ฮูหยินและคุณหนูที่มาร่วมงานล้วนเป็คนมีหน้ามีตาของเมืองชิ่ง ปรกติคนเหล่านี้หัวสูงไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ทว่ายามนี้กลับต้องมายิ้มแย้มพะเน้าพะนอเอาใจคนที่เคยสิ้นไร้ไม้ตอกเช่นหวังอี๋เหนียง คนที่ไม่เคยมีเื่กับนางก็แล้วไป แต่คนที่เคยมีเื่ขัดแย้งกันมาก่อน บัดนี้ย่อมวางสีหน้าลำบาก ดูไปแล้วก็น่าขันยิ่งนัก
ถังชิงหรูเป็เถ้าแก่เนี้ยร้านหัวใจสตรี และเป็สาวใช้ประจำตัวของเฟิ่งหยาง ด้วยสถานะของนาง ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงสำหรับคุณหนูผู้มีสกุลรุนชาติทั้งหลาย แต่เพราะอิทธิพลกล้าแกร่งของบุคคลที่หนุนหลังนางอยู่ สตรีเหล่านี้จึงจำเป็ต้องฝืนยิ้มแสดงความถ่อมตนให้กับหญิงที่มีชาติกำเนิดเป็บ่าวเช่นนาง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคุณหนูสูงศักดิ์ผู้เย่อหยิ่งจองหองเหล่านี้ ภายนอกพวกนางยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ในใจกลับนึกดูแคลนถังชิงหรูกับหวังอี๋เหนียงเป็อย่างยิ่ง
"ข้างนอกฝนตก อากาศค่อนข้างหนาวเย็น เยียนเอ๋อร์ไปย้ายเตาถ่านมาที่นี่" หวังอี๋เหนียงกำชับกับสาวใช้
เยียนเอ๋อร์ยอบกายคำนับก่อนพาสาวใช้ที่ทำงานหยาบอีกสองคนออกไป
ทุกคนต่างหาที่นั่งลง
ฉินเหยายืนอยู่ด้านหลังจางฮูหยินเยี่ยงสาวใช้คนหนึ่ง แต่นางเกล้าผมแบบในแบบสตรีที่ออกเรือนแล้ว แม้ว่าไม่มีใครถามถึงสถานะ แต่คนในนี้ล้วนมีสายตาสูงยิ่ง คนที่มาได้หากไม่ใช่ธิดาสายตรงก็ต้องเป็ภรรยาเอก ไม่เคยเห็นอนุภรรยาคนไหนมาได้ ด้วยเหตุนี้ฉินเหยาถึงถูกพวกนางมองข้ามราวกับเป็คนโปร่งแสง ไม่มีใครอยากสนทนากับนาง
นี่คือเป้าหมายของจางฮูหยิน
เพราะคำชี้แนะของถังชิงหรู ยามนี้นายท่านจางก็ถูกนางจับไว้จนอยู่หมัด แต่ให้ฉินเหยากลับไปร้องทุกข์ ก็มีแต่จะทำให้บุรุษผู้นั้นนึกรังเกียจเดียดฉันท์ ไม่มีทางได้รับแม้แต่เศษเสี้ยวของความเวทนา
นี่ล่ะบุรุษ! ยามโปรดปราน เ้าก็จะเป็นางฟ้านาง์ แต่พอสิ้นรัก เสียงร้องไห้ตัดพ้อก็กลายเป็ความน่ารังเกียจทันที
"นังตัวโง่งม เ้าเทน้ำชาประสาอันใด" ฉินเหยารินน้ำชาหกใส่อาภรณ์ของจางฮูหยิน ทำเอาอีกฝ่ายโมโหจนด่าทอออกมา
พอะเิโทสะออกไปแล้ว เพิ่งนึกได้ว่าไม่ใช่เรือนของตน จึงรีบระงับโทสะลุกขึ้น หันไปเอ่ยกับหวังอี๋เหนียงอย่างตกประหม่า "ทำให้ฮูหยินเห็นเื่น่าขันแล้ว หญิงโง่คนนี้มือเท้าซุ่มซ่ามทำน้ำชาหกรดอาภรณ์ของข้า ยามนี้ข้าหนึ่งคนสองชีวิตรับความหนาวเย็นไม่ไหว คงต้องขอตัวไปเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนค่อยกลับมาใหม่"
"เชิญท่านตามสบายเถิด ที่นี่ไม่มีพิธีรีตองมากมาย ข้าเองก็หาใช่คนใจจืดที่ไม่เข้าใจหัวอกของผู้อื่น" หวังอี๋เหนียงมองฉินเหยาปราดหนึ่ง ดวงตาฉายแววไม่พึงพอใจ "แต่สาวใช้แบบนี้อย่าพาออกไปไหนดีกว่า ยามนี้ร่างกายของท่านไม่สะดวก หากผิดพลาดอันใดขึ้นมา คงต้องเสียใจไปชั่วชีวิต"
จางฮูหยินได้ยินคำพูดของหวังอี๋เหนียง ใบหน้าพลันถอดสี หากหวังอี๋เหนียงไม่เปรยออกมา นางก็ไม่ได้นึกถึงจุดนี้ ตนเองหนึ่งร่างสองชีวิต หากหญิงแพศยาผู้นี้ลอบเล่นงาน บุตรในครรภ์ของตนก็ต้องตกอยู่ในอันตราย วันนี้ไม่น่าพานางออกมาเพียงเพราะอยากระบายอารมณ์เลยจริงๆ
"ฮูหยินกล่าวถูกต้อง ครั้งหน้าข้าจะระวัง" จางฮูหยินถลึงตาเขียวใส่ฉินเหยา "มัวแต่ยืนบื้ออยู่ได้ ยังไม่มาประคองข้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อีกรึ หากทำข้าหกล้ม ข้าจะขายเ้าทิ้งไปเสีย"
"เ้าค่ะ" ฉินเหยาตอบรับเสียงอ่อย
ถังชิงหรูเห็นประกายดำมืดในแววตาของฉินเหยาอย่างชัดเจน นางมุ่นคิ้วขมวด ั์ตาที่มองฉินเหยาแฝงแววล้ำลึก
ฉินเหยาััได้ว่ามีสายตาที่ไม่คุ้นเคยจับจ้องตนเองอยู่ พอมองตามไปแล้วพบกับสายตาที่เผยแววรู้ทันของถังชิงหรู พลันนึกผวาในใจโดยไม่รู้ตัว แต่นางก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว แสร้งทำเป็ไม่เห็นสายตาของถังชิงหรู
นางจะไม่เปลี่ยนความคิด
สตรีผู้นี้ไม่ให้ทางรอดกับนาง นางก็จะไม่ให้อีกฝ่ายได้อยู่เป็สุข เมื่ออยากจะมีบุตรมากนัก ข้าก็จะให้เ้าคลอดออกมาเร็วหน่อย แต่เด็กคนนั้นจะออกมาสภาพไหน เ้าไม่มีอำนาจตัดสินใจ!
สายตาของฉินเหยาแปรเปลี่ยนเป็โเี้อำมหิต สายตาที่มองจางฮูหยินดูราวกับงูพิษที่กำลังเตรียมจะแว้งกัด
"ฮูหยิน..." ถังชิงหรูพูดกับหวังอี๋เหนียงที่อยู่ข้างกาย "สาวใช้คนนั้นดูไม่ปรกติ ท่านพอมีคนสนิทที่พอวิชาหมัดมวยบ้างหรือไม่ ให้เขาลอบติดตามคุ้มครองจางฮูหยินดีกว่า ในท้องของนางยังมีเด็กที่เฝ้ารอมาสิบปีแล้ว เป็ต้นกล้าเพียงหนึ่งเดียวของสกุลจาง หากมีอันเป็ไปในจวนนี้ เกรงว่าสกุลจางจะผูกใจเจ็บแค้น แม้ว่าสกุลจางไม่น่าพรั่นพรึง แต่หากเกิดเื่อัปมงคลในงานวันเกิดของท่าน ข้าวิตกว่าใต้เท้าเมิ่งจะมาบันดาลโทสะกับท่านเอาได้"
"ท่านพูดมีเหตุผล ข้าเห็นเด็กสาวคนนั้นก็รู้สึกว่านางแลดูน่ากลัว" หวังอี๋เหนียงกล่าว
ถังชิงหรูเห็นหวังอี๋เหนียงหันไปพูดบางอย่างกับหญิงรับใช้าุโข้างกาย ก่อนที่หญิงรับใช้ผู้นั้นจะเดินออกไป
คนในนี้ล้วนเป็คนเฉียบแหลม ถังชิงหรูกระซิบกระซาบกับหวังอี๋เหนียงเป็นานสองนาน แม้ไม่ได้ยินเสียงแต่ก็พอคาดเดาความหมายได้ เพียงแต่พวกนางล้วนเป็คนที่ตั้งอยู่บนหิ้ง เื่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวย่อมไม่สอดเข้าไปยุ่ง
แต่ละคนต่างยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ หยิบขนมมากิน แล้วก็จับกลุ่มคุยกันเื่สัพเพเหระ เหล่าสตรีที่มีบุตรแล้วต่างก็กล่าวยกยอบุตรของอีกฝ่าย ส่วนใครที่ยังไม่ออกเรือน ก็จะคุยกันว่าอาภรณ์ของที่ไหน หรือเครื่องประดับของร้านใดงดงามที่สุด
บรรยากาศในห้องดียิ่ง ใบหน้าของทุกคนล้วนอาบอิ่มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ทว่าถังชิงหรูกลับรู้สึกหนาวเหน็บ
มีแต่พวกจอมปลอมทั้งนั้น!
นางยอมจ้องหน้าเหม็นๆ ของเฟิ่งหยาง ดีกว่ามานั่งอยู่ในห้องกับสตรีเหล่านี้ ให้ตายเถอะ น่าเบื่อชะมัด!
"ข้านำของเล็กน้อยชิ้นหนึ่งมามอบให้ท่าน ส่วนของขวัญอย่างเป็ทางการคุณชายของเรามอบให้ถึงมือของพ่อบ้านของพวกท่านแล้ว ของที่ข้ามอบให้เป็เพียงของขวัญเล็กน้อย ท่านเห็นแล้วอย่ารังเกียจก็แล้วกัน มิเช่นนั้นต่อไปข้าจะไม่ปล่อยไก่ให้ขายหน้าอีกแล้ว" ถังชิงหรูพูดกับหวังอี๋เหนียง
หวังอี๋เหนียงดวงตาสว่างวาบ มองถังชิงหรูด้วยความตื่นเต้น "ของอะไรหรือ? ท่านไม่เอาออกมา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ารังเกียจหรือไม่รังเกียจ อย่างไรเสียก็ควรให้ข้าดูก่อน ข้าถึงจะมีโอกาสตัดสินใจ"
หวังอี๋เหนียงดีใจมากจริงๆ บิดามารดาของนางสิ้นใจไปนานแล้ว ฐานะครอบครัวตกต่ำ หลายปีมานี้ดูสีหน้าคนมาจนชำนาญ คนที่มาอวยพรให้นางวันนี้หาความจริงใจไม่มีเลยสักคน ของขวัญเ่าั้ใช่ว่ามอบให้แก่นาง แต่เตรียมมากำนัลเมิ่งหลิงต่างหาก แม้ตนเองจะไม่ฉลาดปราดเปรื่อง ก็ยังเข้าใจในจุดนี้
ของขวัญเล็กน้อยของถังชิงหรูไม่เหมือนกัน เมื่อมอบให้กับนาง ก็ย่อมเป็ของที่นางสามารถใช้ได้ ถังชิงหรูเป็สตรีน้ำใจงาม ทั้งเก่งกล้าสามารถ ของที่นางนำมาต้องเป็ของดีแน่ๆ
ถังชิงหรูล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วหยิบกล่องใบหนึ่งออกมา
พอเปิดกล่องออก ข้างในมีขวดกระเบื้องวางอยู่สองสามใบ
"นี่คือโอสถบำรุงผิวที่ข้าทำขึ้นมาเอง ่นี้ท่านคงมิได้นอนหลับเต็มที่นัก ผิวพรรณจึงไม่สดใส โอสถนี้จะช่วยฟื้นฟูและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวของท่าน ข้าใส่สมุนไพรมากมายไว้ในนี้ ลองใช้เองมาครึ่งเดือนแล้ว ท่านลองััดูสิ วันนี้ข้าไม่ได้ทาแป้งประทินผิวอะไรเลย นี่เป็ผิวจริงของข้าเอง" ถังชิงหรูดึงมือของหวังอี๋เหนียงมาวางทาบบนพวงแก้มของตนเอง
หวังอี๋เหนียงลองลูบเบา พลางอุทานด้วยความตื่นเต้น "นุ่มลื่นดีจัง"
"หากไม่ได้ผลจริง ข้าไม่เอามาหรอก ท่านเป็สตรีของใต้เท้าเมิ่ง ของดีอันใดไม่เคยเห็นบ้าง ของสิ่งนี้เอามาปล่อยไก่แท้ๆ ทว่าสตรีล้วนรักสวยรักงาม นี่ถือเป็น้ำใจเล็กน้อยจากข้า" ถังชิงหรูยิ้มพลางสัพยอก
"อย่าหัวเราะข้าสิ ของที่แม่นางนำมาให้ต้องดีที่สุดอย่างแน่นอน ไยข้าจะไม่ทราบจุดนี้" หวังอี๋เหนียงหยิบขวดกระเบื้องขึ้นมาอย่างทะนุถนอม แตะเล็กน้อยที่หลังมือก่อนนำขึ้นมาดมที่ปลายจมูก ดวงตาพลันสว่างสดใส "หอมจังเลย"
"ในนี้มีดอกไม้ถึงห้าสิบกว่าชนิด ย่อมหอมมากอยู่แล้ว อย่าเห็นว่าขวดเล็กนิดเดียว แต่ของดีที่ใส่มาในนี้มีไม่น้อย" ถังชิงหรูทอยิ้มบางเบา
"แม่นางถัง โอสถบำรุงผิวอย่างนี้... ท่านมีขายหรือไม่" ฮูหยินที่อยู่ด้านข้างคันปากมานานแล้ว แต่เห็นหวังอี๋เหนียงกำลังตื่นเต้น พวกนางจึงไม่กล้าสอดปากเข้ามา จนกระทั่งตอนนี้เห็นพวกนางหยุดสนทนากันแล้ว ถึงฉวยโอกาสถามแทรกขึ้นมา
"เื่นี้..." ถังชิงหรูมองฮูหยินผู้นั้นด้วยสีหน้าลำบากใจ "เมื่อครู่ข้าก็บอกแล้ว เห็นขวดเล็กๆ เช่นนี้ แต่ข้างในมีส่วนล้ำค่าที่สุดของบุปผาห้าสิบกว่าชนิด กว่าจะทำออกมาได้ยากลำบากยิ่ง ข้าเตรียมมาเป็ของขวัญวันเกิดของหวังอี๋เหนียงโดยเฉพาะ หากบอกว่านำมาขาย เกรงว่าข้าคงไม่เป็อันทำงานอย่างอื่นแล้ว วันทั้งวันล้วนต้องเฝ้าอยู่กับการทำโอสถบำรุงผิวขวดเดียว ขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน ข้าคงทำไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นโอสถบำรุงผิวแบบนี้ จึงมีเพียงขวดเดียวเท่านั้น"
"ผลลัพธ์ดีขนาดนี้ ถ้าแม่นางทำออกมาขายล่ะก็ ต่อให้แพงแค่ไหนพวกเราก็จะซื้อ แม่นางไม่มีเวลาก็สอนให้สาวใช้สองสามคนทำขึ้นมาก็ได้ ของดีๆ แบบนี้ ท่านก็ช่วยเผื่อแผ่มาให้พวกเราหน่อยเถอะ" ฮูหยินที่อยู่ข้างๆ แนะนำ
"นั่นน่ะสิ ของดีขนาดนี้ ท่านก็ทำออกมาให้พวกเราสักหน่อย ท่านเสนอราคามาเท่าไร พวกเราล้วนจ่ายให้ไม่มีต่อรอง" ฮูหยินอีกคนยิ้มกล่าวหน้าบาน
ถังชิงหรูย่อมทราบว่าของดีเช่นนี้ต้องมีคนซื้อ เมื่อครู่ที่หยิบออกมาก็เพราะ้าโฆษณา ยามนี้ดูท่าการจะประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม ต่อไปนางก็เตรียมผลักสินค้าออกสู่ตลาด หลังจากนั้นก็รอตั๋วเงินนับไม่ถ้วนอยู่ที่บ้านได้เลย
"เอ้อ..." ถังชิงหรูลอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ทว่าสีหน้ากลับลังเลอย่างมาก ดูเหมือนกำลังลำบากใจ
เสี่ยวอีรู้ความคิดของนาง จึงหัวเราะอยู่ไกลๆ
"นายหญิง ตอนนี้นับวันท่านยิ่งหน้าเืมากขึ้นทุกวัน" เสี่ยวอีกล่าว "ไม่รู้ว่าอยู่กับใครนานเข้าก็เลยเปลี่ยนนิสัยไปเหมือนคนผู้นั้นหรือเปล่า เพลานี้ท่านกับเฟิ่งหยางต่างกันตรงไหน หัวใจของนายหญิงแปรเปลี่ยนเร็วขนาดนี้ น่าสงสารคุณชายเฉินจริงๆ "
ถังชิงหรูสีหน้าแข็งค้าง พูดในใจอย่างโกรธเกรี้ยว "เสี่ยวอี นายอย่าพูดจาเหลวไหล ฉันไม่ได้ชอบเฟิ่งหยางสักหน่อย"
"จริงหรือ?" เสี่ยวอีคลางแคลง
"จริง" ถังชิงหรูผงกศีรษะ
คำกล่าวประโยคนี้ย่อมเป็จริง นางจะชอบเฟิ่งหยางได้อย่างไร ระหว่างเขากับนางไม่มีวี่แววว่าจะเป็เช่นนั้นแม้แต่น้อย
"วันนี้เป็วันเกิดข้า อย่าพูดถึงเื่เหล่านี้เลย หากพวกท่านอยากได้ ค่อยไปรบเร้าแม่นางวันอื่นเถิด อย่างไรเสียแม่นางก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว" หวังอี๋เหนียงเห็นถังชิงหรูลำบากใจเช่นนี้ จึงเข้ามาช่วยประนีประนอม
"งั้นก็ได้" พอไม่ได้รับคำตอบจากถังชิงหรูต่อหน้า พวกนางแต่ละคนต่างเผยสีหน้าผิดหวัง
ถังชิงหรูย่อมไม่รับปาก หากไม่ยั่วให้พวกนางรู้สึกอยากได้มากพอ ต่อไปจะตั้งราคาสูงได้อย่างไร
โอสถบำรุงผิวขวดเล็กๆ แค่นี้ หากเปลี่ยนมาเป็ยุคปัจจุบัน ก็จะเป็เครื่องสำอางชั้นเลิศ ในสมัยโบราณที่วัตถุดิบค่อนข้างขาดแคลน นางยิ่งต้องขายในราคาสูงขึ้น
ถึงอย่างไรสตรีเหล่านี้ก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง
"แย่แล้วเ้าค่ะ" มีเสียงของสาวใช้ร้องมาจากด้านนอก
"ตายแล้ว วันนี้เป็วันเกิดของฮูหยิน นับได้ว่าเป็วันมงคล จะมาเอ่ยถ้อยคำอัปมงคลเช่นนี้ได้อย่างไร" หญิงรับใช้าุโตำหนิด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
"ฮูหยินเ้าคะ บ่าวมิได้หมายความเยี่ยงนั้น คือว่าจางฮูหยิน... ตกเืเ้าค่ะ" สาวใช้คนนั้นพูดตะกุกตะกัก
ถังชิงหรูทอดถอนใจ "ในที่สุดก็เกิดเื่จนได้"
นางเตือนหวังอี๋เหนียงแล้ว อีกฝ่ายก็ส่งคนติดตามไป ไม่นึกว่าเื่น่าเศร้ายังคงเกิดขึ้น
"เชิญท่านหมอหรือยัง" หวังอี๋เหนียงลุกขึ้นทันที ถลึงตาใส่สาวใช้คนนั้น "มาบอกข้ามีประโยชน์อันใด ยังไม่รีบไปเชิญท่านหมออีกรึ"
"ฮูหยินมิต้องร้อนใจ พวกเราทุกคนไปดูกันเถอะ ร่างกายของจางฮูหยินแข็งแรงดี อาจไม่มีปัญหาใหญ่ขนาดนั้น" ถังชิงหรูกล่าวอย่างสงบนิ่ง "ตราบใดที่ท่านหมอมาทันเวลา ย่อมรักษาครรภ์ของนางไว้ได้ ตอนนี้เด็กในท้องของนางยังเล็ก ไม่มีปัญหาอันใดหรอก"
"ข้าไม่นำพาหรอกว่าครรภ์ของนางจะเกิดเื่หรือไม่ ข้าวิตกว่า... ใต้เท้าจะขุ่นเคืองข้าต่างหาก" หวังอี๋เหนียงพูดความกังวลใจของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
ถังชิงหรูย่อมตระหนักได้ถึงความหวาดวิตกของหวังอี๋เหนียง สตรีผู้นี้ไม่นับว่ามีจิตใจงดงาม เป็ไปมิได้ที่จะร้อนใจเพราะเป็ห่วงจางฮูหยิน
นางประคองหวังอี๋เหนียงเดินออกไป คนอื่นๆ ต่างก็ตามไปดูสถานการณ์ อย่างไรเสียเื่ก็เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนล้วนได้รับความเดือดร้อนไปด้วย
ฉินเหยาหนอฉินเหยา ช่างไม่รู้จักความตายเลยจริงๆ ชะรอย่เวลาที่ผ่านมาคงถูกจางฮูหยินโขกสับไว้มาก ถึงได้ลงมืออำมหิตขนาดนี้ แต่ไฉนนางถึงเบาปัญญานัก แม้ว่าจะลงมือ ก็ควรจะเลือกเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ยามนี้คงต้องดูว่านางจะใช้วิธีบิดพลิ้วอย่างไร ท่ามกลางสายตาจ้องจับผิดของทุกคน
ถังชิงหรูเดินไปก็ใคร่ครวญเื่นี้ไปพลาง นางโคลงศีรษะ ลอบถอนใจที่ตนเองประเมินระดับสติปัญญาของฉินเหยาสูงเกินไป
แต่เื่จะเป็เช่นนั้นจริงหรือ ฉินเหยาเปลี่ยนเป็คนขวัญกล้าเพียงนั้นั้แ่เมื่อไร เื่นี้จะไม่มีสายสนกลในเคลือบแฝงอยู่เลยแน่หรือ
ขณะเก็บข้อกังขานี้ไว้ในใจ ถังชิงหรูก็ตามทุกคนมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ยามนี้มีหมอท่านหนึ่งย่อตัวลงตรวจร่างกายให้จางฮูหยิน หมอผู้นั้นฝังเข็มให้ พลางกล่าวไปพร้อมกันว่า "วันนี้ถนนลื่น ฮูหยินต้องระมัดระวังให้มาก ตอนนี้ไม่เป็อันใด แต่หากมีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกครั้ง ก็อันตรายแล้ว"
จางฮูหยินพิงร่างของสาวใช้คนหนึ่งอยู่ ดวงตาถลึงจ้องฉินเหยาอย่างกราดเกรี้ยว พลางเอ่ยเสียงเย็น "ข้าไม่ระวังที่ไหน มีคนซ่อนเจตนาร้ายไว้ในใจต่างหาก นังแพศยา ตอนนี้ข้ายังขยับตัวไม่ได้ รอข้าขยับได้เมื่อไร เ้าได้ลิ้มรสของการอยู่ไม่สู้ตายแน่"
ฉินเหยาส่ายหน้าไปมา ั์ตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง สีหน้าของนางดูย่ำแย่ ราวกับตื่นใอย่างมาก
พิกลนัก! ดูเหมือนว่าฉินเหยาจะได้รับความตื่นตระหนกเสียมากกว่า หรือว่านางจะไม่ใช่คนทำ