เมื่อเห็นท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนของหลี่ซื่อ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็เพราะตนเองหันกลับมาเร็วเกินไปจนทำให้นางใ หรือว่านางมีอะไรอยู่ในใจหรือไม่
“ไม่มีอะไรหรอก วัตถุดิบยาที่นี่ของท่านมีมากมายจริงๆ” หานอวิ๋นซียิ้มและเดินต่อไป
ทันทีที่หานอวิ๋นซีหันหลังกลับ อี๋เหนียงสาม ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางไม่พลาดการเคลื่อนไหวของหานอวิ๋นซีแม้แต่น้อย ในตอนที่เปิดลิ้นชักพิษงูทั้งสองเห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวช้ากว่าก่อนหน้านั้นมาก
ผู้ที่จะล้างพิษงูหมื่นตัวได้ ต้องรู้สูตรการทำพิษงูหมื่นตัว
เป็ไปได้หรือไม่ว่าหานอวิ๋นซีสงสัยอะไรบางอย่าง?
ไม่สิ!
พิษทั้งหมดได้รับทำความสะอาดแล้ว แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะเปิดลิ้นชักทั้งหมดที่นี่ นางก็จะไม่มีทางพบ และแม้ว่าหานอวิ๋นซีจะสงสัยนางจริงๆ สุดท้ายก็ทำได้เพียงปฏิเสธข้อสงสัยนี้ไป
อี๋เหนียงสามก็คืออี๋เหนียงสาม นางสงบสติอย่างรวดเร็วและเดินตามหานอวิ๋นซีต่อไป
ครั้งนี้ หานอวิ๋นซีไม่ได้เปิดลิ้นชักที่มีกลิ่นพิษงูโดยตรง แต่เปิดลิ้นชักธรรมดาสองสามอันที่ไม่มีพิษและสุดท้ายก็เปิดลิ้นชักที่มีกลิ่นพิษงูอีกครั้ง
สุดท้ายข้างในนั้นก็ไม่มีพิษงู มีเพียงแค่วัตถุดิบยา
“อี๋เหนียงสาม วัตถุดิบยาของท่านที่นี่แพงๆ ทั้งนั้นเลย” หานอวิ๋นซีหัวเราะอย่างติดตลก
“หวังเฟยก็พูดไป วัตถุดิบยาของข้าไม่ได้มีมากมาย แล้วก็ไม่ใช่ของหายากอะไร ห้องยาของตระกูลหานต่างหากถึงจะเรียกว่ามีมาก และของในห้องเก็บของต่างหากที่เรียกว่าหายาก ถ้าหวังเฟยสนใจ พวกเราไปดูที่ห้องยาด้วยกันดีหรือไม่?” อี๋เหนียงสามพูดด้วยรอยยิ้ม และดูไม่ออกว่ามีสิ่งใดผิดปกติ
ห้องยาของตระกูลหานมีวัตถุดิบยามากมายมากกว่าในห้องเก็บของ แต่พวกมันล้วนเป็วัตถุดิบยาธรรมดาเท่านั้น หานอวิ๋นซีจึงไม่ได้สนใจมันมากนัก
แม้ว่าเ้าจะพบพิษงูเจ็ดชนิดของพิษงูทั้งสิบชนิดในห้องยา แต่มันก็เป็เื่ปกติ ท้ายที่สุดแล้วพิษงูเ่าั้สามารถใช้เป็ยาได้
อย่างไรก็ตาม ที่แห่งนี้ของอี๋เหนียงสามมันไม่ธรรมดา
หากบอกว่าพิษงูสามชนิดในที่แห่งนี้ของอี๋เหนียงสามถูกนำมาเพื่อปรุงยาก็เป็ไปได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซียังคงไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่ามันจะเป็เื่บังเอิญที่พิษงูสามชนิดหายไปและถูกแทนที่ด้วยยาอื่นๆ
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของอี๋เหนียงสาม หานอวิ๋นซีคิดว่าถ้านางถามอี๋เหนียงสามในเวลานี้ จะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไม่?
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร
“ข้าไม่ไปดีกว่า วันนี้เหนื่อยมากแล้ว ถึงเวลากลับแล้วล่ะ” นางพูดพลางบิดี้เีแล้วเดินออกจากกระท่อมไป
ข้างนอก สองแม่ลูกตระกูลสวี่และหานรั่วเสวี่ยต่างกังวลเกี่ยวกับกุญแจห้องเก็บของ เมื่อเห็นท่าทีเมินเฉยของหานอวิ๋นซี พวกเขาก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง โดยเฉพาะหานอวี้ฉี
“หวังเฟย!” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาด หยุดครู่หนึ่งแล้วจึงจะพูดต่อว่า “เ้าจะให้พบท่านพ่อจริงๆ ใช่หรือไม่ ไม่ได้หลอกใช่หรือไม่?”
“ทำไมล่ะ คุณชายใหญ่สงสัยในคำพูดของข้าอย่างนั้นหรือ?” หานอวิ๋นซีถามอย่างเ็า
“ไม่ได้สงสัย แต่ข้าไม่รู้ว่าจะเชื่อได้หรือไม่” หานอวี้ฉีพูดประโยคไร้สาระออกมาอย่างประหลาด
ฮูหยินสวี่เองก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “หวังเฟย ข้าว่าเอาอย่างนี้ดีกว่าหรือไม่ท่านกำหนดเวลามา เราจะได้สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อม”
“ใช่ กำหนดเวลามา เราจะได้เตรียมตัวให้ดี” หานรั่วเสวี่ยที่ใจร้อนตกลงอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าต้องกำหนดเวลา มิฉะนั้นคงมีแค่พระเ้าที่รู้ว่าหานอวิ๋นซีจะทำสิ่งนี้เมื่อใด นางอาจจะยืดเยื้อและปล่อยมันไป
หานอวิ๋นซีมองแต่ละคน แสร้งทำเป็ครุ่นคิดด้วยความลำบากใจ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หานอวี้ฉีก็เย้ยหยัน “หวังเฟย เ้าคงไม่ได้จะพูดว่าเ้าไม่สามารถต่อรองกับศาลต้าหลี่ได้ใช่หรือไม่?”
“เื่นี้ยากจริงๆ” หานอวิ๋นซีถอนหายใจ
เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทุกคนก็แอบมีความสุข โดยคิดว่าพวกเขาต้อนนางจนมุม ทำให้นางตอบกลับมาไม่ได้
แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีกลับถอนหายใจและพูดว่า “อีกสิบวันก็แล้วกัน หลังจากสิบวัน ข้าจะจัดการให้ทุกคนไปพบท่านพ่อ”
ความจริงแล้ว แค่เพียงนางพูดออกมาคำเดียว ตระกูลหานก็จะสามารถเข้าพบหานฉงอันได้ทันที แต่คนพวกนี้ดูเร่งรีบเหลือเกิน แน่นอนว่านางจะต้องทำให้พวกเขารอคอยอย่างยาวนานเหมือนรอเป็ปี
พวกเขารอดูเื่ตลกของนาง รอเปิดโปง “กลอุบาย” ของนาง ในขณะที่นางรอดูปฏิกิริยาของพวกเขาหลังจากได้เห็นหานฉงอัน
เดาว่าปฏิกิริยาของฮูหยินสวี่กับคุณชายใหญ่ต้องน่าตื่นเต้นที่สุดเป็แน่
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าหานอวิ๋นซีจะให้เวลาที่ชัดเจนได้รวดเร็วขนาดนี้ ฮูหยินสวี่และหานรั่วเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก หานอวี้ฉีที่ยังคงไม่เชื่อ จึงถามอีกครั้งว่า “หวังเฟย เ้าแน่ใจใช่หรือไม่? เ้าอย่าผิดสัญญาและพูดโกหก เล่นตลกกับพวกเรานะ!”
ตอนนี้หานอวิ๋นซีที่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ก็พูดอย่างเ็าว่า “ทำไมล่ะ คุณชายใหญ่้าให้ข้าออกแถลงการณ์เป็ลายลักษณ์อักษรอย่างนั้นหรือ? คำพูดของคนในครอบครัวราชวงศ์มันไม่น่าเชื่อถือเลยหรือไร?”
วลีที่ว่า “คนในครอบครัวราชวงศ์” เตือนให้หานอวี้ฉีนึกถึงคำพูดของตนเอง ถ้าไม่้าให้ก้นของเขาโดนไม้กระดานอีก เขาก็ควรจะควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้
หานอวี้ฉีมองไปที่หานอวิ๋นซีด้วยความโกรธและพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ข้าเชื่อใจเ้าสักครั้งก็ได้!”
อี๋เหนียงเจ็ดที่เงียบที่สุด นางมองมาที่หานอวิ๋นซีด้วยความกังวลมากกว่าที่คาดไว้
นางเองก็ไม่เชื่อว่านายท่านจะฝากเื่ใหญ่เช่นนี้ไว้กับหวังเฟย นางกลัวจริงๆ ว่าหวังเฟยจะก่อเื่อะไรที่ส่งผลไม่ดีต่อตนเอง
กว่าที่หวังเฟยจะรักษาแม่ทัพใหญ่และไท่จื่อได้มันก็ไม่ใช่เื่ง่าย อีกทั้งยังมีสถานะในราชวงศ์ หากเกิดเื่น่าอายขึ้นอีกจะทำอย่างไรล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น หากหวังเฟยหมดอำนาจ นางที่รุกรานฮูหยินสวี่มากขนาดนี้ ชีวิตของนางและเสี่ยวอี้เอ๋อร์คงจะยากยิ่งขึ้นในอนาคต
ตอนนี้อี๋เหนียงเจ็ดทำได้เพียงแค่ตั้งตารอที่จะได้เห็นนายท่านในอีกสิบวันข้างหน้า และนายท่านก็จะสามารถจัดการให้พวกเขาได้
เมื่อหานอวี้ฉีปิดปาก หานอวิ๋นซีก็ลูบศีรษะของเสี่ยวอี้เอ๋อร์แล้วพูดว่า “อี้เอ๋อร์ เ้าตั้งใจอ่านตำราแพทย์ อย่าเป็เหมือนบางคนที่งมงาย เอาแต่ใช้กำลังข่มเหงตลอดเวลา เราจะต้องเป็หมอ เป็หมอต้องมีความเป็มนุษย์ก่อน แล้วจึงจะมีคุณสมบัติของหมอ เข้าใจหรือไม่?”
ครั้งนี้เสี่ยวอี้เอ๋อร์ไม่ได้มองมารดาของเขา แต่พยักหน้าโดยตรงและตอบรับอย่างจริงจังว่า “เข้าใจแล้ว!”
หานอวิ๋นซีรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่งและพูดกับอี๋เหนียงเจ็ดว่า “อี๋เหนียงเจ็ด มีเื่อะไรไม่ต้องเก็บไว้ในใจ แค่บอกเสี่ยวเฉินเซียง เจอนางก็เหมือนเจอข้านั่นแหละ”
คำพูดเหล่านี้ แทนที่จะพูดให้อี๋เหนียงเจ็ดฟัง สู้พูดให้ฮูหยินสวี่ฟังจะดีกว่า นางยังคง้าให้เสี่ยวเฉินเซียงอยู่ในจวนตระกูลหานต่อ
หลังจากอธิบายจบแล้ว หานอวิ๋นซีก็อารมณ์ดีขึ้น นางมองกลับไปที่กระท่อมไม้ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไป
นางคิดว่านางคงต้องซื้อชาฤดูใบไม้ผลิมาทดสอบสักหน่อย ทั้งยังต้องหาวิธีมาตรวจสอบเรือนของอี๋เหนียงสามด้วยตนเอง อาจจะเจอบางอย่างที่ไม่คาดคิดก็เป็ได้ ยิ่งเื่นี้เสร็จเร็วขึ้นเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น มิฉะนั้นอี๋เหนียงสามจะรู้ตัว และนางจะไม่สามารถค้นหาสิ่งใดได้
ในฤดูหนาว ชาฤดูใบไม้ผลิเป็ของหายาก แต่ไม่ว่าจะหายากแค่ไหน ถ้าอี๋เหนียงสามสามารถหามาได้ หานอวิ๋นซีก็สามารถหามันได้เช่นกัน
สิ่งแรกที่หานอวิ๋นซีทำเมื่อกลับมาถึงจวนฉินอ๋อง คือให้เงินก้อนใหญ่แก่พ่อบ้านเซี่ย โดยสั่งให้เขาไปซื้อชาฤดูใบไม้ผลิและชาฤดูร้อนที่เก็บรักษาไว้อย่างดีมาโดยเร็วที่สุด
ชาทั้งหมดที่นางใช้ในการทดลองก่อนหน้านั้นคือชาฤดูใบไม้ร่วงซึ่งจัดประเภทไว้อย่างดี แต่ชาฤดูใบไม้ผลิและชาฤดูร้อนถูกตัดออก ครั้งนี้นางได้แรงบันดาลใจจากอี๋เหนียงสามและรอคอยที่จะค้นพบบางสิ่ง
หลังจากเห็นหานอวิ๋นซีออกไป มู่หรงหว่านหรูที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากด้านข้างอย่างใจเย็นและมองไปที่พ่อบ้านเซี่ยอย่างเ็า
ั้แ่หานอวิ๋นซีช่วยไท่จื่อไว้ ทั้งยังไปงานเลี้ยงของไท่เฮา อี้ไท่เฟยก็จิตใจกระสับกระส่าย หลายวันที่ผ่านมานางไม่ได้ก่อกวนหานอวิ๋นซี แต่กลับบอกให้มู่หรงหว่านหรูจับตาดูหานอวิ๋นซีและรายงานนางทันทีหากมีเงื่อนงำอะไร
แน่นอนว่ามู่หรงหว่านหรูคอยจับตาดูอยู่ตลอด แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจคือ หานอวิ๋นซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัง ทว่ากลับมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในตระกูลหาน
ตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ที่ได้รับจากสายลับ หานอวิ๋นซีมีกุญแจห้องเก็บของซึ่งเป็สัญลักษณ์ของผู้นำแห่งตระกูลหาน ทั้งยังเฆี่ยนคุณชายใหญ่อีก
บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วเข้าไปยุ่งเื่ของครอบครัวและกุญแจไว้อย่างนั้นหรือ? หากเื่นี้หลุดออกไป หานอวิ๋นซีต้องตกเป็หัวข้อสนทนาตามท้องถนนและตรอกซอกซอยอีกครั้งอย่างแน่นอน และเป็ที่สนใจของทุกคน
มู่หรงหว่านหรูไม่ได้รายงานเื่นี้ให้อี้ไท่เฟยทราบทันที นางรอ รอให้ตระกูลหานก่อเื่ให้ใหญ่โตกว่านี้!
ตามความเข้าใจของนาง ฮูหยินสวี่จากตระกูลหานนั้นไม่ง่ายที่จะยั่วยุ แน่นอนว่าถ้าฮูหยินสวี่ไม่สร้างปัญหาขึ้นมา นางก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือฮูหยินสวี่อย่างลับๆ
“พ่อบ้านเซี่ย พี่สะใภ้ของข้าสั่งอะไรเ้าอย่างนั้นหรือ? ทำไมมันถึงดูเร่งด่วนเช่นนี้?” มู่หรงหว่านหรูถามด้วยรอยยิ้ม
“หวังเฟยสั่งให้ข้าน้อยซื้อชาเหล่านี้ บางทีอาจเป็เพราะทางฝั่งห้องครัวไม่ค่อยได้ส่งมันไป” ขณะที่พ่อบ้านเซี่ยพูด เขาก็หยิบเหรียญเงินที่หานอวิ๋นซีเพิ่งมอบให้เขาออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ นางรู้วิธีดื่มชาด้วยหรือ?” มู่หรงหว่านหรูยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามและเหลือบไปเห็นเงินจำนวนมากในมือพ่อบ้านเซี่ยโดยไม่ได้ตั้งใจ เงินนั้นแวววาวจนนางอิจฉา
นางนับแท่งทองและเงินทั้งหมดที่ฮ่องเต้ให้รางวัลครั้งก่อน มันเพียงพอให้หานอวิ๋นซีมีกินมีใช้ตลอดชีวิต! ส่วนนางอาศัยเงินเก็บในบัญชีทุกเดือน ถึงจะเยอะแต่ก็ยังไม่พอให้นางใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
เทียบกันแล้วช่างปวดใจเหลือเกิน!
เมื่อคิดเช่นนี้ มู่หรงหว่านหรูก็เอาเงินครึ่งหนึ่งจากพ่อบ้านเซี่ยมาอย่างไม่เกรงใจและไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นก็ส่งเสียงฮึอย่างเ็าแล้วเดินออกไป
แน่นอนว่าพ่อบ้านเซี่ยไม่กล้าพูดอะไร ทว่าในใจกลับรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย ในอดีตอี้ไท่เฟยมักจะมอบรางวัลให้กับลูกน้อง แล้วมู่หรงหว่านหรูก็มาเอาไปไม่น้อย
ใครในจวนจะไม่รู้บ้างว่าบุตรสาวบุญธรรมคนนี้หลงรักฉินอ๋องมานานแล้ว? เมื่อเทียบกับอี้ไท่เฟย บุตรสาวบุญธรรมคนนี้คงเกลียดหวังเฟยยิ่งกว่าเสียอีก
อย่างไรก็ตาม นอกจากรางวัลมากมายแล้ว หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันมาระยะหนึ่ง ใจของข้ารับใช้จำนวนมากต่างเอนเอียงไปทางหวังเฟย
หวังเฟยใจดีและไม่เคยทำให้คนใช้ของนางลำบาก แค่เื่นี้ก็มู่หรงหว่านหรูก็สามารถถูกปัดทิ้งห่างออกไปหลายโยชน์
ถ้าไม่ใช่เพราะความรักของมู่หรงหว่านหรูที่มีต่ออี้ไท่เฟย ทุกคนก็คงไม่กลัวบุตรสาวบุญธรรมอย่างนาง
พ่อบ้านเซี่ยบอกแค่ว่าหวังเฟยให้ไปซื้อใบชา ไม่ได้บอกว่าให้ซื้อเท่าไร และยิ่งไม่ได้บอกเลยว่าให้ซื้อชาฤดูใบไม้ผลิ แม้เขาจะไม่รู้ว่าหวังเฟยจะเอาใบชาจำนวนมากไปทำไม แต่ก็เป็การดีกว่าที่จะไม่ให้เ้ามู่หรงหว่านหรูรู้
โชคดีที่หวังเฟยให้เงินมามากพอ แม้ว่าจะถูกชิงไปครึ่งหนึ่ง แต่พ่อบ้านเซี่ยยังคงมีเงินเพียงพอ
หานอวิ๋นซีที่อารมณ์ดีแล้ว เมื่อกลับมาถึงลานดอกบัวก็คิดที่จะทำความสะอาดครั้งใหญ่ในห้องตำรา
ใครจะรู้ว่า ทันทีที่ถึงหน้าประตูตำหนัก ก็เห็นหญิงชราใจดีวัยสี่สิบต้นๆ แต่งกายเรียบๆ ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว เดินออกมาพร้อมขยะมากมาย
หานอวิ๋นซีถึงกับชะงักไป นี่คือใคร?
“หม่อมฉัน แม่นมจ้าว ถวายบังคมหวังเฟยเพคะ หม่อมฉันถูกฉินอ๋องส่งมา โดยบอกว่าให้หม่อมฉันและเฉินเซียงรับใช้หวังเฟยด้วยกัน” แม่นมจ้าวรีบทำความเคารพ แนะนำตัวเองและไม่ลืมที่จะเหลือบมองหานอวิ๋นซี
เช่นนี้หานอวิ๋นซีจึงจะเข้าใจ นางมองแม่นมจ้าวและกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว “อ๋อออ...”
คำว่า “อ๋อ” ที่ลากเสียงยาว ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแอบแฝงอยู่ แม่นมจ้าวเริ่มไม่สบายใจเล็กน้อย มองตัวเอง และเมื่อเห็นขยะในมือ จึงรีบอธิบายว่า “หวังเฟย สิ่งเหล่านี้เป็ท่านอ๋องที่สั่งให้หม่อมฉันมาทำความสะอาดเพคะ”
