ดวงตาของเสี่ยวซือสอดส่องไปที่ร่างของฉือหาง เขาเดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมโน้มเอวและศีรษะด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
หลินกู๋หยู่ยืนขึ้นข้างๆ ฉือหาง และมองไปที่เสี่ยวซือด้วยท่าทางงงงวย
"คุณชายฉือ" ชายหนุ่มมองไปที่ฉือหางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า น้ำเสียงเคารพนบนอบ "ไม่ทราบว่าในวันมะรืนนี้ท่านมีเวลาหรือไม่?"
ฉือหางหันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างๆ จากนั้นหันศีรษะไปมองคนรับใช้ "ข้ามีเวลา"
ตอนนี้หลินกู๋หยู่ไม่ยอมให้เขาไปล่าสัตว์บนูเา ส่วนไร่นาก็ไม่มีส่วนงานของเขา เขาตรองดูแล้ว เขาคิดว่าจะเหลาลูกธนูที่บ้านทุกวัน
“คุณหนูของเราสกุลเจียง คุณหนูเจียงอยากจะบอกว่า ถ้าท่านมีเวลาว่าง ท่านช่วยไปที่ร้านอาหารกลิ่นหอมแห่งจตุฤดูในเมืองในบ่ายวันมะรืนนี้ได้หรือไม่?” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“นี่” ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่ข้างๆ เขาด้วยความลำบากใจ จากสายตาของนาง เขามองไม่เห็นอะไรเลย “ขอบคุณสำหรับความเมตตาของคุณหนูของเ้า แต่ข้าคิดว่าจะไม่ไป”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่ฉือหางพูด คนรับใช้หนุ่มก็คุกเข่าลงต่อหน้าฉือหางด้วยความตื่นตระหนก "คุณชายฉือ ถ้าท่านไม่ไป ข้าน้อยจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ตลอดไป"
การกระทำของเสี่ยวซือทำให้ฉือหางใ เขารีบยื่นมือไปจับเสี่ยวซือ "ลุกขึ้น อย่าทำเช่นนี้"
"คุณชายฉือ ถ้าท่านไม่ไป ข้าจะไม่สามารถกลับไปรายงานคุณหนูได้ ไม่ว่าท่านจะมีเวลาว่างยามใด ตราบใดที่ท่านบอกเวลามา ข้าจะตอบแทนท่านด้วยชีวิตที่เหลือของข้า"
หลินกู๋หยู่นิ่งเฉย เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเสี่ยวซือ นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในยุคปัจจุบัน จะมีสักกี่คนที่สามารถคุกเข่าลงได้ทุกครั้ง?
แต่ที่นี่ผู้คนแบ่งชนชั้นสูงต่ำ แบ่งระดับตามยศฐา ตามบรรดาศักดิ์
จากก้นบึ้งของหัวใจของคนเหล่านี้รู้สึกว่าพวกเขาเป็ทาส ทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เพื่อเ้านายของพวกเขา
ชายหนุ่มรูปร่างสูงเจ็ดฉื่อ[1]ทำเช่นนี้เพียงเพื่อให้ฉือหางไปทานข้าวกับคุณหนูของเขา
หลินกู๋หยู่ทอดถอนหายใจเบาๆ รู้สึกหมดหนทางกับการกระทำที่ยอมลดคุณค่าชีวิตตัวเองเช่นนี้ นางหันหลังกลับและเดินเข้าไปในบ้าน
ฉือหางมุ่งความสนใจไปที่การแสดงออกของหลินกู๋หยู่ เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินเข้าไป สายตาของเขามองตามเงาด้านหลังของนาง จากนั้นเขาก็มองไปที่เสี่ยวซือที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น
“น้องชาย เ้ารีบลุกขึ้นเถอะ บนพื้นทั้งเย็นและสกปรก” ฉือหางไม่กล้าใช้กำลัง เพราะกลัวว่าาแจะเปิด
"คุณชายฉือ เราทุกคนต่างรู้ว่าท่านเป็คนจิตใจดีมีเมตตา ดังนั้นท่านตอบตกลงกับข้าน้อยเถอะ" ชายหนุ่มยังคงคุกเข่าบนพื้น มองไปที่ฉือหางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ฉือหางมองเขา ถอนหายใจอย่างจนปัญญา "ข้ารู้แล้ว ข้าจะไป เมื่อถึงเวลา"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด มุมปากของเสี่ยวซือก็ค่อยๆ โค้งขึ้น จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากพื้น และคำนับฉือหางอย่างแรง "ขอบคุณมาก “คุณหนูของข้ารู้ข่าวนี้แล้วจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน"
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร” ฉือหางมองดูเสี่ยวซือ ในหัวเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
เมื่อเห็นเสี่ยวซือเดินจากไปไกล ฉือหางก็ทอดถอนหายใจ
เขาไม่อยากไป ผู้ชายทานอาหารนอกบ้านกับผู้หญิงสองต่อสอง จะเหมาะสมอย่างไร
หันกลับเข้าไปในบ้าน ยืนอยู่ที่ประตู ฉือหางดูหลินกู๋หยู่นั่งที่โต๊ะทำงานเย็บปักถักร้อย
“เ้ากำลังทำเสื้อผ้าให้ใครหรือ?” ฉือหางเดินไปหาหลินกู๋หยู่ เขารู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ที่แม้ไม่มีเื่อะไร แต่กระนั้นก็ยังดั้นด้นหาประเด็นเพื่อพูดคุยกับนาง
“อากาศเริ่มหนาวแล้ว” หลินกู๋หยู่หยุดงานที่กำลังทำอยู่ เงยหน้าขึ้นมองฉือหางปราดหนึ่ง “ข้าจะทำเสื้อผ้าหนาๆ ให้โต้ซา”
เสื้อผ้าหนาๆ
เสื้อผ้าใส่ขนห่าน ขนเป็ดเข้าไป
ฝ้ายที่นี่ราคาแพงมาก แต่ขนห่านและขนเป็ดเป็สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่บ้าน แน่นอนว่าราคาย่อมเยากว่ามาก
"ข้ารับปากเด็กคนนั้นไว้ว่าจะไปทานข้าวในวันมะรืนนี้" ฉือหางมองหลินกู๋หยู่อย่างอึดอัดแล้วเอ่ยต่อ "เราสองคนไปด้วยกันดีหรือไม่?"
“ไม่ไป” หลินกู๋หยู่ส่ายศีรษะเบาๆ หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ และเงยหน้าขึ้นมองฉือหาง
"มันไม่ดีที่ข้าจะไปคนเดียว" ฉือหางพูดอย่างลังเล "เ้าไปกับข้าจะดีกว่า"
หลินกู๋หยู่คิดแต่เื่เสื้อกันหนาว จึงเอื้อมมือไปจับมือฉือหาง ขอให้เขานั่งข้างๆ
มือเล็กๆ ของนางช่างอ่อนนุ่ม เขาอดไม่ได้ที่จะเป็คนจับมันไว้แทน แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลินกู๋หยู่จะถอนมือของนางออกไป
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางด้วยดวงตาที่สดใส พร้อมรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้า และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ข้ามีเื่จะปรึกษาหารือกับเ้า”
"เกิดอะไรขึ้น?" ฉือหางมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนาง มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะขดตัวขึ้น
"คือว่า" หลินกู๋หยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "ปีนี้พวกเราจะไม่ซื้อฝ้าย แต่เราจะยัดขนเป็ดหรือขนห่านลงในเสื้อผ้า เมื่อถึงเวลานั้น เราจะรวบรวมสิ่งเหล่านี้จากในหมู่บ้าน ทำเช่นนี้คนในหมู่บ้านของเราจะสามารถทำเงินได้บ้างใช่หรือไม่?”
ขนเป็ดและขนห่านใส่เข้าไปในเสื้อผ้าจะใส่ได้หรือ?
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ฉือหางรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย กู๋หยู่มักคิดต่างจากเขา ทว่ามันอาจทำให้คนในหมู่บ้านมีรายได้บ้าง ฉือหางคิดว่าน่าจะดี
"ตกลง" ฉือหางตอบรับ "เมื่อถึงเวลาพวกเราจะรวบรวมสิ่งเ่าั้ แล้วราคาจะคิดอย่างไร?"
"ขนเป็ดราคาห้าเฉียนต่อหนึ่งจิน ขนห่านราคาสิบเฉียนต่อหนึ่งจิน แต่ต้องทำความสะอาดก่อน" นางมองเขาด้วยรอยยิ้ม
อันที่จริง แม้ว่านางไม่รวบรวมสิ่งเหล่านี้ไว้ พวกมันก็จะเน่าไปเสียเปล่า ไม่มีใครใช้สิ่งของเหล่านี้
เมื่อได้ฟังสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางพยักหน้าช้าๆ "ดีมาก เช่นนี้คนในหมู่บ้านก็จะมีรายได้เพิ่ม"
หลินกู๋หยู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ใช่แล้ว ยิ่งมากก็ยิ่งดี เ้าก็ไปคุยกับคนเ่าั้ดีหรือไม่?"
"ตกลง" เขาหมุนตัวหันหลังกลับเดินออกไปข้างนอก
ฉือหางขอให้ใครสักคนช่วยกระจายข่าวเื่การซื้อขนเป็ดและขนห่าน ทุกคนในหมู่บ้านล้วนใ บางคนแนะนำฉือหางว่าอย่าทำเช่นนี้เลย สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย จึงมอบให้เขาโดยไม่คิดเงิน
แต่อย่างไรก็ตามฉือหางไม่เห็นด้วย เขายืนกรานที่จะจ่ายในราคานั้น
ใน่สองสามวันที่ผ่านมามีผู้คนมากมายมาที่ประตูบ้าน ขนเป็ดและขนห่านล้วนเป็ของที่เบาและฟู ไม่มีคุณค่าอะไร
บางครอบครัวเลี้ยงไก่และเป็ดมากกว่าสิบตัว หลังจากเก็บได้สองหรือสามวัน พวกเขาก็สามารถขายพวกมันได้ในราคาสองสามเฉียน
ผู้คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยเต็มใจที่จะใช้เงิน เงินทั้งหมดอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะหยิบมันออกมาเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉือหางตื่นนอนพร้อมหลินกู๋หยู่
“ยังเช้าอยู่เลย” ฉือหางพูดเสียงเบา “เ้านอนต่ออีกสักพักเถอะ แล้วข้าจะปลุกเ้าทีหลัง”
"ไม่นอนแล้ว" ตอนนี้หลินกู๋หยู่ได้ปรับนิสัยที่ดีในเื่การเข้านอนเร็วและตื่นเช้า ตอนนี้นางไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย "ข้าจะทำอาหารเช้า อีกสักพักเ้าจัดบ้านเรียบร้อยแล้วก็ปลุกโต้ซา"
ฉือหางมักจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเสมอ เขานั่งหน้าโต๊ะ ดูหลินกู๋หยู่ทานอาหารราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารู้สึกซึมเศร้าในใจ
“กู๋หยู่” ฉือหางพูดอย่างลังเล “คุณหนูเจียง้าเชิญข้าไปทานอาหารเย็นวันนี้ เราไปที่นั่นด้วยกันได้หรือไม่?”
“ข้าไม่ไป” หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะลงและจิบน้ำแกง เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง “วันนี้ข้าจะเก็บขนเป็ดและขนห่านบางส่วน พรุ่งนี้ข้าจะไปโรงหมอในเมือง"
ฉือหางลดศีรษะลงอย่างซึมเศร้าหลายส่วน
ถ้าหลินกู๋หยู่ชอบเขาจริงๆ ทำไมนางถึงไม่สนใจเื่ที่เขาจะไปทานข้าวกับสตรีอื่นสองต่อสอง
บางทีเขาอาจจะคิดไปเองคนเดียวมาโดยตลอด
หลังรับประทานอาหารเช้า ฉือหางลุกขึ้นไปเก็บจานชามและไปล้าง
หลินกู๋หยู่หยิบตั่งไม้มาวาง นั่งอยู่ในลานบ้านเย็บเสื้อผ้าให้โต้ซา
ร่างเดิมทำงานเย็บปักถักร้อยได้ เพียงแต่ไม่เชี่ยวชาญนัก ส่วนนางไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นจึงทำได้เพียงค่อยๆ บรรจงเย็บอย่างช้าๆ
ขนเป็ดและขนห่านรวบรวมมาได้น้อย หลินกู๋หยู่คิดว่าหากยิ่งรวบรวมได้มากก็ยิ่งดี เช่นนี้นางจะได้หาคนทำเสื้อกันหนาวขนเป็ด ขนห่าน เพื่อขายก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง
นางทำเช่นนี้ เทียบเท่ากับการเปิดโรงงานเล็กๆ หรือไม่?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ มือของหลินกู๋หยู่ก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้น
ฉือหางนั่งเหลาลูกธนูอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาไม่เคยรังเกียจที่จะมีลูกธนูมากเกินไป การมีลูกธนูเพิ่มหนึ่งดอก หมายถึงความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อเห็นว่าเป็เวลาเกือบเที่ยงแล้ว ฉือหางจึงหยุดงานในมือ เขาเดินไปที่ข้างบ่อน้ำเพื่อล้างมือ เดินไปข้างหน้าหลินกู๋หยู่ด้วยมือที่ยังไม่แห้ง
“ข้าจะไปแล้ว?” ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง
"เดินทางระมัดระวังด้วย" หลินกู๋หยู่ยังคงยุ่งอยู่กับงานที่ทำอยู่ ไม่แม้แต่จะมองไปที่ฉือหาง
หน้าอกของฉือหางดูเหมือนจะถูกปิดกั้นด้วยอะไรบางอย่าง เขาลดสายตาลงช้าๆ มองไปที่โต้ซาที่ถือกิ่งไม้และกำลังเขียนบนพื้น "ทำไมไม่เอาโต้ซาไปด้วยละ"
หลินกู๋หยู่หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ เงยหน้าขึ้นชำเลืองมองฉือหางแวบหนึ่ง จากนั้นมองไปที่โต้ซา "สะดวกหรือไม่?"
สะดวกหรือไม่?
หน้าอกของฉือหางรู้สึกแน่น ในขณะเดียวกันก็คล้ายกับว่าเขาถูกตบที่ใบหูหลายครั้ง เขายังคงได้ยินเสียงหูอื้อไม่ชัด
“สะ...สะดวก” สองคำนี้ ดูเหมือนจะใช้พลังแทบทั้งหมดที่มีกว่าจะสามารถพูดถ้อยคำนี้ออกมาได้
“เช่นนั้นก็ดี” หลินกู๋หยู่ใส่ของในมือลงในตะกร้าเย็บผ้า เดินไปหาโต้ซา พาโต้ซาไปล้างมือด้วยรอยยิ้ม “ถ้ามีอาหารอร่อยๆ ขายข้างทาง ถ้าโต้ซาชอบ ก็ซื้อให้เขาทานหน่อย"
หลินกู๋หยู่เช็ดมือของโต้ซาให้สะอาด แล้วมอบให้ฉือหาง
"อืม" ฉือหางลดสายตาลง เขาไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตช่างเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเช่นนี้มาก่อน
หลินกู๋หยู่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ บอกกับฉือหางว่า "เ้ารอสักครู่"
หลินกู๋หยู่เดินเข้าไปในบ้าน หยิบเงินเศษเหรียญทั้งหมดหนึ่งตำลึงเดินไปหาฉือหางอย่างรวดเร็ว จากนั้นส่งถุงเงินให้เขา "ผู้ชายออกไปข้างนอกย่อมต้องพกเงินไปด้วยเสมอ เมื่อพบเสี่ยวซือที่พูดดีกับเ้า มอบเหรียญทองแดงให้เขาสองสามเหรียญก็เพียงพอแล้ว”
“อืม” ดวงตาของฉือหางขมขื่น ขอบตาก็แดงเล็กน้อย
“เ้าพาโต้ซาไปซื้อผ้า ข้าจะเย็บเสื้อผ้าให้เ้าสองคน” หลินกู๋หยู่สั่งกำชับ จากนั้นจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้นางจะเข้าไปในเมือง แล้วส่ายศีรษะ “ไม่สิ เ้าไม่ต้องซื้อผ้าก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อผ้าด้วยกันกับเ้า ถึงเวลานั้นข้าจะเลือกผ้าที่ดูดีสำหรับเ้า"
“เย็บเสื้อผ้าให้ข้าหรือ?” ฉือหางจ้องไปที่หลินกู๋หยู่อย่างว่างเปล่า
"ถ้าเ้าไม่รังเกียจที่ข้าทำช้า" หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า พลันมองเศษผมยาวหลายเส้นบนหน้าผากของเขา "เ้ายังหวีผมไม่เรียบร้อยเลย ไปหวีผมให้เรียบร้อยก่อนออกไปข้างนอก”
"ไม่เป็ไร" ในใจรู้สึกดีขึ้นมาก เขาส่ายศีรษะ "มันไม่ใช่เื่ใหญ่เสียหน่อย ก็แค่ไปทานข้าวเฉยๆ "
"แต่นี่เป็ภาพลักษณ์ของเ้า" หลินกู๋หยู่จับมือของฉือหางและกดลงนั่งบนตั่งไม้โดยตรง ยื่นมือแกะที่รัดผมของเขาออก
…………………………………………………………………………………………….
[1] เจ็ดฉื่อ ความสูงจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเิเ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้