คนที่วิ่งห้อตะบึงในเมือง ความจริงแล้วคือองค์าา
ไม่รอให้องครักษ์ตอร์เรสพูดจบ เพียงได้ยินว่าเบสท์ได้รับาเ็ เขาก็เปลี่ยนเป็ ‘โหมดคนเถื่อน’ ทันที ใช้ทักษะ ‘ะโ’ ของคนเถื่อนทันทีโดยไม่เสียดายค่ามานา เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งออกมาจากเขาวงกตใต้ดิน ระหว่างทางก็ไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายพลังที่รุนแรงของคนเถื่อนเลเวล 21 วิ่งกลับไปที่พระราชวังทันที
พระราชวังมันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?
แล้วทำไมพ่อตาในอนาคตของเขาต้องได้รับาเ็ด้วย?
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับแองเจลา?
ตูม!
ซุนเฟยรู้สึกระวนกระวายใจ เหยียบขั้นบันไดหน้าพระราชวังดังตูม บันไดหินที่เท้าของซุนเฟยเหยียบกลายเป็ศูนย์กลางโดยมีรอยแตกแผ่กระจายออกไปเหมือนใยแมงมุม ราวกับมีดาวตกลงมาจากฟากฟ้าพุ่งชนพื้น...นี่เป็เพราะเขาไม่ได้ควบคุมและกักเก็บพลังที่น่ากลัวของตัวเองไว้
เ้าตัวน้อยทั้งสี่ที่ยังคงเกาะบนเสื้อผ้าและหัวของซุนเฟยต่างพากันร้องเสียงดังท่ามกลางความเร็วที่บ้าคลั่ง ซุนเฟยไม่หยุดชะงักสักนิด เขายังคงใช้ทักษะ ‘ะโ’ ทำให้ร่ายกายกะพริบอีกครั้ง เหมือนอากาศถูกกระชาก ภาพรอบข้างพลันเบลอ
พริบตาก็มาถึงสวนด้านหลังของพระราชวัง
ตรงนั้นมีเสียงร้องเอะอะโวยวายดังขึ้น
“ไอ้สุนัขตัวไหนกล้ามาก่อเื่วุ่นวายในวังของบิดา?”
ซุนเฟยโมโหมาก เขาพุ่งเข้าไปประหนึ่งพายุ
แต่เมื่อเข้าไปในสวนด้านหลัง ฉากตรงหน้าก็ทำให้เขาตกตะลึงจนหยุดอยู่กับที่
เขาเห็นเบสท์ พ่อตาในอนาคตของเขาที่ตอนแรกทรงผมของเขารวบมัดอย่างพิถีพิถัน ตอนนี้กลายเป็กระเซอะกระเซิงเหมือนรังนก แขนของเขามีรอยเืไหล หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง หอบหายใจอย่างหนัก...แต่สถานการณ์ของพ่อตากลับไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด เพราะเขากำลังโจมตีบางอย่างอยู่
มาดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ของเบสท์ตอนนี้หายไปไหนแล้ว?
สองเท้าของเขาเปลือยเปล่า ข้างหนึ่งไม่รู้ว่ารองเท้าบินไปไหนแล้ว ส่วนอีกข้าง รองเท้าถูกถอดถือไว้ในมือ ท่าทางตอนนี้ของเบสท์เหมือนได้เห็นหน้าคนที่ฆ่าบิดาตัวเอง เขาใช้รองเท้าเป็อาวุธ ะโเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่ไล่ตามม้าั์สีดำที่มาจากไหนไม่รู้ไปติดๆ
ความจริงแล้วพ่อตาได้รับาเ็เพียงเล็กน้อย
ซุนเฟยพอจะมองออกว่า พ่อตามีเพียงหนังถลอกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เป็อันตรายอะไร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีแรงวิ่งรอบสวนตามม้าั์สีดำนั้น อีกทั้งยังะโโลดเต้นวิ่งตามไปติดๆ ประหนึ่งพายุ?
แองเจล่าและสาวน้อยเจ็มม่าก็ไม่ได้รับาเ็อะไร ท่าทางของพวกนางเหมือนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ขณะที่มองตามพวกทหารยามวิ่งตามหลังบิดาของแองเจล่า เพื่อที่จะพยายามหยุดเบสท์ที่กำลังโมโหอยู่
พละกำลังของตาแก่แข็งแรงมากและทำให้หลายๆ คนต่างตกตะลึง บวกกับเหล่าผู้คุ้มกันก็ไม่ก็กล้าออกแรงนัก เลขานุการคนใหม่ไม่ได้มีศิลปะในการต่อสู้สักนิด แต่เบสท์ก็ยังดิ้นจนหลุดจาก ‘ตาข่าย’ ของพวกทหารยามแล้ววิ่งไล่เ้าม้าั์สีดำต่อ
“เอ๊ะ...นี่...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ในใจของซุนเฟยพลันโล่งอก ใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดก็ค่อยๆ คลายออก ขณะที่กำลังถาม ตาก็มองไปที่ม้าั์สีดำที่สุดท้ายก็ถูกเบสท์ไล่ต้อนให้จนมุมระหว่างูเาจำลองของสวนและกำแพง เมื่อเห็นมันไม่มีทางหนี เบสท์ก็หัวเราะพลางแสยะยิ้มเ็าพร้อมแผ่ ‘รังสีสังหาร’ ออกมา ทันใดนั้นม้าั์ตัวนั้นก็ร้องออกมาเสียงดัง
“บรู๊ บรู๊...บรู๊ววว!!!”
ฮะ ซุนเฟยพลันตะลึง ทำไมเป็เสียงหอนของหมา? หรือหูของเขาจะมีปัญหา
แม้แต่นกฮูกสีขาว นกแก้ว เสือปลาน้อยและโห่วขนทองที่กำลังหมอบอยู่บนไหล่และตามตัวของเขา พวกมันทั้งสี่ตัวต่างขนลุกตั้งชันทั่วร่าง ราวกับว่าได้พบกับอันตราย เสือปลาตัวน้อยขดตัวเองซ่อนอยู่บนหัวของซุนเฟย แม้แต่โห่วขนทองยกอุ้งเท้าขึ้นมาปิดตาตัวเอง
ซุนเฟยสังเกตไอ้ตัวที่ถูกต้อนจนมุมอีกครั้ง
พระเ้าช่วย ที่แท้ไอ้ตัวที่ถูกต้อนจนมุมใช่ม้าั์สีดำที่ไหน มองดีๆ แล้วมันเป็สุนัขั์สีดำต่างหาก ขาที่ทรงพลังข่วนพื้นอย่างรุนแรง ใต้อุ้งเท้าปุกปุยเผยให้เห็นกรงเล็บสีขาวราวกับหิมะที่มีความแหลมคมประหนึ่งเคียว ร่างใหญ่โตของมันโก้งโค้งไปด้านหลังเหมือนคันธนูั์ที่ถูกเหนี่ยว มันยังคงคำรามในลำคอ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายอัดแน่นไปด้วยพละกำลัง
ในตอนนั้น ซุนเฟยคิดว่าตัวเองคงตาฝาดอีกครั้ง
ดุร้าย ห้าวหาญ ทรงพลัง!
นี่คือคำนิยามของสุนัขตัวนี้ มันเหมือนอสูรร้ายที่มาจากนรก...แต่มารดามันเถอะ ใครก็ได้ช่วยบอกข้าทีว่า ทำไมในวังของบิดาถึงมีหมาั์สีดำตัวนี้โผล่ขึ้นมาได้?
ซุนเฟยกำลังงงงวย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำเอาทุกคนแทบตาค้าง
พ่อตาของเขาเผชิญหน้ากับเ้าสุนัขั์สีดำที่กำลังแยกเขี้ยวขู่อย่างไม่เกรงกลัว พุ่งเข้าหามันอย่างไม่กลัวตาย ใช้รองเท้าฟาดหัวสุนัขั์สีดำดังป๊าบๆ อย่างดุเดือด...
ส่วนเ้าสุนัขั์สีดำที่ขู่คำรามอยู่ตั้งนาน ความจริงมันสามารถขย้ำเบสท์ให้ขาดเป็สามส่วนได้ง่ายๆ แต่มันก็ไม่กล้าทำ นอกจากนี้ยังมีการยกแขนมาปิดหัวอีกด้วย การกระทำของมันเหมือนกับมนุษย์มาก ปากของมันก็ร้องคราง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความคับอกคับใจ
“เ้ากัดข้า ไอ้หมาสมควรตายกัดข้า ไอ้หมาไม่มีจิตสำนึก...” พ่อตายังคงตะบี้ตะบันเอารองเท้าฟาดหัวมัน ท่าทางเหมือนเด็กอนุบาลที่กำลังระบายความโกรธ ปากก็พูดพึมพำ
“ท่านพ่อ”
แองเจล่าพาทหารยามมาลากเบสท์ออกด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ซุนเฟยรู้สึกว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเริ่มยุ่งเยิง
เบสท์ถูกทหารยามดึงตัวออกมา เ้าสุนัขั์สีดำยังคงใช้อุ้งเท้าหน้าปิดหัวตัวเองที่มีรอยรองเท้าประทับไว้ กรอกตามองไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง สุดท้ายเมื่อเห็นซุนเฟยยืนอยู่ไกลออกไปมันก็...
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!
เ้าสุนัขั์สีดำก็พลันเห่าอย่างตื่นเต้น เท้าหลังออกแรงดัน กระโจนเข้ามาหาเหมือนพายุหมุนสีดำ พุ่งมาอยู่ตรงหน้าซุนเฟย ซุนเฟยเห็นมันนั่งอยู่กับพื้น หางของมันส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว หายใจดังแฮ่กๆ ดวงตากลมโตของมันแสดงท่าทางเหมือนกำลังจะฟ้องถึงความคับอกคับใจของมัน ลิ้นสีชมพูห้อยออกมา ท่าทางของมันเหมือนเด็กๆ เจอบิดามารดา หัวของมันยังถูไปที่ไหล่ของซุนเฟยแล้วเลียหน้าของซุนเฟย
เมื่อสุนัขดำแสดงท่าทางสนิทสนมแล้ว จากนั้นมันก็นั่งอยู่ข้างๆ ซุนเฟยแล้วหันไปเห่าใส่เบสท์ที่กำลังนั่งโกรธอยู่ไกลๆ อย่างหยิ่งจองหอง...
นี่สินะที่เรียกกันว่า หมาที่อาศัยอิทธิพลบารมีของนาย!
ซุนเฟยอ้าปากค้างเป็รูปตัวโอ
โอ้พระเ้า พระเ้าช่วย เอาจริงหรือ สุนัขั์สีดำตัวนี้มีลักษณะนิสัยเหมือนคนจริงๆ รู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตา ที่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ไม่ใช่เดรัจฉาน
ซุนเฟยสังเกตอย่างละเอียด
ยิ่งมองยิ่งคุ้นเคยไอ้เ้าสุนัขั์สีดำนี้
สุดท้ายเขาก็ตบหน้าผากตัวเอง ท่าทางเหมือนนึกอะไรออก
เวรเอ๊ย นี่ไม่ใช่ว่าเป็สุนัขที่แองเจล่าเก็บมาจากูเาด้านหลังเหรอ จู่ๆ ขนาดของมันก็เพิ่มขึ้นพรวดพราด ตัวใหญ่จนเหลือเชื่อ เวลาที่มันหมอบลงก็ยังตัวสูงกว่าซุนเฟยเล็กน้อย แต่เมื่อมันยืนมันจะสูงถึงสองเมตร ยาวสี่เมตร...นี่ยังเป็สุนัขอยู่อีกหรือ?
ซุนเฟยแทบไม่ต้องคิดก็มั่นใจว่าจะต้องเป็ผลของ ‘น้ำยาฮัลค์’ อย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าสุนัขั์สีดำตัวนี้จะโชคดีที่สามารถยืนหยัดต่อกระบวนการปรับเปลี่ยนร่างกายที่เ็ปทรมานแล้วมีชีวิตรอดมาได้ ร่างกายของมันได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อจากน้ำยานั่น และจิติญญาที่แฝงมากับ ‘น้ำยาฮัลค์’ ก็ส่งผลกระทบกับสุนัขั์ตัวนี้ ทำให้มันรู้สึกจงรักภักดีต่อซุนเฟยอย่างเต็มเปี่ยม ไม่อย่างนั้นเมื่อเ้าสัตว์เลี้ยงตัวนี้เห็นซุนเฟยอยู่ตรงหน้าคงพุ่งเข้ามากัดไปแล้ว จะมานอนหมอบกระดิกหางทำตัวน่ารักกับซุนเฟยทำไม
เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของสุนัขั์สีดำ เ้าตัวเล็กทั้งสี่ตัวที่อยู่บนร่างของซุนเฟยก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง
บางทีอาจจะเป็เพราะธรรมชาติของแมวและสุนัขที่เป็ศัตรูธรรมชาติ ขนบนร่างของเ้าลูกเสือปลาจึงได้ตั้งชันขึ้นมา ลุกขึ้นโก่งตัวบนหัวซุนเฟย เริ่มแสดงท่าทางโมโหร้ายออกมา เ้าโห่วขนทองตัวน้อยมองไปรอบๆ ไม่กี่ครั้งสุดท้ายก็เลือกที่จะอยู่ข้างเ้าเสือปลาตัวน้อย ทั้งสองตัวแยกเขี้ยวน้อยๆ ออกมาขู่ ดวงตาของพวกมันฉายแววตั้งต้นเป็ศัตรู ส่วนนกฮูกและนกแก้วกลับทรยศหักหลังสหายตัวน้อยด้วยกัน บินวนรอบๆ สุนัขั์สีดำสองสามรอบเมื่อพบว่าไม่มีอันตรายก็ร่อนลงบนไหล่ของสุนัขั์สีดำ และช่วยหวีขนให้มัน
สัตว์เลี้ยงกลุ่มนี้ต่างฉลาดมาก
“ว้าว แมวสองตัวนั้นน่ารักจัง”
“มาดูเร็ว แมวตัวนี้มีปีกด้วย...”
แองเจล่าและเจ็มม่าเห็นซุนเฟยมา ดวงตาของทั้งสองคนก็เป็ประกาย ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาอย่างร่าเริง ซุนเฟยเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างอบอุ่น ยามนี้สองสาวขี้อายเปลี่ยนเป็ร้อนแรงั้แ่เมื่อไรกัน? เขาอ้าแขนออกกว้างเตรียมรับอ้อมกอดจากสาวๆ ที่กำลังวิ่งเข้ามา แต่ใครจะรู้ว่าสองสาววิ่งมาคว้าเสือปลากับโห่วบนตัวเขาไปกอดโดยไม่ได้สนใจซุนเฟยเลยสักนิด
ซุนเฟยเบะปาก
อ้อมกอดกว้างขวางของเขามีเพียงอากาศที่พัดผ่าน ได้แต่ตัวแข็งทื่ออยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นของหัวใจ...
คงมีเพียงโห่วน้อยสีทองที่พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเจ็มม่า เมื่อไม่หลุดก็หันกลับไปมองเจ็มม่าด้วยท่าทางไม่พอใจราวกับจะพูดว่า “ยัยโง่ ข้าไม่ใช่แมว ข้าเป็สัตว์อสูรโห่วขนทองที่ยิ่งใหญ่...โห่วขนทองเชียวนะ นี่ ยัยผู้หญิงปัญญาอ่อน เ้ารู้จักไหม?”
……
หนึ่งนาทีต่อมา
‘วงแหวนแห่งา’ สีทองผุดขึ้นมาใต้ฝ่าเท้า มือของซุนเฟยปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีทอง เมื่อััที่ไหล่ของเบสท์พ่อตาในอนาคต เปลวไฟก็เปล่งประกายระยิบระยับ เพียงชั่วครู่ รอยเืสองรอยที่ไหล่ของเบสท์ที่ถูกเ้าสุนัขั์กัดเบาๆ ก็หายไปจนไม่เหลือรอยแผลใดๆ ไว้
“สัตว์เลี้ยงสมควรตาย ข้าสาบาน นับจากนี้เป็ต้นไป ข้าจะกินแต่เนื้อหมา!”
เบสท์ก็ยังไม่มีทีท่าจะหายโกรธ เขามองไปที่สุนัขั์สีดำนั้นด้วยสายตาเหมือนเห็นคนสังหารบิดาตนอยู่ตรงนั้น ปากก็พลันก่นด่าออกมา
คิดๆ ไปก็น่าขายหน้า เป็ถึงเลขานุการที่อยู่ใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น กลับต้องมาถูกสุนัขที่ลูกสาวเลี้ยงไว้กัด...หากเื่นี้แพร่ออกไป เขายังจะรักษาภาพลักษณ์อันงดงามของเขาต่อหน้าเพื่อนร่วมงานได้อย่างไร?
เบสท์โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
ปัญหาเื่ชื่อเสียงหน้าตาก็สำคัญเท่าชีวิตเช่นกัน!
สุดท้ายซุนเฟยก็ได้รู้เื่ราวทั้งหมดอย่างชัดเจน
เมื่อเร็วๆ นี้ เบสท์ที่เพิ่งจัดการเอกสารบริหารในเมืองเสร็จ ยังต้องลำบากลำบนจัดหาที่พักให้แก่เหล่าองค์ชายทุกอาณาจักรอีก ที่มาที่พระราชวังก็เพื่อจะหารือกับซุนเฟยเื่การเข้าพบกับเ้าชายมอดริชแห่งอาณาจักรเล็กซัส แต่ใครจะรู้ว่าซุนเฟยไม่ได้อยู่ที่พระราชวัง แต่กลับพบแองเจล่าลูกสาวของเขาแทน บิดาที่ยุ่งจนหาเวลาผ่อนคลายได้จึงสนทนากับลูกสาวแสนบริสุทธิ์ของเขาถึงวิธีมัดใจองค์าาอเล็กซานเดอร์ แต่ใครจะรู้ว่าในตอนนั้นเ้าสุนัขั์ที่จำศีลอยู่สวนด้านหลัง เมื่อมันตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียก็เผลอไปกัดเข้าที่แขนของเบสท์เข้า...
“ฮ่าๆๆ ท่านลุงเบสท์ จะไปอาฆาตกับสัตว์เลี้ยงมันทำไมกัน!”
ซุนเฟยหัวเราะเสียงดังอย่างไม่ปิดบัง ในใจก็ภาวนาขอไม่ให้ท่านพ่อตาของเขา ไม่โดนพิษสุนัขบ้า ไม่อย่างนั้น...
ใบหน้าหล่อๆ ของพ่อตาที่เดี๋ยวโมโหเดี๋ยวหงุดหงิด...
ตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงทหารยามด้านนอกรายงานว่า “องค์าา องค์หญิงแห่งราชอาณาจักรเซนิทส่งคนมาเข้าเฝ้าในห้องโถงขอรับ”
หือ?
องค์หญิงลึกลับนั้นสุดท้ายก็ทนไม่ไหว เป็ฝ่ายมาเชิญข้าไปพบก่อนงั้นเหรอ?
ซุนเฟยรู้สึกดีใจ
พ่อตาในอนาคตของเขาที่อยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นยืน
ในตอนนี้เบสท์ก็เปลี่ยนไปเหมือนซุนหงอคงเปลี่ยนร่าง ความโกรธทั้งหมดหายไป แม้ว่าจะยังเท้าเปล่าทั้งยังเปื้อนไปด้วยดิน หัวยังกระเซอะกระเซิงอยู่ แต่เมื่ออารมณ์เปลี่ยน ความสง่าผ่าเผยสมกับเป็ขุนนางชั้นสูงก็กระจายออกมา เขาขมวดคิ้วอยู่ในความคิด
พลางพูดกับซุนเฟยว่า “อเล็กซานเดอร์ ท่านควรไปพบกับองค์หญิงผู้นั้น เหลือเวลาอีกสามวันก็จะถึงเวลาขึ้นครองบัลลังก์ของท่านแล้ว อย่าไปทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจเลย ไม่อย่างนั้นจะลำบากเอา”
ซุนเฟยพยักหน้า
มุ่งหน้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ตอนนั้นเอง เ้าสุนัขั์สีดำก็เดินไปขวางซุนเฟยตรงหน้า ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วส่ายหาง ด้วยลักษณะท่าทางของมันราวกับจะให้ซุนเฟยขี่หลังมัน
ผู้คนรอบข้างพลันตกตะลึง
กล่าวได้ว่าสุนัขั์สีดำตัวนี้ไม่ว่าจะเป็ขนาดหรือความแข็งแรงก็เหนือกว่าอาชาทั่วไปทุกตัว นอกจากนี้ยังเป็ตัวเลือกที่เหมาะสมในการขี่ แต่...ปัญหาคือซุนเฟยเป็เชื้อพระวงศ์ แล้วจะให้เชื้อพระวงศ์มาขี่สุนัขั์สีดำตัวนี้ มันหมายถึงอะไร? อัศวินสุนัขดำอย่างนั้นเหรอ?
แต่ซุนเฟยกลับไม่ลังเลสักนิด
เขายิ้มพลางะโขึ้นขี่หลังของเ้าสุนัขั์สีดำ สัตว์เลี้ยงตัวนี้เป็สัตว์ที่มหัศจรรย์มากและยังเข้าใจความคิดของซุนเฟย มันเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ด้วยท่วงท่ามั่นใจ
ทีแรกที่ซุนเฟยขี่หลังมันก็แค่นึกสนุกในตอนแรก แต่ใครจะรู้มันจะเสริมให้ภาพลักษณ์ของซุนเฟยดูน่าเกรงขามขึ้นมา ทั้งยังเป็ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าจิติญญาของตัวเองและเ้าสุนัขั์สีดำตัวนี้เชื่อมต่อกัน ไม่ว่าตัวเองคิดสิ่งใด เ้าสุนัขั์สีดำก็เข้าในใจทันที ไม่ว่าจะวิ่ง ะโ กระโจนหรือหยุดนิ่ง หนึ่งคนหนึ่งสุนัขก็เหมือนรวมกันเป็หนึ่งเดียว พวกเขาสามารถนึกคิดได้อย่างคล่องแคล่ว
นี่มันง่ายกว่าการขี่ม้าเสียอีก
ดูเหมือนว่าสุนัขั์สีดำตัวนี้จะเป็ตัวเลือกในการขี่ของาาอย่างสมบูรณ์แบบ
-------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้