหน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจเลือกสินค้าของเขาแค่เพียงเ้าเดียวจนครบได้อยู่ดีเธอเลือกสินค้าราวแปดพันกว่าหยวนและชำระค่าสินค้าที่เฉินซีเหลียงส่งเกินมาก่อนตรุษจีนส่วนนั้นจนหมดเฉินซีเหลียงพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปยังบ้านของสหายร่วมวงการเลือกสินค้าจากหลายเ้ารวมกันไปราคาหนึ่งหมื่นหยวน
นำเข้าสินค้าหนนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานรับซื้อเสื้อผ้าไปสองหมื่นหยวนเต็มๆ
ยึดเสื้อผ้าสตรีเป็หลักดั่งเดิมเสื้อผ้าบุรุษที่เธอรับคือเสื้อมีปกและกางเกงตะวันตก เดิมทีในบัญชีมีเงินอยู่ 29800 หยวน ให้ค่าตกแต่งภายในที่หลิวหย่งสำรองจ่ายไป 2000 หยวน ยังเหลือ 27800 หยวนชำระค่าสินค้าส่วนเกินอีก 5000 หยวนที่เฉินซีเหลียงส่งมาก่อนตรุษจีนรับซื้อสินค้าคราวนี้เสร็จ ในบัญชีก็เหลือประมาณสองพันหยวนแต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รีบร้อน สำหรับร้านค้าส่งอื่นนั้นไม่ทราบ แต่อย่างน้อยกับทางเฉินซีเหลียงนี้ติดค้างค่าสินค้าไม่กี่พันก็ไร้ปัญหา
“ร่วมงานกันอย่างมีความสุขนะ เถ้าแก่เฉิน!”
เป็คุณพ่ออุปถัมภ์ทางการค้าจะมีอนาคตไกลยิ่งนัก สู้เขานะเถ้าแก่เฉิน!
เชิงอรรถ
[1]ในที่นี้หมายถึงผู้อุปถัมภ์ทางการค้าหรือที่มักเรียกว่า Sponsor
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้