แม้ย่างเข้าต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ทว่าสายลมพัดเอื่อยยังคงพาเอาไอเย็นะเืเสียดแทงกระดูก
น้ำแข็งและหิมะละลายไปจากท้องทุ่ง เผยให้เห็นยอดหญ้าสีเขียวอ่อนแตกหน่อแทรกพื้นดินขึ้นมา ต้นไม้สองข้างทางของทางหลวงต่างผลิใบอ่อน แตกยอดกิ่งก้านสาขาโอนเอนตามสายลมใต้แสงตะวัน
รถม้าสองคันแล่นไปตามทางอย่างไม่รีบร้อน ดึงดูดสายตาชาวบ้านตามท้องไร่ให้หันมอง ทุกคนต่างคาดเดาว่ารถม้าคันนี้จะมุ่งหน้าไปบ้านใคร
บนรถม้าเต็มไปด้วยหีบสัมภาระ ดูไม่เหมือนจะไปเยี่ยมญาติ หากจะว่าย้ายบ้าน ผู้ที่มีเงินพอจะซื้อรถม้าได้ จะมีใครยอมมาปักหลักอยู่ในหุบเขาทุรกันดารเช่นนี้เล่า?
อวิ๋นเจียวแง้มม่านรถม้าขึ้น มองดูหมู่บ้านเล็กๆ บนหุบเขาที่นี่ก็คือบ้านเกิดของอวิ๋นโส่วจงผู้เป็บิดาของนางงั้นหรือ
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงหวานนุ่มนวลของฟางซื่อดังขึ้นข้างใบหูของนาง "เจียวเอ๋อร์ อีกไม่นานก็ถึงบ้านเกิดของท่านพ่อเ้าแล้ว ที่นั่นอาจไม่สะดวกสบายเท่าเมืองหลวง แต่ชนบทก็ย่อมมีสิ่งดีงามในแบบของมันเอง มีสิ่งแปลกใหม่มากมายให้เ้าได้ตื่นตาตื่นใจ ไม่ทำให้เ้าเบื่อหน่ายเป็แน่ และเ้าก็ไม่ต้องกลัวไป อย่างไรเสียก็มีข้ากับท่านพ่อเ้าอยู่ข้างๆ ทั้งคน"
อวิ๋นเจียวได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองฟางซื่อ ดวงตากลมโตเป็ประกายฉายแววตื่นเต้น ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยรอยยิ้มหวานหยด
"ท่านแม่วางใจเถิด ข้าไม่กลัวหรอกเ้าค่ะ! ยิ่งไปกว่านั้นแค่มีพี่ใหญ่พี่รองอยู่เป็เพื่อนข้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วเ้าค่ะ"
กล่าวจบก็กระโจนตัวเข้าสู่อ้อมอกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของฟางซื่อ ท่าทางออดอ้อนเช่นนี้เรียกรอยยิ้มจากฟางซื่อได้เป็อย่างดี
ฟางซื่อใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าผากของนางเบาๆ แววตาฉายประกายเอื้อเอ็นดูและหวานล้ำจนน่าอิจฉา "เ้าลิงน้อย ชอบออดอ้อนเสียจริง!"
อวิ๋นเจียวหัวเราะคิกคัก พลางซุกตัวในอ้อมกอดฟางซื่อแล้วหาท่านอนที่สบาย ในใจพลันทอดถอนใจครุ่นคิดว่าเวลาผ่านไปเร็วราวพริบตา นางทะลุมิติมายังแคว้นต้าเยี่ยก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว
วันคนโสด [1] อวิ๋นเจียวกำลังสนุกกับการชอปปิงออนไลน์บนเถาเป่า [2] อยู่ จู่ๆ นอกหน้าต่างก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น จอคอมพิวเตอร์ดับวูบ นางก็หมดสติไปพร้อมกับกลิ่นไหม้ พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองได้เกิดใหม่ในร่างของเด็กสาววัยหกขวบที่มีชื่อเดียวกันกับนาง
ฟางซื่อรักอวิ๋นเจียวมาก ไม่เพียงแต่ฟางซื่อ อวิ๋นโส่วจง อวิ๋นฉี่เยว่ และอวิ๋นฉี่ซาน ต่างก็รักและเอ็นดูนางอย่างสุดหัวใจ ปกป้องนางราวกับแก้วตาดวงใจ
ก่อนที่จะทะลุมิติมา อวิ๋นเจียวเป็เด็กกำพร้าในเทียนเฉาใน่ยี่สิบหกปีที่นางอาศัยอยู่ในเทียนเฉา สิ่งที่นางปรารถนามากที่สุดคือความรักใคร่จากครอบครัว นางไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะมีวันนี้ วันที่นางได้นอนซุกตัวออดอ้อนในอ้อมกอดอันอบอุ่นของผู้เป็มารดา
อวิ๋นเจียวจะรักถนอมของขวัญล้ำค่าที่์ประทานอย่างดียิ่ง
นางไม่ทราบว่าเหตุใดอวิ๋นโส่วจงถึงตัดสินใจพาครอบครัวย้ายจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิด ตอนที่นางทะลุมิติมานั้น ทุกคนในครอบครัวก็กำลังเดินทางกันแล้ว
แต่นั่นไม่สำคัญ สำหรับนางแล้ว ที่ใดมีพ่อแม่และพี่ชาย ที่นั่นก็คือบ้าน
ยิ่งไปกว่านั้น ชาติที่แล้วนางดิ้นรนใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่มานานกว่าหกเจ็ดปี นางเบื่อหน่ายหมอกควันเต็มที จึงใฝ่ฝันอยากใช้ชีวิตสงบสุขในชนบทมาโดยตลอด
"เ้า... เ้ารองหรือ? นั่นโส่วจงใช่หรือไม่?" จู่ๆ รถม้าก็หยุดลง อวิ๋นเจียวได้ยินเสียงบุรุษเอ่ยขึ้นด้วยความลังเล
จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นของอวิ๋นโส่วจง "พี่ใหญ่! ข้าเอง!"
อวิ๋นเจียวรีบแง้มม่านรถม้าขึ้น ก็เห็นชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าเหลี่ยม สวมชุดที่เต็มไปด้วยรอยปะ ยืนน้ำตาคลอมองอวิ๋นโส่วจง จอบในมือร่วงหล่นลงพื้นส่งเสียงดัง ‘เคร้ง’ มุมปากสั่นเทา ดูเหมือนมีเื่มากมายอยากจะพูดแต่กลับไม่รู้จะเริ่มเอ่ยปากอย่างไร
ดวงตาของอวิ๋นโส่วก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำสีใสในพริบตา เขาะโลงจากรถม้าแล้ววิ่งตรงเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายแน่น
"พี่ใหญ่!"
"น้องรอง ในที่สุดเ้าก็กลับมาแล้ว!"
ฟางซื่อเคยเล่าให้อวิ๋นเจียวฟังว่าตระกูลอวิ๋นนั้นมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่อวิ๋นโส่วกวงกับอวิ๋นโส่วจงบิดาของนางเป็พี่น้องร่วมมารดา ส่วนอวิ๋นโส่วเย่า น้องชายคนที่สาม อวิ๋นโส่วจู่ น้องชายคนที่สี่ และยังมีอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์น้องสาวคนเดียว เป็บุตรของเถาซื่อผู้เป็แม่เลี้ยง
ขณะนั้นฟางซื่อก็พาลูกๆ ทั้งสามคนลงจากรถม้า เดินเข้าไปสมทบอวิ๋นโส่วจง
"พี่ใหญ่ ท่านลุงใหญ่!"
ฟางซื่อพาอวิ๋นเจียวคำนับอวิ๋นโส่วกวง ส่วนอวิ๋นฉี่เยว่และอวิ๋นฉี่ซาน ก็คำนับตามแบบฉบับของผู้เยาว์
"ไม่กล้ารับ ไม่กล้ารับ!" อวิ๋นโส่วกวงรีบหลบด้วยท่าทางประหม่า แต่ความยินดีในแววตาจะอย่างไรก็ปกปิดไม่อยู่
อวิ๋นโส่วจงยิ้มพลางเอ่ยตำหนิ "พี่ใหญ่ ท่านเป็ถึงผู้ใหญ่ของพวกเด็กๆ และเป็พี่ชายของข้า รับคำนับสักครั้งจะเป็ไรไปเล่า?"
อวิ๋นโส่วกวงหัวเราะอย่างซื่อๆ แล้วหันไปช่วยลากรถม้า "ไปๆ เข้าบ้านกันก่อน ท่านพ่ออยู่ที่บ้าน เ้าจากบ้านไปนานถึงยี่สิบปี ท่านพ่อเอาแต่บ่นถึงเ้าตลอด"
อวิ๋นโส่วจงก้มตัวอุ้มอวิ๋นเจียวขึ้นมา ส่วนอวิ๋นฉี่เยว่และอวิ๋นฉี่ซาน สองพี่น้องที่สนิทกับคนง่ายก็เดินตามอวิ๋นโส่วกวงต้อยๆ พลางชี้ไปตามทุ่งนาไร่สวนถามนู่นถามนี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทุกครั้งที่มีชาวบ้านถามถึงอวิ๋นโส่วจงและครอบครัวด้วยความสงสัย อวิ๋นโส่วกวงก็จะตอบอย่างภาคภูมิใจว่า "น้องรองของข้าเอง น้องรองข้ากลับมาแล้ว!"
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลอวิ๋น อวิ๋นโส่วกวงผูกม้าไว้กับต้นไหวเก่าแก่ที่อยู่ข้างๆ บ้าน จากนั้นก็วิ่งแจ้นเข้าไปในบ้านด้วยความตื่นเต้น
"ท่านพ่อ! ท่านพ่อ! น้องรองกลับมาแล้ว!"
"ไอ้ลูกไม่รักดี! พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน เหตุใดเ้าถึงวิ่งแจ้นกลับมาแล้วเล่า? ทำไม? งานในไร่ไม่ทำแล้วหรือไง? จะปล่อยให้ยายแก่อย่างข้า ไปทำหรือยังไง?"
"ท่านแม่... งาน... งาน... ข้าทำเสร็จแล้วขอรับ!"
"ทำเสร็จแล้วไม่รู้จักไปช่วยน้องสามของเ้าหรือไง? กลับมาทำไมฮะ? จะให้ยายแก่เช่นข้าที่เดินเหินไม่สะดวกต้องมาปรนนิบัติเ้าอย่างนั้นหรือ?"
เมื่อได้ยินเสียงดังลั่นมาจากในบ้าน ใบหน้าของอวิ๋นโส่วจงพลันมืดครึ้มลง ในขณะเดียวกันสีหน้าของฟางซื่อก็ไม่สู้ดีนัก
นางเองก็พลันหวั่นใจ ว่ากันว่ามีแม่เลี้ยงก็ต้องมีพ่อเลี้ยง หากต่อไปนี้ครอบครัวของนางต้องอาศัยอยู่กับตระกูลอวิ๋น... เกรงว่าอนาคตคงจะไม่สดใสสักเท่าไร!
ทุกคนเดินเข้าไปในลานบ้าน เถาซื่อทำหน้าเหลอหลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางไม้กวาดในมือลง เปิดปากเอ่ยถามด้วยความลังเล "พวกเ้ามาหาใคร?"
นางเห็นการแต่งกายของอวิ๋นโส่วจงและครอบครัวแม้ว่าเรียบง่าย แต่สะอาดสะอ้าน ทั้งยังไร้รอยปะชุน ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงจึงอ่อนลงไม่น้อย
"ท่านแม่ เขาคือน้องรองโส่วจงไง โส่วจงกลับมาแล้วขอรับ!"
ทันทีที่อวิ๋นโส่วกวงพูดจบ ชายชราวัยหกสิบกว่าปี สวมเสื้อผ้าฝ้ายสีฟ้าที่ซักจนสีซีดจาง ในมือถือกล้องยาสูบใบหน้าละม้ายคล้ายอวิ๋นโส่วกวงอยู่หลายส่วนก็เดินออกมาจากห้องโถง
"เ้าใหญ่ว่าอย่างไรนะ?"
"ท่านพ่อ น้องรองโส่วจงกลับมาแล้วขอรับ!" อวิ๋นโส่วกวงเดินไปหาชายชราแล้วพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ได้ยินดังนั้นดวงตาของผู้เฒ่าอวิ๋นก็แดงก่ำ "เ้ารอง เ้า... กลับมาแล้วจริงๆ หรือ?"
อวิ๋นโส่วจงก้มตัววางอวิ๋นเจียวลงแล้วเดินข้ามเถาซื่อไปเบื้องหน้าบิดาของตน "ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้วขอรับ!"
ผู้เฒ่าอวิ๋นคว้ามือของเขาไปจับแน่น น้ำตาสองสายไหลอาบแก้ม เอ่ยพึมพำ "กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว!"
นับั้แ่รถม้าทั้งสองคันมาจอดอยู่หน้าบ้านตระกูลอวิ๋น เด็กๆ ตระกูลอวิ๋นก็วิ่งแจ้นไปตามผู้ใหญ่ที่ทำงานอยู่ตามท้องไร่
"ท่านพ่อ พี่รอง เข้าไปคุยกันในบ้านเถิด!" สะใภ้ของน้องชายคนที่สี่เป็คนมีไหวพริบ พอเห็นผู้เฒ่าอวิ๋นกับอวิ๋นโส่วจงพ่อลูกพบหน้ากันนางก็รีบเก็บกวาดห้องโถงให้เรียบร้อย
ผู้เฒ่าอวิ๋นปาดน้ำตา พยักหน้าซ้ำๆ "ใช่ๆ เข้าไปคุยกันในบ้าน" กล่าวจบก็หยิบเศษเงินสองสามก้อนที่หนักไม่กี่เฉียนออกมาจากสายคาดเอวยื่นให้อวิ๋นโส่วกวง "เ้าใหญ่ ไปซื้อสุราสักไหกับเนื้อสักหน่อย คืนนี้..."
ทว่ายังไม่ทันพูดจบเถาซื่อก็เข้ามาแย่งเศษเงินในมือไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง "ซื้ออะไรนักหนา? ในบ้านใกล้จะไม่มีอะไรกินแล้วจะให้คนทั้งบ้านอดตายกันหมดหรือยังไง?"
เชิงอรรถ
[1] วันคนโสด หรือที่เรียกว่า Singles' Day (双十一) เป็วันหยุดที่เริ่มขึ้นในประเทศจีน ตรงกับวันที่ 11/11 เลข 1 ที่เรียงกันในวันนี้มีความหมายถึงคนที่ไม่มีคู่ ปัจจุบันได้กลายเป็่เทศกาลชอปปิงออนไลน์ เพราะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาเป็พิเศษในวันดังกล่าว
[2] เถาเป่า (淘宝) คือ แพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ของประเทศจีน คล้ายกับ Shopee และ Lazada ของประเทศไทย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้