มู่จื่อหลิงรู้สึกใเมื่อเห็นเช่นนี้
นางรู้ว่าเสี่ยวไตกูกำลังจะจัดการกับหวงอีแบบเดียวกับที่มันเพิ่งจัดการกับลวี่จู๋
แต่วิธีนี้จะได้ผลได้อย่างไร
ยังไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของหวงอี ด้วยความระมัดระวังในระดับสูงของนางแล้ว เสี่ยวไตกูในยามนี้ที่เป็เพียงคางคกกินแมลงธรรมดาไม่สามารถปล่อยพิษใดๆ จะต่อกรกับหวงอีได้อย่างไร?
ยามนี้หากเสี่ยวไตกูเข้าโจมตีหวงอีโดยตรง ย่อมไม่ต่างอะไรจากการใช้ไข่มากระทบหิน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ และคิดถึงผลที่จะตามมามู่จื่อหลิงก็ตื่นตระหนก
“เสี่ยวไตกูอย่า!” มู่จื่อหลิงะโอย่างกระวนกระวาย เอื้อมมือออกไปเพื่อดึงเสี่ยวไตกูออกจากไหล่ตนเพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นเล็กยื่นออกไป
แต่ยามที่มู่จื่อหลิงยื่นมือมาคว้าเสี่ยวไตกูที่อยู่บนไหล่ก็สายเกินไปแล้ว
เนื่องจากลิ้นยาวเล็กของเสี่ยวไตกูยืดออกไปแล้ว และไม่อาจนำกลับมาได้
เหตุที่ไม่อาจดึงกลับมาได้นั่นเป็เพราะ...
ในเวลาเดียวกัน หวงอีฟาดแส้ในมือออกมาโดยไม่ลังเลเช่นกัน
เดิมทีหวงอีแค่้าใช้แส้กระชากเสี่ยวไตกูจากไหล่ของมู่จื่อหลิง นำมันมา ก่อนยึดไว้เป็ของตน
คาดไม่ถึงว่าเ้าคางคกตัวน้อยกลับแลบลิ้นยาวใส่นางเช่นกัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวงอีที่ใในตอนแรก แต่หลังจากนางยืนยันจุดหมายของการเคลื่อนไหวของเสี่ยวไตกูได้แล้ว ใจนางก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข
ในขณะนี้ ลิ้นยาวเล็กของเสี่ยวไตกูเป็สีแดงสด เรียบเนียน ดูไม่มีอันตรายใดๆ เมื่อเทียบกับลิ้นพิษของมันก่อนหน้านี้ เทียบกับลิ้นสีดำที่สามารถทำลายกระโดงเรือ [1] ได้อย่างง่ายดายแล้ว ลิ้นของมันในยามนี้ต่างกันยิ่งนัก
แม้หวงอีจะไม่รู้ว่าเสี่ยวไตกูมีพิษร้ายแรงชนิดใดที่สามารถปลดปล่อยออกจากร่างกายเล็กๆ ของมันได้ ไม่รู้ว่ามันมีความสามารถอันทรงพลังอะไรบ้าง
แต่ในขณะนี้ หวงอีผู้ซึ่งศึกษาเื่พิษมาั้แ่เด็ก รู้ดีว่าลิ้นยาวสดใสที่คางคกตัวน้อยใช้กับนางนั้นไม่มีพิษอย่างแน่นอน!
มันใช้ยาพิษกับศีรษะลวี่จู๋ แต่ไม่ใช้ยาพิษกับนาง! นั่นหมายความว่าอย่างไร?
นี่หมายความว่าคางคกตัวน้อยนี่ไม่ได้เป็ศัตรูกับนาง บางทีมันอาจจะแลบลิ้นใส่นางเพื่อแสดงความโปรดปรานก็เป็ได้ เมื่อเทียบกับขยะอย่างมู่จื่อหลิง นางย่อมเหมาะสมที่จะเลี้ยงดูคางคกตัวน้อยนี้มากกว่า
ยิ่งหวงอีคิดเกี่ยวกับเื่นี้มากเพียงใด นางก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น คางคกน้อยตัวนี้ไม่ธรรมดา ยิ่งมองก็ยิ่งดึงดูดสายตา ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก
ดังนั้นในเวลานี้ หวงอีจึงมีความอหังการมาก นางคิดว่าเสี่ยวไตกูกำลังจะเลือกนางเป็นาย มันเลือกติดตามนาง
“ประจวบเหมาะยิ่งนัก!” หวงอีเย้ยหยัน ประกายความตื่นเต้นในดวงตาไม่สามารถปกปิดได้เลย น้ำเสียงของนางหยิ่งผยอง “เ้าตัวน้อย เ้าขยะชิ้นนี้กำลังจะตายแล้ว หลังจากนี้หากเ้าติดตามข้า เ้าย่อมได้ดียิ่งกว่าติดตามเ้าขยะผู้นี้ เด็กดี มาเร็ว!”
เสียงยังไม่จางหาย
ในเวลาต่อมา หวงอีก็เหวี่ยงแส้ในมืออย่างว่องไว
‘ตึก ตึก ตึก’
ในชั่วพริบตา แส้ในมือของหวงอีก็หมุนเป็วงโค้ง เกี่ยวพันลิ้นยาวแดงสดของเสี่ยวไตกูด้วยแส้ยาวของนางอย่างแ่า
เมื่อเห็นเช่นนี้ มู่จื่อหลิงก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
จบแล้ว!
ร่างกายที่เบาและเล็กของเสี่ยวไตกูจะสามารถเอาชนะแส้ของหวงอีได้อย่างไร?
มู่จื่อหลิงกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว จับร่างเสี่ยวไตกูไว้ในฝ่ามือเบาๆ
จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสองก้าวโดยไม่แม้แต่จะคิด นางใช้มือข้างหนึ่งคว้าปลายแส้ทันที เนื่องจากนางเกรงว่าความรุนแรงเช่นนั้นจะฉีกลิ้นยาวเหมือนเส้นด้ายของเสี่ยวไตกูจนขาด
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวงอีก็ตกตะลึงไปชั่วขณะด้วยความไม่เชื่อในสายตา
ในเวลาต่อมา หวงอีเข้าใจอีกครั้ง นางยิ้มอย่างชั่วร้าย “มู่จื่อหลิง เ้ายังเป็คนแรกที่กล้าจับแส้ของข้าด้วยมือเปล่า แล้วยังสามารถยืนอยู่ได้ ไม่ผิด เ้ามีความสามารถ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้ประเมินเ้าต่ำไปจริงๆ!”
ใบหน้าของมู่จื่อหลิงอัดอั้น เหลือบมองนางอย่างเ็า ยังคงนิ่งเงียบเช่นเดิม
แน่นอน นางรู้ว่าหวงอีหมายถึงอะไร
แส้นี้ไม่ใช่แส้ธรรมดา แต่นี่เป็แส้พิษที่เคลือบด้วยพิษเจ็ดแมลงเจ็ดดอกไม้ [2]
พิษเจ็ดแมลงเจ็ดดอกไม้เป็พิษระดับสูงที่ผสมแมลงมีพิษเจ็ดชนิดและดอกไม้พิษเจ็ดชนิดลงไป
เมื่อพิษชนิดนี้ัักับิัจะซึมลึกเข้าไปในชั้นผิว ซึมเข้าสู่ร่างกาย ผสานเข้ากับอวัยวะภายใน ส่งผลถึงตายอย่างรวดเร็วโดยไร้ทางแก้
แต่ก็น่าเสียดายที่หวงอีผู้คิดว่าแส้พิษของตนทรงพลัง แต่สำหรับมู่จื่อหลิง สิ่งนี้เทียบไม่ได้แม้แต่เมล็ดงา [3]
นอกจากนี้ ด้วยระบบซิงเฉินที่ทรงพลัง นางมู่จื่อหลิงนั้นคือผู้คงกระพันต่อพิษทั้งปวง
พิษไร้ค่าเช่นนี้ นางไม่ชอบเลย
แต่ ดังคำกล่าวที่ว่า ไม้เด่นกลางไพรย่อมถูกลมโค่น [4] ดังนั้นมู่จื่อหลิงจึงชอบแสร้งเป็หมูเพื่อหลอกกินเสือ การยืนหยัดมีแต่จะทำให้นางตายเร็วขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ สำหรับมู่จื่อหลิงแล้ว ในใจของนางกลับมีเพียงสิ่งร้องเตือนอย่างน่าเศร้าว่านางจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ดังนั้นยามเผชิญกับการเหยียดหยามของหวงอี มู่จื่อหลิงจึงไม่เปลี่ยนสีหน้าและเพิกเฉยต่อมัน
แต่ในขณะนี้ ในใจมู่จื่อหลิงกลับมีแต่ร่องรอยของความตะขิดตะขวงใจ
เพราะนางรู้ว่าการกระทำนี้ไม่สามารถหยุดความบ้าคลั่งจากการพยายามเอาชนะเสี่ยวไตกูของหวงอีได้ และท้ายที่สุดมันอาจย้อนกลับมาทำร้ายเสี่ยวไตกู
แต่ยามนี้ไม่มีทางอื่น มู่จื่อหลิงจับเสี่ยวไตกูไว้เบาๆ ตาของนางจับจ้อง ในใจคิดหาหนทางแก้ปัญหา...
ในขณะนี้เสี่ยวไตกูถูกกุมไว้ในฝ่ามือของมู่จื่อหลิง มันมองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน
เสี่ยวไตกูที่ไม่ค่อยรู้เื่โลกภายนอกมากนัก มันจะรู้ได้อย่างไรว่าหญิงอัปลักษณ์ตรงหน้าผู้นี้มีพลังมากกว่าคนที่มันเพิ่งตัดศีรษะไป เข้าใจว่านางมีความสามารถยอดเยี่ยมเพียงนี้ได้อย่างไร?
เพียงสะบัดมือไม่กี่ครั้ง แส้ยาวในมือของนางก็พันรอบลิ้นเรียวยาวอย่างแ่า ดูเหมือนจะกลายเป็เงื่อนตาย มันไม่สามารถหลุดพ้นไปได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลิ้นยาวของเสี่ยวไตกูถูกแส้ยาวของหวงอีควบคุมอย่างแ่า ไม่อาจรุกคืบหรือถอยหนี
เสี่ยวไตกูยังคง้าใช้พิษ แต่เมื่อมันคิดถึงวิธีนี้ มันก็เหี่ยวแห้งทันที
เพราะในยามนี้ เสี่ยวไตกูตระหนักแล้วว่ามันไม่อาจกลั่นพิษใดๆ ได้อีกต่อไป ไม่สามารถเปลี่ยนแส้ยาวนี้ให้กลายเป็ผุยผง มันไม่อาจช่วยนายน้อยได้อีกแล้ว
แต่...เมื่อครู่นางผู้หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้พูดว่าอะไรนะ?
ติดตามนางในภายภาคหน้า? นางจะเอามันไหมหรือ? คุ้มหรือ?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ เสี่ยวไตกูก็กังวล มันไม่อยากแยกจากนายน้อยไป!
“กร๊าก กร๊าก!!!”
“กร๊าก...”
เสี่ยวไตกูร้องอย่างกระวนกระวาย ดิ้นรนอยู่ในมือของมู่จื่อหลิงไม่หยุด มันอยากถอยกลับ
แต่มือของนายน้อยโอบแน่นเหลือเกิน มันจะดิ้นได้อย่างไร?
เมื่อเห็นเสี่ยวไตกูที่ถูกกุมไว้ในฝ่ามือของมู่จื่อหลิงร้องเสียงดัง ดวงตากลมโตของหวงอีก็จ้องมองด้วยความโกรธ ะโอย่างเ็า “ยายสาวหน้าเหม็น ยามนี้เ้าไม่ต่างจากพระพุทธรูปดินปั้นข้ามแม่น้ำ แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจปกป้องได้ [5] แน่ใจหรือว่า้ายึดมั่นในสิ่งนี้? หืม?”
ดวงตามู่จื่อหลิงสั่นไหวเล็กน้อย ในใจนางรู้สึกเสียใจอย่างมาก
แน่นอนว่านางรู้ว่ายามนี้นางกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่นี่หมายความว่านางต้องยอมมอบเสี่ยวไตกูให้สาวใช้ผู้หยิ่งยโสผู้นี้หรือ? อย่าแม้แต่จะคิด!
“ย่อมเป็เช่นนั้น!” มู่จื่อหลิงชำเลืองมองหวงอีอย่างเ็า พูดอย่างจริงจังว่า “หากเสี่ยวไตกูไม่มีค่า มันก็ไม่มีอะไรแล้ว มันจะไม่มีพิษ”
คำพูดของมู่จื่อหลิงเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง แต่นอกเหนือจากนางแล้ว มีเพียงเสี่ยวไตกูเท่านั้นที่สามารถเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งนี้ได้
เสี่ยวไตกูเชื่อมต่อกับระบบซิงเฉิน หากปราศจากการทำงานของระบบซิงเฉิน เสี่ยวไตกูก็เป็เพียงคางคกม่วงธรรมดาเท่านั้น
แต่ในเวลานี้หวงอีจะฟังคำพูดของมู่จื่อหลิงได้อย่างไร? ใจนางกระวนกระวาย มองเ้าตัวน้อยที่เปล่งแสงส่องเข้ามาในดวงตาของนาง
หวงอีกัดฟัน ขู่อย่างเ็า “เ้าปล่อยมือเดี๋ยวนี้ หากเ้าทำร้ายลูกของข้า ในไม่ช้านี้ ข้าจะเฆี่ยนเ้าให้ตาย ทำให้ศพเ้าดูอัปลักษณ์”
ยามหวงอีกล่าวเช่นนี้ นางได้นับว่าเสี่ยวไตกูเป็ทรัพย์สินของนางไปแล้ว
คนผู้นี้ดั่งวิกลจริตเป็โรคหวาดระแวง! มู่จื่อหลิงเยาะเย้ยในใจ
คืนลูกของข้ามาหรือ? เสี่ยวไตกูเห็นด้วยหรือไม่?
“ในเมื่อเ้ากลัวมันเจ็บ เหตุใดเ้าไม่ปล่อยมันไป?” มู่จื่อหลิงมองหวงอีอย่างเ็า จากนั้นจึงสะบัดแส้ที่ม้วนงอมือของนางให้กลับเป็เส้นตรง ทำท่าทางเป็สัญญาณให้นางปล่อยมือ
“เ้าแน่ใจหรือว่ากำลังของเ้าแข็งแกร่งกว่าข้า?” หวงอีเย้ยหยัน หรี่ตาลงเล็กน้อย สะบัดแส้อย่างสบายๆ ขู่อย่างไร้ความปรานี “หากเ้าไม่อยากให้ลิ้นของมันขาด...จะปล่อยไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกหงุดหงิด
ให้ตายเถอะ! อย่าพูดถึงความแข็งแกร่ง แค่พูดถึงจุดแข็งเพียงจุดเดียว นางเทียบไม่ได้แล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายเสี่ยวไตกู ในที่สุดมู่จื่อหลิงก็ยอมปล่อยมืออย่างช่วยไม่ได้
หากไม่ปล่อยจะให้ทำอย่างไร?
ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเช่นนี้
ยามนี้นางกำลังเสียเปรียบ หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป ลิ้นยาวของเสี่ยวไตกูจะฉีกขาดเป็แน่
รอยยิ้มเ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นในใจมู่จื่อหลิง
ดูเหมือนว่าจะแพ้แบบไร้ทางสู้จริงๆ แต่เื่นี้เหมือนจะได้ข้อสรุปแล้ว
แม้ว่านางจะปล่อยเสี่ยวไตกู แต่มู่จื่อหลิงยังคงใช้มืออีกข้างจับแส้ไว้ไม่ปล่อย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เสี่ยวไตกู ‘เห็นท้องฟ้าวันใหม่ [6]’ มันคิดว่านายน้อยกำลังจะปล่อยให้หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้พามันไป ดังนั้นมันจึงตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น
มันไม่อยากแยกจากนายน้อย ไม่! ถึงตายก็ไม่ยอม!
ในชั่วพริบตา กรงเล็บเล็กๆ ทั้งสามของเสี่ยวไตกูหยั่งรากลงบนฝ่ามือนุ่มชื้นของมู่จื่อหลิง ในที่สุดก็ฝังลึกเข้าไปในเนื้อราวกับจะบอกว่ามันไม่ยอมปล่อย
ฝ่ามือของมู่จื่อหลิงรู้สึกเจ็บแปลบลึกสามจุด นางรับรู้ถึงอารมณ์กระสับกระส่ายและหงุดหงิดของเสี่ยวไตกู
แสงสีม่วงพร่างพรายบนร่างเสี่ยวไตกูหรี่ลงทันที ดวงตาเล็กแวววาวของมันราวกับมีเมฆหมอกปกคลุม ดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
ยามเห็นเสี่ยวไตกูเป็เช่นนี้ ความเ็ปในหัวใจมู่จื่อหลิงยิ่งใหญ่กว่าความเ็ปบนมือเสียอีก
“บอกไปแล้วว่าเสี่ยวไตกูไม่อาจทำอะไรได้หากไม่มีข้า” มู่จื่อหลิงมองเสี่ยวไตกูในมืออย่างเป็ทุกข์ แต่กลับพูดกับหวงอีด้วยน้ำเสียงเ็า “ดูสิ ยามมันได้ยินว่ามันกำลังจะต้องแยกจากข้าไป ประกายของมันก็เริ่มจางลง”
“หยุดพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว!” หวงอียังคงไม่เชื่อ ยังคงตะคอกอย่างเ็า “เห็นแก่ที่เ้ายอมเชื่อฟัง ข้าจะใจกว้างสักครั้ง อีกครู่ข้าจะเหลือร่างไว้ให้เ้า!”
หญิงหน้าเหม็นผู้นี้ััพิษเจ็ดแมลงเจ็ดดอกไม้ด้วยมือเปล่า นางจะยังอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างไร?
หวงอีไม่เชื่อว่ามู่จื่อหลิงจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านาง ในยามนี้ในสายตาของนาง มู่จื่อหลิงเป็เพียงมดที่นางสามารถขยี้ให้ตายได้ด้วยมือเดียว
นางไม่เชื่อในสิ่งที่คนกำลังจะตายพูดออกมา
ขณะพูด หวงอีก็ได้เริ่มฟาดแส้แล้ว นางจะใช้โอกาสนี้เอาตัวเสี่ยวไตกูกลับมา
อย่างไรก็ตาม ใน่เวลาวิกฤตนี้...
ภาพที่ทำให้หวงอีประหลาดใจและโกรธมากก็เกิดขึ้น
ภาพนี้ทำให้มู่จื่อหลิงรู้สึกวิงเวียนจนไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ทำลายกระโดงเรือ (樯橹灰灰湮灭) เป็วลี มีความหมายว่า มีความรุนแรงสูง มีพลังมากมาย
[2] พิษเจ็ดแมลงเจ็ดดอกไม้ (七虫七花) เป็ชื่อพิษชนิดหนึ่งที่ทำจากแมลงมีพิษเจ็ดชนิดและดอกไม้พิษเจ็ดชนิด กลิ่นฉุนจัด และพิษรุนแรง
[3] เทียบไม่ได้แม้แต่เมล็ดงา (芝麻还不如) เป็วลี มีความหมายว่า ไร้ค่ามาก ไม่มีค่าในสายตา
[4] ไม้เด่นกลางไพรย่อมถูกลมโค่น (木秀于林风必摧之) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า คำที่ทำตัวโดดเด่น แตกต่างจากผู้อื่น สุดท้ายย่อมถูกเพ่งเล็งและเล่นงาน
[5] พระพุทธรูปดินปั้นข้ามแม่น้ำ แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจปกป้องได้ (泥菩萨过江自身难保) เป็วลี มีความหมายว่า อย่าว่าแต่จะปกป้องใครเลย เพราะตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด
[6] เห็นท้องฟ้าวันใหม่ (从见天日) เป็สำนวน มีความหมายว่า พ้นจากสภาวะแวดล้อมที่มืดมิด หลุดพ้นจากความยากลำบาก หรือพบเจอเื่ใหม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้