เมืองหลางเซียน!
บ้านของหวังเค่อแน่นอนว่าย่อมมีกุญแจ
เมื่อประตูเปิดออก บรรดาสานุศิษย์พรรคอีกาทองคำก็เดินเข้าไปด้วยท่าทางระวังระไว
จากประสบการณ์ที่ถูกหวังเค่อต้มจนเปื่อยมาแล้ว
จางเสินซวีและพวกต่างก็ใช้หวังเค่อและจางเจิ้งเต้าเป็เกราะป้องกันทั้งสองเล่นลูกไม้อีก
โชคดีที่คนทั้งคู่ถือว่าให้ความร่วมมือเป็อย่างดี
“นี่มันที่ไหน? ทำไมไม่มีใครซักคน?” จางเสินซวีเอ่ยเสียงหม่น
จางเจิ้งเต้าเองก็ทำหน้าตาประหลาดใจ
“นี่ หวังเค่อ ของทั้งหมดเ้าขนออกไปเกลี้ยงแล้ว?”
เกลี้ยงเกลาหมดจดอย่างแท้จริง
เทียบกับตอนที่องค์หญิงโยวเยว่มาแต่งหน้าที่นี่แล้ว บ้านล้วนว่างโล่งโจ้ง
แม้แต่บอนไซสักต้นเครื่องเรือนสักชิ้นก็ไม่เหลือ
“พูดอะไรเพ้อเจ้อ!”
หวังเค่อมองแรงใส่จางเจิ้งเต้า
ข้ากำลังวางแผนต่อพวกมันต่างหาก
หากไม่เล่นกับพวกมันสักหน่อย จะเอาพวกมันมานี่ทำไม?
จางเจิ้งเต้ารู้ทันทีว่ามันปากพล่อยไป
ดังนั้นหุบปากทันควัน
“ทุกท่าน ตามข้ามา!”
หวังเค่อนำทางคนทั้งหมดไปยังห้องโถง
ในห้องโถงใหญ่
แม้เครื่องเรือนส่วนใหญ่จะถูกขนย้ายไปหมดสิ้น หากยังคงมีเก้าอี้บางส่วนเหลืออยู่
“บ้านหลังนี้
ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว? หวังเค่อ เ้าโกหก?” จางเสินซวีเอ่ยเสียงต่ำ
“ใช่ที่ไหนกัน? ข้าบอกว่ามีมารก็มีมารสิ!” หวังเค่อเดินตรงเข้าห้องโถงใหญ่
ก่อนจะยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาหาจางเสินซวี
จางเสินซวี “…!”
ศิษย์พรรคอีกาทองคำ “…!”
ข้าถามหาพวกมารที่ถูกขังไว้
เ้าเอาเก้าอี้มาให้ข้าทำอะไร?
“หวังเค่อ
คิดล้อกันเล่นหรือยังไง?” จางเสินซวีเอ่ยเสียงเย็น
“ข้าไหนเลยจะกล้า? เก้าอี้ตัวนี้ก็คือเครื่องยืนยัน พวกมารร้ายถูกกักขังไว้ในบ้านหลังข้างๆ
นี่! เมื่อถือเก้าอี้นี้ไป ผู้คุ้มกันก็จะทำตามที่เ้าสั่ง!” หวังเค่อเอ่ยเสียงหนักแน่น
“เก้าอี้?” จางเสินซวีมองดูเก้าอี้ไม้ด้วยสีหน้างุนงง
“ใช่แล้ว
ผู้ที่จับกุมคุมขังพวกมารร้ายเอาไว้นั้นคือคนที่ท่านอาจารย์ของข้าเพาะเลี้ยงไว้
ไม่ว่าใครก็ไม่รู้จักพวกมัน พวกมันเองก็ไม่สนใจว่าเ้าคือใคร
เพียงฟังคำสั่งของท่านอาจารย์เท่านั้น!
ทุกครั้งที่อาจารย์ติดต่อกับพวกมันต้องมีรหัสยืนยันต่างๆ กันไป
ครั้งนี้ก็คือเก้าอี้! เมื่อถือเก้าอี้ไป
พวกมันพอเห็นก็รู้ทันทีว่าอาจารย์ส่งคนมารับคน เอ๊ย มารับมาร! ถึงตอนนั้น
ขอเพียงแค่ออกปาก พวกมันก็จะส่งมอบมารให้เ้าทันที!” หวังเค่อเอ่ย
“อ้อ?” จางเสินซวีตะลึง
“พรรคอีกาทองคำของข้าเองก็มักมีเครื่องยืนยัน
แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าเห็นคนใช้เก้าอี้เป็เครื่องยืนยัน ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ!
เฉินเทียนหยวน มิน่าเล่าถึงสามารถเป็ประมุขพรรคเทพหมาป่า์ได้ ช่างรอบคอบนัก!”
“ถูกแล้ว
ตีข้าให้ตายข้าก็ไม่เชื่อ ของยืนยันกลับเป็เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ข้านี่เอง
แถมยังเป็เก้าอี้ตาแป๊ะอีกด้วย?”
“เฉินเทียนหยวน
ช่างจัดแจงได้ลี้ลับนัก!”
.........
.........
......
.....
...
...
สานุศิษย์พรรคอีกาทองคำล้วนประทับจิตประทับใจ
อาจเป็เพราะหวังเค่อถูกพวกมันจับเป็ตัวประกันอยู่ ดังนั้นเชื่อมั่นอย่างไม่กังขาว่าอีกฝ่ายพูดความจริง
จางเจิ้งเต้าอีกทางหนึ่งกลับส่งสายตาพิกล
เ้าหวังเค่อนี้แค่อ้าปากก็หลอกลวงคนได้แล้ว เก้าอี้เป็รหัสยืนยัน? มันแถว่าเก้าอี้เป็รหัสก็เพราะในบ้านนี้ไม่เหลืออะไร
ถูกมันยกเค้าจนไม่เหลือเลยต่างหากไม่ใช่หรือ? โกหกแบบนี้ไม่มักง่ายไปหน่อยหรือไง?
“ไม่เชื่อใช่มั้ย? ไป ข้าจะแบกเก้าอี้ไปข้างบ้านเดี๋ยวนี้! พวกเ้ามากับข้า!” หวังเค่อโพล่งกะทันหัน
“ช้าก่อน!”
จางเสินซวีเอ่ยเสียงเย็น
“อะไรอีก?” หวังเค่อสงสัย
“เ้ามั่นใจหรือว่าแค่เก้าอี้ตัวนี้ก็ผ่านแล้ว?”
จางเสินซวีถามเย็นๆ
“แน่อยู่แล้ว
ข้าจะนำทางพวกเ้าไปเอง ยังจะมัวลังเลอะไรอีก?” หวังเค่อเอ่ยอย่างไม่แยแส
“เหอะ เ้ากับมัน
อยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไป!” จางเสินซวีเอ่ย
“อะไรนะ?” หวังเค่อตะลึง
“ในเมื่อเก้าอี้รหัสอยู่กับข้า
แล้วจะเอาพวกเ้าไปทำอะไร? ถ้าเอาพวกเ้าไป
เกิดพวกเ้าเล่นแง่ขอความช่วยเหลือจากยอดฝีมือพวกนั้นขึ้นมา
กลายเป็ดึงความสนใจของพรรคเทพหมาป่า์ แล้วพวกข้าจะเหลืออะไร? เหอะ อยู่ที่นี่แหละ ถ้าเ้ากล้าโป้ปด ข้าจะฆ่าเ้าซะ!”
จางเสินซวีเอ่ยเสียงเย็น
“แต่ว่า แต่ว่า...!”
หวังเค่อสีหน้ากลับกลายเป็ลนลาน
สีหน้าของมันประหวั่นลนลานก็จริง
แต่ในใจอัดแน่นจนพองโตดั่งบุปผาเบ่งบาน ที่ตนเองไม่ไปข้างบ้าน
ก็เพราะรอให้พวกเ้าคิดเองได้นี่แหละ อา ประสบการณ์ต้มตุ๋น เอ๊ย
ประสบการณ์ชีวิตอันยาวนาน ขอเพียงคิดถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็ที่ตั้ง
ถึงจะบริการอีกฝ่ายได้ทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม
“พวกเ้าเฝ้าไอ้สองตัวนี้ไว้
คนอื่นๆ ขนเก้าอี้ไปบ้านหลังข้างๆ กับข้า!” จางเสินซวีเอ่ยเสียงขรึม
“ขอรับ!”
เสียงรับคำประสานโดยพร้อมเพรียง
เหลือเพียงศิษย์พรรคอีกาทองคำสองคนผู้ถูกทิ้งหน้ามุ่ยอยู่เท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง
หากมีกุศลปะามาร ย่อมต้องเหลือเก็บไว้ให้กับพวกเ้าด้วย!”
จางเสินซวีออกปากต่อศิษย์น้อง
“ขอบคุณศิษย์พี่!”
สองศิษย์ได้แต่กล้ำกลืนรับคำ
“จำไว้ หวังเค่อ จางเจิ้งเต้า
หากพวกมันกล้าหลอกข้า ก็ตัดมือตัดเท้าพวกมันซะ!” จางเสินซวีคาดโทษ
“โอ้ โหดร้ายยิ่ง!”
จางเจิ้งเต้าคร่ำครวญ
“ขอรับ!”
ศิษย์น้องทั้งสองขานรับหนักแน่น
พร้อมกันนั้น
จางเสินซวีก็นำศิษย์คนอื่นๆ แบกเก้าอี้ออกไปแล้ว
ตอนนี้ ในห้องโถงเหลือคนอยู่สี่คน
หวังเค่อ จางเจิ้งเต้า
แล้วก็ศิษย์พรรคอีกาทองคำสองคนที่พาดกระบี่กับคอของทั้งสองไว้ หวังเค่อขยิบตาให้จางเจิ้งเต้า
จางเจิ้งเต้าก็รู้ทันทีว่าได้เวลาลงมือแล้ว
บ้านหลังข้างๆ เคหาสน์ของหวังเค่อ
ในห้องโถงมืดสลัว
ยามนี้ยืนไว้ด้วยกลุ่มคนชุดดำกลุ่มหนึ่ง กำลังคารวะต่อบุรุษชุดแดงตลอดร่างท่านหนึ่ง
บุรุษชุดแดงนั่งยังที่นั่งประธานกลางห้อง
มองดูกลุ่มคนชุดดำโขกศีรษะคารวะ มันค่อยๆ เปิดหมวกออก
พบว่าเป็บุรุษวัยกลางคนรูปงามดั่งทวยเทพองค์หนึ่ง
“เล่าสถานการณ์มาซิ!”
“ขอรับ
่นี้วัตถุมีพิษทั้งหลายตามหัวเมืองเซียนต่างๆ
ทั่วสิบหมื่นมหาบรรพตล้วนถูกเหมาไปจนหมดสิ้น
ศิษย์ของพวกเราจึงต้องซื้อวัตถุดิบฝึกฝีมือในราคาสูงลิ่ว ท่านเ้าตำหนักเกรงว่านี่จะเป็แผนการลงมือที่มุ่งเป้าต่อพวกเรา
ดังนั้นจึงสั่งให้พวกเรามาสืบหาต้นตอ สุดท้ายค่อยพบว่าต้นเหตุอยู่ที่นี่
เ้าคนที่เป็เ้าของบ้านหลังข้างๆ นี้สมควรมีความเกี่ยวพันกับพรรคเทพหมาป่า์!”
บุรุษชุดดำผู้หนึ่งรายงาน
“คนข้างบ้านรึ? ข้าเพิ่งมาถึงกลับไม่เห็นมีคน?” บุรุษชุดแดงเอ่ยเสียงเย็น
“พะ พวกข้า...ท่านเ้าตำหนักโปรดอภัย
เมื่อสองวันก่อนยังมีคนพลุกพล่าน แต่พวกเรายังไม่ทันลงมือเคลื่อนไหว
พวกมันก็ออกไปขายผักกันหมด จากนั้นไม่มีใครกลับมาอีกเลย พวกเรา พวกเรา...!”
บุรุษชุดดำอีกคนกระแทกเข่าลงกับพื้น
ชัดเจนว่าเื่ราวเละเทะไปแล้ว
ย่อมไม่อาจอธิบายต่อเ้าตำหนักได้
“ไม่เป็ไร
แค่สืบรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับพรรคเทพหมาป่า์ได้ก็ถือเป็ความสำเร็จใหญ่หลวงแล้ว!”
เ้าตำหนักชุดแดงกลับไม่ได้ตำหนิ
“ขอบพระคุณท่านเ้าตำหนัก!”
กลุ่มคนชุดดำเอ่ยออกมาโดยพร้อมเพรียง
พวกมันไม่คาดว่าตนเองก่อเื่ราวเสียหายใหญ่หลวง
กลับไม่ถูกลงโทษ ดูท่าท่านเ้าตำหนัก่นี้จะอารมณ์ดีไม่น้อย
“เ้าตำหนัก
เื่การสืบเสาะเล็กน้อยเช่นนี้ ศักดิ์ฐานะของท่านสูงส่งสุดสูง ไฉนต้องมาด้วยตนเองขอรับ?”
บุรุษชุดดำกล่าวถามด้วยความสงสัย
“เ้าตำหนักห้ากล่าวว่ายามนี้พรรคเทพหมาป่า์กลายเป็เมืองว่าง
เฉินเทียนหยวนเองก็ไม่อยู่ในพรรค!
ดังนั้นข้าจึงต้องมาดูด้วยตนเองว่าเ้าตำหนักห้าใช่หลอกลวงข้าหรือไม่!”
บุรุษชุดแดงเอ่ยเสียงหนัก
“เ้าตำหนักห้า? ท่านหมายถึงเ้าตำหนักห้าที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากท่านมารอริยะ?
นี่มันน่าสงสัยเกินไปแล้ว มันเพิ่งจะเข้าพรรคมารแท้ๆ!
คนที่สังหารศิษย์พรรคมารของพวกเราไปมากมาย วันนี้กลับถูกแต่งตั้งให้เป็เ้าตำหนัก
พวกเราล้วนไม่ยอมรับ เ้าโจรนั่นมีคุณสมบัติอะไร...!” บุรุษชุดดำกล่าววาจาคล้อยตามนาย
ต่อให้ไม่ถูกทัั้งหมด แต่คาดว่าโดนใจไปเกินครึ่ง
“พรวด!”
เ้าตำหนักชุดแดงพลันสะบัดฝ่ามือออก
บุรุษชุดดำนั้นกระอักโลหิตออกมาทันที ร่างร่วงพับลงกับพื้น สั่นกระตุกยึกๆ
“ท่านเ้าตำหนักโปรดระงับโทสะ!”
กลุ่มบุรุษชุดดำขานออกมาพร้อมกัน
เ้าตำหนักชุดแดงปรายตามองบุรุษชุดดำที่เืทะลักด้วยสายตาเ็า
“เ้าจำไว้ พวกเ้าก็ด้วย! ใครยังกล้าเอ่ยวาจาให้ร้ายเ้าตำหนักห้า
อย่าได้โทษว่าข้าไร้น้ำใจ!”
“ขอรับ!”
บุรุษชุดดำทั้งหมดร่างสั่นสะท้านด้วยหวาดหวั่น
“ให้พวกเ้ามาสืบสาวเื่พิษขาดแคลนขึ้นราคา
พวกเ้าเฝ้าจับตาดูคนๆ เดียว ยังเฝ้าจนคนหายได้ ครั้งนี้เมื่อกลับไป
จงไปรับโทษทัณฑ์ซะ!” บุรุษชุดแดงเอ่ยเสียงเย็น
สีหน้าของบุรุษชุดดำทั้งหลายพลันแปรเปลี่ยนกลับกลาย
เมื่อครู่มิใช่ท่านเพิ่งละเว้นพวกเราหรือ? ไฉนกลับคำมาลงโทษแทนเสียเล่า? ทว่าเมื่อมองดูเพื่อนที่นอนกระอักเืชักกระตุกบนพื้นแล้ว
พวกมันก็พลันเข้าใจทันที ต้องก่นด่าที่มันปากพล่อยว่าร้ายเ้าตำหนักห้า
ดังนั้นท่านเ้าตำหนักกลายเป็ฉุนเฉียวขึ้นมา เื่ก่อนหน้าแม้ไม่ได้ะเิโทสะ
แต่ยังเก็บกักความไม่พอใจเอาไว้
ตอนนี้เอง
บุรุษชุดดำอีกคนหนึ่งรีบเข้ามาในห้องโถง “ท่านเ้าตำหนัก บ้านหลังข้างๆ
มีคนกลับมาแล้ว!”
สายตาของบุรุษชุดดำทั้งหลายทอประกาย
“ท่านเ้าตำหนัก พวกมันกลับมาแล้ว พวก พวกเรายังมีเบาะแสอยู่!”
“อ้อ?” สีหน้าเ้าตำหนักชุดแดงพลันหม่นทะมึน
มันเบนสายตามายังกลุ่มชายชุดดำ
“ท่านเ้าตำหนัก
เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องรับโทษแล้ว?” บุรุษชุดดำถามด้วยความกังวล
“ข้าไม่มา พวกมันไม่เห็น
ข้าพอมา พวกมันก็กลับมา? หรือว่าร่องรอยพวกเ้าถูกเปิดเผยแล้ว?”
บุรุษชุดแดงเอ่ยเ็า
“เป็ไปไม่ได้ขอรับท่านเ้าตำหนัก
พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่มีทางถูกเผยตัวแน่! นอกจากนั้น ไม่มีใครรู้จักพวกเรา
ยิ่งไม่มีทางเพ่งความสนใจมาทางพวกเราแน่นอน!” บุรุษชุดดำผู้หนึ่งรับประกัน
เวลานี้เอง ณ
ประตูสวนหย่อมหน้าคฤหาสน์
ก็อกก็อกก็อก!
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เปิดประตู
ข้ารู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
เสียงของศิษย์อีกาทองคำดังมาจากด้านนอก
“นี่เรียกว่าไม่มีใครสนใจพวกเ้างั้นหรือ?”
เ้าตำหนักอาภรณ์แดงเค้นเสียงเย็นเยียบ
“พวกเรา…!”
กลุ่มบุรุษชุดดำกลายเป็ใบ้ไปชั่วขณะ
“พวกเ้า? เฮอะ! พวกเ้าถูกเปิดโปงแล้ว!” เ้าตำหนักชุดแดงเอ่ยเสียงะเื
“ไม่! ไม่น่าเป็ไปได้
พวกเราระมัดระวังยิ่ง ทั้งยังซ่อนไอปราณไว้อย่างแเี! ไม่มีทางถูกมองออกได้!”
บุรุษชุดดำเอ่ยสีหน้าเหยเก
“ใครอยู่ด้านนอก? เห็นชัดหรือไม่?” เ้าตำหนักชุดแดงถามถึงด้านนอก
“เป็พวกจากบ้านหลังข้างๆ
ที่เพิ่งกลับเข้ามาขอรับ!” บุรุษชุดดำที่ด้านนอกห้องโถงตอบกลับมา
“คนที่ให้เฝ้าดูมาหาถึงหน้าประตู
ยังเรียกว่าไม่ถูกจับได้อีกหรือไง?” เ้าตำหนักชุดแดงจ้องเขม็ง
“ขอท่านเ้าตำหนักโปรดอภัยด้วย!”
กลุ่มชายชุดดำทั้งหมดล้วนมีสีหน้าละอาย
พวกมันล้วนซุกซ่อนอย่างแเี
ไฉนกลับถูกเปิดโปงเสียได้? ที่แท้ผิดพลาดตรงไหนกัน?
“ไป ไปดู! ระวังให้มากไว้
รอคอยคำสั่งจากข้า เตรียมพร้อมลงมือตลอดเวลา!” เ้าตำหนักอาภรณ์แดงเอ่ยเสียงหนัก
“ขอรับ!”
บุรุษชุดดำทั้งกลุ่มรับปากพร้อมกัน
ขณะกล่าววาจา บุรุษชุดแดงสวมหมวกปิดบังใบหน้า
ก้าวเดินนำกลุ่มชายชุดดำออกไปสวนหย่อมหน้าประตู
“แอ๊ด!”
เสียงประตูเปิดออกกะทันหัน
กลุ่มบุรุษชุดดำมองดูชายฉกรรจ์สิบแปดคนที่ด้านนอกอย่างระแวดระวัง
คนนำขบวนถือพัดจีบขาวก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว
บรรดาบุรุษชุดดำที่กำลังตระเตรียมพร้อมพลันเผยสีหน้าเคร่งเครียด ทุกคนต่างวางมือลงบนด้ามกระบี่โดยพร้อมเพรียง
“ไม่ต้องแตกตื่น
เข้าไปคุยกันข้างใน! เฉินเทียนหยวนเป็คนส่งพวกข้ามา!”
จางเสินซวีเอ่ยปากทันทีที่ก้าวข้ามประตู
ทันทีที่จางเสินซวีกล่าวจบคำ
สีหน้าเครียดขมึงของกลุ่มบุรุษชุดดำพลันแปรเปลี่ยนทันควัน เฉินเทียนหยวน? ประมุขพรรคเทพหมาป่า์?
พวกเราถูกมันจับได้แล้ว?
ทุกคนพลันแตกตื่นลนลานคิดลงมือทันที
หากมิใช่ว่าท่านเ้าตำหนักยังไม่สั่งการ พวกมันคงชักดาบออกมาแล้ว
เ้าตำหนักชุดแดงยังไม่เคลื่อนไหว
มันเพียงกำหมัดแน่นด้วยท่าทางอึดอัดคับข้อง “เ้าตำหนักห้าหลอกข้ามางั้นหรือ?”
จางเสินซวีนำทางกลุ่มศิษย์พรรคอีกาทองคำก้าวข้ามสวนหย่อมมาแล้ว
“ปัง!”
ศิษย์พรรคอีกาทองคำปิดประตูแ่า คล้ายกลัวว่าคนข้างนอกจะมองเข้ามาเห็น
เมื่อเห็นเช่นนี้
บุรุษชุดดำทั้งหลายต่างเผยสีหน้าประหลาดแปลกใจ เฉินเทียนหยวนคิดทำการใด? เ้าส่งคนกลุ่มนี้มาทำอะไร?
แถมยังแบกเก้าอี้มาอีกด้วย? หรือนี่มีเหตุผลพิเศษ?
เดี๋ยวนี้พรรคฝ่ายธรรมะก่อนลงมือต้องแลกดอกไม้กันก่อนหรือยังไง?
“เห็นเก้าอี้แล้วใช่มั้ย?”
จางเสินซวีกล่าว ชี้ไปยังเก้าอี้ตาแป๊ะที่แบกมา
จางเสินซวีสำแดงเก้าอี้รหัสยืนยันออกไปแล้ว
แต่คนชุดดำพวกนั้นไหนเลยจะเข้าใจ
“เฉินเทียนหยวนส่งเ้ามา?
เก้าอี้ตัวนี้?” บุรุษชุดแดงมองดูเก้าอี้ด้วยความฉงนฉงาย
เก้าอี้? เก้าอี้นี้มีอะไรพิเศษพิสดารรึ?
“ใช่ นี่คือเก้าอี้!
เ้ามองออกก็ดีแล้ว ! ตอนนี้รู้แล้วสินะว่าพวกเรามาที่นี่ทำไม?” จางเสินซวีแย้มยิ้ม
ขณะกล่าววาจา
จางเสินซวีก็กางพัดพร้อมสะบัดเสื้อ ค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ โบกสะบัดพัดจีบไปมา
มองดูเ้าตำหนักชุดแดงด้วยสายตาพึงพอใจ
ท่าทางปลอดโปร่งสบายเหมือนถือตั๋วชัยชนะไว้ในมือนั้น
ไม่ต่างอะไรกับท่าทีเย้ยหยามต่ออีกฝ่าย เ้าตำหนักชุดแดงยิ่งมองดูยิ่งขัดตา
ถูกเปิดโปงแล้ว? ถูกย้อนรอยเข้าแล้ว?
ติดกับเข้าแล้ว?
เ้าตำหนักห้าและเฉินเทียนหยวนสุมหัวรวมกันลวงข้ามาที่นี่
แท้ที่จริงแล้วพวกมันล้วนตระเตรียมพรักพร้อม รอคอยข้ามางับเหยื่อ? ขุดหลุมดักจับพวกเราทั้งหมด?
แถมยังส่งศิษย์ของมันมานั่งอวดโอ่ต่อหน้าข้า
คิดหยามอัปยศข้าถึงที่สุด?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้