ได้ยินเฉียนซื่อยาพูดขึ้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่สวมชุดสีแดงก็รีบพูดบ้าง “ซื่อยาพูดถูกเ้าค่ะ พวกเราได้ยินกันหมด อย่าคิดว่าพวกเราเป็เด็กแล้วไม่รู้อะไรนะเ้าคะ ท่านกับป้าหลินไม่อยากช่วยงานพี่ฟู่อินแต่อยากได้เงินวันละสิบอีแปะเป็ค่าแรงหรือ?”
“ยังบอกว่าพวกเราไร้การศึกษาด้วย! ผู้ใหญ่มีการศึกษาสองคนที่ไหนจะอยากได้ค่าแรงโดยไม่ทำงานบ้าง?” เด็กหญิงอีกคนมีสีหน้าร้ายกาจ ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ
ฟังที่เด็กทั้งสามพูด อู๋ซื่อก็เหมือนแมวโดนเหยียบหาง หัวหูฟูขึ้นมาทันที
โดนเด็กอายุแค่เจ็ดแปดขวบท้าทายเช่นนี้ทำให้ขายหน้าจริงๆ
อู๋ซื่อคิดอยากตบตีคนพวกนี้ด้วยความโมโห แต่เด็กร้ายกาจพวกนี้ล้วนแต่เป็ลูกบ้านอื่นทั้งนั้น ไม่ใช่อาเฟินอาฟางที่โดนนางดุด่าทุบตีจนชิน
นางหน้าแดงก่ำ ผลักจ้าวซื่อที่อยู่ตรงนั้นทันที แล้วตวาดด่าเด็กสี่ห้าคนที่เข้ามาในบ้านของหลินฟู่อิน “พวกเ้าคิดว่านี่เป็งิ้วหรือยังไง? เื่ของผู้หลักผู้ใหญ่ยังกล้ายุ่งอีก? พ่อแม่สอนมาอย่างนี้ใช่หรือไม่?”
เพราะก่อนหน้านี้โดนยอกย้อนเื่การศึกษา ยามนี้อู๋ซื่อจึงไม่กล้าพูดเื่นั้นอีก
เฉียนซื่อยาคุยกับทั้งปู่ย่า พ่อแม่และพี่สาวอยู่บ่อยๆ จึงรู้มานานแล้วว่าต้องสนิทกับหลินฟู่อินเข้าไว้ วันนี้เพื่อนในกลุ่มนี้ที่มาด้วยกันบังเอิญเห็นแม่สามีลูกสะใภ้จากบ้านใหญ่สกุลหลินเข้าไปในบ้านของพี่ฟู่อินเหมือนจะก่อปัญหา นางก็รีบเข้ามาแอบฟังทันที
ไม่นึกว่าจะได้ยินสองคนนี้รังแกพี่ฟู่อินด้วยการสั่งให้จ่ายค่าแรงให้แบบหน้าไม่อาย แต่พี่ฟู่อินกลับหาทางปฏิเสธไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็ผู้าุโ
และยิ่งไม่นึกว่ายายเฒ่าอู๋ซื่อจะมาด่าพวกนาง ทำให้นางทนไม่ไหวแล้ว
“ฮึ่ม ท่านย่าบ้านหลิน ไปบอกคนในหมู่บ้านกันเถอะ แล้วให้พวกผู้ใหญ่ร่วมกันตัดสิน ท่านเป็คนบังคับพี่ฟู่อิน จะเอาเงินโดยไม่ทำงาน หรือเป็พวกเราที่ไม่ได้รับการสั่งสอนจากที่บ้านกันแน่!”
อู๋ซื่อแทบสำลัก ไม่นึกว่าเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอายุเจ็ดแปดขวบจะรับมือได้ยากนัก
“ไปๆ ไปกัน ไปบอกพวกผู้ใหญ่ว่าย่าบ้านหลินกับป้าบ้านหลินทำอะไรบ้าง…” เด็กหญิงอีกคนที่มีสีหน้าร้ายกาจทำราวกับกลัวโลกจะไม่ได้เห็นความวุ่นวายอย่างไรอย่างนั้น
พวกนางส่งเสียงหัวเราะคิกคักแล้วแยกย้ายกันออกไป ใบหน้าอู๋ซื่อซีดเผือดขึ้นมาทันที
กว่าจ้าวซื่อจะทันตั้งตัวก็สายไปแล้ว ปกติอยู่บ้านนางไม่ได้ทำงาน ร่างกายก็อืดไปตามเื่ แน่นอนว่าวิ่งตามเด็กๆ ที่วิ่งเล่นนอกบ้านทั้งวันไม่ไหว…
“ท่านแม่! เหตุใดท่าน…” จ้าวซื่อมองอู๋ซื่อด้วยสายตาติเตียนแล้วดึงตัวอีกฝ่ายไป “ไป ไปกันเถอะ แล้วค่อยคุยเื่งานครั้งหน้า!”
อู๋ซื่อเองก็รู้ว่าหากเด็กพวกนี้เอาเื่ที่พวกนางคุยกับหลินฟู่อินออกไปเล่าจริงๆ คงได้กลายเป็ปัญหาอีกระลอก อย่างน้อยปู่หลินก็ต้องโมโหอย่างแน่นอน…
เมื่อคิดเช่นนี้ก็สะดุ้งเฮือก ที่จริงหากปู่หลินโกรธขึ้นมาจริงๆ นางก็กลัวเหมือนกัน
หลินฟู่อินไปเอาโถใส่ลูกกวาดจากในบ้าน พอกลับมา ทั้งเด็กๆ ทั้งอู๋ซื่อจ้าวซื่อก็ไม่อยู่แล้ว
นางกะพริบตาสงสัย ทันใดนั้นก็คิดถึงความเป็ไปได้ จึงยิ้มอยู่ในใจ
ปฏิเสธสองคนนั้นก็ไม่เลว แต่ห่างไกลจากผลลัพธ์ของการที่เด็กๆ เอาไปเล่าต่อในหมู่บ้านมาก
ส่วนชื่อเสียงของบ้านใหญ่หลินนั่นนางไม่สนใจ ถึงอย่างไร นอกจากตาแก่กับหลินต้าหลางพวกนั้นแล้ว คนบ้านหลินก็คงไม่มีใครใส่ใจเื่นี้
หลินฟู่อินยิ้ม เก็บลูกกวาดกลับไป จากนั้นก็นำกระจาดที่ทำจากไม้ไผ่สานมาวาง ตักถั่วปากอ้าแช่น้ำขึ้นมา แล้วค่อยๆ แกะเปลือก
ถั่วปากอ้าพวกนี้ไม่เหมือนพวกที่เด็ดออกมาใหม่ๆ แต่มีสีขาวและออกแข็ง ทว่าก็ยังดูดี
หลินฟู่อินดีใจยิ่งกว่าอะไร นางแกะถั่วปากอ้าทั้งกระสอบในรวดเดียว ออกมาเป็ถั่วปากอ้าถ้วยใหญ่สองถ้วย ก็คิดว่าจะเก็บเอาไว้ครึ่งหนึ่ง อีกครั่งตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้บ้านต้ายา
ซื่อยากับเด็กๆ จะเอาไปพูดต่อหรือไม่ นางก็เห็นว่าควรขอบคุณอยู่ดี เพราะอีกฝ่ายช่วยโมโหอู๋ซื่อจ้าวซื่อแทนนางแล้ว
เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน
หลินฟู่อินเดินไปยังแปลงผัก เด็ดมะเขือม่วงมาหลายผล แตงเหลืองสองผลและหอมเล็กอีกหนึ่งกำมือก่อนจะเข้าบ้าน
อาหารกลางวันมีสามอย่าง น้ำแกงหนึ่ง
พอคนบ้านสองได้เข้าบ้านตัวเองแล้ว ทั้งหลินเฟินหลินฟางรวมถึงหลินซานหลางต่างก็ยืนกรานไม่รบกวนอาหารที่บ้านนางอีก หลินฟู่อินจึงทำเพียงอาหารสำหรับตัวเองกับย่าหลี่
แต่ถึงจะมีเพียงสองคน หลินฟูอินก็ยังทำอาหารเพิ่มอีกสองอย่าง กินผักมากขึ้น ลดข้าวขัดสีลงเพื่อรักษาสุขภาพ
โดยเฉพาะย่าหลี่ที่ไม่เด็กแล้วยิ่งต้องระวังเป็พิเศษ
มื้อกลางวันจึงมีมะเขือม่วงตุ๋น ไข่กวนกับถั่วปากอ้า ยำแตงกวาใส่ไข่และน้ำแกงลูกชิ้นถ้วยเล็ก
พอย่าหลี่กลับมาพร้อมเด็กทั้งสองก็ได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นรออยู่แล้ว นางมุ่นคิ้วน้อยๆ นางบอกหลินฟู่อินไปหลายครั้งแล้ว แต่คนกลับไม่คิดประหยัดน้ำมันสักนิด ยังมีเกลือ เครื่องปรุงและน้ำส้มสายชูอีก…
ทารกน้อยต่างก็ตัวโตขึ้นแล้ว ย่าหลี่เริ่มดูแลสองคนก็เริ่มเหนื่อย เพราะหลินฟู่อินรู้เื่เด็กๆ อยู่ไม่น้อย เลยขอให้ย่าหลี่พาทั้งสองไปอาบแดดเป็ระยะในตอนที่แดดไม่จัด อีกทั้งเมื่อเด็กโตขึ้น น้ำนมที่กินก็มากขึ้นด้วย
ไว้อายุครบหกเดือนก็ป้อนอาหารเหลวได้แล้ว
ดังนั้นคนเดียวดูแลจึงเหนื่อยมาก ดูเหมือนนางคงต้องหาพี่เลี้ยงสักคนมาคอยช่วยดูแล
ถึงพวกที่มาจากบ้านพ่อค้ารวยๆ จะมีราคาแพงมาก แต่ตอนนี้นางก็ได้เงินตำลึงมากพอจะจ้างพี่เลี้ยงโดยไม่มีปัญหาแล้ว
ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่เื่เงิน แต่เป็การคัดเลือกคนที่วุ่นวายยิ่งนัก
หลินฟู่อินคิดอยู่ครึ่งนาทีก็ยังหาวิธีดีๆ ไม่ได้
ประตูบ้านมีคนเคาะอีกครั้ง ฟังจากเสียงเร่งร้อนแต่ดูแข็งแรงเช่นนี้ไม่เหมือนจังหวะเคาะประตูของจ้าวซื่อ
ทั้งสองคนวางตะเกียบลงพร้อมกันคิดจะเดินไปเปิดประตู หลินฟู่อินหยุดย่าหลี่เอาไว้ ให้อีกฝ่ายกินต่อ ส่วนนางเป็คนไปเปิดเอง
พอเปิดประตูแล้วนางก็อุทานออกมา “เป็ท่าน…”
“แม่นางหลิน สะใภ้ใหญ่บ้านวังในเมืองเจ็บท้องคลอดั้แ่เมื่อวาน ตอนนี้คลอดยาก อาจารย์สั่งให้ข้ารีบมารับท่านไปช่วยชีวิตคน…” หลี่อี้เหงื่อแตกท่วมตัว เมื่อเห็นหลินฟู่อินก็อธิบายเื่ราวชัดเจนทันที จากนั้นจึงจับมือนางลากขึ้นรถม้าไป
มีชีวิตคนเป็เดิมพัน หลินฟู่อินจึงไม่ใส่ใจความหยาบคายของอีกฝ่าย แต่พูดออกไป “เดี๋ยว ข้าต้องไปเอาอุปกรณ์รักษาของข้าก่อน”
“อุปกรณ์รักษา?” หลี่อี้ถามนางอย่างสงสัย หลินฟู่อินดึงมือนางออกจากมือเขา ไม่มีเวลาอธิบายเพิ่มแล้ว