“ต้าเติ๋งห่าน” หากแปลออกมาแล้วก็จะมีความหมายว่า สระน้ำทองคำ หรือ สายน้ำทองคำ ว่ากันว่าก่อนหน้านี้ที่นี่เป็แม่น้ำของรุยลี่ และด้วยภูมิประเทศของบริเวณนี้ จึงทำให้ค่อยๆกลายเป็แม่น้ำสายใหญ่ และกลายเป็เส้นทาง ก่อนจะกลายมาเป็หมู่บ้านในที่สุด
ตลอดทางที่ผ่านมาพบว่าทั่วทุกบ้านในต้าเติ๋งห่านล้วนแต่มีตัวบ้านที่กว้างและสะอาดที่สวนหลังบ้านต่างเต็มไปด้วยพืชจำพวกต้นกล้วย ส้มโอ และไผ่เลี้ยงตัวบ้านยังคงเป็รูปแบบบ้านไม้ไผ่สองชั้นดั้งเดิมแต่เปลี่ยนการใช้วัสดุมาเป็อิฐและไม้แทน แต่ไม่ว่าอย่างไร ทั่วทุกบ้านไม่ว่าจะสูงใหญ่เป็ระเบียบ เปล่งประกายต่างก็ยังคงประดับสัญลักษณ์ตัวอักษรไทสีแดงเอาไว้ที่หน้าประตูบ้านตามขนบธรรมเนียมเดิมอยู่ไม่น้อย
บนรั้วไม้ไผ่รอบบ้านถูกใช้ในการปลูกดอกไม้นานาพันธุ์และยังคงมีถังน้ำห้อยสูงอยู่เหนือบ่อน้ำหินนิ่งสงบไม่ไหวติง แสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านที่ประสบความสำเร็จแห่งนี้ยังคงชอบที่จะใช้วิธีการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่
หลินลั่วหรานรู้สึกชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้มากเธอจึงรู้สึกกระตือรือร้นมาตลอดทาง
เมื่อเห็นว่าชนกลุ่มคนไทต่างก็พากันจับจ้องมาที่พวกเธอหลินลั่วหรานก็ส่งรอยยิ้มเป็มิตรกลับไป และก็มักจะได้รับความเป็มิตรกลับมาเสมอ
คุณลุงไม่คุ้นชินกับการแลกเปลี่ยนก้อนแร่ในสถานที่ที่ดูเด่นชัดแบบนี้นัก จึงเลิกคิ้วขึ้นถาม “ทำไมครั้งนี้ชายพม่าถึงเลือกเอาสถานที่แบบนี้ได้? คนเดี๋ยวนี้ ทำอะไรก็ยิ่งดูเหมือนไม่มืออาชีพขึ้นไปทุกที” หลิ่วเจิงไม่ได้ออกความเห็นอะไรนัก “สถานที่ที่ยิ่งอันตรายก็ยิ่งปลอดภัย ใครจะไปคิดล่ะครับ ว่าครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ต้าเติ๋งห่าน”
ชาวไทคนหนึ่งเดินยิ้มตรงเข้ามาหา “เดินทางมาตั้งไกลพวกคุณมาเที่ยวกันหรือเปล่าครับ?” เขาพูดพร้อมทั้งใช้มือข้างขวาลบไปมาที่จมูก
“ใช่แล้ว พ่อค้าจางเป็คนแนะนำมาสกุลหลิ่ว ไม่ต้องถามมากแล้ว”
ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของชาวไทผู้นี้ก็เด่นชัดขึ้น ก่อนจะแสดงท่าทีเชื้อเชิญ
หลินลั่วหรานแอบยิ้มขึ้นมาในใจพวกเขาดูระมัดระวังมาก จนดูราวกับว่ากำลังจะไปเข้าร่วมงานปาร์ตี้ใต้ดินอะไรสักอย่าง
คนไทพาพวกเขาทั้งสามคนเข้ามายังบ้านสวนหลังหนึ่งภายในร่มไปด้วยเงาของใบกล้วยสีเขียวชอุ่มมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันเสียงดังวุ่นวาย ดูเหมือนว่าจะมี พ่อค้าจาง พี่หวังแม้แต่ชายชาวกว่างโจวที่พบกันเมื่อครั้งก่อน ก็ถือได้ว่าเป็คนรู้จักกันและเมื่อรวมเข้ากับคนที่ไม่รู้จักด้วยแล้ว ก็มีเกือบยี่สิบถึงสามสิบคนคนจำนวนมากมาแออัดกันอยู่ในบ้านสวนที่ไม่ได้นับว่าใหญ่มากแน่นอนว่าก็ต้องให้ความรู้สึกวุ่นวายแบบนี้
เธอเข้าไปทักทายพี่หวังก่อนเป็คนแรกก่อนจะไปคุยทักทายพ่อค้าจางหลิ่วเจิงยังช่วยแนะนำกับคนอื่นว่าหลินลั่วหรานเป็ผู้จัดการซื้อแร่คนใหม่ของหลิ่วชื่อผู้คนที่เคยเห็นตอนที่หลินลั่วหรานเปิดแร่ที่โรงงานของพ่อค้าจางเมื่อคราวก่อนเมื่อได้ยินหลิ่วเจิงพูดดังนี้ ต่างก็พากันยินดีที่หลิ่วเจิงได้พบกับ ‘เทพสาวแห่งความโชคดี’ แน่นอนว่านี่เป็เพียงความชมที่แสดงออกมาเท่านั้น ในใจของคนอื่นจะคิดอย่างไร หลินลั่วหรานไม่อาจจะรู้ได้และเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วย
แปลกจัง ทำไมถึงไม่เห็นเสี่ยซุยเลย?
ในระหว่างที่เธอกำลังพูดคุยเื่ทั่วไปกับเ้าของที่อยู่กับหลิ่วเจิงนั้นเธอก็แอบมองสาดส่องไปด้วย รูปร่างของเสี่ยซุยออกจะเห็นได้เด่นชัดมองไปทั่วแล้วแต่ก็ยังไม่พบตัวเขาอยู่ดี
แต่เธอกลับหันไปเห็นไอลี่และหลี่อันผิงที่ยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นกล้วยโดยไม่ทันคาดคิดคุณหนูไอผู้สูงส่งพาผู้ติดตามมาด้วยหลายคน แต่กลับยังจัดการกับเหล่าแมลงที่รุยลี่ไม่ได้เธอกำลังหงุดหงิดกับรอยเล็กๆ สีแดงบนข้อมือของเธอ
หลี่อันผิงมองเห็นหลินลั่วหรานั้แ่ที่เธอเดินเข้ามาแล้ว
อุณหภูมิเฉลี่ยปกติของรุยลี่จะอยู่ที่ยี่สิบเอ็ดองศาสภาพร่างกายของหลินลั่วหรานเองก็ต่างไปจากแต่ก่อนมากแล้ว เพียงแต่อากาศในตอนกลางวันและตอนกลางคืนต่างกันค่อนข้างมากเธอจึงสวมเสื้อกันลมสีคาราเมลตัวบาง และจัดการมัดผมยาวสลวยของเธอให้กลายเป็หางม้าดูเรียบง่ายแต่กลับสวยงามจนพูดไม่ถูก
ความจริงอย่าเพิ่งพูดว่าหลี่อันผิงแอบมองเธอเลยแม้แต่บรรดาพ่อค้าแร่เ่าั้ ก็ต่างพากันมองไปที่เธอปกติแล้วหญิงสาวที่จะมาเล่นพนันหยกก็มีอยู่น้อยอยู่แล้วดังนั้นอย่าได้พูดถึงสาวงามแบบนี้เลย
เมื่อรู้สึกถึงความขมขื่นและอารมณ์รุนแรงที่ถูกส่งผ่านมาทางสายตาของหลี่อันผิงความจริงหลินลั่วหรานอยากจะเดินเข้าพูดกับเขาตรงๆ ว่า แฟนสาวคนปัจจุบันของคุณยืนอยู่ด้านข้างคุณยังจะมาแสดงอาการอะไรกับฉันอีก?
หลิ่วเจิงเองก็เห็นพวกไอลี่แล้วเมื่อนึกถึงเื่ที่โรงงานของพ่อค้าจางขึ้นมาได้ เขาก็ขยับเข้ามาเพื่อบังสายตาที่ถูกส่งมาของหลี่อันผิง
ไอลี่เห็นท่าทางของหลี่อันผิงก็ได้แต่ยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา
ผู้ชายตัวผอมดำแต่งตัวเหมือนกับคนพม่าดูเหมือนว่าจะเป็หัวหน้าในครั้งนี้ พูดประกาศออกมาด้วยภาษากลาง “มาครบกันหรือยัง? ครบกันแล้วจะได้เริ่มเสียที!”
ใบหน้ากว่าหนึ่งในสามของไอลี่ถูกบดบังไปด้วยแว่นกันแดดเธอพูดออกมาด้วยเสียงราบเรียบ “คงจะไม่ให้พวกเรารอคนคนเดียวใช่ไหม เริ่มได้แล้ว”
ชาวพม่าไม่พอใจนักที่มีคนพูดขัดเขาขึ้นแต่เมื่อเห็นว่าเป็ผู้หญิง ยิ่งไม่ได้อะไรกับเธอนัก
“รอก่อน...” น้ำเสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นเมื่อได้ยินหลินลั่วหรานก็รู้ทันทีว่าเป็เสียงของเสี่ยซุย
เสี่ยซุยมาที่รุยลี่ก่อนพวกเธอตั้งหลายวันแล้วแต่ไม่รู้ว่าหายไปไหนมา ทำไมถึงไม่ได้มาพร้อมกับพี่หวังแล้วเพิ่งจะมาถึงเอาป่านนี้
หลินลั่วหรานเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ดังนั้นร่างใหญ่ของเสี่ยซุยก็ปรากฏออกมาจากหลังกำแพง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
หลินลั่วหรานกำลังพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่ซุย ทำไมพี่ถึง...” ราวกับคำพูดที่เหลือพากันมาจุกอยู่ที่ปลายลิ้นเมื่อเห็นคนที่เดินมาข้างกายของเสี่ยซุย คำพูดเ่าั้ก็ไม่อาจจะเปล่งออกมาได้อีก
คุณชายมู่? แย่แล้ว ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นหลินลั่วหรานใบหน้าของมู่เทียนหนานก็แสดงความประหลาดใจขึ้นมา ก่อนจะส่งเสียงฮึออกมาจากลำคอเหมือนอย่างครั้งก่อนที่เจอกัน
หลินลั่วหรานมองไปยังเสี่ยซุย ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าทุเรศๆของคุณชายมู่อีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์อะไรกันจึงได้แต่ปิดปากเงียบ และทำราวกับไม่เห็นมู่เทียนหนานอยู่ในสายตา
พระเ้า การพบกันโดยบังเอิญในต่างแดนแบบนี้เป็การทดสอบความอดทนของใจคนอย่างนั้นเหรอคะ?
หลินลั่วหรานหันไปถามหวังเมี่ยวเอ๋อเบาๆว่าคนคนนี้มาจากไหน
ใครจะรู้ว่าหลังจากได้ยิน เธอก็เกือบจะโมโหออกมา “หยกฮกลกซิ่วที่เธอเอามาเมื่อวันก่อนถูกเสี่ยซุยเอาขายให้คนคนนี้แหละ ทั้งที่รู้ว่าฉันชอบมากแท้ๆนี่เป็ครั้งแรกเลยที่เขาดื้อดึงแบบนี้...สรุปก็คือ ผู้ชายคนนั้นบังคับให้ซื้อบังคับให้ขายชัดๆ!”
ตระกูลมู่นั้นร่ำรวยมากเธอสามารถรับรู้ได้จากท่าทางก้าวร้าวและรถราคาแพงที่เขาใช้แต่แม้ว่าหยกฮกลกซิ่วก้อนนั้นจะดีแต่จำเป็ที่จะต้องบังคับให้ขายให้ขนาดนั้นเลยเหรอ? หลินลั่วหรานรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติไปเธอจึงเอ่ยถามต่อ “คงจะเป็เพราะความสัมพันธ์ของเขาและเสี่ยซุยคงจะดีมากพี่หวังอย่าโมโหไปเลย พวกเราต่างก็รู้ดีว่าเสี่ยซุยเป็คนยังไง”
สีหน้าของหวังเมี่ยวเอ๋อดีขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะหันมาบ่นให้หลินลั่วหรานฟัง “ความสัมพันธ์อะไรกัน ก็แค่ครั้งก่อนเคยมาซื้อก้อนหยกกับเราแล้วก็ให้แกะเป็โป๊ยเซียนห่อสิ่วก็เท่านั้นนั่นแหละ คนคนนี้แปลกมาเลยนะหลังจากนั้นมาแม้แต่เศษหยกก็ยังอยากได้ จะให้พวกเราไปหามาจากที่ไหนนัก?”
คนรวยที่ตระหนี่มีอยู่มากแต่คนที่ร่ำรวยขนาดนี้แล้วยังขี้งกขนาดนี้นั้นดูไม่ปกติเท่าไรแล้ว หลินลั่วหรานหยุดคิดไปสักพักก่อนจะกดเสียงลงถาม “หยกก้อนนั้นมีอะไรต่างจากปกติเหรอคะ? คนเราถึงจะได้มาถามหาแม้แต่เศษที่เหลือ”
หวังเมี่ยวเอ๋อเลิกคิ้วขึ้นคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมา “ก็แค่ความโปร่งแสงดีหน่อย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรพิเศษนะ อ้อ เป็ก้อนที่ซื้อมาจากพ่อค้าจางก้อนนั้น...ใช่แล้ววันนั้นน้องก็อยู่นะ ตอนนั้นพวกเราเพิ่งจะรู้จักกันไง!”
เมื่อได้ยินว่าเป็ก้อนแร่ที่ซื้อมาจากที่พ่อค้าจางในใจของหลินลั่วหรานก็เริ่มกังวลขึ้นมา ยิ่งเมื่อได้ยินว่าเป็วันนั้นอีก...
พระเ้า คงจะไม่บังเอิญเป็ก้อนที่เธอใช้พลังตรวจสอบก้อนนั้นหรอกใช่ไหม?
“ใช่ก้อนที่วันนั้นพี่ซุยซื้อมาล้านกว่าหรือเปล่าคะ?” หลินลั่วหรานพยายามที่จะควบคุมหัวใจที่กำลังเต้นแรงของเธอเอาไว้แล้วทำเป็เหมือนกำลังนึกเื่ราวที่ผ่านมานานแล้ว
“ความจำดีจริงๆ เลยนะก้อนนั้นแหละ! ถ้ารู้ว่าขายให้ไปแล้วจะวุ่นวายขนาดนี้คงไม่ขายให้ั้แ่แรก!” หวังเมี่ยวเอ๋อพ่นลมหายใจออกมาถึงจะพูดแบบนั้น แต่การค้าก็เป็แบบนี้แหละ ในตอนนั้นขอแค่มีเงินไม่ว่าอย่างไรก็คงขายให้เขา
ความสับสนเริ่มเกิดขึ้นมาในใจของหลินลั่วหรานหยกก้อนนั้นมีอะไรที่ต่างออกไป เกรงว่าจะไม่มีใครในโลกนี้รู้ดีไปกว่าเธอแล้ว
ในวันนั้นหลังจากที่เธอใช้พลังตรวจสอบก้อนแร่ไปใครจะรู้ว่าไข่มุกของเธอจะไปดูดเอาพลังของก้อนแร่มานั่นเป็ครั้งแรกที่หลินลั่วหรานทำอะไรราวกับขโมย เธอรู้สึกไม่ดีนักเมื่อไข่มุกััได้ถึงความรู้สึกของเธอ มันก็คายพลังบริสุทธิ์ออกมาคืน
ดังนั้นหยกของเสี่ยซุยก้อนนั้นน่าจะเป็หยกก้อนแรกที่หลินลั่วหรานลงมือแก้ไขเมื่อมาได้ยินท่าทางของคุณชายตระกูลมู่ในตอนนี้ เธอก็ไม่สบายใจขึ้นมา
หลินลั่วหรานแอบมองไปยังเสี่ยซุยที่กำลังแนะนำคุณชายมู่ให้กับเหล่าพ่อค้าหยกอย่างยากลำบากคุณชายมู่เองก็รับรู้ถึงสายตาสอดแนมของเธอ จึงหันมองทางนี้เช่นกัน
หลินลั่วหรานหดคอเข้ามาก่อนจะเริ่มคิดว่าการที่คุณชายตระกูลมู่มาตามหาเรียกร้องเอาเมล็ดโสมคืนจากเธออาจจะไม่ใช่เื่บังเอิญอีกต่อไป
เขาให้ความสำคัญกับเมล็ดโสมนั่นมากจริงๆแถมยัง้าตามหาคนที่แปลงหยกอย่างเธอ?
หรือว่า...คุณชายมู่นั่นหรืออาจจะเป็คนที่อยู่เื้ั จะรู้ความลับที่เธอเป็ผู้ฝึกศาสตร์เข้ากันแล้ว?