ก่อนฟ้าจะมืด ซุนเฟยขี่หลังสุนัขั์วิ่งไปรอบๆ วิ่งไปมาเพื่อทำสิ่งต่างๆ มากมาย
ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงชั่วโมง เขาก็แทบจะเหมือนผึ้งงานตัวหนึ่งที่ยุ่งวุ่นวาย วิ่งไปรอบๆ เมืองแซมบอร์ดไม่หยุด คอยดูว่าใครสามารถตอบสนองทุกความ้าของเขาได้แล้วส่งคำสั่งไปให้ จัดการทุกเื่อย่างระมัดระวัง...
ในที่สุด พระอาทิตย์ที่ทอแสงราวกับเืก็ค่อยๆ จมลงไปท่ามกลางูเาที่ทอดยาวติดกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดด้านตะวันตกของเมืองแซมบอร์ด ซุนเฟยได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาคิดว่าจำเป็ต้องเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว ในวันเดียวกันเขาก็ไปยังโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกติไม่ค่อยจะมารอบที่สอง
ห้องลับด้านหลังห้องโถงของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
แสงไฟมืดสลัวมาก ขาตั้งไฟเหล็กสีดำที่อยู่ด้านขวามือของประตูหินในห้องลับ มีเทียนไขจุดไว้หลายร้อยเล่ม จนเกิดแสงสีส้มอ่อนในห้องลับ บรรยากาศเคร่งขรึมเล็กน้อย ซุนเฟยนั่งลงใต้หินรูปปั้นสีขาวของพระบิดา เขาหลับตาครุ่นคิดบางอย่างได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ด้านหน้าของเขา มีบาทหลวงแมซโซลาและหัวหน้าอัศวินลูเซียโนที่กำลังยืนคำนับอย่างสุภาพด้วยสีหน้ากังวลใจ หน้าผากของพวกเขามีเหงื่อไหลพราก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ
สุดท้ายซุนเฟยก็ลืมตาขึ้น
พวกเขาลูบขมับเล็กน้อย ซุนเฟยมองแมซโซลาและหัวหน้าอัศวินลูเซียโนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและท่าทางเอาอกเอาใจ จึงพูดขึ้นว่า “เื่นี้เป็เื่สำคัญมาก จำเป็ต้องให้เ้าทั้งสองคนช่วยทำให้ข้าทันที!”
“นายท่านกรุณาพูดมาเถิด พวกเราจะพยายามอย่างหนักเพื่อรับใช้ท่าน!” ทั้งสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ความพยายามไม่ต้องใช้ ข้าแค่หวังว่าพวกเ้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากลู่ทางโบสถ์ แอบช่วยข้าซื้อคัมภีร์คลื่นพลังระดับหนึ่งถึงสามมาให้ข้าจำนวนหนึ่งและบันทึกการฝึกฝนของนักเวท...จำไว้ว่าจะต้องเป็ห้าธาตุคลื่นพลังและห้าองค์ประกอบเวทมนตร์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อ เ้าก็หักจากบรรดาก้อนหินเวทมนตร์ หนึ่งหมื่นกว่าก้อนที่ข้าฝากไว้ที่นี่โดยตรงก็แล้วกัน...อืม ข้าจะมอบก้อนหินเวทมนตร์หนึ่งร้อยก้อนให้พวกเ้าล่วงหน้า ถือว่าเป็การขอบคุณสำหรับพวกเ้าสองคนที่ช่วยข้าจัดการเื่นี้!”
“นายท่าน พวกข้าไม่กล้า ก้อนหินเวทมนตร์หนึ่งพันก้อนที่ท่านมอบให้พวกข้าเป็รางวัลในครั้งก่อนก็มากกว่ารายได้ที่พวกข้าทั้งสองคนได้รับมาหลายปีเสียอีก พูดอีกที การรับใช้ท่านถือว่าเป็เกียรติของพวกข้า พวกข้าไม่อาจรับรางวัลจากนายท่านได้อีกจริงๆ!” แมซโซลาที่มีฏิกิริยาตอบสนองฉับไวมาก เขาคุกเข่าใต้ขาของซุนเฟย “เพียงแต่...ตามกฎหมายของราชอาณาจักรเซนิท ราชอาณาจักรบริวารระดับหกไม่สามารถคัมภีร์สามดาวได้ ถึงแม้ว่าทางโบสถ์จะไม่กลัวราชอาณาจักรเซนิท แต่ก็ไม่อาจละเมิดกฎได้ ไม่ทราบว่าการที่นายท่านซื้อคัมภีร์คลื่นพลังและบันทึกการฝึกฝนของนักเวทเพื่อ....”
เขารู้สึกว่าตัวเองไม่กล้ารับก้อนหินเวทมนตร์ของซุนเฟยอีก
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาสองคนได้รับก้อนหินเวทมนตร์มาหนึ่งพันก้อน ซึ่งเกือบเท่ากับเงินเดือนที่พวกเขาได้รับจากทางโบสถ์สองปีและการขูดรีดขูดเนื้อจากชาวบ้านที่มั่งมีมาตลอดสองปี ตอนที่หยิบก้อนหินเวทมนตร์หนึ่งพันก้อนคราวนั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดผวา หากยื่นมือไปหยิบมาอีกครั้ง แมซโซลารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะหยิบไม่ใช่เงิน แต่เป็ตั๋วแห่งความตายต่างหาก
ดังนั้นแมซโซลาจึงไม่สนใจสายตาของลูเซียโนที่มองมาทางตน แต่รีบบอกปัดปฏิเสธ
คนคนนี้เหมือนพัศดีโอเลเกร์ เป็คนฉลาด
ซุนเฟยมองเห็นความเหมือนระหว่างสองคนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีเวลามาเล่นกับสองคนนี้ เมื่อพูดธุระเสร็จก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องลับ
ขณะที่เดินก็พูดไปพลางว่า “จะเอาคัมภีร์ไปใช้อะไรนั้น...นี่ไม่ใช่สิ่งที่เ้าต้องถามมาก พวกเ้าช่วยข้าแอบซื้อคัมภีร์และบันทึกมาให้ข้าก็พอ...ส่วนรางวัลก้อนหินเวทมนตร์หนึ่งร้อยก้อนนั้น าาพูดแล้วไม่คืนคำ ในเมื่อพวกเ้าไม่อยากได้ก้อนหินเวทมนตร์หนึ่งร้อยก้อนนี้ ก็นำไปโยนทิ้งในแม่น้ำจูลี่เสีย!”
แมซโซลาพลันมองตาค้าง
“ขอรับๆ...พวกข้าจะรับไว้ รับไว้! ...นายท่านได้โปรดวางใจ พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อซื้อคัมภีร์ที่ท่าน้าให้ได้...” เขาทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น
ซุนเฟยเดินมาถึงหน้าประตูห้องลับ เขาก็พลันนึกอะไรบางอย่างออกจึงหยุดเดินแล้วหันไปถามว่า “อ้อ จริงสิ ยังมีอีกเื่ พิธีาาภิเษกพรุ่งนี้ พวกเ้าทั้งสองคนจะไปเข้าร่วมไหม?”
“แน่นอน พวกข้าเป็ตัวแทนของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อพิธีาาภิเษกของนายท่าน พวกข้าจะต้องไปร่วมอวยพร!” พิธีสำคัญเช่นนี้ทำไม่พวกเขาจะไม่ไป แมซโซลาและลูเซียโนมองว่า พิธีาาภิเษกบนยอดเขาตะวันออกพรุ่งนี้ เป็โอกาสดีที่จะได้ประจบซุนเฟย
“งั้นข้าจะมอบคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ แก่พวกเ้า ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ไม่ไปจะเป็รื่องที่ดีที่สุด!”
พูดจบซุนเฟยก็ออกจากโบสถ์
แมซโซลาและลูเซียโนพากันยื่นนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าที่นายท่านพูดมันหมายถึงอะไร นายท่านไม่อยากเห็นพวกเขาสองคนไปปรากฏตัวอยู่ในพิธีาาภิเษก หรือว่า...แมซโซลาก้มหน้าครุ่นคิด เขาย้อนคิดถึงท่าทางของซุนเฟยที่พูดเมื่อครู่ ก็พลันตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา
……
หลังจากที่ออกจากโบสถ์ ซุนเฟยกลับไปที่พระราชวัง
ความมืดค่อยๆ ปกคลุมเมืองแซมบอร์ด ทั่วทั้งพระราชวังเงียบสนิท คู่หมั้นสาวแองเจล่าและสาวน้อยผมทองเจ็มม่า ป่านนี้คงนอนหลับฝันหวานอยู่ ซุนเฟยกลับนั่งเงียบๆ อยู่บนบัลลังก์ในห้องโถง กำลังรอคอยการมาถึงของรุ่งอรุณ
หลังจากเลยเที่ยงคืน ซุนเฟยก็มีเวลาสี่ชั่วโมงสำหรับเข้าสู่โลก Diablo
เมื่อเขาเข้ามาใน 'โหมดมือสังหาร' ก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการเคลียร์สองเควสสุดท้ายที่เหลือใน 'ค่ายโร้ก' ของ 'โหมดมือสังหาร' สังหารเคาน์เตสใน 'หอคอยที่ถูกลืม' จากนั้นก็ลงไปยังเขาวงกตใต้ดินในอารามเพื่อสังหารอดีต 'ดอกไม้โร้ก' แม่ชีแอนเดเรียผู้งดงามที่ไปตกหลุมรักกับปีศาจ
หลังจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ตัวละครมือสังหารก็เลเวล 17
พลังใน 'โหมดมือสังหาร' ของซุนเฟย น่าจะมีพลังเทียบเท่ากับนักรบสามดาวในโลกแห่งความจริง หากบวกกับทักษะที่หลากหลายของมือสังหาร ยามประมือกับยอดฝีมือสี่ดาวระดับต้น คิดว่าการจะเอาชนะได้นั้นคงเป็ไปได้ยาก แต่อีกฝ่ายก็ต้องเจ็บหนักเช่นกัน
หลังจากนั้นซุนเฟยก็ออกจาก 'โหมดมือสังหาร' กลับมาที่หน้าจอโฮโลแกรมสามมิติ จากนั้นเขาก็เลือกอาชีพที่ไม่เคยเล่น...นักรบเผ่าอเมซอน นี่เป็ตัวละครหญิงในโลก Diablo โชคดีที่หลังจากที่ซุนเฟยเลือกนักรบเผ่าอเมซอน ก็เพียงเปลี่ยนชุดเล็กน้อย ไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็ผู้หญิง
ในความมืดบนแผ่นดินโร้ก การสังหารหมู่ได้เริ่มต้นขึ้น
มอนสเตอร์และปีศาจทุกตัวต่างพากันกรีดร้องและสิ้นใจด้วยน้ำมือของนักธนูหนุ่มจากเผ่าอเมซอนคนแรกในประวัติศาสตร์
สองชั่วโมงครึ่งต่อมา
เมื่อถึงขีดจำกัดในการเล่นวันนี้ ซุนเฟยก็ออกมาจากโลก Diablo
ตอนนี้ 'โหมดนักรบเผ่าอเมซอน' ของซุนเฟยได้ทำเควสเสร็จไปแล้วห้าเควสใน 'ค่ายโร้ก' เหลือเพียงเควสเดียวนั่นคือสังหารแอนเดเรียก็จะสามารถเคลียร์แผนที่แรกของ 'ค่ายโร้ก' ได้ และเลเวลของ ‘นักรบเผ่าอเมซอนชายซุนเฟย’ ก็ถึงเลเวล 16 แล้ว
เพียงสองชั่วโมงครึ่งก็สามารถอัพเลเวลได้ถึง 16 หลังจากที่ซุนเฟยมายังโลก Diablo นี่เป็ครั้งแรกที่อัพเลเวลได้เร็วที่สุด คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับอาชีพด้วย นักรบเผ่าอเมซอนเชี่ยวชาญในการโจมตีระยะไกลด้วยธนูและหอกซัด ความเร็วในการสังหารมอนสเตอร์จึงได้เปรียบกว่าคนเถื่อนที่เป็นักสู้ระยะประชิด
ผ่านไปสี่ชั่วโมง เหลือเวลาไม่ถึงสามชั่วโมงที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น นี่เป็่เวลาที่มืดที่สุดก่อนรุ่งอรุณจะมาถึง
ซุนเฟยกำลังเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนที่พิธีาาภิเษกจะมาถึง
ตอนนี้ ในเมืองแซมบอร์ดมีคลื่นใต้น้ำที่มองไม่เห็น มีการดับไฟจำนวนมากในเมือง กองกำลังทหารที่อยู่บนกำแพงทั้งหมดค่อยๆ ออกไปอย่างเงียบๆ นอกเหนือจากความเงียบสงบของพื้นที่หวงห้ามูเาด้านหลังแล้ว หากฟังเสียงดีๆ ก็จะพบว่ามีเสียงฝีเท้าและเสียงลมหายใจที่หนาแน่นดังออกมาจากในท้องถนน ทุกคนต่างพากันปิดปากให้สนิท ภายใต้การควบคุมจัดการของเหล่าทหารเมืองแซมบอร์ด ทุกคนพากันทยอยออกไปจากเมือง ไปยังค่ายพักชั่วคราวที่สร้างขึ้นอย่างหยาบๆ เมื่อตอนกลางวัน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจูลี่อย่างเงียบๆ
แม้ว่าพวกชาวบ้านจะไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาต้องแอบย่องออกจากบ้านตัวเองเหมือนขโมย แต่มันเป็คำสั่งขององค์าาอเล็กซานเดอร์ ดังนั้น พวกเขาก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามอย่างตั้งใจ ทำให้ภารกิจในการอพยพคนของบรู๊คไม่ได้ยุ่งยากอะไร แน่นอนว่าบรู๊คเตรียมคำอธิบายไว้มากมายพร้อมที่จะโน้มน้าวชาวบ้าน แต่ใครจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แต่มันก็มีบางส่วนที่ไม่เชื่อฟัง
พวกขุนนางและพวกพ่อค้าที่มีไวเคานต์ลิวอิสเป็ผู้นำกลุ่ม พวกเขาปฏิเสธความ้าของบรู๊คอย่างเด็ดเดี่ยว หรือจะพูดตรงๆคือปฏิเสธที่จะไม่ทำตามคำสั่งขององค์าาอเล็กซานเดอร์ ตามกฎของราชวงศ์และประเพณีดั้งเดิม หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผล พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคำสั่งขององค์าา ดังนั้นตอนที่บรู๊คกลับไปรายงานเื่นี้แก่ซุนเฟย ซุนเฟยก็แค่ยิ้มออกมาอย่างไม่สนใจ ขุนนางพวกนี้จะทำอะไรก็ปล่อยให้ทำไป
เหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนที่รุ่งอรุณจะมาถึง ในพระราชวังเริ่มวุ่นวายขึ้น
ข้ารับใช้และเหล่าทหารยามเริ่มเตรียมตัวสำหรับพิธีาาภิเษกที่กำลังจะมาถึง ธรรมเนียมปฏิบัติที่มีขั้นตอนซับซ้อนมากมายและของเซ่นไหว้บรรพบุรุษเริ่มถูกลำเลียงขึ้นไปยังยอดูเาตะวันออก แองเจล่าและเจ็มม่าเองก็เริ่มวุ่นวายเหมือนกัน เลขานุการเบสท์ที่อยู่ค้างที่พระราชวัง โดยไม่ได้นอนตลอดคืนเพื่อที่จะวางแผนเตรียมงานขั้นสุดท้าย
ตอนนี้ซุนเฟยเปลี่ยนเป็ 'โหมดมือสังหาร'
เขาบิดี้เี ก่อนจะเดินมาที่ชั้นบนของห้องโถงอย่างเงียบๆ มองไปยังเมืองแซมบอร์ดที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างเงียบๆ โดยมี 'ลมกรดทมิฬ' คอยตามหลังซุนเฟยเหมือนภูตผี หนึ่งคนหนึ่งสุนัขอยู่ด้วยกันโดยมีฉากด้านหลังเป็พระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า กลิ่นอายที่เคร่งขรึมแผ่ออกมา
ต่อมา ซุนเฟยกับ 'ลมกรดทมิฬ' ก็พากันวิ่งไปยังพื้นที่หวงห้ามด้านหลังของูเาอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็มาถึงเขาวงกตใต้ดิน ซุนเฟยอัญเชิญทหารรับจ้างสาวเอเลน่าและเหล่าพี่น้องมายังห้องโถงของเขาวงกตใต้ดิน และยังเคลียร์ของที่อยู่ในเข็มขัดมิติของทุกตัวละครออก นอกจากอาวุธแล้วก็มีแต่พวกน้ำยาและของใช้อื่นๆ ที่อาจเป็ประโยชน์ในยามจำเป็ จากนั้นก็เรียกให้แปเตอร์ แช็คกับทหารทั้งหนึ่งร้อยนายมาหาเพื่อมอบภารกิจให้ไปจัดการ
ส่วนนักรบทั้งยี่สิบคนต่างก็ได้รับภารกิจของตัวเอง บางส่วนได้ติดตามซุนเฟยไปยังพิธีาาภิเษกบนยอดเขาตะวันออก ส่วนคนอื่นๆ ถูกสั่งให้เฝ้าคุ้มกันที่พระราชวัง
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซุนเฟยก็นำนักรบที่ยังตัวเขียวอยู๋นิดหน่อยประมาณสิบคนกลับไปยังพระราชวัง เพื่อให้คุ้มครองแองเจล่าและเจ็มม่ากับคนอื่นๆ รถม้าสีทองของาานำขบวนทหารองครักษ์และคนรับใช้ขึ้นไปยังยอดูเาทางทิศตะวันออก
เหลือเวลาก่อนรุ่งอรุณจะมาเยือนไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
เส้นทางที่จะขึ้นไปยังูเาต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ ก็ครึ่งชั่วโมง ในฐานะที่เป็าาในอนาคตของเมืองแซมบอร์ดก็ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีโบราณของอาเซรอท ซุนเฟยจำเป็ต้องสวมมงกุฎท่ามกลางแสงแรกของวัน เพื่อได้รับการแต่งตั้งเป็าาอย่างเป็ทางการแล้วขึ้นครองราชย์
ดังนั้น เขาจำเป็ต้องออกเดินทางก่อน
……
ในขณะเดียวกัน
ในขณะที่พัศดีโอเลเกร์กำลังเตรียมตัวออกจากคฤหาสน์
เขาเป็ผู้บัญชาการคนแรกที่ซุนเฟยเลือกให้เข้าร่วมในพิธีาาภิเษกด้วยตัวเอง ภารกิจสำคัญแบบนี้ทำให้ในใจของโอเลเกร์รู้สึกดีใจพอๆ กับกังวล ในความเป็จริง หลังจากเลยเที่ยงคืนไปเป็่ที่เขาวุ่นวายมากที่สุด เขาได้นอนไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อรักษาพลังของเขาที่อาจจะต้องใช้ในงานพิธีาาภิเษกขององค์าาอเล็กซานเดอร์ บางทีพัศดีโอเลเกร์คงไม่ยอมนอนพักผ่อนแน่ๆ
โชคดีที่เขาไม่เหมือนซุนเฟยที่ต้องนำคนรับใช้ไปด้วยจำนวนมาก ดังนั้น แม้ว่าจะออกเดินทางทีหลัง แต่ก็มั่นใจว่าคงไปถึงที่ยอดเขาก่อนซุนเฟยแน่ๆ
“อืม ดอนนี่ รีบหยิบชุดคลุมเวทมนตร์ที่ข้าต้องเสียเงินถึงร้อยเหรียญทองเพื่อซื้อมันมาเมื่อสามปีก่อนมาให้ข้าเร็ว...ข้าต้องสวมมันในพิธีาาภิเษกของฝ่าา ข้าจะต้องไม่ให้องค์าาอเล็กซานเดอร์ต้องเสียหน้าไอ้พวกคณะทูตต่างเมืองนั่นเด็ดขาด!”
ในห้องโถง
พัศดีโอเลเกร์ยืนยิ้มหล่ออยู่หน้ากระจกพลางจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองเป็ครั้งสุดท้าย เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาเขาจึงหันไปเรียกข้ารับใช้ของตัวเองอีกครั้ง
“ดอนนี่...ดอนนี่ เ้าไปตายที่ไหน ทำไมยังไม่...”
โอเลเกร์หันกลับมาก็เห็นคนรับใช้ที่อยู่ข้างกายไม่ขยับไปไหน ปากที่กำลังจะด่าก็พลันชะงัก จิตใต้สำนึกร้องเตือนว่านี่มันไม่ถูกต้อง ด้านหลังของดอนนี่ มีชายลึกลับที่สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัวโดยที่ดอนนี่คนรับใช้คนสนิทของเขาเหมือนกับกำลังหลับทั้งยืน
คนคนนี้เป็ใคร?
เขาเข้ามาั้แ่เมื่อไร?
พัศดีโอเลเกร์รู้สึกถึงอันตราย
หลังจากที่เขาได้รับ 'น้ำยาฮัลค์' ปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกาย พลังของโอเลเกร์เพิ่มขึ้นมา บวกกับมีความแข็งแกร่งของนักรบหนึ่งดาวด้วยแล้ว ตอนนี้เขาถือว่าเป็หนึ่งในยอดฝีมือในเมืองแซมบอร์ด แต่การที่ผู้บุกรุกสามารถเข้ามาประชิดตัวได้โดยที่เขาไม่ทันสังเกตได้นั้น เหงื่อของโอเลเกร์ไหลลงมาอาบหน้า!
นี่เป็ยอดฝีมือ
และเขาไม่ใช่คู่มืออีกฝ่าย
----------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้