สามวันต่อมา
จากการร่วมกันทำงานอย่างขันแข็งของทั้งสองทีมในที่สุดคดีนี้ก็เริ่มได้เบาะแสที่สามารถนำไปสู่การคลี่คลายคดีการทำงานตลอด่หลายวันมานี้ทำใหู้เี่อันกับคนในทีมเหนื่อยล้ากันไปหมด
และยังมีอีกคนที่ตอนนี้เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดนั่นก็คือเสิ่นเยว่ชวน
หลายวันมานี้จู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็กลายเป็คนบ้างานเขามาที่บริษัทั้แ่เช้า ถ้าไม่ต้องออกไปกินเลี้ยงที่ไหนมื้อเที่ยงและมื้อเย็นเขาจะกินในห้องทำงาน วันๆ หนึ่งเขาทำงานไม่ต่ำกว่าสิบหกชั่วโมง
คนที่เป็ผู้ช่วยพิเศษอย่างเสิ่นเยว่ชวนและบรรดาเลขาผู้ช่วยทั้งหลายเองก็เจอชะตากรรมไม่ต่างกันแต่ทุกคนดูออกว่าลู่เป๋าเหยียนกำลังอารมณ์ไม่ดีเลยไม่มีใครกล้าพูดอะไรพวกเขาได้แต่แอบถามเสิ่นเยว่ชวนถึงสถานการณ์บ้างเป็ระยะๆ
เสิ่นเยว่ชวนได้แต่ส่ายหน้า“ทางที่ดีอย่ารู้เลย”
ตอนนี้มีแต่การทำงานเท่านั้นที่จะทำให้ลู่เป๋าเหยียนเหนื่อยจนลืมคิดเืู่เี่อันไปได้มันทำให้ในตอนกลางคืนเขาเหนื่อยมากพอที่สมองจะเริ่มมึนงงจนสามารถหลอกตัวเองได้ว่าูเี่อันยังคงอยู่ข้างกายไม่ไปไหนจนกระทั่งหลับไป
พอตื่นขึ้นมาในวันใหม่เมื่อเห็นเตียงที่ว่างเปล่า ความอ้างว้างในใจก็เริ่มจู่โจมเขาอีกครั้งเขาจึงต้องก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างบ้าคลั่ง
วันเวลาหมุนเวียนไปแบบนี้ซ้ำเล่าซ้ำเล่า
จนกระทั่งเสิ่นเยว่ชวนเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปสี่โมงกว่าของวันหนึ่งเขาจึงพุ่งไปหาที่ลู่เป๋าเหยียนที่โต๊ะทำงาน
“นายพอได้แล้วหรือยัง!ฉันจะไปบอกความจริงูเี่อันเดี๋ยวนี้แล้วนะ!”
“เสิ่นเยว่ชวน”ลู่เป๋าเหยียนมองเขาด้วยสายตาน่ากลัว “ฉันเคยพูดแล้วไงว่าจะให้เธอรู้ไม่ได้”
“งั้นนายจะทำตัวแบบนี้ไปตลอดงั้นเหรอ?” เสิ่นเยว่ชวนตะคอก“นายรู้หรือเปล่าว่าถ้าปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไป นายจะล้มในไม่ช้านี่คิดว่าตัวเองเป็หุ่นยนต์ที่ไม่มีวันเจ็บป่วยหรือไงฮะ!”
ลู่เป๋าเหยียนเริ่มรู้ตัวว่าเสิ่นเยว่ชวนเองก็ทำโอทีอยู่กับเขามาแล้วหลายวัน เขาจึงวางปากกาลง
“นายกลับไปพักก่อนก็ได้”
“ฉันจะไปส่งนายก่อน”เสิ่นเยว่ชวนปลดเนกไทอย่างอ่อนใจ หลังขึ้นรถมาก็เอ่ยขึ้นว่า“ไหนบอกว่าจะให้เจี่ยนอันเป็คนเลือก แต่นายไม่ยอมบอกความจริงกับเธอสักอย่างแล้วจะให้เธอเลือกได้ยังไง”
ลู่เป๋าเหยียนหลับตาลง“เธอเลือกเจียงเส้าข่ายไปแล้ว”
เสิ่นเยว่ชวนนิ่งไปก่อนเอ่ย“แต่ทำไมฉันกลับคิดอยู่ตลอดว่าเื่มันไม่ควรเป็แบบนี้”
ที่เขาเคยสืบมาคือูเี่อันกับเจียงเส้าข่ายสนิทกันมากแต่ไม่ใช่ในเชิงชู้สาวระหว่างสองคนนั้นมีแต่มิตรภาพแบบเพื่อนเท่านั้น
เขาคงต้องไปสืบเพิ่มอีกรอบโดยเริ่มจากซูอี้เฉิงก่อน เพราะเขาคือพี่ชายของูเี่อันเป็คนที่รู้จักเธอดีที่สุด
แต่ที่เสิ่นเยว่ชวนไม่นึกเลยว่าหลังไปส่งลู่เป๋าเหยียนที่บ้าน เขาจะได้รับโทรศัพท์จากซูอี้เฉิง
“สะดวกมาเจอกันหน่อยไหม?” ซูอี้เฉิงถาม“แต่อย่าบอกให้ลู่เป๋าเหยียนรู้นะ”
“ได้สิฉันกำลังอยากคุยกับนายพอดี” เสิ่นเยว่ชวนเลี้ยวรถออกจากเขตหมู่บ้าน “นายอยู่ไหน”
ซูอี้เฉิงอยู่ในห้องไพรเวทของผับแห่งหนึ่งเสิ่นเยว่ชวนเหยียบคันเร่ง ไม่ถึงสามสิบนาทีเขาก็ถึงจุดหมาย
หลังนั่งลงเสิ่นเยว่ชวนก็สะบัดคอและไหล่เพื่อคลายความเมื่อยล้าซูอี้เฉิงยื่นแก้วเหล้ามาให้
“เพิ่งเลิกงาน?”
“บอสใหญ่ของเราบ้าไปแล้วน่ะสิพวกฉันเลยต้องคอยอยู่รับใช้จนดึกแบบนี้” เสิ่นเยว่ชวนหมุนแก้วในมือพลางเอ่ย“นายเรียกฉันมาเพราะเื่เจี่ยนอันกับเป๋าเหยียน?”
“ใช่”ซูอี้เฉิงนวดขมับอย่างกลุ้มใจ “เพิ่งครึ่งปีเองแต่กลับทะเลาะกันจนจะหย่าซะแล้ว”
“เจี่ยนอันบอกเองว่าเธอชอบเจียงเส้าข่าย”เสิ่นเยว่ชวนถือโอกาสถามเื่ที่เขาข้องใจ
“คนที่พูดเื่หย่าออกมาก่อนคือเธอถ้านายเป็ลู่เป๋าเหยียนก็คงได้แต่ตกลง”
“ลู่เป๋าเหยียนเคยใช้สมองคิดบ้างไหมเนี่ย?” ซูอี้เฉิงขมวดคิ้ว“จากนิสัยของเจี่ยนอัน ถ้าเธอชอบเจียงเส้าข่ายจริงๆ จะยอมตกลงแต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนงั้นเหรอเธอคงยอมให้ซูหงเยวี่ยนจับตัวไปยังจะดีกว่า”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกันว่าเจี่ยนอันคงไม่ใช่คนแบบนั้น...”ว่าแล้วเสิ่นเยว่ชวนฉุกคิดอะไรขึ้นได้ เขาเบิกตากว้างพลางมองซูอี้เฉิง “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ? หมายความว่าไง?”
ซูอี้เฉิงหมุนแก้วเหล้าในมือเล็กน้อย“ก็หมายความตามที่นายคิดน่ะแหละ”
เสิ่นเยว่ชวนรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าเขาช็อกไปแล้ว
คนนอกมักจะมองเห็นความจริงได้ดีกว่าเ้าของเื่เขาสังเกตูเี่อันกับลู่เป๋าเหยียนเวลาอยู่ด้วยกันด้วยสายตาของคนนอกมาตลอดการทีู่เี่อันเขินอายและหน้าแดงทุกครั้งเวลาเขาแซวเื่เธอกับลู่เป๋าเหยียนคนนิสัยแบบูเี่อัน ถ้าไม่ได้ชอบแล้วทำไมถึงได้มีปฏิกิริยาแบบนั้น?
ถ้าไม่ได้ชอบเธอคงแค่มองมาอย่างเ็าก่อนบอกว่า ‘อย่าล้อเล่นมั่วซั่ว’ แน่ๆ
เขาว่าแล้วว่าูเี่อันจะชอบเจียงเส้าข่ายได้อย่างไรเื่นี้มันเป็ไม่ได้!
“เื่นี้เป็ความลับของเจี่ยนอันที่ฉันบอกนายก็เพราะอยากให้นายพูดความจริงกับฉัน...” ซูอี้เฉิงถาม“ตกลงลู่เป๋าเหยียนคิดยังไงกับน้องสาวฉันกันแน่?”
“ฉันบอกนายอย่างนี้ดีกว่า...”เสิ่นเยว่ชวนยิ้มก่อนเอ่ย “ที่ลู่เป๋าเหยียนตอบตกลงหย่ากับเจี่ยนอันก็เพราะเจี่ยนอันบอกจากปากตัวเองว่าชอบเจียงเส้าข่าย เขาเลยะเืใจอยากให้เจี่ยนอันมีความสุข แต่หลังจากเจี่ยนอันไปทำงานที่ซานชิงลู่เป๋าเหยียนก็กลายเป็บ้า ทำงานวันละสิบหกชั่วโมงกลับไปบ้านก็ไม่ไปนอนห้องตัวเอง แต่ไปนอนในห้องเจี่ยนอันแทนเพราะตอนนี้เขาข่มตาหลับลงได้ก็แค่ที่นั่น นายว่าเขาคิดยังไงกับน้องสาวนายล่ะ?”
ซูอี้เฉิงเข้าใจเื่ทุกอย่างแล้วแต่ก็อดกุมขมับอย่างปวดหัวไม่ได้
“เื่นี้ก็แค่นั่งจับเข่าคุยกันก็หมดเื่สองคนนี้เล่นอะไรกันเนี่ย”
ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มของเสิ่นเยว่ชวนก็ชะงักค้าง
เขาลืมตัวแปรที่สำคัญที่สุดไปนั่นก็คือ คังรุ่ยเฉิง
สาเหตุสำคัญที่สุดที่ลู่เป๋าเหยียนตกลงหย่ากับูเี่อันก็เพราะชายคนนี้ซึ่งทำให้คนที่อยู่ข้างกายลู่เป๋าเหยียนไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
งั้น...เขาจะบอกเื่ความรู้สึกของเจี่ยนอันกับลู่เป๋าเหยียนดีไหมนะ?
“ช่างเถอะ”ซูอี้เฉิงวางแก้วเหล้าในมือ “ไว้รอเจี่ยนอันกลับมาฉันค่อยไปคุยกับเป๋าเหยียนเองดูสิว่าถ้าเจี่ยนอันคบกับเจียงเส้าข่ายแล้วเขาจะทำยังไง”
เสิ่นเยว่ชวนยิ้มแห้งก่อนจะออกจากผับไปด้วยความกังวล
วันรุ่งขึ้นเมื่อลู่เป๋าเหยียนมาถึงที่บริษัทตอนเช้าก็สังเกตเห็นว่าเสิ่นเยว่ชวนดูผิดปกติเมื่อก่อนถ้าสีหน้าเขาเป็แบบนี้ เวลามีคนถามว่าเป็อะไร เขาก็มักจะหยิบรูปสาวๆ ออกมาสองใบก่อนจะยิ้มร่าและพูดว่า
“นายว่าวันนี้ฉันควรนัดใครออกมาดี?”
หลังเจอเหตุการณ์แบบนี้สองครั้งลู่เป๋าเหยียนก็ไม่คิดจะสนใจสีหน้าของเสิ่นเยว่ชวนอีกต่อไปจนกระทั่ง่บ่ายที่เสิ่นเยว่ชวนเข้ามาส่งเอกสาร แต่กลับยืนนิ่งไม่ยอมออกไปพลางทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดสุดท้ายเขาจึงถามออกไป
“นายมีอะไรหรือเปล่า”
“ฉัน...”เสิ่นเยว่ชวนลังเล “ช่างเถอะ ไว้รอให้ซูอี้เฉิงมาคุยกับนายเองแล้วกัน”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาลงเล็กน้อยเื่นี้เกี่ยวกับเจี่ยนอันสินะ
เขาปิดเอกสารในมือ“ซูอี้เฉิงบอกอะไรนาย?”
“อีกไม่นานนายก็รู้เอง!”เสิ่นเยว่ชวนพูดพลางเดินหนี “ตอนนี้ฉันคงทำได้แค่เตือนนายว่าเื่ที่จะหย่ากับเจี่ยนอัน นายลองคิดดูอีกทีจะดีกว่า เื่มัน เอ่อ...ไม่ได้เป็อย่างที่นายคิด”
สุดท้ายเสิ่นเยว่ชวนก็ไม่กล้าบอกความจริงกับลู่เป๋าเหยียนหลายปีมานี้ลู่เป๋าเหยียนทำอะไรเพื่อูเี่อันบ้างเขารู้ดีที่สุดถ้ารู้ความในใจของูเี่อันแล้วล่ะก็...บางทีเมืองทั้งเมืองอาจจะต้องสั่นะเื
ลู่เป๋าเหยียนเดาไม่ออกว่าตกลงซูอี้เฉิงพูดอะไรกับเสิ่นเยว่ชวนกันแน่แต่เขารับรู้ได้ว่าเื่นี้มีอะไรแปลกๆ
เื่ไม่ได้เป็อย่างที่เขาคิดมันหมายความว่าอย่างไร?
ตกลงซูอี้เฉิงพูดอะไร?
ทันใดนั้นเขาก็นึกไปถึงเื่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนซูอี้เฉิงมาขอให้เขาช่วยดึงลั่วเสี่ยวซีมาเซ็นสัญญากับ Lu Media ตอนนั้นซูอี้เฉิงรับปากเขาไว้ว่าจะไม่ให้เขาช่วยฟรีๆ แน่ สามเดือนให้หลังเขาจะบอกความลับของูเี่อันให้รู้หรือว่า...
หลังเวลาเลิกงานลู่เป๋าเหยียนไม่ได้ทำโอทีต่อ เขาโทรไปหาซูอี้เฉิงที่บริษัทด้วยตัวเอง ก่อนจะถามว่าพอจะมีเวลาว่างไหม
“ตอนแรกฉันกะว่าจะไปหานายหลังจากเจี่ยนอันกลับมา”ซูอี้เฉิงเอ่ย “แต่ไหนๆ นายก็โทรมาแล้ว งั้นมาเยี่ยมบริษัทฉันสักรอบไหม”
ลู่เป๋าเหยียนให้อาเฉียนไปส่งที่เครือเฉิงอันผู้ช่วยของซูอี้เฉิงเป็คนออกมาต้อนรับ ก่อนจะนำทางไปยังห้องทำงานของซูอี้เฉิง
ในห้องทำงานที่กว้างขวางซูอี้เฉิงกำลังนั่งกุมขมับอยู่ที่โซฟา นิ้วมือของเขาคีบบุหรี่เอาไว้เห็นได้ชัดว่ากำลังรอลู่เป๋าเหยียนอยู่
ลู่เป๋าเหยียนนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวด้านข้าง
“ถึงเวลาทำตามสัญญาที่นายเคยให้ไว้เมื่อหลายเดือนก่อนหรือยัง?”
“นายเพิ่งนึกออกงั้นเหรอ”ซูอี้เฉิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันนึกว่านายจะรู้ตัวก่อนที่ฉันจะบอกนายเสียอีกเพราะเจี่ยนอันเองก็ชัดเจนกับนายมาก แถมฉันยังให้เวลานายตั้งสามเดือน”
ลู่เป๋าเหยียนเริ่มเดาได้ว่าซูอี้เฉิงจะพูดอะไร
ั้แ่เกิดมาเขาเพิ่งเคยรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้นี่เป็ครั้งแรกที่เขาััได้ถึงลมหายใจและหัวใจที่เต้นระรัวของตัวเอง
“หมายความว่ายังไง”เขาพยายามทำเสียงให้เป็ปกติที่สุด “นายอยากจะบอกอะไรฉันกันแน่”
ซูอี้เฉิงวางบุหรี่ในมือก่อนจะพูดช้าๆ“มีอยู่่หนึ่งที่ฉันไม่ชอบนายเอาซะเลย รู้ไหมว่าเพราะอะไร? ฉันเห็นเจี่ยนอันมาั้แ่เล็กฉันเลี้ยงน้องมาอย่างทะนุถนอมแต่เพราะฉันดีกับเธอเกินไปเธอเลยไม่สนใจผู้ชายวัยเดียวกันสักคนจนกระทั่งนายโผล่มา”
“จู่ๆ ฉันก็รู้สึกได้ว่าเธอเอาแต่พูดถึงนายตอนนั้นเจี่ยนอันแค่สิบขวบ ยังไม่รู้จักเก็บความรู้สึกทุกครั้งที่เอ่ยชื่อนายออกมาเธอก็มักจะดีใจเธอเรียกนายว่าพี่เป๋าเหยียนเสียงหวานกว่าเรียกฉันเสียอีกแล้วแบบนี้ฉันจะชอบนายได้ยังไง?”
“เห็นแบบนั้นฉันก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีฉันรอจนเจี่ยนอันโต แต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่ยอมบอกฉันแต่ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อนายขึ้นมา แววตาของเธอจะทอประกาย ข่าวทุกเื่ที่เกี่ยวกับนายเธอไม่เคยพลาดเลยสักอันฉันแกล้งหลุดปากออกไปว่าสุดสัปดาห์นายจะไปเล่นกอล์ฟ เธอก็ตามฉันไปด้วยแต่น่าเสียดายที่วันนั้นนายไม่ได้ไป ฉันแกล้งแซวนิดหน่อยเธอเลยไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้เจอนายโดยบังเอิญอีกมีแต่นายเท่านั้นที่ทำให้น้องฉันกลายเป็แบบนี้”
“ตอนที่เจี่ยนอันยื่นเื่ไปเรียนที่ต่างประเทศมีมหาวิทยาลัยชื่อดังเชิญเธอให้ไปเรียนมากมายแต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะไปมหาวิทยาลัยโคลัมเบียน่ะเหรอก็เพราะว่านายเคยเรียนที่นั่นไงหลังกลับมาฉันบอกว่าจะช่วยนัดนายให้มาเจอกันก็ได้นะ แววตาของเจี่ยนอันเป็ประกายทันทีแต่สักพักมันก็เริ่มหมองลง เธอไม่มั่นใจในตัวเองเพราะนายไม่ใช่พี่เป๋าเหยียนเมื่อสิบสี่ปีก่อนอีกแล้วนายกลายเป็ดาวเด่นของวงการธรุกิจที่มีแฟนสาวเป็ดาราชื่อดังเธอรู้สึกว่าตัวเองห่างชั้นกับนายมาก มันคงเป็ไปไม่ได้เพราะฉะนั้นเธอเลยไม่กล้าไปเจอหน้านาย ได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้”
“คนที่หยิ่งและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างเจี่ยนอันกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอนายคิดว่าฉันไม่มีอำนาจมากพอจะปกป้องเธอเลยต้องมาขอให้นายช่วยจริงๆ น่ะเหรอฉันก็แค่อยากให้น้องสาวซื่อบื้อของฉันได้มีโอกาสใกล้ชิดนายเท่านั้นฉันรู้ว่าระหว่างนายกับหานรั่วซีไม่ได้มีอะไรเกินเลยฉันเชื่อว่าสักวันนายจะรู้ตัวว่าน้องสาวฉันชอบนายมากแค่ไหน”
“แต่นายกลับเชื่อว่าเธอชอบเจียงเส้าข่ายเนี่ยนะ? ถ้าเธอชอบเจียงเส้าข่ายจริงๆเธอจะยอมตกลงกับนายหรือไง? อยู่กับเธอมาตั้งครึ่งปีนายเองก็น่าจะรู้นิสัยเธอดี”
“ลู่เป๋าเหยียน”ซูอี้เฉิงทำหน้าเหมือนกำลังปวดหัว “มีแต่คนบอกว่านายเป็คนสายตาเฉียบคมแล้วทำไมนายถึงดูไม่ออกถึงความรู้สึกที่เจี่ยนอันมีให้มาตลอดสิบปีกัน?”
