บทที่ 92 สามีฉันกลับมาแล้ว
“อย่างนั้นเหรอ?”
เสียงทุ้มนุ่มลึกราวเสียงเชลโล่ แต่กลับแฝงไว้ด้วยพลังที่สามารถแทรกซึมทะลุทะลวงฝูงชนดังผ่านฝูงชนขึ้นมา
“ก็เป็อย่างที่เห็นนั่นแหละ” อันฉินกล่าวอย่างขุ่นเคือง “พอเห็นพวกเราหวานชื่นกันไม่ได้ สามีเธอไม่อยู่บ้าน เธอถึงได้อิจฉา สวี่จือจือ ฉันว่าเธอนี่มันน่าสงสารจริงๆ”
อันฉินย่อมไม่มีทางรู้ได้ว่าเ้าของเสียงนั้นเป็ใคร เธอคิดว่าเป็แค่ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์เท่านั้น แต่สวี่จือจือกลับจำเสียงนั้นได้ในทันที
ในใจพลันบังเกิดความยินดีและตื่นเต้น
ทำไมคนคนนี้ถึงกลับมา?
“ใครบอกว่าสามีฉันไม่อยู่บ้าน?” สวี่จือจือยิ้ม “แค่พวกเธอเนี่ยนะ ฉันไม่ได้หูหนวกตาบอด จะไปอิจฉาพวกเธอทำไม?”
เห็นแล้วอยากจะอ้วกเสียมากกว่า
อันฉินกำลังโกรธจนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็เห็นสวี่จือจือวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความดีใจ
นี่ทนไม่ไหวแล้วจะเข้ามาทำร้ายร่างกายหรือไง?
“อย่าทำร้ายฉันเลย”
อันฉินยังไม่ทันได้ทำอะไร โจวเป่าเฉิงที่อยู่ข้างๆ กลับนึกถึงภาพที่ตัวเองโดนสวี่จือจือซ้อมเมื่อครั้งก่อนขึ้นมาทันที รวมถึงเสียงเมื่อกี้นี้ด้วย
เมื่อกี้เขาไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาถึงตอนนี้ก็นึกขึ้นได้ ถึงแม้จะมีแค่สองคำ แต่เสียงของลู่จิ่งซานมันจำง่ายเกินไป
จอมมารกลับมาแล้วเหรอ? ทำไมถึงกลับมาอีกแล้ว แถมยังเป็เวลาแบบนี้อีก
โจวเป่าเฉิงแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น
ไม่เอานะ!
“นายเป็อะไรของนายเนี่ย?”
อันฉินเบิกตากว้างมองโจวเป่าเฉิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาจะกลัวอะไรขนาดนั้น?
แล้วก็ได้ยินเสียงของสวี่จือจือพูดด้วยความยินดี “คุณกลับมาได้ยังไง?”
ใครกลับมา?
ในใจของอันฉินจริงๆ ก็มีคำตอบอยู่แล้ว แต่เธอไม่อยากจะเชื่อ
เป็ไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ลู่จิ่งซานที่กลับมา คนคนนั้นไม่ควรจะอยู่ที่หน่วยเหรอ แล้วไม่ใช่ว่าเก่งมากหรอกเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะงานยุ่งมากสิ ทำไมถึงเพิ่งไปไม่นานก็กลับมาอีกแล้วล่ะ!
ทำไม!
แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มลึกที่คุ้นเคยพูด “อืม”
ตอนที่อันฉินหันกลับไปก็สบเข้ากับดวงตาคมกริบของลู่จิ่งซานพอดี
ถึงแม้ชายหนุ่มจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่รัศมีที่แผ่ออกมานั้นก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพียงแค่เหลือบมองแวบเดียว อันฉินก็รู้สึกต่ำต้อยอย่างบอกไม่ถูก ราวกับความคิดที่สกปรกที่สุดในใจถูกเขามองทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป
“อืม” หลังจากทักทายชาวบ้านอย่างเรียบง่ายแล้ว ลู่จิ่งซานก็เข็นรถเข็นเดินไปทางสวี่จือจือ
อันฉินถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว แต่คนตรงหน้ากลับไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เพียงแค่ส่งสายตาไป อันฉินที่ยังคงยืนงงอยู่ก็ถูกโจวเป่าเฉิงดึงตัวให้หลีกทางให้ลู่จิ่งซานอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าเป็เพราะอะไร
ถึงแม้ว่าตอนนี้ลู่จิ่งซานจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ความรู้สึกที่โจวเป่าเฉิงได้รับกลับยิ่งใหญ่กว่าตอนที่เขายืนอยู่ดีๆ เสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เขากำลังดึงแขนอันฉินอยู่ โจวเป่าเฉิงก็คงจะขาอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
“เจ็บนะ แขนฉัน” อันฉินะโขึ้น
โจวเป่าเฉิงดึงไปโดนตรงที่เธอพันผ้าพันแผลเอาไว้พอดี เขาร้องอ้อแต่ก็ไม่ได้คลายมือออก ยังคงดึงเธอตรงที่พันผ้าพันแผลแล้วเดินต่อไป “รีบๆ กลับบ้านไป”
จอมมารกลับมาแล้ว
ความเ็ปทำให้อันฉินกรีดร้องไม่หยุด
“อย่าโวยวายได้ไหม” โจวเป่าเฉิงลดเสียงลงอย่างไม่พอใจ “เขากลับมาแล้ว อยากให้ฉันตายหรือไง รีบกลับบ้านไปซะ!”
ไอ้คนไม่ได้เื่! เขาแทบจะเป็คนพิการอยู่แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก!
พอคิดได้ดังนั้น ดวงตาคมกริบเ็าของลู่จิ่งซานก็เหลือบมองมาที่เธออย่างแ่เบา
“กลับ...กลับบ้าน”
อันฉินใจนเสียสติ ไม่สนใจความเ็ปที่แขนอีกต่อไป รีบวิ่งตามโจวเป่าเฉิงไป ส่วนเื่ที่อยากจะสืบว่าทำไมลู่จิ่งซานถึงเป็แบบนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะสืบแล้ว
พอวิ่งออกมาจากบ้านของลู่ซือหยวนก็เห็นรถจี๊ปจอดอยู่ มีชายฉกรรจ์ยืนเรียงแถวอยู่ที่ประตูรถ มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
โจวเป่าเฉิงไม่กล้าแม้แต่จะมองรถ รีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
เขาใแทบแย่ เมื่อกี้ถ้าเขาหนีไม่เร็ว ลู่จิ่งซานอาจจะทำให้ขาที่สามของเขาพิการไปตลอดชีวิตก็ได้ แค่สายตาแวบเดียวก็ทำให้โจวเป่าเฉิงรู้สึกเย็นวาบไปถึงหว่างขาอย่างบอกไม่ถูก
ทางด้านสวี่จือจือกลับไม่รู้เลยว่าแค่สายตาของลู่จิ่งซานก็สามารถทำให้โจวเป่าเฉิงใได้ขนาดนี้ ลู่จิ่งซานนั่งอยู่บนรถเข็นด้วยสีหน้าเ็า มือจับราวบันไดแน่นจนเห็นเส้นเืปูดโปน
วันนี้เขานั่งรถกลับมาตั้งใจจะกลับบ้านโดยตรง พอเห็นชาวบ้านมุงดู เขาไม่ได้อยากรู้อยากเห็นขนาดที่จะต้องเข้ามาดู แต่ได้ยินคนเรียกชื่อภรรยาของเขา
แถมยังบอกว่าเธอเป็หม้ายทั้งเป็!
ลู่จิ่งซานเม้มปาก ที่แท้ตอนที่เขาไม่อยู่ คนพวกนั้นก็พูดถึงเธอแบบนี้?
“จิ่งซาน” ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าเดินเข้ามา แล้วมองสวี่จือจือ “นี่คือน้องสะใภ้ใช่ไหม?”
“นี่คือสวี่จือจือ” ลู่จิ่งซานแนะนำแล้วหันไปบอกสวี่จือจือ “จือจือ นี่คือเซียวติ้งจวิน หัวหน้าหน่วยของผม”
“น้องสะใภ้” เซียวติ้งจวินยื่นมือออกมาเพื่อจับมือกับสวี่จือจือ แต่สวี่จือจือกลับถูกลู่จิ่งซานจับมือเอาไว้แน่น เขาหัวเราะมองไปที่อีกฝ่ายแวบหนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วพูดต่อ “จิ่งซานได้รับาเ็จากการปกป้องประเทศชาติและทรัพย์สินของหน่วย เขาคือวีรบุรุษของหน่วยเรา”
“ไม่ต้องห่วง เขาก็คือสมบัติล้ำค่าของหน่วยงานเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขา้า ไม่ว่าจะเป็อาหาร เครื่องนุ่งห่ม หรือที่อยู่อาศัย จะถูกจัดหาให้โดยหน่วยของเรารวมถึงค่ารักษาพยาบาลด้วย แพทย์ของเราจะมาตรวจร่างกายให้เขาเป็ประจำ”
แต่ถ้าไปอยู่ที่เมืองหลวงได้ก็จะดีที่สุด เพราะที่นั่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ รวมถึงแพทย์ที่เก่งที่สุด การตรวจรักษาจะดีกว่าในชนบท แต่ลู่จิ่งซานเป็คนหัวรั้นไม่ยอมไป ดูเหมือนจะยอมจำนนต่อโชคชะตาแล้ว
แต่เขาก็เข้าใจ ไม่ว่าขาของอีกฝ่ายจะสามารถกลับมาเป็เหมือนเดิมได้หรือไม่ เื่นั้นก็ส่งผลกระทบต่ออีกฝ่ายอย่างมาก
ต่อมาเขาได้ปรึกษากับหัวหน้าใหญ่ คิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งแต่งงาน การมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยอาจจะช่วยให้ฟื้นตัวได้ดีขึ้นก็เลยอนุญาตให้กลับมา
เพียงแต่ยิ่งเขาอธิบายมากเท่าไหร่ หัวใจของสวี่จือจือก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น
ขาของเขา คงจะไม่ดีแล้วสินะ
“หรือไม่ก็ พวกเราไปดูที่เมืองหลวงกันไหม” เธอพูดด้วยความเครียดเล็กน้อย
ที่นั่นคือเมืองหลวง สถานที่รวมตัวของเหล่าอัจฉริยะระดับประเทศ ระดับการรักษาพยาบาลต้องดีกว่าสถานที่เล็กๆ แบบนี้แน่นอน
“ไม่เป็ไร อย่าไปฟังเขาพูด” ลู่จิ่งซานกล่าว
เซียวติ้งจวินเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลั้นเอาไว้
ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยความสงสัย “อย่างนั้นหลังจากนี้จิ่งซานก็คงได้แต่อยู่ที่หมู่บ้านแล้วสิ?”
นั่งรถเข็นแบบนี้ รัฐจะยัง้าเขาอยู่เหรอ? ถึงจะอยู่ที่หมู่บ้านก็คงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอวันตายไปวันๆ!
“สหายคนนี้” เซียวติ้งจวินยิ้มแล้วกล่าว “ลู่จิ่งซานคือบุคลากรที่มีความสำคัญอย่างมากต่อหน่วยของเรา จะให้เขาอยู่ที่หมู่บ้านไปตลอดชีวิตเหรอ ไม่มีทาง!”
“พวกคุณอาจจะไม่รู้” เซียวติ้งจวินกล่าวด้วยความอิจฉา “เ้าหนุ่มคนนี้หน่วยอื่นๆ ต่างแย่งตัวกันให้วุ่น พวกคุณลองคิดดูสิว่าพวกเราจะกล้าปล่อยให้เขาอยู่ที่หมู่บ้านไปตลอดชีวิตได้ยังไง” เซียวติ้งจวินหัวเราะเสียงดัง “หน่วยอื่นๆ อิจฉาเราจะแย่อยู่แล้ว ถ้ารู้เื่นี้เข้าคงต้องแย่งตัวกันหัวแทบแตกแน่ๆ”
ยิ่งไปกว่านั้นหน่วยงานรักษาความลับอย่างพวกเขา ตอนนี้้าคนที่สมองดีๆ เช่นลู่จิ่งซาน เพียงแต่การเปลี่ยนจากตำแหน่งนั้นมาอยู่เื้ัอย่างกะทันหัน ใครๆ ก็คงปรับตัวไม่ทัน
หวังว่าในครั้งหน้าที่เขาได้เจออีกฝ่าย อีกฝ่ายจะคิดตกแล้ว เซียวติ้งจวินคิดในใจ
ทุกคน “...” อย่างนี้ก็ได้เหรอ?
พวกเขาคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรับรู้เกี่ยวกับลู่จิ่งซานนั้นเก่งกาจมากพอแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะถูกยกระดับขึ้นไปอีก
ไม่มีใครเก่งกาจที่สุด มีแต่เก่งกาจยิ่งกว่าเดิม!
แน่นอนว่าในที่นี้มีคนที่คิดจะรอชมเื่ตลกของบ้านตระกูลลู่อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ล้มเลิกความคิดไปแล้ว
พ่อของพวกแกก็คือพ่อของพวกแกตลอดกาล!
.............................