ยังจะกลัวอะไรกันนะ
เมื่อเขตเศรษฐกิจพิเศษก่อตั้งขึ้น คนงานก่อสร้างจำนวนหลายหมื่นคนก็ได้เดินทางลงใต้อย่างเกรียงไกร่เวลาอันรวดเร็วที่สามารถสร้างอาคารได้หนึ่งหลังภายในหนึ่งวัน ถูกขนานว่า ‘ความเร็วเผิงเฉิง’!
อีกทั้งมีโรงงานที่ลงทุนโดยนายทุนต่างแดนซึ่งตั้งอยู่ที่เผิงเฉิงผู้คนหลากหลายที่มาต่างรวมตัวกันในเขตเศรษฐกิจพิเศษ คนเหล่านี้มีความ้าในด้านมาตรฐานปัจจัยดำรงชีวิตสูงขึ้นเรื่อยๆชนพื้นเมืองเดิมของเผิงเฉิงส่วนใหญ่เป็ชาวประมงพวกเขายังตามความเร็วในการพัฒนาของเผิงเฉิงไม่ทัน ดังนั้นคนต่างถิ่นจึง ‘ขุดทอง’ ในเผิงเฉิงได้ง่ายดายมาก
“พี่ไป๋ พี่ก็ทำธุรกิจเสื้อผ้าเหมือนกันสิ”
ไป๋เจินจูมองเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอไม่ได้บอกว่าจะเติบโตในเผิงเฉิงหรอกหรือ?
“พวกเราก็สามารถทำกำไรจากเงินของคนเผิงเฉิงได้เหมือนกันเสื้อผ้าราคาย่อมเยาและคุณภาพดี กำไรน้อยแต่เน้นขายมากผู้คนในเขตพิเศษต้องชื่นชอบแน่”
เซี่ยเสี่ยวหลานนำสินค้าจากหยางเฉิงไปซางตูเดินสายจำหน่ายสินค้าคุณภาพชั้นสูง เดิมทีซางตูก็ผลิตเสื้อผ้าอยู่แล้ว จึงต้องหาสินค้าที่แตกต่างจากสินค้าในพื้นที่เผิงเฉิงกำลังวุ่นกับการพัฒนานักขุดทองผู้ไปที่นั่นก็ไม่เหมือนชนชั้นแรงงานของซางตู ที่มีหน่วยงานจ่ายเงินเดือนให้ทุกเดือนคุ้มครองั้แ่เื่เคหสถานถึงค่าเล่าเรียนบุตรหลานจนกระทั่งค่ารักษาพยาบาลและจ่ายเงินค่าแรงเดือนสองเดือนก็สามารถซื้อเสื้อผ้าแสนหรูหราได้...สิ่งที่นักขุดทองและคนพื้นเมืองในเผิงเฉิง้าคือสินค้าคุณภาพดีทว่าราคาย่อมเยา
ความจริงแล้วคนท้องถิ่นนั้นก็มีเงินเช่นกัน ‘สินค้าทางน้ำ’ จำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากฮ่องกง และถูกนำเข้าสู่ตลาดโดยผ่านพวกเขานั่นเอง
อย่างไรเสียชนพื้นเมืองที่ร่ำรวยแล้วนั้นยังไม่ได้เรียนรู้การใช้เงินเผิงเฉิงก็พอมีเื่ให้ใช้จ่ายเงินอยู่บ้าง อีกทั้งคนพื้นเมืองเดิมส่วนใหญ่ยังไม่มั่งคั่งร่ำรวยเป็พิเศษด้วย
“เหมาเสื้อผ้าราคาถูกจากหยางเฉิงเข้าไปค่อยนำสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกจากเผิงเฉิงออกมาขาย...พวกเราทำกำไรจากส่วนนี้น่ะ”
ไป๋เจินจูบรรลุฉับพลัน “เธอช่างเป็คนกล้าหาญชาญชัยเสียจริงอยากเข้าร่วมการขนของเถื่อนหรือ?”
หน้าตาสะสวย ท่าทางอรชรอ้อนแอ้น ดันอยากทำธุรกิจประเภทนี้เสียได้ไป๋เจินจูไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรดี ผู้สันทัดการต่อสู้อย่างเธอคนนี้กลับคิดแต่การค้าขายผลไม้หมดทั้งใจไม่สงสัยว่าทำไมหาเงินไม่เก่งเท่าเซี่ยเสี่ยวหลานทุกวันนี้ต้องกล้าเสี่ยงถึงจะได้รับผลประโยชน์ มิเช่นนั้นก็อดตาย!
เซี่ยเสี่ยวหลานจนปัญญาจะอธิบาย
ลุงของเธอโดนคนใช้มีดฟันเข้าแผ่นหลังยังไม่หายดี เธอจะอยากเข้าร่วมการลักลอบขนสินค้าเถื่อนเพื่ออะไร
ธุรกิจนี้กำไรดีทว่าความเสี่ยงสูงเห็นได้ชัดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีช่องทางหาเงินอื่นไม่มีความจำเป็ต้องบ้าบิ่นเสี่ยงตาย เมื่อคนเรามีเงินทองก็ยิ่งหวงแหนชีวิตมากขึ้นอย่างน้อยตอนนี้ก็เป็ถึงเศรษฐีหมื่นหยวน ไม่เหมือนตอนที่ทรัพย์สินทั้งตัวมีเพียงมันเทศ 20 ชั่ง ความคิดทำเื่แหกคอกของเธอจึงลดลงไปมาก
ชีวิตสงบสุขยังใช้ไม่หนำใจ จะรนหาที่ตายทำไมกัน?
คนอื่นเขาพากันสร้างเนื้อสร้างตัวล้างมือจากกิจการทุจริตแล้วหากเธอร่วมวงตอนนี้แล้วโชคร้ายขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ไม่ทำเื่ผิดกฎหมายบ้านเมืองหรอก พวกเราค้าขายสินค้าเก็งกำไรโดยสุจริตซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เล็กน้อยจากมือคนอื่นและนำออกจากเขตพิเศษมาขาย ได้สินะ?”
ไป๋เจินจูจะแย้งอะไรได้
ในเมื่อเธอไม่ฉลาดเฉลียวดั่งเซี่ยเสี่ยวหลานก็ทำได้แค่ฟังแิของเซี่ยเสี่ยวหลานเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องไปเหมาสินค้าที่แผงลอยกับเธอ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ “แน่นอนเลือกของราคาถูกที่สุด ฉันคิดว่าพวกกางเกงแบบตะวันตกก็ไม่เลว”
ไป๋เจินจูผู้ยึดมั่นคุณธรรมมากกว่าเงินทองนับทรัพย์สินทั้งตัวที่มีอยู่ได้เพียงไม่กี่ร้อยหยวนหาก้าเหมากางเกงตะวันตกราคาถูกเงินจำนวนเท่านี้ถือว่าเพียงพอ แต่หากจะซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นยังขาดเงินอีกเยอะมากเซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจออกทุน 500 หยวนให้สหายไป๋เจินจูรวบรวมจนครบ 1000 หยวน ประเดิมการลงทุนร่วมกันของทั้งสอง
“สินค้าอิเล็กทรอนิกส์น่ะไม่ต้องรีบร้อน พี่ไปลองดูตลาดที่เผิงเฉิงหลายๆรอบหน่อย ถึงจะคลำเจอหนทางเอง”
เซี่ยเสี่ยวหลานพกเงินมาจำนวนมาก ทว่าแท้จริงแล้วล้วนเป็เงินทุนที่ยังไม่แบ่งปันกำไรของเธอและครอบครัวลุงตั๋วรถสำหรับมาหยางเฉิงและค่ากินกับที่พักของเธอนับรวมในต้นทุนของธุรกิจได้แต่เงินส่วนที่มอบแก่ไป๋เจินจูจะทำแบบนี้ไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกระดากใจโผล่มาในปี 83 กลายเป็พวกเกาะพ่อแม่กินเงินส่วนนี้ได้จากหลิวเฟินขายกากน้ำมันเสียด้วย
หลิวเฟินให้เงินเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งหมดรวมเกือบหนึ่งพันหยวน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้แบ่งแยกเงินที่มารดาแท้ๆ ให้มาชัดเจนขนาดนั้นอย่างไรเสียในอนาคตเธอหาเงินได้เท่าไรก็ใช้ตามความ้าของหลิวเฟินอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานคาดหวังว่าก่อนข้ามปีร้านเสื้อผ้าจะสามารถปันผลกำไรได้เธอแค่้าหาหนทางทำเงินอื่นๆ อีก ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ดีไม่น้อยขอเพียงไป๋เจินจูจัดซื้อสินค้าได้ ความจริงแล้วในหยางเฉิงก็พอมีสินค้าจำพวกนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้างทว่าได้ทำการเปลี่ยนมือซื้อขายจากเผิงเฉิงมาหลายทอด ราคาย่อมแพงอย่างแน่นอน ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานยินดีรอคอยรับสินค้าจากมือไป๋เจินจูนั้นรับรองว่าปลอดภัยและน่าเชื่อถือกว่า...อย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงการพบกับคนอย่างเคออีสฺยงได้
เหลวไหลคนที่กล้าค้าส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เถื่อนจะเหมือนคนค้าส่งเสื้อผ้าหรือ
----------------------------------------
เมื่อเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานถึงขั้นยอมออกเงินครึ่งหนึ่งแล้วไป๋เจินจูก็ยินดีลองดูเช่นกัน เธอจึงไปตลาดค้าส่งกับเซี่ยเสี่ยวหลานทันทีกางเกงแบบตะวันตกพวกนั้นราคาต่ำสุดเพียง 70 หยวนต่อหนึ่งโหล
กางเกงตัวละไม่ถึง 6 หยวน?
คุณภาพไม่อาจเทียบเคียงสินค้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อไปขายได้แต่ทั้งสองคนขายในสถานที่แตกต่างกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานยินยอมกักสินค้าไว้ในมือหลายวัน แต่ไม่มีทางขายเสื้อนอกขนแพะชายออกไปในราคาถูกแน่เพราะซางตูคือสำนักงานใหญ่ของเธอ เธอยังต้องย้ายจากแผงลอยเป็หน้าร้านด้วยจึงเลือกขายสินค้ามีระดับ
ทว่าไป๋เจินจูไม่จำเป็ต้องกังวลเื่นี้เธอไปเผิงเฉิงเพื่อเทขายสินค้าราคาถูก การขายเสื้อผ้าเป็แค่ทางผ่าน นำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างหากถึงเป็ตัวเลือกหลัก
“ฉันต้องทำหนังสือพำนักชั่วคราวน่ะ...”
ไป๋เจินจูบ่นอุบอิบเสียงค่อย
การเข้าออกเผิงเฉิงเป็ครั้งคราวมี ‘หนังสือข้ามแดน’ ก็เพียงพอ แต่ถ้าจะพักอยู่ที่นั่นเป็เวลานานเธอต้องมีหนังสือพำนักชั่วคราว เื่ประเภทนี้ไป๋เจินจูได้เปรียบกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหยางเฉิงไม่ห่างไกลจากเขตพิเศษนัก แถมไป๋เจินจูมีญาติอาศัยอยู่ในเขตพิเศษอีกด้วย
“เช่นนั้นก็ไปทำเลย!”
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้แรงลากกางเกงหนึ่งโหลออกมา “สีน้ำเงินสีดำ และสีเทาคือสีหลัก ไม่ว่าเมื่อไรก็มีคนซื้อ”
หากพิจารณาถึงกลุ่มลูกค้าหลักว่าเป็ชาวประมงและคนงานก่อสร้างไม่ต้องนึกถึงเสื้อนอกขนสัตว์แสนบอบบางเหมือนที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยนำกลับไปเลยสกปรกยาก ทนทาน และย่อมเยาคือจุดขายหลักของไป๋เจินจู
ไป๋เจินจูซื้อกางเกงแบบตะวันตกจำนวน 8 โหลเธอเกรงว่าตนเองจะความจำไม่ค่อยดีจึงใช้ปากกาจดอย่างจริงจังว่ามีสินค้าชนิดไหนบ้าง ชำระเงินทั้งหมดเท่าไรยังหลงเหลือเงินอีกเท่าไร เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่านี่คือการเริ่มต้นที่ดีมากเมื่อร่วมหุ้นลงทุนกับผู้อื่นทำธุรกิจนั้นไม่ต้องกลัวเื่การรายงานรายรับรายจ่ายแต่ต้องกลัวว่าขนาด ‘สมุดบัญชี’ ยังไม่มีและการอาศัยปากเปล่าคำนวณว่าเท่าไรเป็เท่าไรมากกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานลงทุนกับหลี่เฟิ่งเหมย ในทุกๆวันทั้งสองขายสินค้าได้เงินเท่าไร ทุกส่วนล้วนต้องจดใส่บัญชี
พอเซี่ยเสี่ยวหลานพบเฉินซีเหลียง อีกฝ่ายก็ยิ้มแย้มแสดงไมตรีเป็พิเศษ
“ว่าอย่างไร เอาเสื้อนอกอีกหน่อยไหม?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ลูกค้าผู้ซื้อสินค้ามากที่สุดแต่เธอยอมซื้อสินค้าราคาสูง เถ้าแก่เฉินซีเหลียงโปรดปรานในจุดนี้มาก
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะปฏิเสธ “แพงเหลือเกินสินค้าแบบนี้ขายยากมาก... ครั้งนี้ฉันจะซื้ออีกแค่ 15 ชิ้น หลักๆ ไปขายสินค้าอื่นดีกว่า”
เสื้อนอกขนแพะทำกำไรเป็กอบเป็กำก็จริง ทว่าหาก ‘หลานเฟิ่งหวง’ เปิดกิจการเต็มตัวแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานย่อมกล้าซื้อเสื้อนอกชายขนแพะ 50 ตัวในคราวเดียวนี่ยังไม่ได้เปิดกิจการเสียหน่อย! ถ้าแผงลอยเคลื่อนที่อยากขายเสื้อผ้าราคาสูงสินค้าก็ต้องค้างอยู่ในมือเป็เวลานานแน่นอน คราวก่อนนำเข้าเสื้อนอกขนแพะชายจำนวน 20 ตัว นอกจากตัวที่ขายแก่จูฟ่างในราคาแค่ 100 หยวน ถูกที่สุดก็ขายเพียง 138 หยวนเท่านั้น
กำไรของเสื้อนอก 20 ตัวมูลค่าราว 1300 หยวน ถ้าอาศัยขายเสื้อไหมพรม เซี่ยเสี่ยวหลานต้องขาย 60 ตัวขึ้นไป กำไรของกางเกงต่ำที่สุด หนึ่งตัวทำกำไรได้แค่สิบกว่าหยวนเธอต้องขายกางเกงขาบาน 100 กว่าตัวถึงจะเทียบกำไรของเสื้อนอกชายขนแพะได้
เสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดไปจนกระทั่งเสื้อนอกหญิงขนสัตว์ก็ยังทำกำไรสู้มันไม่ได้
ทว่าสินค้าเหล่านี้ล้วนขายได้ไวกว่าเสื้อนอกชายขนแพะน่ะสิ!
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลาน้าทำกำไรมากสุดภายในเวลาอันสุดสั้นเธอไม่สนใจแววตาผิดหวังของเฉินซีเหลียง ยืนยันจะซื้อเสื้อนอกชายขนแพะเพียง 15 ตัวเท่านั้น ท่าทางของเฉินซีเหลียงดูกังวลเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตัวเขามีสินค้าค้างมากเกินไปหรือเพราะว่าโรงงานกดดันเขากันแน่แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถามให้มากความ... ปัญหาที่ช่วยแก้ไม่ได้เธอจะรบกวนคนจนเขารำคาญทำไมกัน
หนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ซื้อแต่สินค้าราคาแพง ถ้ารูปแบบแปลกใหม่ไม่เคยพบเจอในซางตู เธอก็กล้านำเข้าหมดนั่นแหละ
นอกเหนือจากสินค้าบนแผงของเฉินซีเหลียง สินค้าบนแผงอื่นๆก็ถูกเธอเลือกซื้อดั่งเดิมเหมือนกันเฉินซีเหลียงเห็นเธอหอบกระเป๋าน้อยใหญ่พะรุงพะรัง ยังหยอกเย้าอีกด้วย “ธุรกิจเธอนี่ก้าวหน้าไวเชียวนะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อสินค้ารวม 7000 หยวนถ้วนมากกว่าหนก่อนที่ผ่านมาทั้งหมด ช่างเป็การพัฒนาที่ก้าวะโเสียจริง
คราวนี้เธอตั้งใจขายสินค้าหลายวันแล้วค่อยมาหยางเฉิงอีกทีการสอบปลายภาคจะขาดไม่ได้ บางทีพอเธอมาหยางเฉิงอีกครั้งอาจเป็การมานำเข้าสินค้าเพื่อเปิดกิจการร้าน่ก่อนข้ามปี
หลงเหลือเงินไม่ถึง 3000 หยวนเซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมตัวไปซื้อโคมไฟสวยๆ สักลูกกลับซางตู
กลางคืนเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้พักบ้านพักรับรอง แต่นอนที่บ้านตระกูลไป๋เพราะเื่อันธพาลเคออีสฺยงนั่น บ้านพักรับรองจึงกลายเป็สถานที่ที่ไม่ปลอดภัย
“ซื้อโคมไฟ? พรุ่งนี้ฉันพาเธอไปเอง!”
